ขยายขีดความสามารถ AI อย่างไร้ขีดจำกัด: KIOXIA นำเสนอโซลูชัน Flash Storage สุดล้ำที่งาน FMS 2025

Logo

บริษัทมุ่งเน้นไปที่ SSD ความจุ 245.76 TB รุ่นแรกในอุตสาหกรรม รวมถึงนวัตกรรมอื่นๆ ที่จะนิยามการจัดเก็บข้อมูลใหม่สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนด้วย AI

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–05 สิงหาคม 2025

กลุ่ม Kioxiaผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ จะขึ้นเวทีอีกครั้งในงาน FMS: อนาคตของหน่วยความจำและการจัดเก็บข้อมูล เพื่อเน้นย้ำว่านวัตกรรมหน่วยความจำแฟลชและ SSD ของบริษัทกำลังขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพและปรับขนาดได้สำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างไร โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้งานจริงและการเพิ่มประสิทธิภาพ โดย Kioxia จะแสดงให้เห็นว่าโซลูชันล่าสุดของบริษัทสามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของ AI ในสภาพแวดล้อมศูนย์ข้อมูลและองค์กรได้อย่างไร

Scale AI Without Limits: KIOXIA Showcases Breakthrough Flash Storage Solutions at FMS 2025

ขยายขีดความสามารถ AI อย่างไร้ขีดจำกัด: KIOXIA นำเสนอโซลูชัน Flash Storage สุดล้ำที่งาน FMS 2025

 Kioxia จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด รวมถึงซีรีส์ KIOXIA LC9 ความจุสูง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกของอุตสาหกรรม1 245.76 เทราไบต์ (TB)2 NVMe™ SSD โดยมีไฮไลท์เพิ่มเติม ประกอบด้วย SSD ซีรีส์ KIOXIA CM9 และซีรีส์ KIOXIA CD9P ที่สร้างด้วยหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASHTM รุ่นที่ 8 ของบริษัทที่ส่งมอบประสิทธิภาพ การประหยัดพลังงาน และความหลากหลายต่างๆ นอกจากนี้ Kioxia ยังจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์ความจุ 1 เทราบิต (Tb)3 3 บิต/เซลล์ (TLC) ที่ใช้เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASHTM รุ่นที่ 9 และรุ่นที่ 10 โดยที่หน่วยความจำแฟลช BiCS FLASHTM รุ่นที่ 9 และ รุ่นที่ 10 ได้ผสานรวมมาตรฐานอินเทอร์เฟซ Toggle DD6.0 และใช้ประโยชน์จากโปรโตคอล SCA (Separate Command Address) และวิธีการป้อนที่อยู่คำสั่งแบบใหม่ของอินเทอร์เฟซ และเทคโนโลยี PI-LTT (Power Isolated Low-Tapped Termination) ซึ่งช่วยปรับปรุงความเร็วในการรับและส่งข้อมูลและลดการใช้พลังงาน

ในงาน FMS 2025 Kioxia จะนำเสนอประเด็นสำคัญและเซสชันทางเทคนิคที่ครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ดังต่อไปนี้:

  1.  การนำเสนอหลักในงาน FMS 2025:
     “เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ด้วยเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลชและโซลูชันการจัดเก็บข้อมูล
     วันอังคารที่ 5 สิงหาคม เวลา 11:00 . ตามเวลาแปซิฟิก (PDT)
     สถานที่: ห้องบอลรูม Mission City, ศูนย์การประชุม Santa Clara, ชั้น 1
     วิทยากร: Katsuki Matsudera ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดด้านเทคนิคหน่วยความจำของ Kioxia Corporation และ Neville Ichhaporia รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายธุรกิจ SSD ของ KIOXIA America, Inc.
     
  2.  เสวนาระดับผู้บริหาร AI Premier:
    การปรับขนาดหน่วยความจำและพื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับการอนุมาน AI
     วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม เวลา 11:00 . ตามเวลาแปซิฟิก (PDT)
     สถานที่: ห้องบอลรูม Mission City, ศูนย์การประชุม Santa Clara, ชั้น 1
     วิทยากร: Rory Bolt นักวิจัยอาวุโสและสถาปนิกหลักของหน่วยธุรกิจ SSD ของ KIOXIA America Inc.
     
  3.  บูทสาธิต KIOXIA
     การสาธิตผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีจะจัดขึ้นที่บูท KIOXIA หมายเลข 307 อันโดดเด่น 2 ชั้น ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดง 10 แห่งในพื้นที่จัดแสดง ซึ่งประกอบด้วย:
  •  กรณีการใช้งานที่ต้องขยายเพิ่มขึ้นแพ็กเกจความจุสูง/หน่วยความจำแฟลชความหน่วงต่ำ: สแต็ก 32 ไดในแพ็คเกจ BGA ขนาดเล็กของหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASHTM รุ่นที่ 8 QLC 3D /XL-FLASH พร้อมอินเทอร์เฟซ CXL™
  •  หน่วยความจำแฟลช 3D KIOXIA BiCS FLASHTM รุ่นที่ 9: เวเฟอร์ 1 Tb3 และแพ็กเกจ BGA ขนาดเล็กพร้อมชิป 512Gb
  •  หน่วยความจำแฟลช 3D KIOXIA BiCS FLASHTM รุ่นที่ 10 : เวเฟอร์ 1 Tb3 และการจัดแสดงโมเดล
  •  KIOXIA UFS – ผู้บริโภคและยานยนต์: โซลูชันประสิทธิภาพสูงสำหรับตลาดที่กำลังพัฒนา
  •  SSD ความจุสูง 245.76 TB2 ใน Dell PowerEdge 7715: การนำเสนอ SSD NVMe ระดับองค์กร ซีรีส์ KIOXIA LC9
  •  การสาธิตเกี่ยวกับประสิทธิภาพและพลังของอุปกรณ์: การนำเสนอ SSD NVMe สำหรับศูนย์ข้อมูล ซีรีส์ KIOXIA CD9P
  •  การฝึกอบรม ML Perf Storage: การนำเสนอ SSD NVMe ระดับองค์กร ซีรีส์ KIOXIA CM9
  •  การจำลอง SSD โดยตรงบน GPU: การตรวจสอบอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลโดยตรงบน GPU ที่ 143 ล้าน IOPS
  •  ซอฟต์แวร์ KIOXIA AiSAQ การสร้างสมดุลระหว่างขีดความสามารถและประสิทธิภาพการทำงานอย่างยืดหยุ่น
  •  การถ่ายข้อมูล RAID และการล้างข้อมูล: การนำเสนอ SSD NVMe ระดับองค์กร ซีรีส์ KIOXIA CM7

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง:
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ FMS 2025
https://futurememorystorage.com/

หมายเหตุ:

1: ข้อมูล ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2568 อ้างอิงจากผลสำรวจของ Kioxia Corporation

2: นิยามของความจุ SSD: Kioxia Corporation กำหนด 1 กิโลไบต์ (KB) เท่ากับ 1,000 ไบต์, 1 เมกะไบต์ (MB) เท่ากับ 1,000,000 ไบต์, 1 กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์, 1 เทราไบต์ (TB) เท่ากับ 1,000,000,000,000 ไบต์ และ 1 กิบิไบต์ (KiB) เท่ากับ 1,024 ไบต์ อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์จะรายงานความจุโดยใช้เลขยกกำลัง 2 สำหรับนิยามของ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุของพื้นที่จัดเก็บน้อยลง ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Microsoft และ/หรือแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป

3: ความจุของหน่วยความจำแฟลชคำนวณจาก 1 เทราบิต (1 Tb) = 1,099,511,627,776 (2^40) บิต และ 1 เทราไบต์ (1 TB) = 1,099,511,627,776 (2^40) ไบต์

Universal Flash Storage (UFS) เป็นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบฝังตัวที่สร้างขึ้นตามมาตรฐาน JEDEC UFS

NVMe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

CXL เป็นเครื่องหมายการค้าของ Compute Express Link Consortium, Inc.

Dell, PowerEdge และเครื่องหมายการค้าอื่นๆ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Dell Inc. หรือบริษัทในเครือ

ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าจากหน่วยความจำสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ ซึ่งมีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250804179531/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การสอบถามสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
ฝ่ายบริหารการส่งเสริมการขาย
Satoshi Shindo
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Toshiba เปิดตัวเซนเซอร์รับภาพเชิงเส้นแบบ CCD ชนิดลดเลนส์พร้อมสัญญาณรบกวนแบบสุ่มที่ต่ำที่จะช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพในอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันขนาด A3

Logo

คาวาซากิ ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–05 สิงหาคม 2025

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ได้เปิดตัวเซนเซอร์รับภาพเชิงเส้นชนิดลดเลนส์[1] แบบ CCD[2] รุ่น “ TCD2728DG ” สำหรับเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันขนาด A3 ที่เริ่มจัดส่งแล้วในวันนี้ โดยเซนเซอร์นี้มีองค์ประกอบรับภาพ (พิกเซล) 7,500 ชิ้น[3] และรองรับเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันขนาด A3 นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการลดสัญญาณรบกวนแบบสุ่ม (NDσ)[4] ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมากกว่า TCD2726DG รุ่นปัจจุบันของโตชิบา

Toshiba: “TCD2728DG” เซนเซอร์ภาพรับเชิงเส้นแบบ CCD ชนิดลดเลนส์สำหรับเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันขนาด A3

สำนักงานธุรกิจต่างๆ กำลังเผชิญกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการถ่ายเอกสารและการสแกนเอกสารจำนวนมากด้วยความเร็วสูงและมีความละเอียดสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันขนาด A3 ซึ่งการปรับปรุงคุณภาพของภาพกลายเป็นประเด็นที่มีความสำคัญ และจำเป็นที่จะต้องลด NDσ ในสัญญาณเพื่อเพิ่มคุณภาพของภาพ

