Xsolla และกระทรวงการพัฒนาดิจิทัลและการขนส่งของอาเซอร์ไบจานหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และความคิดริเริ่มด้านการวิจัยและพัฒนาระดับภูมิภาค

Logo

Xsolla และกระทรวงได้สำรวจโอกาสในการเปลี่ยนสำนักงานในบากูให้กลายเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาระดับภูมิภาค

ลอสแองเจลิส และบากู อาเซอร์ไบจาน–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2025

Xsolla เป็นบริษัทพาณิชย์ระดับโลกด้านวิดีโอเกมที่ช่วยเหลือนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในการเปิดตัว พัฒนา และสร้างรายได้จากเกม ประกาศในวันนี้ถึงการเจรจาเชิงกลยุทธ์กับกระทรวงการพัฒนาดิจิทัลและการขนส่งแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นที่เมืองบากู โดยมีรัฐมนตรี Rashad Nabiyev, ประธาน Xsolla Chris Hewish และผู้นำจากหน่วยงานนวัตกรรมและพัฒนาดิจิทัลของกระทรวงฯ รวมถึงประธาน Farid Osmanov และ Salar Imamaliyev เข้าร่วมด้วย

Graphic: Xsolla

กราฟิก: Xsolla

การหารือมุ่งเน้นไปที่การขยายความร่วมมือระหว่างอาเซอร์ไบจานและ Xsolla โดยมุ่งเน้นเป็นพิเศษที่การเปลี่ยนสำนักงาน Xsolla ในบากูให้เป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาระดับภูมิภาค ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี สำนักงานดังกล่าวภายใต้การนำของ ดร. Fuad Karimov และ Rytis Joseph Jan ได้เติบโตจนมีพนักงานมากกว่า 30 คน และได้นำเสนอแผนงานที่ครอบคลุมเพื่อสร้างแรงผลักดันที่ยั่งยืน

 ประเด็นสำคัญที่หารือเกี่ยวกับความร่วมมือ ประกอบด้วย

  • การขยายการดำเนินงานในบากูเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญทางเทคนิคระดับโลก
  • การสำรวจความคิดริเริ่มร่วมกับภาคการพัฒนาและการขนส่งดิจิทัลของอาเซอร์ไบจาน
  • การวางตำแหน่งสำนักงานในบากูของ Xsolla ให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมและการวิจัยระดับภูมิภาค

“การร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาดิจิทัลและการขนส่งได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Xsolla ในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของอาเซอร์ไบจานด้านนวัตกรรมและการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัล” กล่าวโดย Chris Hewish ประธาน Xsolla “เรามองเห็นศักยภาพมหาศาลในการสร้างสะพานเชื่อมที่จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งบุคลากรท้องถิ่นและระบบนิเวศเกมระดับโลก”

“การหารือกับกระทรวงการพัฒนาดิจิทัลและการขนส่งของอาเซอร์ไบจานครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตในอุตสาหกรรมเกมระดับโลก” กล่าวโดย Rytis Joseph Jan รองประธานอาวุโสฝ่ายโครงการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ระดับโลกและความสัมพันธ์กับรัฐบาลของ Xsolla “ด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงและ IDDA เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดในการส่งมอบโครงการที่จะช่วยปลดล็อกความสามารถ การลงทุน และการเติบโตให้กับนักพัฒนาทั้งในอาเซอร์ไบจานและประเทศอื่นๆ”

“เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมมือกับ Xsolla ในการพัฒนาภูมิทัศน์ดิจิทัลของอาเซอร์ไบจาน” กล่าวโดย Rashad Nabiyev รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาดิจิทัลและการขนส่งแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน “การเปลี่ยนสำนักงานของบริษัทในบากูให้เป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาระดับภูมิภาค ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับบุคลากรของเรา และเสริมสร้างบทบาทของประเทศในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก”

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทพาณิชย์ระดับโลกที่มีเครื่องมือและบริการอันแข็งแกร่งเพื่อช่วยนักพัฒนาแก้ไขปัญหาสำคัญต่างๆ ของอุตสาหกรรมวิดีโอเกม ตั้งแต่เกมอินดี้ไปจนถึงเกมระดับ AAA บริษัทต่างๆ ร่วมมือกับ Xsolla เพื่อช่วยระดมทุน จัดจำหน่าย ทำการตลาด และสร้างรายได้ให้กับเกมของพวกเขา ด้วยความเชื่อมั่นในอนาคตของวิดีโอเกม Xsolla มุ่งมั่นในพันธกิจที่จะเชื่อมโยงโอกาสต่างๆ เข้าด้วยกัน และจัดหาทรัพยากรใหม่ๆ ให้กับเหล่าครีเอเตอร์อย่างต่อเนื่อง โดย Xsolla มีสำนักงานใหญ่และจดทะเบียนในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยดำเนินงานในฐานะผู้ค้าเกม และได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมมากกว่า 1,500 คน ให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้นและขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยเส้นทางสู่ผลกำไรและหนทางสู่ชัยชนะที่มากขึ้น นักพัฒนาเกมจึงมีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเพลิดเพลินไปกับเกม

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20250924154095/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Derrick Stembridge
รองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลก Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla

ออกล่าสมบัติไปกับ “Hello Kitty Japanese Fruit Hunt”: เกมมือถือสุดสนุกที่คุณจะได้พบกับ Hello Kitty และผลไม้นานาชนิดจากญี่ปุ่น พร้อมให้เล่นแล้ววันนี้ทั่วเอเชีย!

Logo

เข้าร่วมการผจญภัยสุดน่ารักกับ Hello Kitty เพื่อออกตามหาผลไม้จากญี่ปุ่นไปด้วยกัน!

“Hello Kitty Japanese Fruit Hunt” เกมล่าสมบัติบนมือถือที่จะพาผู้เล่นออกเดินทางไปกับ Hello Kitty เล่นได้แล้ววันนี้ 6 ประเทศและทั่วเอเชีย 1

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–24 กันยายน 2025

สมาคมเพื่อส่งเสริมการส่งออกผักและผลไม้แห่งประเทศญี่ปุ่น (J-FEC) จับมือกับบริษัท Sanrio Co., Ltd. และ Hello Kitty อีกครั้ง เพื่อเปิดตัวแคมเปญสื่อดิจิทัลเชิงปฏิสัมพันธ์อย่าง “Hello Kitty Japanese Fruit Hunt” โดยผู้เล่นจะใช้สมาร์ตโฟนออกสำรวจสถานที่จริงต่าง ๆ บนโลก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านค้า และโปรโมชันมากมายที่มีป้าย “Japan-Grown Fruit” 2เมื่อสแกนป้ายด้วยสมาร์ตโฟน ผู้เล่นจะได้รับเหรียญดิจิทัลและร่วมผจญภัยล่าสมบัติไปกับ Hello Kitty เพื่อค้นพบความสดและเสน่ห์ของผลไม้จากญี่ปุ่นด้วยประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร

“Hello Kitty’s Japanese Fruits Hunt” – Main Visual

ภาพหลักของ “Hello Kitty’s Japanese Fruits Hunt”

