OpenGate Capital ต้อนรับสมาชิกใหม่สู่คณะกรรมการที่ปรึกษา

Logo

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสามท่านเข้าร่วมคณะกรรมการเพื่อให้คำแนะนำด้านกลยุทธ์การลงทุนและการดำเนินงานทั่วโลกของบริษัท

ลอสแอนเจลิส–(BUSINESS WIRE)–21 กรกฎาคม 2563

วันนี้ OpenGate Capital บริษัทด้านการลงทุนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ระดับโลก ประกาศว่าบริษัทได้ต้อนรับสมาชิกใหม่สามท่านสู่คณะกรรมการที่ปรึกษา ได้แก่ คุณ Randall Aardema คุณ Matthew Pearlson และคุณ Randy Teo คณะกรรมการที่ปรึกษาของ OpenGate เป็นผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนและการดำเนินงานทั่วโลกของบริษัท และประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญผู้ดำรงตำแหน่งด้านความเป็นผู้นำ เทคโนโลยี นวัตกรรม การเงินและการดำเนินงาน

Andrew Nikou ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารแห่ง OpenGate Capital กล่าวว่า “พวกเราตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่สู่คณะกรรมการที่ปรึกษา ทั้ง Randall, Matthew และ Randy ต่างเป็นมืออาชีพที่มีความสามารถโดดเด่นในด้านที่ตนเชี่ยวชาญและมาพร้อมประสบการณ์ที่กว้างขวางและลึกซึ้ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความพยายามของทีมภายในบริษัทของเราในการหาโอกาสในการลงทุนที่จะกระตุ้นความสนใจอย่างต่อเนื่อง และขับเคลื่อนประสิทธิภาพที่เหนือกว่าในกลุ่มธุรกิจของเราอย่างครอบคลุมทั่วโลก”

ที่ปรึกษารายใหม่ทั้งสามสะสมความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์ที่ได้ร่วมกับองค์กรชั้นนำทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและเอเชีย

  • Randall Aardema เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดำเนินงานและเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมของ OpenGate ในเรื่องการผลิตและการบริหารจัดการซัพพลายเชนสำหรับการลงทุนในอเมริกาเหนือ นอกจากเป็นผู้ก่อตั้งแล้ว Aardema ยังดำรงตำแหน่งประธานแห่ง Aarwood Group ซึ่งเป็นบริษัทด้านที่ปรึกษาที่ช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและมีความเป็นเลิศด้านการดำเนินงานอีกด้วย
  • Matthew Pearlson เป็นผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีในด้านอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม และการผลิต 4.0 (Manufacturing 4.0) เขาเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทภายใต้ OpenGate ด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และทำหน้าที่ตรวจสอบ (due diligence) เกี่ยวกับโอกาสทางการลงทุน ปัจจุบัน Pearlson ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญการวิจัยในสาขาอวกาศยานศาสตร์และอากาศยานศาสตร์ของเอ็มไอทีควบคู่กับตำแหน่งวิศวกรทั่วไป ณ ศูนย์ระบบขนส่งแห่งชาติ US DOT Volpe ซึ่งตั้งอยู่ในเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์
  • Randy Teo เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดำเนินงานและปัจจุบันเป็นผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความพยายามในการก่อตั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องของ OpenGate ในเอเชีย รวมถึงกิจกรรมการดำเนินงานในภูมิภาคสำหรับบริษัทที่อยู่ภายใต้ OpenGate เขามีประสบการณ์อย่างมากทั้งในด้านการดำเนินงาน การควบรวมและเข้าซื้อกิจการ และการพัฒนาธุรกิจ และปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนผู้จัดการที่ T3each Global Ventures LLP ซึ่งเป็นสำนักงานของครอบครัวในสิงคโปร์ที่มุ่งเน้นทั้งด้านการลงทุนที่สร้างผลกระทบเชิงบวก และการหาทุนสนับสนุนนวัตกรรมสำหรับแพลตฟอร์มด้านสุขภาพและการศึกษา