TCD2728DG มีอัตราขยายสัญญาณเอาต์พุตต่ำกว่า[5] TCD2726DG ผลิตภัณฑ์ปัจจุบันของ Toshiba และช่วยลด NDσ ลงได้ประมาณ 40%[6] การปรับปรุงนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพของภาพในเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน โดยเซนเซอร์รับภาพแบบ CCD เชิงเส้นรุ่นใหม่มีอัตราข้อมูล 100 เมกะเฮิรตซ์ (50 เมกะเฮิรตซ์ × 2 ช่องสัญญาณ) ที่ช่วยให้สามารถประมวลผลภาพปริมาณมากด้วยความเร็วสูงได้ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับกล้องสแกนแบบเส้นที่ใช้ในระบบตรวจสอบที่ต้องการการตัดสินใจแบบเรียลไทม์

Toshiba จะขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่อไปเพื่อรองรับการสแกนด้วยเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันและแอปพลิเคชันการตรวจจับของอุปกรณ์ตรวจสอบ และเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับเทคโนโลยีการถ่ายภาพและการตรวจจับความเร็วสูงและความละเอียดสูง

หมายเหตุ:

[1]

วิธีการลดขนาดภาพด้วยเลนส์ออปติคอลและฉายภาพลงบนเซนเซอร์ภาพแบบ CCD หรือ CMOS

[2]

อุปกรณ์ถ่ายเทประจุ (CCD)

[3]

จำนวนพิกเซลที่จำเป็นในการสแกนด้านสั้น (297 มม.) ของขนาด A3 ด้วยความละเอียด 600 dpi

(dpi (จุดต่อนิ้ว): จำนวนส่วนต่อนิ้ว)

ขนาด A3 แปลงเป็นนิ้ว: 297 มม. / 25.4 มม. ≒ 11.7 นิ้ว

11.7 × 600 = 7,020 พิกเซล –> เผื่อระยะขอบไว้ 7,500 พิกเซล

[4]

สัญญาณรบกวนที่ไม่สม่ำเสมอจะส่งผลต่อคุณภาพของภาพ

[5]

วงจรสำหรับปรับกำลังขยายของสัญญาณเอาต์พุต การขยายและสัญญาณรบกวนเป็นสัดส่วนกัน

[6]

เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ TCD2726DG ของ Toshiba

 การใช้งาน

  • เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชันขนาด A3 (ความละเอียด 600 dpi)
  • กล้องสแกนแบบไลน์ขนาด 7500 พิกเซลสำหรับระบบตรวจสอบต่างๆ (อุปกรณ์ตรวจสอบสารกึ่งตัวนำ อุปกรณ์คัดแยกอาหาร ฯลฯ)

 คุณสมบัติ

  •  ลดสัญญาณรบกวนแบบสุ่มได้ประมาณ 40%[6]
  • เซนเซอร์รับภาพเชิงเส้นแบบ CCD ความเร็วสูง: อัตราข้อมูล = 100MHz (ความถี่สัญญาณนาฬิกาหลัก 50MHz × 2 ช่องสัญญาณ) (สูงสุด)
  •  วงจรสร้างสัญญาณเวลาในตัว[7] และไดรเวอร์ CCD ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนาระบบ

[7]

วงจรสำหรับสร้างสัญญาณที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนเซนเซอร์ภาพเชิงเส้น

 ข้อมูลจำเพาะหลัก

(Ta=25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

 TCD2728DG

แรงดันไฟฟ้าของแหล่งจ่ายไฟ (ช่วงการทำงาน) (V)

 VAVDD, VDVDD, VCKDVDD : 3.1 ถึง 3.5
 VVDD10 : 9.5 ถึง 10.5

สัญญาณรบกวนแบบสุ่ม NDσ (mV)

1.9

ขนาดพิกเซล (μm)

4.7 × 4.7

จำนวนองค์ประกอบการตรวจจับภาพ

7500 องค์ประกอบ × 3 ไลน์

อัตราข้อมูล

สูงสุด

100MHz (50MHz × 2 ช่องสัญญาณ)

แพ็กเกจ

WDIP32

อื่นๆ / คุณสมบัติเพิ่มเติม

วงจรกำเนิดเวลา, ไดรเวอร์ CCD

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TCD2728DG

ติดตามลิงก์ด้านล่างเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเซนเซอร์รับภาพเชิงเส้นของ Toshiba
เซนเซอร์รับภาพเชิงเส้น

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลติดต่อ เป็นข้อมูลปัจจุบัน ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ชั้นนำด้านโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บข้อมูลขั้นสูง ใช้ประสบการณ์และนวัตกรรมมากกว่าครึ่งศตวรรษเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์แบบแยกส่วน ระบบ LSI และผลิตภัณฑ์ HDD ที่โดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

โดยมีพนักงานกว่า 19,400 คนทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้สูงสุด และส่งเสริมความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน บริษัทมุ่งหวังที่จะสร้างและมีส่วนสนับสนุนเพื่ออนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้คนโดยทั่วไป

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250804774893/en

Contacts

การสอบถามจากลูกค้า
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์แอนะล็อก
โทร.: +81-44-548-2219
ติดต่อเรา

การสอบถามจากสื่อ
C. Nagasawa
ฝ่ายสื่อสารและข่าวกรองการตลาด
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

ที่มา: Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Lofted Custom Spirits เปิดตัวโปรแกรม “การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน”

Logo

 โรงงานแปรรูปแห่งใหม่สามารถช่วยให้แบรนด์พาร์ทเนอร์ปลดล็อกการลดหย่อนภาษีที่สำคัญได้

หลุยส์วิลล์, รัฐเคนตักกี้–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2025

Lofted Custom Spirits ที่เป็นโรงกลั่นวิสกี้แบบสั่งทำพิเศษแห่งแรกและชั้นนำของประเทศ ได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรม “การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน” ใหม่ในวันนี้ ซึ่งช่วยให้พาร์ทเนอร์ได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีสรรพสามิตที่ลดลงเป็นอย่างมาก ด้วยใบอนุญาต DSP ของตนเองและโรงงานแปรรูปเฉพาะของ Lofted ที่คราฟต์แบรนด์จะได้รับสิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่จากการลดหย่อนภาษีภายใต้พระราชบัญญัติปรับปรุงเครื่องดื่มคราฟต์ (CBMA) และช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 6 ดอลลาร์ต่อพรูฟแกลลอน

ภายใต้กฎ CBMA ในปัจจุบัน เฉพาะ DSP ที่ดำเนินกิจกรรมการแปรรูปนอกเหนือจากการบรรจุขวด เช่น การผลิต การผสม การกรอง หรือการเติมแต่งรสชาติเท่านั้นที่สามารถขออัตราภาษีสรรพสามิตของรัฐบาลกลางที่ลดลงได้สูงถึง 100.000 พรูฟแกลลอนต่อปี การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกันของ Lofted Custom Spirits จะช่วยเปิดโอกาสให้สามารถประหยัดภาษีที่สอดคล้องกับมาตรฐาน TTB ซึ่งไม่สามารถทำได้โดยโรงกลั่นตามสัญญาอื่นๆ ในรัฐเคนตักกี้

“Lofted Custom Spirits สร้างโปรแกรมนี้ขึ้นมาเช่นเดียวกับที่เราสร้างธุรกิจของเรา นั่นคือ บนพื้นฐานของความร่วมมือที่แท้จริง ความซื่อสัตย์ในการดำเนินงาน คุณภาพสูงสุด และการปฏิบัติตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด รากฐานแห่งความไว้วางใจนี้หมายความว่าลูกค้าของเราสามารถทุ่มเทพลังให้กับการสร้างแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกระบวนการและกฎระเบียบ” กล่าวโดย Mark Erwin ซีอีโอของ Lofted Spirits บริษัทแม่ของ Lofted Custom Spirits, Bardstown Bourbon Company และ Green River Distilling Co.

ในโรงงานแปรรูปที่เพิ่งติดตั้งใหม่ ทาง Lofted Custom Spirits จะยังคงให้การสนับสนุนเชิงปฏิบัติงาน รวมถึงแรงงานภายใต้ใบอนุญาต DSP ของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจถึงการดำเนินงานที่ราบรื่นและต่อเนื่อง

“เราทำงานอย่างใกล้ชิดกับ TTB เพื่อนำเสนอบริการนี้ที่รับประกันในประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบของอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน เช่นเดียวกับการขยายธุรกิจในทุกครั้งที่ผ่านมา เราได้สร้างสรรค์โปรแกรมนี้ขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณแห่งความร่วมมืออย่างแท้จริงกับแบรนด์ต่างๆ ที่ไว้วางใจให้เราดูแลแบรนด์วิสกี้ของพวกเขาให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” กล่าวโดย Erwin

“การเป็นเจ้าของร่วมแบบสลับกัน” พร้อมให้บริการแล้วทั้งลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้ไปที่ LoftedSpirits.com

เกี่ยวกับ LOFTED SPIRITS

จากการผลิตเบอร์เบินตามสั่งไปจนถึงแบรนด์ที่ก้าวล้ำนำสมัย Lofted Spirits คือจุดบรรจบของประเพณีและการเปลี่ยนแปลงที่ได้ต่อยอดจากผลงานที่ Peter Loftin เริ่มต้นไว้ในปี 2016 และปัจจุบันเป็นผู้ผลิตวิสกี้ตามสัญญาอันดับหนึ่งของรัฐเคนตักกี้ ทาง Lofted Spirits ได้บุกเบิกแนวทางระดับโลกที่พลิกโฉมอุตสาหกรรมสำหรับการกลั่นตามสัญญาแบบกำหนดเอง พร้อมกับพัฒนาแบรนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดอย่าง American Whiskey, Bardstown Bourbon และ Green River โดย Lofted Spirits เป็นองค์กรที่รวมเป็นหนึ่งเดียว ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมวิสกี้ระดับโลก มอบประสบการณ์อันเหนือชั้นผ่านนวัตกรรม ความไว้วางใจ และผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรม พร้อมกับรังสรรค์วิสกี้ที่เป็นที่ต้องการและได้รับรางวัลมากที่สุดในโลก นอกจากนี้ Lofted Spirits ยังได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท Pritzker Private Capital ในปี 2022 อีกด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ LoftedSpirits.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250804995682/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Holly Weyler
hweyler@loftedspirits.com
502,836,8715