ยิ่งคุณเข้าร่วมมาก ไม่ว่าจะไปที่ร้าน ซื้อสินค้า หรือเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง คุณจะยิ่งมีโอกาสมากขึ้นในการปลดล็อกของรางวัล Hello Kitty รุ่นลิมิเต็ดและได้ร่วมลุ้นรางวัลสุดพิเศษอีกด้วย โอกาสดี ๆ มาถึงแล้ว ออกสำรวจ สแกน และสัมผัสเสน่ห์ของผลไม้พรีเมียมจากญี่ปุ่นผ่านการผจญภัยสนุก ๆ กับ Hello Kitty กันเถอะ นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาที่ออกแบบมาเพื่อนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โปรดอดใจรอที่จะได้เพลิดเพลินกับผลไม้จากญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้นระหว่างทริปของคุณ

สิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับแคมเปญ “Hello Kitty Japanese Fruit Hunt”

  • ระยะเวลาของแคมเปญ:
    เฟส 1: 24 กันยายน – 31 ตุลาคม 2025
    เฟส 2: 1 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2025
    เฟส 3: 16 ธันวาคม 2025 – 22 กุมภาพันธ์ 2026
     
  • รายละเอียดแคมเปญ:
    ผู้เล่นสามารถร่วมสนุกกับ “Hello Kitty Japanese Fruit Hunt” ได้ โดยเข้าสู่เว็บไซต์พิเศษผ่านทางสมาร์ตโฟน จากนั้นสแกนป้าย “Japan-Grown Fruit” ที่พบบนผลไม้ ขนมหวาน หรือบนชั้นวางในร้านค้า คุณจะได้รับเหรียญดิจิทัลทุกครั้งที่สแกน ยิ่งสะสมเยอะ ระดับ Hunter Rank ของคุณก็จะยิ่งสูงขึ้น ทำให้สามารถปลดล็อกของรางวัลและลุ้นรับของรางวัลพิเศษได้
     
  • วิธีเล่น:
    ล็อกอินเข้าสู่เว็บไซต์ของแคมเปญสุดพิเศษนี้ผ่านสมาร์ตโฟนของคุณ และทำตามคำแนะนำ:https://fruit-hunt.jp/
     
  • หมายเหตุ: หนึ่งผู้เล่นต่อหนึ่งบัญชี

เราจะหาป้าย “Japan-grown Fruit” ได้จากที่ไหนบ้าง

  • ร้านอาหารและร้านค้าปลีกที่เข้าร่วม: โดยดูรายละเอียดได้ที่ หน้า Where to Buyบนเว็บไซต์ของเรา
  • งานแฟร์ตามฤดูกาลที่จัดโดยบริษัทผู้เป็นสมาชิกสมาคม J-FEC (ติดตามรายละเอียดได้ทางโซเชียลมีเดีย)

เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียอย่างเป็นทางการ

เกี่ยวกับสมาคมเพื่อส่งเสริมการส่งออกผักและผลไม้แห่งประเทศญี่ปุ่น

ชื่อ: สมาคมเพื่อส่งเสริมการส่งออกผักและผลไม้แห่งประเทศญี่ปุ่น (อยู่ภายใต้สมาคมส่งเสริมด้านผลไม้ส่วนกลาง)
ที่อยู่: 2F, Nittochi Uchisaiwaicho Building, 1-2-1 Uchisaiwaicho, Chiyoda-ku, Tokyo 100-0011, Japan
เบอร์โทร: +81-3-3502-3033
เว็บไซต์: https://jpfruit-export.jp/english.html
ประธาน: Yoshihisa Hishinuma

เกี่ยวกับศูนย์ส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่นไปยังต่างประเทศ (องค์กรผู้สนับสนุน)

ชื่อ: ศูนย์ส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่นไปยังต่างประเทศ (JFOODO)
ที่อยู่: 7F, Ark Mori Building, 1-12-32 Akasaka, Minato-ku, Tokyo 107-6006, Japan (within JETRO)
เบอร์โทร: +81-3-3582-8344
เว็บไซต์: https://www.jetro.go.jp/en/jfoodo/
ผู้อำนวยการ: Eizo Kobayashi
ก่อตั้งเมื่อ 1 เมษายน 2017 (เป็นหน่วยงานเฉพาะของ JETRO ที่ทำหน้าที่ส่งเสริมสินค้าทางการเกษตรและอาหารของญี่ปุ่นออกสู่ต่างประเทศ)

เกี่ยวกับ Sanrio

Sanrio เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่ทุกคนรู้จักกันดีผ่าน Hello Kitty ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1974 และยังเป็นบ้านของตัวละครสุดน่ารักอีกมากมาย เช่น My Melody, Kuromi, LittleTwinStars, Cinnamoroll, Pompompurin, Gudetama, Aggretsuko, Chococat, Bad Badtz-Maru และ Kerokerokeroppi Sanrio ก่อตั้งขึ้นบนปรัชญาที่ว่าของขวัญชิ้นเล็ก ๆ สามารถนำความสุขและมิตรภาพมาสู่ผู้คนได้ทุกวัย นับตั้งแต่ปี 1960 ปรัชญาดังกล่าวกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บริการ และกิจกรรมที่เชื่อมผู้คนและมอบประสบการณ์แสนพิเศษให้กับแฟน ๆ ทั่วโลก ปัจจุบัน Sanrio ได้ขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมบันเทิง ทั้งซีรีส์ที่มีเนื้อหาหลากหลาย เกม และสวนสนุก รวมถึงมีสินค้ามากมายที่สามารถหาซื้อได้ในกว่า 130 ประเทศทั่วโลก Sanrio มุ่งมั่นที่จะนำรอยยิ้มมาสู่ทุกคน ดั่งวิสัยทัศน์ “One World, Connecting Smiles” โลกหนึ่งใบนี้จะเชื่อมโยงรอยยิ้มของทุกคน สามารถติดตามโลกของ Sanrio ได้ที่ @sanrio / @sanriosingapore / @sanrio_tw บนอินสตาแกรม และ @Sanrio / @SanrioSG / @hellokittytw บนเฟซบุ๊ก

1สถานที่จัดแคมเปญ: ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม และมาเลเซีย

2ป้าย “Japan-grown Fruit” เป็นเครื่องหมายอย่างเป็นทางการที่ออกโดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงของญี่ปุ่น เพื่อรับรองว่าผลไม้จากญี่ปุ่นถูกปลูกอย่างพิถีพิถัน ทำหน้าที่เสมือนสัญลักษณ์แห่งความน่าเชื่อถือ คุณภาพพรีเมียม และรสชาติที่ยอดเยี่ยม

ป้ายดังกล่าวกำลังได้รับการโปรโมตในร้านอาหารและพื้นที่ค้าปลีกต่าง ๆ โดยได้รับความร่วมมือจาก Hello Kitty เพื่อเพิ่มการรับรู้และมูลค่าแบรนด์

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/20250923460165/en

Contacts

AOKI Moe
ที่ปรึกษา
moe.aoki@dentsuprc.co.jp

ที่มา: Japan Fruit and Vegetables Export Promotion Council



HARMAN เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Sound United เพื่อขยายความเป็นผู้นำด้านเสียงระดับพรีเมียม

Logo

การผสานกลยุทธ์ของแบรนด์เครื่องเสียงที่ได้รับรางวัลของ Sound United ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ HARMAN และขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจ

สแตมฟอร์ด คอนเนตทิคัต–(BUSINESS WIRE)–23 กันยายน 2025

HARMAN International (“HARMAN”) บริษัทในเครือของ Samsung Electronics Co., Ltd. ซึ่งมุ่งเน้นเทคโนโลยีเชื่อมต่อสำหรับตลาดยานยนต์ ผู้บริโภค และองค์กร ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการ Sound United ซึ่งเดิมเป็นธุรกิจเครื่องเสียงสำหรับผู้บริโภคของ Masimo Corporation (NASDAQ: MASI) โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงอันโดดเด่นของ Sound United ประกอบด้วย Bowers & Wilkins, Denon, Marantz, Definitive Technology, Polk Audio, HEOS, Classé และ Boston Acoustics

This acquisition brings together Sound United’s respected roster of premium audio brands and Harman’s iconic audio portfolio.