เกี่ยวกับ OpenGate Capital

OpenGate Capital เป็นบริษัทด้านการลงทุนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ที่เชี่ยวชาญในด้านการเข้าซื้อกิจการและการดำเนินงานของธุรกิจเพื่อสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ผ่านการปรับปรุงการดำเนินงาน นวัตกรรม และการเติบโต OpenGate Capital ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย รวมทั้งมีสำนักงานประจำภูมิภาคยุโรปอยู่ในกรุงปารีสของฝรั่งเศส ผู้เชี่ยวชาญของ OpenGate เป็นผู้มีทักษะที่จำเป็นในการเข้าซื้อ ดำเนินงาน และสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ OpenGate Capital ได้ใช้วิธีการลงทุนในมรดกและกองทุนดำเนินการที่เกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการมาแล้วกว่า 30 ครั้ง รวมถึงเพื่อดำเนินการแยกทรัพย์สินของบริษัทมาบริษัทใหม่ การเข้าซื้อกิจการโดยผู้บริหาร (management buyout) การเข้าซื้อกิจการในสถานการณ์พิเศษ และการทำธุรกรรมกับผู้ขายเอกชนทั่วทั้งอเมริกาเหนือและยุโรป เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ OpenGate ได้ที่ www.opengatecapital.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200721005276/en/

สื่อติดต่อ OpenGate ได้ที่
Alanna Chaffin
อีเมล: achaffin@opengatecapital.com
โทรศัพท์: +1 (310) 432-7000

ติดต่อด้านการพัฒนาธุรกิจของ OpenGate ได้ที่
Joshua Adams
อีเมล: jadams@opengatecapital.com
โทรศัพท์: +1 (310) 432-7000

การลงทุนเฉพาะธีมของ Global X ETFs: โอกาสใหม่สำหรับนักลงทุนระดับอัลฟ่าที่กำลังมองหาโอกาสท่ามกลางเศรษฐกิจที่คนทำงานอยู่ที่บ้าน

Logo

  • ตลาดสหรัฐฯ ได้รับประโยชน์จากนโยบายการเงินและการคลังที่สำคัญในยุค COVID
  • โอกาสการเติบโตระยะยาวมีความจำเป็นมากขึ้นเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่เกิดจาก COVID-19
  • การลงทุนแบบธีมเป็นกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับพอร์ตโฟลิโอและจับแนวโน้มที่มีอยู่ก่อนที่จะแนวโน้มถูกเร่งโดยโรคระบาด
  • ธีมบางอย่าง รวมถึง วิดีโอเกมและกีฬา esports, หุ่นยนต์และ AI, คลาวด์คอมพิวติ้งและอี คอมเมิร์ซอยู่ในตำแหน่งที่ดีท่ามกลางเศรษฐกิจที่คนทำงานจากบ้าน

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–6 ก.ค. 2563

COVID-19 – เหตุการณ์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในยุคนี้

COVID-19 ได้กระตุ้นให้เกิดเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจมหภาคที่ใหญ่สุดเป็นประวัติกาล ผู้กำหนดนโยบายระดับโลกได้เปิดตัวมาตรการการคลังและการเงินเพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยพัฒนาไปเป็นการเศร้าซึมทางเศรษฐกิจแบบถาวร  นอกจากนี้นักลงทุนยังเผชิญกับความไม่สงบทางสังคมในประเทศและความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นซึ่งสร้างความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ในขณะที่ยังคงมีความหลากหลายทางความเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้นไม่น่าจะคลี่คลายไปทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ปลายปีนี้ก็ตาม

Jon Maier, หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Global X ETFs กล่าวว่า:ความสำคัญของจีนในระดับโลกกำลังเติบโตขึ้น อย่างไรก็ตามข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงน่าเป็นห่วง เป็นครั้งแรกที่เราเผชิญกับการพลิกกลับของโลกาภิวัตน์ (reversal of globalization) ผลทางเศรษฐกิจที่สำคัญของการตัดสินใจแยกจากกันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้น คือการที่สหรัฐฯ ย้านฐานการผลิตที่เคยอยู่เอเชียกลับคืนสู่สหรัฐฯ และเราเชื่อว่าสิ่งนี้ควบคู่ไปกับความจำเป็นในการลดต้นทุน จะเร่งแนวโน้มบางอย่าง เช่น การใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ "

การลงทุนเฉพาะธีมการใช้แนวทางระยะยาวมาใช้กับความผันผวนระยะสั้นด้วย

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเราได้สังเกตว่า COVID-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างต่อชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร การหยุดชะงักเหล่านี้ซึ่งเกิดจาก COVID-19 ได้เปลี่ยนโฉมหน้าพฤติกรรมของเราและผลักดันการเกิดขึ้นของเศรษฐกิจแบบที่คนทำงานจากที่บ้าน (stay-at-home economy)ขึ้นใหม่ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนที่มุ่งเน้นการเติบโต (growth-oriented investors)

การลงทุนเฉพาะธีมเป็นกลยุทธ์ระยะยาวที่ออกแบบมาเพื่อรับเอาประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาคที่เกิดขึ้นกระทันหันและที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมใหม่ นักลงทุนที่กำลังมองหาทางตั้งแต่เนิ่น ๆ ในการระบุการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้านการผสมผสานของพื้นฐานของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค ประชากรศาสตร์ หรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อมทางกายภาพจะสามารถใช้กลยุทธ์เฉพาะธีมเพื่อจับแนวโน้มที่เกิดขึ้นเหล่านี้ในระยะเริ่มแรก ดังนั้น COVID-19 จึงเป็นทั้งตัวเร่งความเร็วและตัวขยายตลาดสำหรับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่อยู่เบื้องหลังธีมมากมาย ก่อให้เกิดการรับไปปรับใช้ในวงกว้างที่เร็วขึ้น

Jay Jacobs หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ที่ Global X ETFs กล่าวว่า: ยุค 2010 ถึง 2019 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมต่อมือถือ อินเทอร์เน็ต 4G ที่รวดเร็ว และสมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีทำให้เกิดแนวโน้มบางอย่าง เช่น การช็อปปิ้งออนไลน์ การชำระเงินออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และเกมออนไลน์ที่ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมและบริษัทใหม่ ๆ ในปี 2020-2029 ที่ตามมา เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ไปอีกจะเกิดขึ้นผ่านทางอินเตอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง หรือ IoT, 5G และ Cloud Computing ข้อมูลที่สร้างขึ้นโดยธีมเหล่านี้จะถูกนำมาใช้เพื่อสอนรถยนต์อิสระ พัฒนายารักษาโรค ทำให้เมืองของเราปลอดภัยและสะอาดขึ้น และสร้างระบบ AI ซึ่งจะมีความสามารถมากกว่าที่เคยเป็นมา

การกระตุ้นการเติบโต วิธีที่ COVID-19 เร่งการนำมาปรับใช้ของธีมบางอย่าง

Global X ได้ระบุประเด็นสำคัญสี่ประการต่อไปนี้ว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับสภาพแวดล้อมที่สร้างความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเหล่านี้

วิดีโอเกมและ Esports – ได้รับประโยชน์จากคำสั่งซื้อแบบอยู่บ้าน:

  • การรับส่งข้อมูลเครือข่ายวิดีโอเกมสูงกว่าที่เคยเป็นมาท่ามกลางการแยกตัวออกห่างทางสังคม (social distancing) อย่างต่อเนื่อง และคำสั่งซื้อจากบ้าน (stay at home orders) ซึ่งอยู่ในช่วงที่แตกต่างกันตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ Verizon ระบุว่าปริมาณการใช้งานเกมออนไลน์เพิ่มขึ้น 75% ในเดือนมีนาคม รายรับจากการเล่นเกมประจำปีคาดว่าจะเติบโต 31.7% ในปี 25651 โดยได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากความบันเทิงที่มีมูลค่าต่อเงินที่แข็งแกร่ง เพราะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคใช้กันมากในระหว่างช่วงการกักกัน

Robotics & AI – ระบบอัตโนมัติอาจได้รับประโยชน์จากความพยายามในการย้ายฐานการผลิตกลับคืนสู่สหรัฐฯ:

  • เหตุการณ์มหภาคเมื่อเร็ว ๆ นี้ เช่น ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีนและการระบาดของ COVID-19 จะยิ่งผลักดันแนวโน้มของบริษัทในการย้ายห่วงโซ่อุปทานการผลิตกลับสู่สหรัฐฯ และการพึ่งพาหุ่นยนต์ ทั้งนี้ตลาดหุ่นยนต์ทั่วโลกคาดว่าจะขยายตัวเกือบ 4.99 แสนล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2568 คิดเป็น 26% ของ CAGR2 และตลาด AI ทั่วโลกจะขยายสู่เกือบ 1.69 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2568 และ  คิดเป็น 72% ของ CAGR3

Cloud Computing – สนับสนุน“ Work From Home หรือ การทำงานจากที่บ้านโดยโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์:

  • โครงสร้างพื้นฐานแบบที่เป็นบริการ หรือ Infrastructure as a service (IaaS) และซอฟต์แวร์แบบที่เป็นบริการ หรือ Software as a service (SaaS) เป็นส่วนที่ขาดไม่ได้ของสภาพแวดล้อมการทำงานและความบันเทิงที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยมีตลาดคลาวด์สาธารณะที่เติบโตขึ้นที่ประมาณ 25% ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก4

E-Commerce – ยุคใหม่ของการค้าปลีก:

  • แม้อีคอมเมิร์ซจะมีมานานกว่าสองทศวรรษ แต่การนำไปใช้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นทั่วโลก ดังนั้นจึงยังมีศักยภาพในการเติบโตมากมายผ่านแนวโน้มใหม่ ๆ เช่น augmented reality (AR), virtual reality (VR) และสังคมพาณิชย์

การเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรม ETF ทั่วโลกและการรวมตำแหน่ง ETF ที่มากขึ้นในการจัดสรรสินทรัพย์

Luis Berruga ซีอีโอของ Global X ETFs กล่าวว่า: ในขณะที่ 15 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนทั่วโลกเพียง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นใน ETFs แต่สินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 การเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของอุตสาหกรรม ETF นั้นเกิดจากความโปร่งใสและความสามารถทางการค้าขาย ราคาที่ต่ำลง และความสามารถด้านภาษี  เราได้เห็นการเติบโตของ ETFในยุโรปและเอเชียและเราคาดว่าแนวโน้มจะดำเนินต่อไปเนื่องจากการเพิ่มการยอมรับของ ETFและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ในภูมิภาค นักลงทุนจำนวนมากขึ้นได้ข้อสรุปว่า ETF ช่วยให้พวกเขาสามารถมองเห็นได้ไกลกว่าเพียงแค่ผลกระทบทางเศรษฐกิจมหภาคในระยะสั้น และสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มในอนาคต เป็นผลให้มีการรวมตำแหน่ง ETF มากขึ้น ในแง่ของการจัดสรรสินทรัพย์

เกี่ยวกับ Global X Management Company LLC

Global X Management Company LLC ก่อตั้งขึ้นในปี 2551 โดยมีพันธกิจในการรับฟังและเพิ่มศักยภาพของลูกค้าในการลงทุนอย่างชาญฉลาดด้วยโซลูชันที่ฉลาดที่ไม่เคยถูกใช้ที่ไหนมาก่อน  บริษัทของเรามีกลยุทธ์ ETF มากกว่า 70 กลยุทธ์ ในขณะที่เรามีความโดดเด่นสำหรับการเจริญเติบโตเชิงธีม ทางรายได้และการเข้าถึง ETFs ระหว่างประเทศ เรายังมีเครื่องมือการลงทุนหลักสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์แบบอัลฟาเพื่อให้เหมาะกับกลยุทธ์ที่หลากหลาย ทั้งนี้ Global X Management Company LLC เป็นสมาชิกของ Mirae Asset Global Investments Group ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่ตั้งอยู่ในกรุงโซลซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการสินทรัพย์ทั่วโลก รู้จักบริษัทของเราเพิ่มเติมที่ www.globalxetfs.com.