ที่มา: Lofted Custom Spirits

Beyoncé และ Levi’s® ได้เปิดตัว The Denim Cowboy

Logo

เพื่อบรรลุจุดสุดยอดของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE ผลงานสุดท้ายจึงนำเสนอชิ้นงานจากคอลเลกชันเดนิมใหม่ BEYONCÉ X LEVI’S®

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–04 สิงหาคม 2025

วันนี้ แบรนด์ Levi's® ร่วมมือกับ Beyoncé ไอคอนระดับโลก เปิดตัว The Denim Cowboy ผลงานชิ้นสุดท้ายของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE ตลอดทั้งปี ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ร้อยเรียงสามบทก่อนหน้าเข้าด้วยกัน เผยให้เห็นว่าแคมเปญนี้ไม่ใช่แค่การตีความโฆษณา Levi’s® อันโด่งดังใหม่ แต่เป็นการสร้างเรื่องราวใหม่ที่เน้นย้ำถึงพลังและการเขียนกฎเกณฑ์ใหม่ โดยตลอดทั้ง The Denim Cowboy ได้นำเสนอผลงานไอคอนและไอเท็มเด่นของ Levi’s® จากคอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ x LEVI’S® ใหม่ ซึ่งเป็นยูนิฟอร์มของภาพยนตร์และรากฐานของความร่วมมือล่าสุดกับ Beyoncé ที่ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์เดนิมของแบรนด์

ภาพยนตร์ความยาว 90 วินาทีเรื่องนี้ได้นำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “Levi's Jeans” จากอัลบั้ม Cowboy Carter ที่ได้รับรางวัลแกรมมี่มาตัดต่อใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงฉากใหม่และฉากตัดต่อที่ขยายความจากภาพยนตร์ Launderette, Pool Hall และ Refrigerator ที่ออกฉายก่อนหน้านี้ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโฆษณา Levi’s® คลาสสิกในยุค 80 และ 90 ซึ่งเป็นอีกครั้งหนึ่งที่แบรนด์ Levi’s® ได้ร่วมมือกับ Melina Matsoukas ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของรางวัลแกรมมี่ เพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์นี้ให้เป็นจริง

การนำบริบทของบทก่อนหน้ามาตีความใหม่ พร้อมเผยรายละเอียดใหม่ๆ ที่ The Denim Cowboy เผยให้เห็นว่ารางวัลชนะเลิศของ Beyoncé จากเกมพูลที่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกางเกงยีนส์ 501® ของฉลามเจ้าถิ่น ซึ่งรับบทโดย Timothy Olyphant นักแสดงเจ้าของรางวัล (Justified, Deadwood) โดย Beyoncé นั้นดูโดดเด่นสะดุดตาด้วยกางเกงยีนส์ Shrunken Trucker ยุค 90s ที่ประดับด้วยคริสตัล จับคู่กับกางเกงยีนส์ 501® Curve ซึ่งเป็นทรง 501® ใหม่ที่ล้ำสมัย ที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองและเสริมส่วนโค้งเว้าโดยไม่ลดทอนรูปทรงขาตรงแบบดั้งเดิมที่ทำให้ 501® เหนือกาลเวลาและคงทน กางเกงยีนส์ Western Crystal ’90s Shrunken Trucker และ Western Crystal 501® Curve ได้สะท้อนเสน่ห์อันโดดเด่นและเปิดตัวครั้งแรกในPool Hall ที่ได้กลายเป็นไอเท็มชิ้นเด่นในคอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ X LEVI’S®

The Denim Cowboy ถือเป็นจุดสุดยอดของแคมเปญ Levi’s® REIIMAGINE อันล้ำสมัย และเป็นการเฉลิมฉลองครั้งสุดท้ายของความร่วมมือที่สำรวจการสร้างสรรค์และการตีความใหม่ในทุกขั้นตอน”กล่าวโดย Kenny Mitchell ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดระดับโลกของแบรนด์ Levi’s® ที่ Levi Strauss & Coแคมเปญนี้สะท้อนถึงความร่วมมือในระดับและขนาดใหม่ที่ให้ความสำคัญกับผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของเรื่องราว และเริ่มต้นบทใหม่อันโดดเด่นในประวัติศาสตร์ของ Levi’s® ที่ยังคงตอกย้ำบทบาทของแบรนด์ในฐานะศูนย์กลางทางวัฒนธรรม

ความร่วมมือนี้ถึงจุดสูงสุดอย่างงดงามในช่วงการแสดงครั้งสุดท้ายของ Beyoncé ใน COWBOY CARTER TOUR ที่ลาสเวกัส ซึ่งทีมนักเต้นของ Beyoncé ได้จุดประกายความเจิดจรัสบนเวทีด้วยเสื้อผ้าเดนิมคอลเลคชั่นใหม่จาก BEYONCÉ X LEVI’S® ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณอันโดดเด่นของแคมเปญ REIIMAGINE ที่กำลังดำเนินอยู่

คอลเลกชันเดนิม BEYONCÉ X LEVI’S® ซึ่งประกอบด้วย Western Crystal '90s Shrunken Trucker (ราคา 250 ดอลลาร์สหรัฐ) และ Western Crystal 501® Curve (ราคา 150 ดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมด้วยชุดเดนิมตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกสองชุด จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมเป็นต้นไปที่ Beyonce.com และวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 7 สิงหาคมทาง Levi.com และร้านค้า Levi’s® ที่ร่วมรายการ

The Denim Cowboy เปิดตัวด้วยแคมเปญระดับโลกที่ผสานรวมอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งทางโทรทัศน์ ดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และสื่อนอกบ้าน แคมเปญนี้ยังคงรักษาประเพณีของ Levi’s® ในการทำงานกับเหล่าครีเอทีฟผู้มีชื่อเสียงที่สุดในยุคสมัยของเรา โดย Matsoukas ได้ร่วมงานกับ Marcell Rév ผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัลเอ็มมี รวมถึง Mason Poole ช่างภาพชื่อดัง เพื่อถ่ายทอดแก่นแท้ของแคมเปญ REIIMAGINE เติมเต็มมิติใหม่ให้กับแคมเปญอันโดดเด่นของ Levi’s®

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ REIIMAGINE โปรดไปที่ levi.com และติดตาม @levis บน Instagram และ TikTok

แคมเปญนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือเชิงสร้างสรรค์กับ TBWA\Chiat\Day LA และ Parkwood Entertainment และอำนวยการสร้างโดย de la revolućion/PRETTYBIRD

เกี่ยวกับแบรนด์ Levi’s ®

แบรนด์ Levi’s® สะท้อนสไตล์อเมริกันคลาสสิกและความเท่แบบไม่ต้องพยายาม นับตั้งแต่ Levi’s® ได้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1873 โดย Levi Strauss & Co. กางเกงยีนส์ Levi’s® ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องแต่งกายที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมาหลายชั่วอายุคน ในปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Levi’s® ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิกและนวัตกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ในอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกาย เรามีผลิตภัณฑ์เดนิมและเครื่องประดับชั้นนำวางจำหน่ายในกว่า 120 ประเทศ ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกสามารถแสดงออกถึงสไตล์ส่วนตัวของตนเองได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์ Levi’s® ผลิตภัณฑ์ และร้านค้าต่างๆ โปรดไปที่ levi.com

เกี่ยวกับ Levi Strauss & Co.

Levi Strauss & Co. เป็นหนึ่งในบริษัทเครื่องแต่งกายแบรนด์เนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นผู้นำระดับโลกด้านผ้าเดนิม บริษัทออกแบบและจำหน่ายกางเกงยีนส์ เสื้อผ้าลำลอง และเครื่องประดับอื่นๆ สำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ภายใต้แบรนด์ Levi's®, Dockers®, Levi Strauss Signature™ และ Beyond Yoga® ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีจำหน่ายในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก ผ่านร้านค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า เว็บไซต์ออนไลน์ และร้านค้าเฉพาะของแบรนด์และร้านค้าแบบ Shop-in-Shop ประมาณ 3,400 แห่งทั่วโลก โดย Levi Strauss & Co. มีรายได้สุทธิในปี 2024 อยู่ที่ 6.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ http://levistrauss.comและสำหรับข่าวสารและประกาศต่างๆ ของบริษัท โปรดไปที่ http://investors.levistrauss.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20250803727795/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ:
Elizabeth Owen
Levi Strauss & Co.
(415) 501-7777
NewsMediaRequests@levi.com

ที่มา: Levi Strauss & Co.




SBC Medical เตรียมประกาศผลประกอบการทางการเงินไตรมาส 2 ปี 2025 และจัดการประชุมทางโทรศัพท์ในวันที่ 13 สิงหาคม 2025

Logo

เออร์ไวน์, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–01 สิงหาคม 2025

SBC Medical Group Holdings Incorporated (Nasdaq: SBC) ((“SBC Medical” หรือ “บริษัท”) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแฟรนไชส์และคลินิกความงามระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทจะรายงานผลประกอบการทางการเงินไตรมาสที่ 2 ปี 2025 ในวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2025 ก่อนที่ตลาดสหรัฐฯ จะเปิดทำการ

บริษัทจะจัดการประชุมทางโทรศัพท์ในวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2025 เวลา 8:30 น. ตามเวลาตะวันออก (หรือวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2025 เวลา 21:30 น. ตามเวลาญี่ปุ่น) เพื่อหารือเกี่ยวกับผลประกอบการทางการเงินและตอบคำถามสด

โปรดลงทะเบียนล่วงหน้าก่อนการประชุมโดยใช้ลิงก์ด้านล่าง
https://edge.media-server.com/mmc/p/ukc9sp9j

ซึ่งจะนำคุณไปยังหน้าลงทะเบียน “การนำเสนอผลประกอบการทางการเงินของ SBC ไตรมาส 2 ปี 2025” โดยอัตโนมัติ โปรดทำตามขั้นตอนเพื่อกรอกรายละเอียดการลงทะเบียนของคุณ จากนั้นคลิก “ส่ง” เมื่อลงทะเบียนแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึงเว็บไซต์สำหรับรับชมการประชุมทางโทรศัพท์โดยเฉพาะได้ นอกจากการรับชมการประชุมทางโทรศัพท์แล้ว เว็บไซต์นี้ยังให้คุณเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับวิทยากร รวมถึงเอกสารประกอบการประชาสัมพันธ์นักลงทุนที่ผ่านมา