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการรวบรวมแบรนด์เครื่องเสียงระดับพรีเมียมที่ได้รับการยอมรับของ Sound United และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Harman ไว้ด้วยกัน

ความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้ถือเป็นการขยายธุรกิจหลักด้านเครื่องเสียงของ HARMAN อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งครอบคลุมผลิตภัณฑ์หลักๆ มากมาย อาทิ เครื่องเสียงภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องขยายเสียง อุปกรณ์ไฮไฟ และ AVR) หูฟัง และเครื่องเสียงรถยนต์ การผสมผสานพอร์ตโฟลิโออันโดดเด่นของ Sound United เข้ากับธุรกิจเครื่องเสียงที่มีชื่อเสียงระดับโลก ช่วยให้ HARMAN สามารถนำเสนอพอร์ตโฟลิโอเครื่องเสียงที่ครอบคลุมที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม ส่งผลให้ HARMAN สามารถเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค พัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น และมอบประสบการณ์การฟังที่ยอดเยี่ยมในทุกสภาพแวดล้อม

“วิสัยทัศน์ของ HARMAN คือการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ยกระดับชีวิตของผู้คนด้วยประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยม” กล่าวโดย Dave Rogers ประธานแผนกไลฟ์สไตล์ของ HARMAN “แบรนด์ที่น่าประทับใจของ Sound United ฝังรากลึกอยู่ในความหลงใหลในเสียง นวัตกรรม และความมุ่งมั่นในคุณภาพที่สอดคล้องกับค่านิยมของ HARMAN การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยปลดล็อกโอกาสการเติบโตที่สำคัญสำหรับทุกคน อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ของ HARMAN ในการสร้างความสำเร็จอันเหนือชั้นและขยายธุรกิจสู่ระดับสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในฐานะผู้นำทางด้านเสียง”

Sound United จะดำเนินงานในฐานะหน่วยธุรกิจเชิงกลยุทธ์ (SBU) แบบสแตนด์อโลนภายใต้แผนกไลฟ์สไตล์ของ HARMAN โครงสร้างนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่ามรดก ความเชี่ยวชาญ และฐานลูกค้าประจำของแต่ละแบรนด์จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเอกลักษณ์ของแบรนด์ ด้วยการสนับสนุนจากทรัพยากรและขนาดธุรกิจทั่วโลกของ HARMAN แบรนด์ต่างๆ ของ Sound United จะเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นด้วยศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงบรรลุเป้าหมายเฉพาะและประสบความสำเร็จในตลาดได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ทั้งแบรนด์ ความเชี่ยวชาญ และผู้มีความสามารถที่เพิ่มเข้ามาใหม่จาก Sound United จะช่วยเร่งความก้าวหน้าของ HARMAN ในด้านเทคโนโลยีเสียง ขยายการมีอยู่ของตลาด และเสริมสร้างตำแหน่งของบริษัทในฐานะผู้นำระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจในจุดที่บรรจบกันระหว่างเสียง วัฒนธรรม และเทคโนโลยี

รับชมวิดีโอสัมภาษณ์ Dave Rogers ได้ที่นี่: https://youtu.be/2UDhf-9qYSI

รับชม B-roll ได้ที่นี่: https://youtu.be/2UuKM0Nrjtk

เกี่ยวกับ HARMAN
HARMAN (harman.com) ออกแบบและวิศวกรรมผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่เชื่อมต่อสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ ผู้บริโภค และองค์กรธุรกิจทั่วโลก ครอบคลุมระบบรถยนต์เชื่อมต่อ ผลิตภัณฑ์ภาพและเสียง โซลูชันระบบอัตโนมัติสำหรับองค์กร และบริการที่รองรับอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) ด้วยแบรนด์ชั้นนำมากมาย อาทิ AKG®, Harman Kardon®, Infinity®, JBL®, Lexicon®, Mark Levinson® และ Revel® HARMAN เป็นที่ชื่นชมของนักเล่นเครื่องเสียง นักดนตรี และสถานที่บันเทิงที่พวกเขาแสดงดนตรีทั่วโลก ปัจจุบันรถยนต์กว่า 50 ล้านคันบนท้องถนนติดตั้งระบบเสียงและระบบเชื่อมต่อในรถยนต์ของ HARMAN บริการซอฟต์แวร์ของเราขับเคลื่อนอุปกรณ์และระบบมือถือหลายพันล้านเครื่องที่เชื่อมต่อ ผสานรวม และปลอดภัยครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ที่ทำงานและที่บ้าน ไปจนถึงรถยนต์และโทรศัพท์มือถือ HARMAN มีพนักงานประมาณ 30,000 คนทั่วอเมริกา ยุโรป และเอเชีย ในเดือนมีนาคม 2017 HARMAN ได้กลายมาเป็นบริษัทในเครือของ Samsung Electronics Co., Ltd.

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250923135384/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ
Carole Campbell
ผู้อำนวยการบริหารด้านสื่อสารองค์กรระดับโลก แผนกไลฟ์สไตล์
HARMAN
lifestyle.communications@harman.com

ที่มา: HARMAN International

TII ของอาบูดาบีและ NVIDIA เปิดตัวห้องปฏิบัติการวิจัย NVAITC ‘AI & หุ่นยนต์’ ร่วมกันแห่งแรกในตะวันออกกลาง

Logo

การวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และหุ่นยนต์มนุษย์ล้ำสมัยด้วยการผสานรวมกับ AI รุ่นถัดไป

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–22 กันยายน 2025

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี (TII) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยประยุกต์ของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (ATRC) ของอาบูดาบี ได้ร่วมมือกับ NVIDIA ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการประมวลผลแบบเร่งความเร็วและ AI ในการเปิดตัวห้องปฏิบัติการร่วมแห่งแรกของตะวันออกกลางที่มุ่งเน้นในด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ โดยความร่วมมืออันเป็นสัญลักษณ์นี้เป็นศูนย์กลางแห่งแรกของภูมิภาคสำหรับการพัฒนาโมเดล AI ในรุ่นถัดไป แพลตฟอร์มหุ่นยนต์ รวมถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์มนุษย์ที่จะเป็นตัวเร่งในการสร้างนวัตกรรมในทุกๆ อุตสาหกรรม

Abu Dhabi’s TII and NVIDIA Launch Middle East’s First Joint ‘AI & Robotics’ NVAITC Research Lab (Photo: AETOSWire)

TII ของอาบูดาบีและ NVIDIA เปิดตัวห้องปฏิบัติการวิจัย NVAITC 'AI & Robotics' แห่งแรกในตะวันออกกลาง (ภาพ: AETOSWire)