เกี่ยวกับ Mirae Asset Global Investments (Hong Kong) Limited

Mirae Asset Global Investments (ฮ่องกง) จำกัด (“ Mirae Asset”) เป็นองค์กรบริหารสินทรัพย์ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 1.46 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนธันวาคม 2562 โดยองค์กรให้บริการผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย รวมถึง กองทุนรวม กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (“ ETF”) และอื่น ๆ ทั้งนี้ Mirae Asset มีสำนักงาน 15 แห่งทั่วโลก  มีทีมงานทั่วโลกมากกว่า 830 คนซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน 180 คน

แพลตฟอร์มETFทั่วโลกของ Mirae Asset มีสายผลิตภัณฑ์มากกว่า 360 ETF ที่ให้บริการที่มีคุณภาพสูงและประหยัดค่าใช้จ่ายแก่นักลงทุนในการลงทุนรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น และเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในตลาดโลก กองทุน ETF ของ Mirae Asset ได้รวมสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมูลค่า 3.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ณ เดือนธันวาคม 2562) และจดทะเบียนในออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา โคลัมเบีย ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และสหรัฐอเมริกา

ข้อความยกเว้น

เอกสารนี้เป็นความคิดเห็นของ Mirae Asset Global Investments (ฮ่องกง) จำกัด (“ MAGIHK”) และมีไว้สำหรับการใช้งานของคุณเท่านั้น

มันไม่ใช่การชักชวน, การเสนอ หรือคำแนะนำในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินอื่น ๆ และจะไม่ถือเป็นรูปแบบของคำแนะนำทางการเงินทางกฎหมาย ทางภาษีหรือบริการที่มีการควบคุมอื่น ๆ ข้อมูลในเอกสารนี้ได้มาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ แต่ไม่ใช่การรับประกันใด ๆ ทาง MAGIHK ไม่ได้กล่าวอ้างถึงความถูกต้องหรือความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นจึงไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการใช้เอกสารนี้

การลงทุนทั้งหมดมีความเสี่ยง การคาดการณ์ข้อมูลที่ผ่านมาและการประมาณการมีข้อจำกัดโดยธรรมชาติบางอย่าง ข้อความที่เกี่ยวกับแนวโน้มของตลาดการเงินหรือกลยุทธ์การลงทุนจะขึ้นอยู่กับสภาพตลาดในปัจจุบันซึ่งจะผันผวนได้ ไม่มีการรับประกันว่าความคิดเห็นเหล่านี้เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน และนักลงทุนแต่ละคนควรประเมินความสามารถในการลงทุนในระยะยาวโดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดตกต่ำ แนวโน้มและกลยุทธ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ประสิทธิภาพที่ผ่านมาไม่ใช่การรับประกันหรือการเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือของผลลัพธ์ในอนาคต ก่อนตัดสินใจลงทุน นักลงทุนควรอ่านหนังสือชี้ชวนกองทุนเพื่อดูรายละเอียดและปัจจัยความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรมั่นใจว่าพวกเขาเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนอย่างสมบูรณ์และควรพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผู้ลงทุนควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระหากมีข้อข้องใจ

ฮ่องกง รวมถึง Asia ex Japan

เอกสารนี้ออกโดย MAGIHK (ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสำหรับประเภท 1, 4 และ 9 กิจกรรมที่มีการควบคุมภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า) เอกสารนี้ยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยคณะกรรมการหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องในเขตอำนาจศาลซึ่งบทความนี้ถูกโพสต์และไม่มีส่วนใดของเอกสารนี้ที่จะถูกทำซ้ำในรูปแบบใด ๆ หรืออ้างถึงในสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ได้ หากไม่ได้รับอนุญาตจาก MAGIHK

Copyright 2020. สงวนลิขสิทธิ์

COM-2020-07-03-HK-SG-TW-THA-R-MKT

_______________________

1Newzoo, 2019.

2Statista, Size of the global market for industrial and non-industrial robots, 2018.

3Allied Market Research, Artificial Intelligence Market by Technology, 2018.