คุณจะสามารถดูเอกสารประกอบการนำเสนอผลประกอบการได้บนเว็บไซต์ 10 นาทีก่อนการประชุมทางโทรศัพท์เริ่มต้น นอกจากนี้ยังสามารถดาวน์โหลดเอกสารดังกล่าวได้อีกด้วย คุณสามารถรับชมการประชุมทางโทรศัพท์ซ้ำได้จนถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2026 นอกจากนี้ ยังสามารถรับชมรายงานผลประกอบการ สไลด์ประกอบ และเว็บแคสต์ของการประชุมทางโทรศัพท์นี้ที่เก็บไว้บนเว็บไซต์ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ของบริษัทได้ที่ https://ir.sbc-holdings.com/

เกี่ยวกับ SBC Medical

SBC Medical ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเจ้าของและให้บริการด้านการบริหารจัดการและผลิตภัณฑ์แก่ศูนย์รักษาความงาม บริษัทมุ่งเน้นหลักในการให้บริการจัดการแบบครบวงจรแก่คลินิกแฟรนไชส์ ​​ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการจัดการด้านการโฆษณาและการตลาดผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ (เช่น เครือข่ายโซเชียลมีเดีย) การจัดการพนักงาน (เช่น การสรรหาบุคลากรและการฝึกอบรม) การจองนัดหมายสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ ​​ความช่วยเหลือด้านการเช่าที่พักสำหรับพนักงานแฟรนไชส์และการเช่าพื้นที่ ​​การก่อสร้างและการออกแบบคลินิกแฟรนไชส์ ​​การจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (การจำหน่ายต่อ) การจัดหาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้กับคลินิกของแฟรนไชส์เพื่อจำหน่ายต่อให้แก่ลูกค้าของคลินิก การออกใบอนุญาตให้ใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่รอจดสิทธิบัตรและยังไม่ได้จดสิทธิบัตร การใช้เครื่องหมายการค้าและตราสินค้า โซลูชันซอฟต์แวร์ไอที (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล) การจัดการโปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าของคลินิกแฟรนไชส์ ​​(โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้า) และเครื่องมือการชำระเงินสำหรับคลินิกของแฟรนไชส์ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://sbc-holdings.com/

ข้อแถลงคาดการณ์ในอนาคต

ข่าวเผยแพร่ฉบับนี้มีการแถลงข้อความคาดการณ์ในอนาคต ข้อความคาดการณ์ในอนาคตไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีตหรือคำกล่าวที่แสดงถึงสภาพปัจจุบัน แต่เป็นเพียงการแสดงความเชื่อของบริษัทเกี่ยวกับเหตุการณ์และผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วหลายกรณีมีลักษณะที่ไม่แน่นอนและอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท ข้อความคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้สะท้อนมุมมองปัจจุบันของบริษัทในเรื่องต่างๆ รวมถึงแผนและกลยุทธ์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัท การเติบโตของรายได้และกำไร และแนวโน้มทางธุรกิจ ในบางกรณี ข้อความคาดการณ์ในอนาคตสามารถระบุได้โดยการใช้คำ เช่น “อาจ” “ควร” “คาดหวัง” “คาดคะเน” “พิจารณา” “ประมาณการ” “เชื่อ” “วางแผน” “คาดการณ์” “ทำนาย” “ที่อาจเกิดขึ้น” “เป้าหมาย” หรือ “ความหวัง” หรือคำตรงข้ามหรือคำที่คล้ายคลึงกัน บริษัทขอเตือนผู้อ่านไม่ให้พึ่งพาข้อความคาดการณ์ในอนาคตมากเกินไป เนื่องจากเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เท่านั้น และอาจมีความเสี่ยง ความไม่แน่นอน สมมติฐาน หรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ ที่ยากต่อการคาดเดาหรือวัดผลได้ ข้อความคาดการณ์ในอนาคตเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากการคาดการณ์ปัจจุบันของฝ่ายบริหาร และไม่ได้เป็นการรับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต บริษัทไม่มีภาระผูกพันหรือยอมรับความรับผิดชอบในการเผยแพร่ข้อมูลล่าสุดหรือแก้ไขข้อความคาดการณ์ในอนาคตต่อสาธารณะ เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงในความคาดหวังของบริษัท หรือการเปลี่ยนแปลงในเหตุการณ์ เงื่อนไข หรือสถานการณ์ที่คำแถลงดังกล่าวอ้างอิงถึง ยกเว้นในกรณีที่กฎหมายกำหนด ปัจจัยที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบันอย่างมากอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และบริษัทไม่สามารถคาดการณ์ได้ทั้งหมด ปัจจัยดังกล่าวรวมถึงการเปลี่ยนแปลงในสภาพเศรษฐกิจ ธุรกิจ การแข่งขัน ตลาด และกฎระเบียบทั้งในระดับโลก ภูมิภาค หรือท้องถิ่น รวมถึงปัจจัยต่างๆ ที่ระบุไว้ภายใต้หัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยง” และที่อื่นๆ ในเอกสารที่บริษัทยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (“SEC”) ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ในเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov  

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

SBC Medical Group Holdings Incorporated (Asia)
Hikaru Fukui / หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์
อีเมล:ir@sbc-holdings.com
Akiko Wakiyama / หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์
อีเมล:pr@sbc-holdings.com

ICR LLC (ในสหรัฐฯ)
Bill Zima / หุ้นส่วนผู้จัดการ
อีเมล:bill.zima@icrinc.com

ที่มา: SBC Medical Group Holdings Incorporated

ความเหนื่อยล้าจากโฆษณาส่งผลกระทบรุนแรงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ผู้บริโภค 2 ใน 3 ไม่สนใจโฆษณาซ้ำๆ

Logo

งานวิจัยใหม่กระตุ้นให้แบรนด์ต่างๆ ใช้กลยุทธ์ Omnichannel เพื่อรับมือกับความเหนื่อยล้าที่เพิ่มขึ้นในภูมิทัศน์สื่อที่กระจัดกระจาย

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–30 กรกฎาคม 2025

งานวิจัยใหม่โดย The Trade Desk (Nasdaq: TTD) ผู้นำด้านเทคโนโลยีการโฆษณาระดับโลก เปิดเผยว่า 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่สนใจโฆษณาซ้ำที่แสดงบนช่องทางเดียว ผลการศึกษาเรื่อง โอกาสที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้องของ Omnichannel” ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ผู้โฆษณาจะต้องเลิกใช้กลยุทธ์แบบหลายช่องทางที่ทำงานแยกส่วนจากกัน และหันมาใช้วิธีการแบบ Omnichannel ที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งสอดคล้องกับวิธีที่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับสื่อในปัจจุบัน

งานวิจัยนี้ศึกษาความแตกต่างระหว่างแคมเปญแบบ Omnichannel และแคมเปญแบบหลายช่องทาง รวมถึงผลกระทบต่อประสบการณ์และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค แม้ว่าทั้งสองแนวทางจะใช้หลายช่องทาง แต่ความแตกต่างอยู่ที่การดำเนินการ แคมเปญแบบหลายช่องทางมักทำงานแบบแยกส่วนและมีกลยุทธ์ที่แยกจากกันบนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน ในทางตรงกันข้าม แคมเปญแบบ Omnichannel จะรวมช่องทางดิจิทัลตั้งแต่สามช่องทางขึ้นไป (เช่น มือถือ ดิสเพลย์ เนทีฟ วิดีโอ เสียง DOOH หรือ CTV/OTT) เข้าด้วยกันเป็นประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการเรียงลำดับข้อความและความถี่ตามวิธีที่ผู้ใช้บริโภคสื่อ

กระจัดกระจายของสื่อเป็นตัวกระตุ้นความเหนื่อยล้า

ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้บริโภคใช้เวลาเฉลี่ยมากกว่าแปดชั่วโมงต่อวันกับสื่อห้าประเภท ได้แก่ CTV/OTT, มิวสิคสตรีมมิ่ง, เกม, ข่าว และเว็บไซต์ การกระจัดกระจายของสื่อที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้นักการตลาดต้องเผชิญกับความท้าทายมากขึ้นในการนำเสนอโฆษณาที่ตรงใจและน่าสนใจโดยไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถูกยัดเยียด

ขณะเดียวกัน ความเหนื่อยล้าจากโฆษณาได้แพร่กระจายไปทั่วภูมิภาค ในบรรดาหกตลาดที่สำรวจ อินโดนีเซีย (69 เปอร์เซ็นต์) และฟิลิปปินส์ (67 เปอร์เซ็นต์) มีรายงานระดับความเหนื่อยล้าจากโฆษณาสูงสุด ตามมาด้วยไทย (65 เปอร์เซ็นต์) และสิงคโปร์ (63 เปอร์เซ็นต์) ปัญหานี้เด่นชัดเป็นพิเศษในกลุ่มคนรุ่น Gen Z ซึ่งมีแนวโน้มที่จะรู้สึกหงุดหงิดมากถึง 57 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเห็นแบรนด์เดียวกันซ้ำๆ ในช่องทางเดียว ในฐานะคนรุ่นใหม่ดิจิทัล พวกเขาคาดหวังให้โฆษณามีความราบรื่น ตรงตามความต้องการเฉพาะบุคคล และไม่ซ้ำซากในทุกช่องทาง

“เมื่อการบริโภคสื่อมีการกระจายตัวมากขึ้น ความเหนื่อยล้าจากการโฆษณาจึงกลายเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับนักการตลาด” กล่าวโดย Simon Morgan รองประธานอาวุโสของ The Trade Desk “งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าแนวทาง Omnichannel มีประสิทธิภาพมากกว่าในการจัดการความถี่ในการสื่อสารข้ามช่องทาง ผู้เผยแพร่ และแพลตฟอร์มต่างๆ ควบคู่ไปกับการนำเสนอข้อความที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เมื่อแคมเปญให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายเป็นอันดับแรกและสอดคล้องกับวิธีที่ผู้คนบริโภคสื่อจริง ก็จะช่วยลดความเหนื่อยล้าและผลักดันผลลัพธ์ทางธุรกิจที่แข็งแกร่งขึ้น”