การประกาศเปิดตัวของห้องปฏิบัติการร่วม TII-NVAITC (ศูนย์เทคโนโลยี AI ของ NVIDIA) ด้าน AI และหุ่นยนต์ ได้จัดขึ้นในพิธีลงนาม ณ สำนักงานใหญ่ของ TII ในกรุงอาบูดาบี โดยมีผู้นำระดับสูงจากทั้งสององค์กรเข้าร่วม ข้อตกลงนี้ลงนามโดย ดร. Najwa Aaraj ซีอีโอของ TII และ Marc Domenech ผู้อำนวยการประจำภูมิภาค Enterprise – META ของ NVIDIA โดยมี ฯพณฯ Shahab Abu Shahab ผู้อำนวยการใหญ่ของ ATRC, ฯพณฯ Abdulaziz Al Dosari, ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายบริการสนับสนุนของ ATRC, John Josephakis รองประธานฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจระดับโลกสำหรับ HPC/ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ NVIDIA และ Simon See หัวหน้าศูนย์เทคโนโลยี AI ของ NVIDIA ทั่วโลก มาร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางสู่ยุค AI และหุ่นยนต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ความร่วมมือในครั้งนี้ทำให้อาบูดาบีกลายเป็นผู้นำด้านการประยุกต์ใช้ AI ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในการพัฒนาอธิปไตยทางเทคโนโลยีและกำหนดอนาคตของระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ นอกจากนี้ยังช่วยเน้นย้ำถึงบทบาทที่กำลังเติบโตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะผู้นำด้าน AI และหุ่นยนต์ระดับโลก ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในเหตุการณ์ครั้งนี้ โดยความร่วมมือเร่งรัดด้าน AI ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นได้รวมถึงการวางตำแหน่งประเทศให้เป็นผู้มีส่วนในการสนับสนุนหลักต่อระบบนิเวศหุ่นยนต์ระดับโลกในช่วงเวลาที่ความสามารถของ AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

“ความร่วมมือกับ NVIDIA ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างระบบหุ่นยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาด้วย AI ซึ่งสามารถคิดเหตุผล ปรับตัว และดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนได้” กล่าวโดย ดร. Najwa Aaraj, CEO ของ TII “การผสมผสานแพลตฟอร์มหุ่นยนต์ขั้นสูงของเรากับโมเดล AI และการประมวลผลอันทรงพลังนั้น ช่วยให้เราเร่งการบรรจบกันของการรับรู้ การควบคุม และภาษาได้ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานสำหรับยุคใหม่ของเครื่องจักรอัจฉริยะ”

ห้องปฏิบัติการร่วม TII-NVAITC จะบูรณาการแพลตฟอร์มและความเชี่ยวชาญด้านการประมวลผลแบบเร่งความเร็วของ NVIDIA เข้ากับการวิจัยสหสาขาวิชาของ TII ในด้าน AI หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ และการประมวลผลประสิทธิภาพสูง โดยถือเป็นห้องปฏิบัติการ NVAITC แห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในตะวันออกกลาง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของภูมิภาคนี้ ทั้งสององค์กรจะร่วมกันเร่งพัฒนาระบบอัจฉริยะที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริง โดยจะพัฒนาสาขาปัญญาประดิษฐ์ทางกายภาพผ่านโมเดล AI, หุ่นยนต์และสแต็กหุ่นยนต์มนุษย์ที่ทันสมัย และฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาสำหรับระบบหุ่นยนต์แบบเรียลไทม์ โดยการวิจัยจะครอบคลุมการเรียนรู้และการควบคุมหุ่นยนต์ในระดับขนาดใหญ่ รวมถึงการพัฒนาและบูรณาการโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงโมเดล AI ในตระกูล Falcon ของ TII ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือโมเดล AI รุ่นแรกและใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง

“การเปิดตัว TII-NVAITC สำหรับ AI และหุ่นยนต์ถือเป็นบทใหม่ในเครือข่าย NVAITC ทั่วโลกของเรา การทำงานร่วมกับ TII ในอาบูดาบี ช่วยให้เราสามารถขยายขอบเขตของศูนย์เหล่านี้ไปสู่ด้านหุ่นยนต์เป็นครั้งแรกในตะวันออกกลาง ซึ่งจะช่วยให้นักวิจัยและนักประดิษฐ์เร่งการพัฒนานวัตกรรมที่จะกำหนดอนาคตของระบบอัจฉริยะได้” กล่าวโดย Carlo Ruiz รองประธานฝ่ายโซลูชันองค์กรและการดำเนินงาน EMEA ที่ NVIDIA

ห้องปฏิบัติการใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นของ TII ในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ประยุกต์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อโลกแห่งความเป็นจริง หัวใจสำคัญของห้องปฏิบัติการนี้คือความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรมแบบเปิด รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรู้ระดับโลก โดย TII และ NVIDIA ร่วมมือกันในด้านการวิจัย โครงการโอเพนซอร์ส และการเรียนรู้ข้ามเครือข่ายผ่านชุมชน NVAITC ทั่วโลก ห้องปฏิบัติการนี้ยังช่วยต่อยอดจากแพลตฟอร์มหุ่นยนต์แบบแยกส่วนที่มีอยู่เดิมของ TII รวมถึงส่วนประกอบต่างๆ ที่ผ่านการทดสอบภาคสนามแล้ว ซึ่งรวมถึงแขนหุ่นยนต์และสุนัขส่งของ เป็นต้น โดยจะให้ความสำคัญกับการวิจัยที่มุ่งเน้นทั้งในด้านของความเป็นเลิศทางเทคนิคและความพร้อมในการใช้งานจริง

ที่มา: AETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:
https://www.businesswire.com/news/home/20250922672333/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

Jinan Warrayat,
+971504713552, jinan.warrayat@tii.ae
tii@edelman.com

ที่มา: Technology Innovation Institute

ชาร์จาห์ร่วมกับ Inclusion International เป็นเจ้าภาพจัดงาน World Congress 2025 ‘เราคือหนึ่งเดียวกัน’ ครั้งที่ 18 เป็นครั้งแรก ด้วยผู้เข้าร่วมกว่า 600 คน จาก 74 ประเทศ

Logo

ชาร์จาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–20 กันยายน 2025

เมืองชาร์จาห์เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Congress 2025 “เราคือหนึ่งเดียวกัน” ครั้งที่ 18 โดยเป็นครั้งแรกในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ภายใต้การอุปถัมภ์และการเป็นสักขีพยานของท่านชีค ดร. Sultan bin Mohammed Al Qasimi สมาชิกสภาสูงสุดและผู้ปกครองเมืองชาร์จาห์

Honorary Lifetime Membership certificate awarded to Sheikha Jameela bint Mohammed Al Qasimi by Inclusion International (Photo: AETOSWire)

Sheikha Jameela bint Mohammed Al Qasimi ได้รับประกาศนียบัตรสมาชิกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพจาก Inclusion International (ภาพ: AETOSWire)

งานนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 กันยายน ณ ศูนย์นิทรรศการชาร์จาห์ ที่จัดโดย Sharjah City for Humanitarian Services (SCHS) และ Inclusion International โดยได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรเชิงกลยุทธ์อย่าง Sharjah Government Media Bureau การประชุมครั้งนี้มีวิทยากร 152 คน ที่ประกอบด้วยผู้พิทักษ์สิทธิตนเอง ครอบครัว ผู้เชี่ยวชาญ และผู้กำหนดนโยบายต่างๆ จาก 160 องค์กร ใน 74 ประเทศ โดยแบ่งเป็น 59 เซสชั่น และมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 600 คน

ในระหว่างงานนี้ Inclusion International ได้มอบสิทธิ์เป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพแก่ Sheikha Jameela bint Mohammed Al Qasimi ประธาน Sharjah City for Humanitarian Services เพื่อเป็นการยกย่องคุณูปการอันสำคัญยิ่งต่อการเคลื่อนไหวในระดับโลกในการส่งเสริมศักยภาพของผู้ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา และเสริมสร้างสิทธิและบทบาทของครอบครัวของพวกเขาในสังคม

รางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นเกียรติยศระดับนานาชาติที่มอบโดยเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งอุทิศตนเพื่อสิทธิของผู้พิการทางสติปัญญาและครอบครัว รางวัลนี้ทำให้ Sheikha Jameela Al Qasimi ได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะบุคคลสำคัญระดับโลกที่มีส่วนช่วยผลักดันการคุ้มครอง การส่งเสริมศักยภาพ และการมีส่วนร่วมของผู้พิการทางสติปัญญาบนเวทีระหว่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

Sheikha Jameela Al Qasimi กล่าวว่า การมอบสมาชิกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพโดย Inclusion International ถือเป็นการยกย่องอาณาจักรชาร์จาห์อันทรงเกียรติที่นำโดยฝ่าบาทผู้ปกครองเมืองชาร์จาห์ที่เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ได้สร้างกรอบด้านมนุษยธรรมที่หยั่งรากลึกบนพื้นฐานของความยุติธรรม และให้ความสำคัญกับสิทธิและสวัสดิการของผู้พิการมาโดยตลอด

นอกจากนี้ เธอยังได้เน้นย้ำว่าเกียรติยศนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมรดกอันยั่งยืนของ SCHS โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งมาได้ยืนหยัดเป็นสถาบันชั้นนำด้านความรู้และบริการเฉพาะทาง และเป็นแรงผลักดันหลักในเรื่องของความร่วมมือและการเป็นพันธมิตรระหว่างประเทศ

Sue Swenson ประธาน Inclusion International กล่าวชื่นชมชาร์จาห์ที่นำเสนอโมเดลที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลและเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้พิการทางสติปัญญา เธอกล่าวว่า “รัฐชาร์จาห์ได้แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในนโยบายที่ครอบคลุมสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของแต่ละบุคคลและครอบครัวไปในทางที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน การเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมครั้งนี้ได้ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงบทบาทของชาร์จาห์ในฐานะพันธมิตรสำคัญในการกำหนดอนาคตระหว่างประเทศที่ครอบคลุมมากขึ้น”

การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมที่จัดขึ้นในทุกๆ สี่ปีในประเทศสมาชิก สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของชาร์จาห์ที่มีต่อหลักการของ Inclusion International อันได้แก่ การศึกษาแบบมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมของชุมชน การส่งเสริมความสำเร็จ ความเท่าเทียม และการคุ้มครองสิทธิต่างๆ โดยหลักการเหล่านี้ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้จริงเป็นโครงการและนโยบายต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา

พิธีเปิดได้รับเกียรติจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงและบุคคลสำคัญในระดับนานาชาติ อาทิ ฯพณฯ Shaikh Mohamed bin Duaij Al Khalifa ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกแห่งบาห์เรน, Jamie Cooke ผู้อำนวยการบริหารของ Inclusion International, Hashem Taqi ประธานของ Inclusion International ประจำภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ และเจ้าชาย Mired bin Raad bin Zeid ประธานสภาสูงเพื่อสิทธิของคนพิการแห่งจอร์แดน

ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:  https://www.businesswire.com/news/home/20250919788186/en

Contacts

Hussain Al Mulla
Hussain.AlMulla@SGMB.ae

ที่มา: Sharjah Government Media Bureau


CTBC Holding ร่วมแบ่งปันความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมดิจิทัลและการป้องกันการฉ้อโกงในงาน Banking Summit Asia 2025

Logo

ไทเป, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

บริษัท CTBC Financial Holding จำกัด (CTBC Holding) ที่ได้รับเชิญจาก Financial Times และ The Banker สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำระดับโลก ได้เข้าร่วมงาน Banking Summit Asia 2025 เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา โดยคุณ Titan Chia (賈景光) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของ CTBC Holding ได้ร่วมเสวนาในหัวข้อหลักๆ ของการพัฒนานวัตกรรมบริการทางการเงินดิจิทัลควบคู่ไปกับการสร้างหลักประกันความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของข้อมูล พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ของ CTBC ในด้านดิจิทัล โดยคุณ Titan Chia เป็นตัวแทนเพียงคนเดียวที่มาจากภาคการเงินของไต้หวัน

Titan Chia (right), Chief Information Officer of CTBC Financial Holding, served as a speaker today at the “Banking Summit Asia 2025,” held in Asia for the first time, where he shared the company’s achievements in fraud prevention through digital innovation. / Courtesy of CTBC Financial Holding

Titan Chia (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ บริษัท CTBC Financial Holding เป็นวิทยากรในงาน “Banking Summit Asia 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในเอเชีย โดยเขาได้ร่วมแบ่งปันความสำเร็จของบริษัทในการป้องกันการฉ้อโกงผ่านนวัตกรรมดิจิทัล / เครดิตภาพโดย CTBC Financial Holding

งาน Global Banking Summit ซึ่งจัดโดย Financial Times และ The Banker ร่วมกัน ถือเป็นหนึ่งในงานประชุมทางการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก โดยปีนี้ถือเป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกในเอเชีย จัดขึ้นที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ฮ่องกง และสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้เกือบ 300 คนจากทั่วโลก ผู้จัดงานได้ร่วมเสวนากับ คุณ Titan Chia และ คุณเรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกสิกรไทย

คุณ Chia ย้ำว่าความท้าทายสำคัญของธนาคารในปัจจุบันคือการปกป้องความปลอดภัยของผู้ใช้ควบคู่ไปกับการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เขากล่าวว่า CTBC Bank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ CTBC Holding ได้นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบป้องกันการฉ้อโกงที่ออกแบบมาเพื่อรับประกันว่าทรัพย์สินของลูกค้าจะปลอดภัยและให้บริการได้อย่างราบรื่น

โมเดล “AI SKYNET” ที่พัฒนาโดย CTBC Holding สามารถตรวจจับการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นได้โดยการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงเกือบ 300 รายการภายในเวลาเพียง 1 วินาที โดยในปี 2024 โมเดลนี้สามารถป้องกันการทุจริตได้เกือบ 2.8 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน และมีอัตราการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 30% ส่วนในไตรมาสแรกของปี 2025 เพียงไตรมาสเดียว สัญญาณการฉ้อโกงได้ลดลงเหลือ 24% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

เพื่อสร้างเครือข่ายป้องกันการฉ้อโกงที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น CTBC Holding ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมและเครือข่ายสังคมออนไลน์ LINE และร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุดไต้หวัน และสำนักงานอัยการเขตไทเป นอกจากนี้ CTBC Holding ยังทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานคณะทำงานพัฒนาแอปพลิเคชัน Fintech โดยเป็นผู้นำภาคการเงินของไต้หวันในการสร้างเครือข่ายความปลอดภัยระหว่างธนาคารเพื่อต่อสู้กับการฉ้อโกง