หน้าต่างแห่งโอกาสสำหรับ Omnichannel

แม้ความเหนื่อยล้าจากโฆษณาจะเพิ่มขึ้น แต่ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเปิดรับโฆษณาที่ตรงประเด็นและดำเนินการได้ดี มากกว่าครึ่ง (55 เปอร์เซ็นต์) กล่าวว่าโฆษณามีอิทธิพลต่อการซื้อครั้งต่อไป และตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นอีกในประเทศไทย (66 เปอร์เซ็นต์) และอินโดนีเซีย (60 เปอร์เซ็นต์) อันที่จริง ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มที่จะได้รับแรงบันดาลใจจากโฆษณาเมื่อซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 1.6 เท่า เมื่อเทียบกับชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั่วโลก นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับนักการตลาดในการใช้กลยุทธ์ Omnichannel ที่ส่งมอบข้อความที่ตรงเวลาและตรงกับขั้นตอนการซื้อของผู้บริโภค

งานวิจัยล่าสุดเผยให้เห็นว่าแนวทาง Omnichannel มีประสิทธิภาพเหนือกว่ากลยุทธ์สื่อที่ไม่เชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดความเหนื่อยล้าจากโฆษณาได้ 2.2 เท่า และเพิ่มผลกระทบเชิงโน้มน้าวใจได้ 1.5 เท่า1 นอกจากนี้ ผู้ลงโฆษณาที่ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของ The Trade Desk สำหรับแคมเปญแบบ Omnichannel พบว่ามีความตั้งใจซื้อเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า เมื่อเชื่อมต่อสามช่องทางเข้าด้วยกันอย่างเป็นองค์รวม2 ผลกระทบของการจัดแนวเชิงกลยุทธ์ระหว่างช่องทางต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตแบบเปิดได้รับการพิสูจน์เพิ่มเติมโดยการค้นพบที่แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนจากการลงทุน 77 เปอร์เซ็นต์เมื่อมีการบูรณาการช่องทางทั้งห้าช่องทาง3

รายงานฉบับใหม่ของ Trade Desk ระบุว่าแบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างกลยุทธ์ Omnichannel ที่มีประสิทธิผลได้อย่างไร โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดหลายตลาดเกี่ยวกับสถานที่และวิธีการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายในวิธีที่มีประสิทธิผลมากที่สุด:

ประเทศไทยเป็นผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการจดจำแบรนด์

ประเทศไทยโดดเด่นด้านการจดจำแบรนด์ได้อย่างโดดเด่นในช่องทางดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิดีโอออนไลน์ เกม และเว็บไซต์ ที่สำคัญคือ CTV/OTT กำลังก้าวขึ้นมาเป็นรากฐานสำคัญของมูลค่าแบรนด์ในระยะยาว ผู้บริโภคชาวไทยที่รับชมโฆษณา CTV/OTT มีแนวโน้มที่จะจดจำแบรนด์ได้มากกว่าถึง 23 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มที่จะเชื่อถือโฆษณาเหล่านั้นมากกว่าโฆษณาในช่องทางอื่นๆ ถึง 16 เปอร์เซ็นต์ ด้วยความสามารถในการสร้างทั้งการจดจำและความน่าเชื่อถือ CTV/OTT จึงกลายเป็นเสาหลักสำคัญของกลยุทธ์ Omnichannel ที่มีประสิทธิภาพในประเทศไทย

ช่องพรีเมียมมีประสิทธิภาพโฆษณาบนโซเชียลมีเดียแซงหน้าในฟิลิปปินส์

แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะยังคงครองตลาดในฟิลิปปินส์ แต่ประสิทธิภาพในฐานะช่องทางโฆษณากลับถูกบั่นทอนลงเนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ต่ำ ในทางตรงกันข้าม สภาพแวดล้อมอินเทอร์เน็ตแบบเปิดระดับพรีเมียม เช่น CTV/OTT การสตรีมเพลง และวิดีโอออนไลน์ มีความน่าเชื่อถือของโฆษณาสูงกว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียถึง 1.2 เท่า ทำให้มีประสิทธิภาพในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับแบรนด์มากกว่า เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับแบรนด์ นักการตลาดจำเป็นต้องก้าวข้ามกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียเป็นอันดับแรก และนำแผนการตลาดแบบ Omnichannel ที่ครอบคลุมและใช้ประโยชน์จากช่องทางที่มีความน่าเชื่อถือสูงเหล่านี้มาใช้

ความน่าเชื่อถือคือปัจจัยสำคัญในสิงคโปร์

ผู้บริโภคชาวสิงคโปร์เป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยเชื่อโฆษณามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่พวกเขาก็พยายามแสวงหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากสื่อที่น่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือของโฆษณาสูงสุดใน CTV/OTT วิดีโอออนไลน์ และมิวสิคสตรีมมิ่ง ขณะที่โซเชียลมีเดียและเกมยังคงตามหลัง กลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียลโดดเด่นในฐานะกลุ่มเป้าหมายหลัก โดยแสดงให้เห็นถึงระดับการจดจำข้อความและการรับรู้ผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นเมื่อแบรนด์มีส่วนร่วมกับพวกเขาผ่านช่องทางที่เชื่อถือได้หลายช่องทาง ในตลาดที่ความสนใจกระจัดกระจายเช่นนี้ แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องนำเสนอเรื่องราวที่เชื่อมโยงและครอบคลุมทุกช่องทางในสภาพแวดล้อมที่มีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อดึงดูดความสนใจและความภักดีของผู้บริโภค

อินโดนีเซียครองอันดับหนึ่งในภูมิภาคด้านการจดจำโฆษณา แต่ยังคงมีช่องว่างด้านความน่าเชื่อถือ

อินโดนีเซียเป็นผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านการจดจำโฆษณา ด้วยอัตราการจดจำโฆษณาสูงถึง 81 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 66 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม แม้อินโดนีเซียจะมีอัตราการจดจำโฆษณาสูง แต่กลับมีความน่าเชื่อถือต่อแบรนด์อยู่ในระดับต่ำตามหลังสิงคโปร์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าการมองเห็นไม่ได้หมายถึงความน่าเชื่อถือเสมอไป สิ่งนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นของกลยุทธ์ Omnichannel ที่เน้นรูปแบบที่น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพสูง เช่น วิดีโอออนไลน์และ CTV/OTT เพื่อเพิ่มทั้งการจดจำโฆษณาและความน่าเชื่อถือ และทำให้มั่นใจว่าข้อความบนสื่อทั้งแบบดิสเพลย์และโซเชียลมีเดียมีความสอดคล้องและน่าเชื่อถือ

สามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่นี่

ระเบียบวิธีวิจัย

การวิจัยดำเนินการโดย The Trade Desk ในเดือนมีนาคม 2025 ร่วมกับ PA Consulting โดยทำการสำรวจเชิงปริมาณกับผู้บริโภค 2,000 คน จากประเทศไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เพื่อทำความเข้าใจความต้องการและทางเลือกของช่องทางสื่อในช่วงเวลาและความคิดที่แตกต่างกัน

ข้อสงวนสิทธิ์: เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น ผลลัพธ์ทั้งหมดสะท้อนถึงงานวิจัยที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งจัดทำโดย The Trade Desk และ PA Consulting ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น และไม่ได้เป็นการรับรองหรือรับประกันผลการดำเนินงานในอนาคต

เกี่ยวกับ The Trade Desk

The Trade Desk™ เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ส่งเสริมผู้ซื้อโฆษณา โดยผู้ซื้อโฆษณาสามารถสร้าง จัดการ และปรับแต่งแคมเปญโฆษณาดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มบนคลาวด์แบบบริการตนเองได้ การรวมเข้ากับพันธมิตรด้านข้อมูล สินค้าคงคลัง และผู้เผยแพร่รายใหญ่ทำให้มีความสามารถในการเข้าถึงและช่วยในการตัดสินใจได้สูงสุด นอกจากนี้ API ขององค์กรยังช่วยให้สามารถพัฒนาแบบกำหนดเองบนแพลตฟอร์มได้อีกด้วย โดย The Trade Desk มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเวนทูรา รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ thetradedesk.com หรือติดตามเราได้ที่ Facebook, Twitter, LinkedIn และ YouTube.

_______________

1 Trade Desk Intelligence และ PA Consulting, “โอกาสที่ยังไม่ได้ถูกแตะต้องของ Omnichannel”, สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา, ตุลาคม 2024

2 เกณฑ์มาตรฐาน DISQO สำหรับแคมเปญ The Trade Desk มีนาคม, 2021 – ธันวาคม 2024 | 1 ช่องทาง n=94, 2 ช่องทาง n=60, 3 ช่องทาง n=54

3 Analytic Partners, รายงาน ROI Genome Marketing Intelligence, 2023

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Shaw Wun Lim
Shawwun.lim@thetradedesk.com
+65 9797 0965

ที่มา: The Trade Desk

Kioxia สุ่มตัวอย่างอุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝัง UFS Ver. 4.1 สำหรับการใช้งานในยานยนต์

Logo

ขับเคลื่อนนวัตกรรมยานยนต์ยุคใหม่ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้น การจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และความน่าเชื่อถือระดับยานยนต์

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 กรกฎาคม 2025

Kioxia Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ประกาศในวันนี้ว่าบริษัทได้เริ่มทำการสุ่มตัวอย่าง(1) Universal Flash Storage(2) (UFS) Ver. 4.1 รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในยานยนต์ อุปกรณ์ใหม่เหล่านี้ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมมาเพื่อตอบสนองความต้องการอันเข้มงวดของระบบในรถยนต์ยุคใหม่ มอบประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และการปรับปรุงการวินิจฉัยที่สำคัญ ขับเคลื่อนด้วยหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 8 ของ Kioxia และเทคโนโลยีตัวควบคุมที่ออกแบบภายในองค์กร