ในฐานะหนึ่งในธนาคารเอกชนที่มีความเป็นสากลมากที่สุดของไต้หวัน สาขาต่างประเทศของ CTBC Bank จึงได้รับการประสานงานจากสำนักงานใหญ่เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามนโยบายด้านกฎระเบียบท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและป้องกันการฉ้อโกงข้ามพรมแดน ในอนาคต CTBC Bank วางแผนที่จะสำรวจการพัฒนา “ศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาค” โดยใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงและกลไกการปกปิดตัวตนที่สอดคล้องตามมาตรฐาน เพื่อบูรณาการข้อมูลข้ามพรมแดนและเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการฉ้อโกงให้ดียิ่งขึ้น

CTBC Holding เชื่อมั่นว่าความน่าเชื่อถือและความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลคือรากฐานสำคัญของการเงินยุคใหม่ ในอนาคต CTBC จะเดินหน้าพัฒนาการประยุกต์ใช้ AI บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยีคลาวด์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับพันธมิตรทางการเงินระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยทางดิจิทัลและการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วทั้งเอเชีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250916711131/en

Contacts

ฝ่ายประชาสัมพันธ์, CTBC Bank
Ken Wang (+8862) 3327-7777#6712
Sherry Fang (+8862) 3327-7777#6711

ที่มา: CTBC Holding

Dr. Indra Pradana Singawinata เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการคนที่ 13 ของ APO เป็นวาระที่สอง

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

วันที่ 16 กันยายน 2025 นี้ เป็นวันเริ่มต้นวาระที่สองของ Dr. Indra Pradana Singawinata ในฐานะเลขาธิการคนที่ 13 ขององค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) เขาได้รับการเลือกตั้งจากคณะกรรมการบริหารองค์การเพิ่มผลผลิตแห่งเอเชีย (APO) อีกครั้งในการประชุมสมัยที่ 67 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย วาระใหม่ของเขามีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 15 กันยายน 2028

APO Secretary-General Dr. Indra Pradana Singawinata

Dr. Indra Pradana Singawinata เลขาธิการ APO

Dr. Singawinata กล่าวว่า “ผลผลิตไม่ได้หมายถึงเพียงผลลัพธ์เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเติบโตอย่างมีคุณภาพ การทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี และความก้าวหน้าที่ยั่งยืน” ในการดำรงตำแหน่งวาระที่สองนี้ เขามุ่งหวังที่จะลงทุนอย่างรอบคอบในด้านผลผลิตเพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนการแข่งขัน ความยืดหยุ่น และความยั่งยืนในระยะยาว โดยช่วยให้สมาชิก APO สามารถก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโลกได้ 

ในช่วงวาระแรก (ปี 2022-2025) Dr. Singawinata ได้มุ่งเน้นในการกำกับดูแลสถาบัน ความโปร่งใสในการดำเนินงาน และปรับปรุงการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ของ APO ในทุกประเทศสมาชิก เพื่อสร้างองค์กรให้ตอบสนองความต้องการได้ดีขึ้น คล่องตัวขึ้น และพร้อมสำหรับอนาคตมากขึ้น  บนพื้นฐานของหลักการดังกล่าว ลำดับความสำคัญในวาระที่สองของเขาประกอบด้วย:

  • การกำกับดูแลและประสิทธิภาพการทำงาน: ปรับปรุงประสิทธิผลและความรับผิดชอบของสถาบันอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งโครงการของสำนักงานเลขาธิการและ APO
  • คุณค่าสำหรับสมาชิก: การวางตำแหน่ง APO ให้เป็นพันธมิตรด้านผลิตภาพชั้นนำสำหรับองค์กรด้านผลิตภาพระดับประเทศ
  • การเพิ่มผลิตภาพสีเขียว (GP) 2.0: ขยายขอบเขตการเดินทางของ GP 2.0 เพื่อมุ่งสู่การบูรณาการที่นำโดยนวัตกรรม และการเติบโตอย่างยั่งยืน
  • AI เพื่อผลิตภาพ: ขยายโซลูชันที่ใช้ AI และการสร้างขีดความสามารถในทุกภาคส่วน
  • อุตสาหกรรมและทักษะในอนาคต: สนับสนุนประเทศสมาชิกในการคาดการณ์ และสร้างขีดความสามารถสำหรับอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นใหม่และอนาคตของการทำงาน

Dr. Indra Pradana Singawinata ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคนที่ 13 ของ  APO ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2022 ก่อนเข้าร่วมงานกับ APO เขาเคยดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสของ Indonesia Infrastructure Guarantee Fund (IIGF) สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาปรัชญา จากมหาวิทยาลัย Ritsumeikan Asia Pacific (APU) ประเทศญี่ปุ่น ปริญญาโท สาขาบัญชี จาก University of Indonesia และปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์จาก Trisakti University ประเทศอินโดนีเซีย

เกี่ยวกับ APO

APO เป็นองค์กรระหว่างรัฐบาลที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 เพื่อเพิ่มผลิตภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือซึ่งกันและกัน APO มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของภูมิภาคผ่านบริการให้คำปรึกษาด้านนโยบาย ทำหน้าที่เป็นสถาบันวิจัย และดำเนินโครงการริเริ่มที่ชาญฉลาดในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม บริการ และภาครัฐ

APO กำลังกำหนดอนาคตของภูมิภาคโดยการช่วยเหลือประเทศสมาชิกในการกำหนดกลยุทธ์ระดับชาติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภาพ และผ่านความพยายามสร้างขีดความสามารถของสถาบันต่างๆ ซึ่งรวมถึงการวิจัยและศูนย์ความเป็นเลิศของสมาชิก APO ดำเนินงานโดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่เลือกปฏิบัติ 

ปัจจุบันสมาชิกมี 21 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ บังกลาเทศ กัมพูชา สาธารณรัฐจีน ฟิจิ ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สปป.ลาว มาเลเซีย มองโกเลีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ศรีลังกา ไทย ตุรกี และเวียดนาม

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250915807586/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
หน่วยสารสนเทศดิจิทัล, APO:pr@apo-tokyo.org
โทรศัพท์: +81-3-3830-0411
เว็บไซต์: https://www.apo-tokyo.org

ที่มา: Asian Productivity Organization

KBRA ขยายการดำเนินงานในโตเกียวด้วยการแต่งตั้ง Yasu Iwasa เป็นหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่น

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

KBRA เป็นผู้นำด้านการจัดอันดับเครดิตและการวิจัยระดับโลก มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง Yasumitsu “Yasu” Iwasa ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งช่วยตอกย้ำเส้นทางการเติบโตในเอเชีย หลังจากได้จัดตั้งสำนักงานในโตเกียวเพื่อเชิงกลยุทธ์ในเดือนมกราคม 2025 ที่ผ่านมา

สำนักงานโตเกียวของ KBRA สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการขยายฐานการดำเนินงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นในตลาดสินเชื่อทั้งในภาครัฐและเอกชน โดยปัจจุบัน ทีมงานของเรามีความพร้อมในการเติบโตและมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้บริการแก่นักลงทุนทั่วทั้งในและต่างประเทศ