UFS Ver. 4.1 Embedded Flash Memory Devices for Automotive Applications

UFS Ver. 4.1 อุปกรณ์หน่วยความจำแฟลชแบบฝังตัวสำหรับการใช้งานในยานยนต์

อุปกรณ์ UFS 4.1 ใหม่นี้มีให้เลือกหลายขนาดความจุ ได้แก่ 128 กิกะไบต์ (GB), 256GB, 512GB และ 1 เทราไบต์ (TB) ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของระบบสาระบันเทิง, ADAS (ระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง), เทเลเมติกส์, ตัวควบคุมโดเมน และคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ อุปกรณ์เหล่านี้ผ่านมาตรฐาน AEC-Q100/104 (3) มาตรฐานเกรด 2 รองรับอุณหภูมิเคสได้สูงสุด 115°C

ยกระดับประสิทธิภาพจาก UFS รุ่น 3.1 ของ Kioxia(4) อุปกรณ์ UFS 4.1 (512GB) ใหม่จะส่งมอบ:

  • ประสิทธิภาพการอ่านข้อมูลแบบต่อเนื่องประมาณ 2.1 เท่า
  • ประสิทธิภาพการเขียนข้อมูลแบบต่อเนื่องประมาณ 2.5 เท่า
  • ประสิทธิภาพการอ่านข้อมูลแบบสุ่มประมาณ 2.1 เท่า
  • ประสิทธิภาพการเขียนข้อมูลแบบสุ่มประมาณ 3.7 เท่า

การปรับปรุงเหล่านี้จะช่วยมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ตอบสนองได้ดียิ่งขึ้นในสภาพแวดล้อมยานยนต์ที่เน้นข้อมูลจำนวนมาก

คุณสมบัติหลักประกอบด้วย:

  • สอดคล้องกับข้อกำหนด UFS 4.1 ซึ่งรวมถึงส่วนขยายที่เกี่ยวข้องกับ WriteBooster เช่น WriteBooster Buffer Resizing และ Pinned Partial Flush Mode ซึ่งให้ความยืดหยุ่นที่ดีขึ้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด UFS 4.1 โดยสามารถใช้งานร่วมกับ UFS 4.0 และ UFS 3.1 ได้
  • ความสามารถในการวินิจฉัยที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงตัวระบุสถานะอุปกรณ์เฉพาะของผู้จำหน่ายที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ที่จะช่วยลดความยุ่งยากในการตรวจสอบสถานะอุปกรณ์และการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์
  • ใช้หน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 8

อุปกรณ์ UFS 4.1 จาก Kioxia ได้ผสานรวมหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D ที่เป็นนวัตกรรมของบริษัทและตัวควบคุมไว้ในแพ็กเกจมาตรฐาน JEDEC อุปกรณ์ UFS ใหม่เหล่านี้สร้างขึ้นด้วยหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D รุ่นที่ 8 ของ Kioxia รุ่นนี้นำเสนอเทคโนโลยี CBA (CMOS เชื่อมต่อกับอาร์เรย์โดยตรง) ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางสถาปัตยกรรมที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการออกแบบหน่วยความจำแฟลช ด้วยการเชื่อมต่อวงจร CMOS เข้ากับอาร์เรย์หน่วยความจำโดยตรง เทคโนโลยี CBA ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ประสิทธิภาพ และความหนาแน่นอย่างมาก

หมายเหตุ

(1)

การจัดส่งตัวอย่างอุปกรณ์ขนาด 1TB เริ่มต้นในเดือนมิถุนายน และอุปกรณ์ขนาด 128GB และ 256GB เริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม รายละเอียดของตัวอย่างอาจแตกต่างจากผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์

(2)

Universal Flash Storage (UFS) เป็นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์หน่วยความจำฝังตัวประเภทหนึ่งที่สร้างขึ้นตามมาตรฐาน JEDEC UFS เนื่องจากมีอินเทอร์เฟซแบบอนุกรม UFS จึงรองรับการทำงานแบบดูเพล็กซ์เต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านและเขียนข้อมูลพร้อมกันระหว่างโพรเซสเซอร์โฮสต์และอุปกรณ์ UFS ได้

(3)

ข้อกำหนดคุณสมบัติส่วนประกอบไฟฟ้าที่กำหนดโดย AEC (สภาอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์)

(4)

อุปกรณ์ UFS 3.1 512GB “THGJFGT2T85BAB5”

*ทุกครั้งที่กล่าวถึงผลิตภัณฑ์ Kioxia ความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์จะระบุตามความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ ไม่ใช่ปริมาณความจุหน่วยความจำที่มีให้สำหรับจัดเก็บข้อมูลโดยผู้ใช้ปลายทาง ความจุที่ผู้บริโภคใช้ได้จะลดลงเนื่องจากพื้นที่ข้อมูลโอเวอร์เฮด การจัดรูปแบบ บล็อกเสีย และข้อจำกัดอื่นๆ และอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์และแอปพลิเคชัน สำหรับรายละเอียด โปรดดูข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คำจำกัดความของ 1 KB = 2^10 ไบต์ = 1,024 ไบต์ คำจำกัดความของ 1 Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต คำจำกัดความของ 1 GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์ 1 Tb = 2^40 บิต = 1,099,511,627,776 บิต 1 TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์
*MB/s คำนวณเป็น 1,000,000 ไบต์/วินาที
*ความเร็วในการอ่านและเขียนเป็นค่าที่ดีที่สุดที่ได้จากการทดสอบในสภาพแวดล้อมเฉพาะที่ Kioxia Corporation และ Kioxia Corporation ไม่รับประกันความเร็วในการอ่านและเขียนในอุปกรณ์แต่ละเครื่อง ความเร็วในการอ่านและเขียนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และขนาดไฟล์ที่อ่านหรือเขียน

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทบุคคลที่สาม

เกี่ยวกับ Kioxia
Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการจำหน่ายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) ในเดือนเมษายน 2017 Toshiba Memory ซึ่งเป็นชื่อเดิมของบริษัทได้แยกตัวออกมาจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 1987 Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย “หน่วยความจำ” โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกให้กับลูกค้าและคุณค่าจากหน่วยความจำสำหรับสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D ที่เป็นนวัตกรรมของ Kioxia ที่เรียกว่า BiCS FLASH™ กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันความหนาแน่นสูง รวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ระบบยานยนต์ ศูนย์ข้อมูล และระบบ AI เชิงสร้างสรรค์

การสอบถามจากลูกค้า
Kioxia Corporation
สำนักงานขายทั่วโลก
https://www.kioxia.com/en-jp/business/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ มีความถูกต้อง ณ วันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20250730761307/en

Contacts

การสอบถามจากสื่อ
Kioxia Corporation
ฝ่ายบริหารงานส่งเสริมการขาย
Satoshi Shindo
โทร.: +81-3-6478-2404

ที่มา: Kioxia Corporation

Boomi นำระบบบูรณาการข้อมูลอธิปไตยสู่ประเทศออสเตรเลีย

Logo

การติดตั้งระบบใหม่ในซิดนีย์ช่วยให้การเคลื่อนย้ายข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นไปตามข้อกำหนด สำหรับองค์กรที่จัดการด้าน AI การวิเคราะห์ข้อมูล และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ

ซิดนีย์–(BUSINESS WIRE)–31 กรกฎาคม 2025

Boomi™ ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ประกาศในวันนี้ถึงความพร้อมใช้งานของ Boomi Data Integration ภายในศูนย์ข้อมูลในออสเตรเลีย ซึ่งช่วยให้องค์กรในประเทศสามารถเคลื่อนย้ายข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น และเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายระดับชาติ

การเปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากBoomi เข้าซื้อกิจการ Rivery ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการบูรณาการข้อมูลยุคใหม่ นี่แสดงให้เห็นถึงการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของ Boomi ในโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่น และความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาข้อมูลที่ท้าทายที่สุดของออสเตรเลีย

ด้วยการเปิดใช้งาน Boomi Data Integration ที่ตั้งอยู่ในซิดนีย์ องค์กรในออสเตรเลียสามารถติดตั้งระบบจับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลแบบบันทึก (Change Data Capture – CDC) และระบบ Extract, Load, and Transform (ELT) แบบเกือบเรียลไทม์ได้ทั้งหมดภายในประเทศ นั่นหมายความว่าข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนจะยังคงอยู่ภายในเขตแดนของประเทศ ลดความหน่วงเวลาในการส่งข้อมูล และสอดคล้องอย่างชัดเจนกับกฎหมายความเป็นเจ้าของข้อมูลภายในประเทศ

“เป็นการเสริมที่แข็งแกร่งให้กับแพลตฟอร์มข้อมูลของ Boomi ร่วมกับ DataHub โดย Boomi Data Integration มอบความสามารถด้านบิ๊กดาต้าให้กับองค์กรในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ทั้งหมดนี้อยู่ภายในประสบการณ์ใช้งานแบบโนโค้ด/โลว์โค้ด ที่ผู้ใช้ Boomi คุ้นเคยและไว้วางใจ” Nikolai Blackie ผู้ร่วมก่อตั้งกล่าวAdaptiv บริษัทที่ปรึกษาด้านข้อมูลและการบูรณาการในภูมิภาคออสตราเลเชีย และเป็นพันธมิตรของ Boomi

การเปิดตัวครั้งนี้สนับสนุนข้อกำหนดด้านกฎระเบียบภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล .. 2531 (Privacy Act 1988) หลักการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของออสเตรเลีย (Australian Privacy Principles – APPs) และกรอบแนวทางเฉพาะสำหรับแต่ละภาคส่วน รวมถึง APRA CPS 234 และพระราชบัญญัติข้อมูลสุขภาพของฉัน (My Health Records Act) ลูกค้าของ Boomi ครอบคลุมอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ได้แก่ บริการทางการเงิน รัฐบาล การศึกษา และการดูแลสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงความเป็นไปตามข้อกำหนด ความมั่นใจ และความคล่องตัวของข้อมูลที่ดีขึ้น