Yasu Iwasa มีประสบการณ์เกือบ 30 ปี ในด้านวาณิชธนกิจและการจัดการสินทรัพย์ โดยเคยดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันการเงินระดับโลกชั้นนำในญี่ปุ่น ล่าสุด เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายญี่ปุ่นและกรรมการผู้จัดการที่ Impax Asset Management ที่เป็นผู้นำในการเปิดตัวและการเติบโตของการดำเนินงานในญี่ปุ่น นอกจากบทบาทผู้นำในระดับบริหารแล้ว เขายังเคยทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ในทีมจัดจำหน่ายอีกด้วย โดยระหว่างปี 2014 ถึง 2021 Yasu ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายญี่ปุ่นที่ Fullerton Fund Management ที่เป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ในเครือ Temasek Group โดยเขาเริ่มต้นอาชีพการทำงานที่ Goldman Sachs ได้ทำงานด้านตราสารอนุพันธ์และการจัดโครงสร้างตราสารทุนเป็นเวลาประมาณ 12 ปี ซึ่งประสบการณ์นี้ได้ช่วยสร้างความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งของเขาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก

Yasu สำเร็จการศึกษาปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเอสเซ็กซ์ในสหราชอาณาจักร

“ญี่ปุ่นเป็นตลาดนักลงทุนที่สำคัญและมีความซับซ้อน” Kate Kennedy กรรมการผู้จัดการอาวุโสและหัวหน้าร่วมฝ่ายพัฒนาธุรกิจของ KBRA กล่าว “เครือข่ายที่ลึกซึ้งของ Yasu ประกอบกับความเข้าใจเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับฉากทัศน์สินเชื่อในภาคเอกชนทั่วโลก ร่วมกับประสบการณ์ในการเปิดตัวการดำเนินงานด้านการจัดการสินทรัพย์ ทำให้เขามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนภารกิจของเราในภูมิภาคนี้”

“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้นำในการดำเนินงานของ KBRA ในญี่ปุ่น” คุณ Iwasa กล่าว “ฉากทัศน์สินเชื่อในภาคเอกชนกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความมุ่งมั่นของ KBRA ในด้านความโปร่งใส การวิเคราะห์ที่เข้มข้น รวมถึงการให้บริการที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับแรกนั้น สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนที่นี่อย่างสมบูรณ์แบบ ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะร่วมมือกับพนักงานปัจจุบันของเราที่โตเกียวที่ประกอบด้วย Miki Monroe-Sheridan หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจ, Yuuichi Hino หัวหน้าฝ่ายกำกับดูแลกิจการญี่ปุ่น รวมถึง Peter Connolly ผู้อำนวยการอาวุโส เพื่อช่วยสร้างสถานะที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นของเราในประเทศญี่ปุ่น”

ที่ KBRA พันธกิจของเรามุ่งเน้นไปที่การประเมินสินเชื่อที่โปร่งใสและมองการณ์ไกล ที่สามารถช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและรอบรู้ ในฐานะผู้นำด้านการจัดอันดับสินเชื่อในภาคเอกชน ทาง KBRA จะผสานรวมข้อมูลเชิงลึกเชิงวิเคราะห์เข้ากับบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการและความเข้มงวดด้านระเบียบวิธี เนื่องจากความต้องการสินเชื่อในภาคเอกชนทั่วโลกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ญี่ปุ่นจึงเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจและตอบสนองต่อความต้องการสินเชื่อทางเลือกที่เพิ่มสูงขึ้น ด้วยความชัดเจนและความสม่ำเสมอที่นักลงทุนคาดสามารถหวังได้จาก KBRA

เกี่ยวกับ KBRA

KBRA เป็นหนึ่งในสถาบันจัดอันดับเครดิตที่สำคัญ ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร KBRA ได้รับการยอมรับให้เป็นสถาบันจัดอันดับเครดิตที่มีคุณสมบัติในไต้หวัน และยังเป็นองค์กรจัดอันดับเครดิตที่ได้รับการแต่งตั้งสำหรับการจัดอันดับการเงินแบบมีโครงสร้างในแคนาดาอีกด้วย ในฐานะสถาบันจัดอันดับเครดิตที่ให้บริการครบวงจร นักลงทุนสามารถใช้การจัดอันดับของ KBRA เพื่อวัตถุประสงค์ด้านเงินทุนตามกฎหมายได้ในเขตอำนาจศาลหลายแห่ง

ID เอกสาร: 1011259

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

ผู้ติดต่อสำหรับสื่อ

Adam Tempkin, ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร
+1 646-731-1347
adam.tempkin@kbra.com

ที่มา: Kroll Bond Rating Agency, LLC

ดอกไม้อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-DRAGON กลายร่างเป็นบล็อก “818 BLOOM” กับ OXFORD

Logo

  • ออกแบบโดย G-DRAGON
  • เปิดพรีออเดอร์ทั่วโลก 21 กันยายน เพื่อเฉลิมฉลองวันสันติภาพสากล

โซล, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–15 กันยายน 2025

MTREINC ประกาศความร่วมมือระหว่างศิลปินระดับโลก G-DRAGON และผู้ผลิตบล็อกชั้นนำของเกาหลี OXFORDได้นำดอกเดซี่อันเป็นเอกลักษณ์ของ G-DRAGON มาสู่บล็อก

The partnership between PEACEMINUSONE and OXFORD marks an unprecedented collaboration between G-DRAGON, a global cultural icon, and a world-class brand (Photo: MTREINC Co., Ltd.)

ความร่วมมือระหว่าง PEACEMINUSONE และ OXFORD ถือเป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง G-DRAGON ไอคอนทางวัฒนธรรมระดับโลก และแบรนด์ระดับโลก (ภาพ: MTREINC Co., Ltd.)

ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ OXFORD ได้ร่วมมือกับ PEACEMINUSONE แบรนด์แฟชั่นที่ก่อตั้งโดย G-DRAGON เพื่อเปิดตัว “818 BLOOM” บล็อกดอกไม้รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น ที่จะเปิดตัวในวันที่ 21 กันยายน ซึ่งเป็นวันสันติภาพสากล

G-DRAGON ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์สะท้อนถึงปรัชญาของ PEACEMINUSONE โดยแต่ละชุดจะมาพร้อมกับใบรับรองโฮโลแกรมรับรองความถูกต้องพร้อมลายเซ็น เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและเพิ่มมูลค่าให้กับของสะสม ในฐานะผลิตภัณฑ์ DIY ชิ้นแรกของโลกที่สะท้อนถึงตัวตนของศิลปิน ที่จะดึงดูดความสนใจจากแฟนๆ และนักสะสมทั่วโลกเป็นอย่างมาก

OXFORD ก่อตั้งขึ้นในปี 1961 และเติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลก ผลิตบล็อกมากกว่า 200 ล้านชิ้นต่อปี ในกว่า 30 ประเทศ บริษัทเป็นที่รู้จักจากซีรีส์ยอดนิยม เช่น “Cultural Heritage Series” ที่นำเสนอประตูซุงเนมุน (สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเกาหลี) กอบุกซอน (เรือรบเต่าในสมัยกองทัพเรือโชซอนของเกาหลี) และโคลอสเซียม “Heroes Series” ที่นำเสนอบุคคลสำคัญอย่างพลเรือเอกอี ซุนชิน และ “War Series” ซึ่งจำลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ OXFORD ยังได้ร่วมมือกับบริษัทและองค์กรขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น Samsung, SK, LG, KT, CJ, Kia Motors, Korean Air รวมถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวพย็องชัง ที่หลายๆ คอลเลกชันได้ขายหมดเกลี้ยงแล้ว

ความร่วมมือระหว่าง PEACEMINUSONE และ OXFORD ถือเป็นความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมระดับโลกและแบรนด์ระดับโลก โดยได้รับความสนใจอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ

Jong-yeol Kim ซีอีโอของ MTREINC บริษัทผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ “818 BLOOM” กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์นี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ G-DRAGON ในเรื่อง PEACEMINUSONE ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างโลกอุดมคติอันสงบสุขกับความเป็นจริงของความขาดแคลน เราหวังว่าผู้คนทั่วโลกจะร่วมกันสะท้อนถึงคุณค่าของสันติภาพที่ได้สร้างสรรค์ผ่าน ‘818 BLOOM’ ที่ผสานเข้ากับข้อความของ G-DRAGON”

ขณะเดียวกัน G-DRAGON ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทูตกิตติมศักดิ์ของการประชุมสุดยอดเอเปค 2025 ที่เมืองคยองจู โดยยังคงได้รับการยกย่องอย่างต่อเนื่องถึงอิทธิพลเชิงบวกของเขาผ่านโครงการริเริ่มเพื่อสาธารณะต่างๆ

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250915755254/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

MTREINC Co., Ltd.
Wondeok SEO
+82-2-706-9252
sfa1905@mtreinc.co.kr

ที่มา: MTREINC Co., Ltd.

SG Entertech เปิดตัว ‘Snack VR’ แพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำสำหรับ Android พร้อมขยายธุรกิจสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

การผสมผสานระหว่างเนื้อหาเกม VR การท่องเที่ยว และการศึกษา ช่วยเปิดโอกาสในการเป็นพันธมิตรระหว่างธุรกิจแบบ B2G และแบบ B2B

โซล ประเทศเกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–16 กันยายน 2025

SG Entertech Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้าน VR ของเกาหลีใต้ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2019 ได้ประกาศเปิดตัว Snack VR อย่างเป็นทางการทั่วโลก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำสำหรับตลาดต่างประเทศ

Snack VR is an innovative VR mini-platform that operates in just 5㎡ of space, presenting a new business model expandable across tourism, education, and cultural sectors (Photo: SG Entertech Co., Ltd.)

Snack VR คือแพลตฟอร์ม VR ขนาดเล็กสุดล้ำที่สามารถทำงานในพื้นที่เพียง 5 ตร.ม. โดยมีการนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่ที่สามารถขยายได้ที่ครอบคลุมทั้งภาคการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรม (ภาพ: SG Entertech Co., Ltd.)

การเปิดตัวครั้งล่าสุดนี้ได้ก้าวข้ามผ่านข้อจำกัดของอุตสาหกรรมอาร์เคด VR แบบดั้งเดิมด้วยแพลตฟอร์ม VR ที่ไม่ต้องใช้คนที่ต้องการพื้นที่เพียง 5 ตร.ม. โดยมีการนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่สำหรับภาคการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรม

ฟีเจอร์หลักและข้อดีต่างๆ

  •  ประสิทธิภาพในด้านพื้นที่ด้วยขนาดกะทัดรัดพิเศษ : สามารถติดตั้งและใช้งานได้ภายในพื้นที่เพียง 5 ตร.ม.
  •  ลดต้นทุนในการดำเนินงาน : ประหยัดต้นทุน 70% ด้วยระบบอัตโนมัติ
  •  ระบบการชำระเงินแบบไร้คน : การดำเนินการกึ่งอัตโนมัติผ่านบัตรเครดิตหรือการชำระเงินผ่านมือถือ
  •  รองรับผู้เล่นหลายคน : ประสบการณ์ VR พร้อมกันสำหรับผู้ใช้สูงสุด 2 คน
  •  ใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ : เหมาะสำหรับสถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ ห้างสรรพสินค้า สถาบันการศึกษา และร้านค้าปลีก
  •  การอัปเดตเนื้อหา : การให้บริการเนื้อหาเกมและประสบการณ์อย่างต่อเนื่องผ่านพันธมิตรต่างๆ

รายชื่อเนื้อหา VR ที่โดดเด่น

  •  การต่อสู้ด้วยปืน : เกมยิงปืนแบบ 1 ต่อ 1
  •  เคาน์เตอร์แอ็ทแท็ค : เกมยิงป้องกันแห่งอนาคต
  •  โชคชะตาที่ไร้ขอบเขต : เกม RPG แนวแฟนตาซีแอ็คชันที่เน้นกลยุทธ์
  •  กล่องจดหมายโปสการ์ด VR : ประสบการณ์ที่เน้นการท่องเที่ยวเพื่อการส่งเสริมจุดหมายปลายทาง
  •  ประสบการณ์ศิลปะ VR เกี่ยวกับการวาดภาพ : โครงการการศึกษาที่เชื่อมโยงกับศิลปินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

PyoKook Sun ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ SG Entertech กล่าวว่า “Snack VR ไม่ใช่แค่อุปกรณ์เล่นเกม VR ธรรมดาๆ แต่เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การศึกษา และวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เรามุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดความบันเทิงดิจิทัลระดับภูมิภาค ด้วยการนำเสนอโซลูชัน VR ที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูง ร่วมกับผู้เล่นในท้องถิ่นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

กลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบัน SG Entertech กำลังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับคณะกรรมการการท่องเที่ยว สำนักงานการศึกษา ห้างสรรพสินค้า เครือโรงแรม และพิพิธภัณฑ์ในประเทศต่างๆ ในเอเชียใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านรูปแบบการออกใบอนุญาตและเอเจนซี่ โดยบริษัทจะช่วยให้ธุรกิจและสถาบันในท้องถิ่นสามารถมีส่วนร่วมในโครงการ VR ได้อย่างง่ายดาย

บริษัทเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนรายย่อยได้เข้าสู่อุตสาหกรรม VR ด้วยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ต่ำ ขณะเดียวกันก็มอบโอกาสในการร่วมมือแบบ B2G แก่สถาบันภาครัฐในภาคการท่องเที่ยวและการศึกษาเพื่อคว้าโอกาสจากโครงการที่นำโดยรัฐบาล นอกจากนี้ บริษัทยังช่วยเหลือแบรนด์และผู้ค้าปลีกระดับโลกต่างๆ ในการพัฒนากลยุทธ์ด้านการตลาดเชิงประสบการณ์ผ่านการขยายธุรกิจแบบ B2B อีกด้วย

เกี่ยวกับ SG Entertech

SG Entertech มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ศูนย์สนับสนุนการเติบโตขององค์กร XR ในเขตมาโป กรุงโซล โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโซลูชัน VR แบบผสานรวมสำหรับการท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรม และความบันเทิง โดยมีการคาดการณ์ว่า SG Entertech จะเป็นผู้เล่นหลักในการขับเคลื่อนการนำ VR มาใช้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20250915132571/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Contacts

SG Entertech Co., Ltd.
Josh Pyo, CEO
kodk@sgentertec.co.kr

ที่มา: SG Entertech Co., Ltd.

The Bangkok Reporter