พัฒนาการล่าสุดนี้เสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์แพลตฟอร์มรวมของ Boomi ซึ่งมีเป้าหมายในการนำการบูรณาการ การจัดการ API การจัดการข้อมูล และความพร้อมใช้งาน AI มารวมไว้ภายใต้ชั้นเดียวของปัญญาประดิษฐ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นอกจากนี้ยังช่วยลดการพึ่งพาโซลูชันแยกส่วนแบบจุดๆ ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำให้เทคโนโลยีของตนเรียบง่ายขึ้นและเร่งการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยและในระดับที่ขยายได้

“เอเจนต์ AI โมเดลทำนาย และการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ต่างต้องการสิ่งหนึ่งคือ ข้อมูลที่เชื่อถือได้ ถูกส่งมอบอย่างรวดเร็วและปลอดภัย” David Irecki ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นของ Boomi กล่าว “แต่ในออสเตรเลีย การปฏิบัติตามกฎระเบียบสำคัญไม่แพ้ความรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนอย่างการเงิน รัฐบาล และการดูแลสุขภาพ”

“ด้วยการติดตั้ง Boomi Data Integration ในพื้นที่ เรากำลังขจัดอุปสรรคด้านการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับอธิปไตยข้อมูลสำหรับ AI พร้อมมอบความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลเกือบเรียลไทม์ที่คู่ค้าและผู้ใช้ปลายทางต้องการเพื่อสร้างนวัตกรรม”

ทรัพยากรเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ Boomi

Boomi ผู้นำด้านระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้องค์กรทั่วโลกเชื่อมต่อทุกอย่าง อัตโนมัติกระบวนการ และเร่งผลลัพธ์ แพลตฟอร์ม Boomi Enterprise รวมถึง Boomi Agentstudio รวมการบูรณาการและระบบอัตโนมัติ พร้อมการจัดการข้อมูล API และเอเจนต์ AI ในโซลูชันเดียวที่ครบวงจร Boomi ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากกว่า 25,000 ราย และได้รับการสนับสนุนโดยเครือข่ายพันธมิตรกว่า 800 แห่ง กำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงปฏิบัติการ ช่วยให้องค์กรทุกขนาดบรรลุความคล่องตัว ประสิทธิภาพ และนวัตกรรมในระดับกว้าง  ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่boomi.com.

© 2025 Boomi, LP. Boomi, โลโก้ตัว 'B' และ Boomiverse เป็นเครื่องหมายการค้าของ Boomi, LP หรือบริษัทย่อยหรือบริษัทในเครือ สงวนลิขสิทธิ์ ชื่อหรือเครื่องหมายอื่นๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ติดต่อสื่อ
Jasmine Ee
หัวหน้าฝ่ายดูแลอินฟลูเอนเซอร์ เอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (APJ)
pr@boomi.com

ที่มา: Boomi

Skechers ตอบสนองต่อคดีสิทธิบัตรของ Kizik

Logo

Skechers เชื่อว่าคดีความนี้ไม่มีมูลความจริงและเป็นความพยายามอย่างโจ่งแจ้งที่จะให้ศาลเข้ามาแทรกแซงในสิ่งที่ผู้บริโภคได้พูดไปแล้ว

ลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–29 กรกฎาคม 2025

Skechers USA, Inc. (“Skechers”) บริษัทเทคโนโลยีเพื่อความสบายและผู้นำด้านเทคโนโลยีรองเท้าแฮนด์ฟรี ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทจะต่อสู้คดีอย่างแข็งขันในคดีสิทธิบัตรที่ Kizik Design, LLC (“Kizik”) ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลางรัฐเท็กซัสต่อ Skechers โดยกล่าวหาว่าผลิตภัณฑ์ Skechers Hands Free Slip-ins® (“Slip-ins”) ทั้งหมดละเมิดสิทธิบัตรของ Kizik โดยบริษัทเชื่อว่าข้อกล่าวหาของ Kizik นั้นไม่มีมูลความจริง

ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมาก ทาง Skechers เคารพสิทธิของผู้อื่น คำร้องเรียนของ Kizik ตั้งอยู่บนข้อกล่าวหาที่ว่า Kizik ได้สร้างรองเท้าประเภทแฮนด์ฟรีขึ้นมา และเป็นบริษัทเดียวที่สามารถใช้แนวคิดเก่าแก่นับศตวรรษนี้ได้อย่างถูกกฎหมาย ตรงกันข้ามกับคำกล่าวอ้างอันเป็นเท็จของ Kizik ที่ว่าสิทธิบัตรของ Skechers ได้รับการปฏิเสธ โดย Skechers ได้พัฒนาเทคโนโลยี Slip-ins ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง และได้รับสิทธิบัตรด้านการใช้งานและการออกแบบมากกว่า 140 ฉบับทั่วโลก รวมถึงในสหรัฐอเมริกา และได้บังคับใช้สิทธิบัตรอย่างเข้มงวด ส่งผลให้เกิดคำพิพากษา คำสั่งห้าม และข้อตกลงมากมายทั่วโลก

Michael Greenberg ประธานบริษัท Skechers กล่าวว่า “จังหวะเวลาของการฟ้องร้องนี้ช่างน่าสงสัย โดยเกิดขึ้นหลังจากที่ Skechers ได้ประกาศควบรวมกิจการมูลค่า 9.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับ 3G Capital โดย Kizik ยืนยันว่า ‘หัวใจสำคัญของรองเท้าแฮนด์ฟรีของ Skechers’ คือเทคโนโลยีที่จดสิทธิบัตรของ Kizik แต่ Skechers ได้โฆษณาและขายรองเท้า Slip-ins มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2021 โดยไม่ได้รับจดหมายจาก Kizik เลย หลังจากนั้น หลังจากประกาศการควบรวมกิจการ ทาง Kizik ก็จ้างบริษัทกฎหมายที่ Nike ก็ใช้บริการเช่นเดียวกัน และโจมตีผลิตภัณฑ์ Slip-ins ทั้งหมดของเรา เราเชื่อว่าหลังจากเงียบหายไปนานหลายปี แรงจูงใจที่แท้จริงของการฟ้องร้องนี้อาจปรากฏชัดในคำฟ้องของ Kizik ซึ่งระบุว่าต้องการส่วนแบ่งจากเงิน 9.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ Skechers จ่ายไป ซึ่งเป็นเงินที่ Kizik ไม่ได้หามาและไม่สมควรได้รับ”

คุณ Greenberg กล่าวต่อว่า “รองเท้าแฮนด์ฟรีมีมานานอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษแล้ว ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในปีศตวรรษที่ 21 ที่รัฐยูทาห์ เราได้กลายเป็นผู้นำตลาดรองเท้าแฮนด์ฟรีด้วยการสร้างสรรค์นวัตกรรม ไม่ใช่การเลียนแบบ แนวคิดนี้ให้เหมาะสำหรับกับการใช้งานแบบแฮนด์ฟรีอย่างแท้จริงด้วยเทคโนโลยีของเราเอง โดย Skechers ได้ทุ่มทรัพยากรมหาศาลในการวิจัยและพัฒนา เพื่อนำเสนอรองเท้าที่แปลกใหม่ โดดเด่น และน่าตื่นเต้นให้กับลูกค้าเป็นประจำทุกปี และยังคงจะดำเนินการต่อไป โดยไม่หวั่นเกรงต่อความพยายามในการฟ้องร้องอย่างโปร่งใสเพื่อขัดขวางการแข่งขัน เราจะท้าทายทั้งความถูกต้องของสิทธิบัตรและการฟ้องร้องละเมิดสิทธิบัตรอย่างจริงจัง”

เกี่ยวกับ SKECHERS U.S.A., Inc.

Skechers (NYSE:SKX), The Comfort Technology Company® (บริษัทเทคโนโลยีเพื่อความสบาย) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ออกแบบ พัฒนา และจำหน่ายรองเท้า เสื้อผ้า และเครื่องประดับสำหรับไลฟ์สไตล์และสมรรถนะที่หลากหลายสำหรับทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก โดยคอลเลคชั่นต่างๆ ของบริษัทมีจำหน่ายใน 180 ประเทศและเขตการปกครองต่างๆ ผ่านห้างสรรพสินค้าและร้านค้าเฉพาะทาง และส่งตรงถึงผู้บริโภคผ่าน skechers.com รวมถึงร้านค้าปลีก Skechers กว่า 5,300 แห่ง โดยทาง Skechers เป็นบริษัทในกลุ่ม Fortune 500® ดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศผ่านเครือข่ายบริษัทสาขาที่ Skechers ถือหุ้นทั้งหมด พันธมิตรร่วมทุน และตัวแทนจำหน่าย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชม about.skechers.com และติดตามเราได้ที่ Facebook, Instagram และ TikTok

ประกาศฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าซึ่งจัดทำขึ้นตามบทบัญญัติ Safe Harbor ของพระราชบัญญัติปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคล .. 1995 มาตรา 27A แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ .. 1933 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) และมาตรา 21E แห่งพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ .. 1934 (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม) ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้อาจรวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียง การเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคต ผลประกอบการทางการเงิน และการดำเนินงานของ Skechers ซึ่งรวมถึงยอดขายและกำไรสุทธิที่คาดการณ์ไว้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ความต้องการผลิตภัณฑ์ในอนาคต แผนการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเปิดร้านค้าใหม่และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และโครงการด้านการโฆษณาและการตลาด ข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าสามารถระบุได้โดยการใช้ถ้อยคำที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า เช่นเชื่อว่า” “คาดการณ์ล่วงหน้า” “คาดหวัง” “ประมาณการ” “ตั้งใจ” “วางแผน” “โครงการ” “จะ” “อาจจะ” “อาจจะหรือคำอื่นๆ ที่มีความหมายคล้ายคลึงกัน ข้อความดังกล่าวอยู่ภายใต้ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้า ปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดหรือมีส่วนทำให้เกิดความแตกต่างดังกล่าว ได้แก่ การหยุดชะงักของธุรกิจและการดำเนินงานอันเนื่องมาจากการระบาดของโควิด-19 ความล่าช้าหรือการหยุดชะงักในห่วงโซ่อุปทานของเรา สภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และตลาดระหว่างประเทศ รวมถึงผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ภาษีศุลกากร และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทั่วโลก ตลาดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคที่ท้าทายในสหรัฐอเมริกา และผลกระทบจากสงคราม การกระทำของสงคราม และความขัดแย้งอื่นๆ ทั่วโลก การรักษา จัดการ และคาดการณ์ต้นทุนและระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม การสูญเสียลูกค้ารายสำคัญ ความต้องการที่ลดลงของผู้ค้าปลีกในอุตสาหกรรมและการยกเลิกคำสั่งซื้อเนื่องจากความนิยมของสินค้าบางประเภทและ/หรือบางประเภทไม่สูง การรักษาภาพลักษณ์ของแบรนด์และการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างผู้ขายรองเท้าสำหรับผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดรองเท้าสมรรถนะสูงที่มีการแข่งขันสูง การคาดการณ์ ระบุ ตีความ หรือคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์แฟชั่น ความต้องการของผู้บริโภคต่อสินค้า และปัจจัยทางการตลาดต่างๆ ที่อธิบายไว้ข้างต้น ระดับยอดขายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเปิดเทอม และช่วงเทศกาลวันหยุด และปัจจัยอื่นๆ ที่อ้างอิงหรือรวมไว้ในรายงานประจำปีของ Skechers ในแบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2014 และรายงานรายไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q ในปี 2025 เมื่อพิจารณาปัจจัยเหล่านี้และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของสถานการณ์เหล่านี้หมายความว่าสิ่งที่ระบุไว้ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และด้วยเหตุนี้ ผลประกอบการที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ไว้ในข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าดังกล่าว ความเสี่ยงที่กล่าวถึงในที่นี้ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด Skechers ดำเนินธุรกิจในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงใหม่ๆ เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว และเราไม่สามารถคาดการณ์ปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดดังกล่าวได้ และเราไม่สามารถประเมินผลกระทบของปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดที่มีต่อธุรกิจของเรา หรือขอบเขตที่ปัจจัยใดๆ หรือปัจจัยหลายๆ ปัจจัยรวมกัน อาจทำให้ผลประกอบการที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากที่ระบุไว้ในข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าใดๆ เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงและความไม่แน่นอนเหล่านี้ ท่านไม่ควรเชื่อถือข้อความที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้ามากเกินไปในฐานะการคาดการณ์ผลประกอบการที่แท้จริง นอกจากนี้ ผลประกอบการที่รายงานไม่ควรถือเป็นข้อบ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

การติดต่อสำหรับสื่อ:
Jennifer Clay
SKECHERS U.S.A., Inc.
jennc@skechers.com

ที่มา: Skechers USA, Inc.

Anchorage Digital ร่วมมือกับ Ethena Labs เปิดตัว Stablecoin ตัวแรกที่สอดคล้องกับ GENIUS และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง

Logo

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–24 กรกฎาคม 2025

Anchorage Digital ซึ่งเป็นที่ตั้งของธนาคารคริปโตแห่งแรกและแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลาง ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Ethena Labs ผู้สร้าง USDe และ USDtb เพื่อนำ USDtb เข้าสู่สหรัฐฯ ในฐานะ Stablecoin ตัวแรกที่มีเส้นทางที่ชัดเจนในการปฏิบัติตาม GENIUS Act ที่เพิ่งประกาศใช้ ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ของอเมริกาในการควบคุมการออก Stablecoin

การเปิดตัวครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการออก Stablecoin ของ Anchorage Digital ซึ่งเป็นโซลูชันแบบครบวงจรสำหรับสถาบันต่างๆ ในการเปิดตัวและแจกจ่ายเงินดิจิทัลดอลลาร์ที่ได้รับการควบคุมอย่างเต็มรูปแบบ การตัดสินใจของ Anchorage Digital ที่จะร่วมมือกับ Ethena ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบและผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสถาบันสามารถเข้าถึงข้อได้เปรียบเฉพาะตัวของสินทรัพย์ดิจิทัล ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับนวัตกรรมให้สอดคล้องกับกฎระเบียบในระบบการเงินของสหรัฐฯ

ภายใต้ความร่วมมือนี้ USDtb stablecoin ซึ่งปัจจุบันออกในต่างประเทศ จะออกในสหรัฐอเมริกาโดย Anchorage Digital Bank ซึ่งจะทำให้ Anchorage Digital Bank เป็นผู้นำด้านการออก stablecoin ในสหรัฐอเมริกาสำหรับสถาบันที่กำลังมองหาเงินดิจิทัลดอลลาร์ที่เป็นไปตามกฎระเบียบ สามารถตั้งโปรแกรมได้ และสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลสูงสุดที่กำหนดโดย GENIUS Act การออก stablecoin นี้ภายใต้กรอบการทำงานที่สอดคล้องกับสหรัฐอเมริกา ช่วยให้การบูรณาการเข้ากับระบบการเงินของสหรัฐอเมริกาเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น และช่วยให้สถาบันต่างๆ มีช่องทางการถือครอง USDtb ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลมากขึ้น

“การผ่านร่างพระราชบัญญัติ GENIUS มอบความชัดเจนด้านกฎระเบียบที่ช่วยให้สถาบันที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางอย่าง Anchorage Digital Bank สามารถมีส่วนร่วมในระบบนิเวศของ Stablecoin ได้อย่างเต็มที่ เรามีความภูมิใจที่ได้สนับสนุน Ethena ในการนำผลิตภัณฑ์ของพวกเขาเข้าสู่สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วยสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นที่มากขึ้นให้แก่พันธมิตรของพวกเขา ในขณะที่ Stablecoin กำลังกลายเป็นรากฐานสำคัญของการเงินยุคใหม่ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ Stablecoin จะต้องสร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย เป็นไปตามข้อกำหนด และสร้างขึ้นให้ใช้งานได้ยาวนาน” — Nathan McCauley ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Anchorage Digital

“แม้ว่าเราจะเห็นความต้องการ USDtb ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เราคาดหวังว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนดของ GENIUS จะช่วยให้พันธมิตรและผู้ถือครองของเราสามารถขยายการใช้งาน USDtb ได้อย่างมั่นใจและครอบคลุมผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มใหม่ๆ อย่างมีนัยสำคัญ การร่วมมือกับ Anchorage Digital ซึ่งเป็นธนาคารคริปโตแห่งเดียวในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลาง จะช่วยเสริมสร้างรากฐานที่จำเป็นต่อการขยายขนาดผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยไม่กระทบต่อความเร็ว ความยืดหยุ่น และความน่าเชื่อถือ” — Guy Young ซีอีโอของ Ethena Labs

Stablecoins กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของอนาคตทางการเงินอย่างรวดเร็ว ทั้งในอเมริกาและทั่วโลก โดยขับเคลื่อนทุกสิ่งตั้งแต่การชำระเงินแบบเรียลไทม์และการชำระเงินข้ามพรมแดน ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานฟินเทคยุคใหม่และตลาดแบบกระจายศูนย์ Anchorage Digital ช่วยให้มั่นใจได้ว่าชั้นพื้นฐานของการเงินยุคใหม่นี้สร้างขึ้นจากความไว้วางใจ ความยืดหยุ่น และความเป็นผู้นำของสหรัฐอเมริกา ด้วยการทำให้การออกสกุลเงินดิจิทัลมีความปลอดภัย ปรับขนาดได้ และมีการควบคุม

เกี่ยวกับ Ethena Labs

คือผู้สร้าง USDe และ USDtb และเป็นผู้สนับสนุนโปรโตคอล Ethena Ethena คือโปรโตคอลเบื้องหลัง USDe ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ใหญ่เป็นอันดับสามและเติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยมูลค่า TVL มากกว่า 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบันที่ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ DeFi ที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง ควบคู่ไปกับการผสานรวมกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่ใหญ่ที่สุดและแอปพลิเคชัน DeFi รายใหญ่ Ethena Labs ได้รับการสนับสนุนจาก Fidelity, Franklin Templeton, Dragonfly, Binance Labs, Bybit และ OKX และอื่นๆ

เกี่ยวกับ Anchorage Digital

Anchorage Digital คือแพลตฟอร์มคริปโตระดับโลกที่ช่วยให้สถาบันต่างๆ สามารถมีส่วนร่วมในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการซื้อขาย การวางหลักประกัน การดูแลสินทรัพย์ การกำกับดูแล การชำระเงิน การออก Stablecoin และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยชั้นนำของอุตสาหกรรม Anchorage Digital เป็นที่ตั้งของ Anchorage Digital Bank N.A. ซึ่งเป็นธนาคารคริปโตแห่งเดียวที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลางในสหรัฐอเมริกา และยังให้บริการแก่สถาบันต่างๆ ผ่าน Anchorage Digital Singapore ซึ่งได้รับอนุญาตจากธนาคารกลางสิงคโปร์ Anchorage Digital NY ซึ่งได้รับ BitLicense จากกรมบริการทางการเงินนิวยอร์ก และกระเป๋าเงิน Porto ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินที่ดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเองของ Anchorage Digital เมื่อเร็วๆ นี้ Anchorage Digital Bank ได้กลายเป็นธนาคารผู้ออก Stablecoin แห่งเดียวในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางและสอดคล้องกับมาตรฐาน GENIUS ด้วยการออก GENIUS บริษัทได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสถาบันชั้นนำมากมาย อาทิ Andreessen Horowitz, GIC, Goldman Sachs, KKR และ Visa โดยมีมูลค่า Series D มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ Anchorage Digital ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 ที่ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีสำนักงานในนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก, ปอร์โต โปรตุเกส, สิงคโปร์ และซูฟอลส์ รัฐเซาท์ดาโคตา เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ anchorage.com, บน X @Anchorage และบน LinkedIn

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Anchorage Digital
press@anchorage.com
 
Ethena Labs
Nate Johnson
Ethena-August@augustco.com
+1 323-892-5554

ที่มา: Anchorage Digital

The Bangkok Reporter