4Boston Consulting Group, Ascent to the Cloud: How Six Key APAC Economies Can Lift-off, 2019.

ติดต่อ:

 Amy Chan

ETF Marketing, VP

Mirae Asset Global Investments (HK) Limited

โทร: +852 3555 5752

อีเมล: amy.chan@miraeasset.com

Francis Lee

ผู้อำนวยการ

Finsbury

โทร: +852 3166 9816

อีเมล: francis.lee@finsbury.com

ซื้อคริปโทด้วยสกุลเงินประเทศของตนกับ Narkasa

Logo

ในหกเดือนที่ผ่านมา จำนวนการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีได้เพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากการย่อตัวของตลาดหุ้นโลก  Narkasa เป็นตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ตั้งอยู่ในอิสตันบูลที่มุ่งให้ลูกค้าสามารถซื้อขายโดยใช้สกุลเงิน 156 ประเทศ

อิสตันบูล–(บิสิเนสไวร์)–1 กรกฎาคม 2563

ปัจจุบันตลาดคริปโทเคอร์เรนซีทั่วโลกมีมูลค่าเกือบ 265 พันล้านเหรียญสหรัฐและมีมูลค่าการซื้อขายเกือบ 7 หมื่นล้านเหรียญต่อวัน  ปัจจุบันมีตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรวม 314 แห่งทั่วโลกโดยอิงจาก crypto-tracker Coinmarketcap  อย่างไรก็ตาม ปกติการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีจำเป็นต้องใช้สกุลเงินดอลลาร์หรือยูโรเท่านั้น

Narkasa แตกต่างจากรายอื่น โดยเป็นตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีจากอิสตันบูลซึ่งอนุญาตให้นักลงทุนซื้อสินทรัพย์คริปโทด้วยสกุลเงินอื่นๆ มากมาย  ยิ่งไปกว่านั้นบริการใหม่นี้ยังมอบส่วนลดค่าธรรมเนียม 50 เปอร์เซ็นต์สำหรับทุกธุรกรรมภายใน 90 วันหลังจากการเปิดตัว

156 สกุลเงินจากทั่วโลก

ด้วยเทคโนโลยีและบริการที่ล้ำสมัยใน 12 ภาษา Narkasa ให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลที่รวดเร็วและปลอดภัยในสกุลเงินต่างๆ “นอกเหนือจากเงินดอลลาร์และยูโรแล้ว Narkasa ยังรองรับธุรกรรมในรูเบิลของรัสเซีย ฮอว์นีสของยูเครน เรียลของบราซิล เทงของคาซัคสถาน และลีราของตุรกี” ซีอีโอของ Narkasa Erdal Kaya กล่าว

“นอกจากนี้ เรากำลังวางแผนที่จะขยายการดำเนินงานของเราต่อไปเพื่อให้สามารถซื้อขายคริปโทในสกุลเงินต่างประเทศได้ 156 สกุล (เงิน fiat)  Narkasa ต่างจากตลาดซื้อขายอื่นๆ ตรงที่จะอนุญาตให้นักลงทุนซื้อคริปโทเคอร์เรนซีด้วยสกุลเงินจากประเทศใดก็ตาม”

การซื้อขายที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้

Narkasa ไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นใดๆ จากการซื้อสกุลเงินดิจิตอลผ่านแพลตฟอร์มและยังรับประกันได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าทั้งหมดนั้นปลอดภัย  ทางบริษัทถูกตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอโดยบริษัทบัญชีอิสระและดำเนินงานตามกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการฟอกเงิน/การต่อต้านการก่อการร้ายของสหภาพยุโรปในขณะที่ปฏิบัติตามแนวทาง “รู้จักลูกค้าของคุณ”  ยิ่งไปกว่านั้น การใช้เทคโนโลยี API ทำให้ Narkasa เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายอัลกอริธึมสกุลเงินดิจิตอลที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจัดการการลงทุนของพวกเขาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อป้องกันความผันผวนของตลาดอย่างฉับพลัน

คริปโทครองใจโลกอย่างฉับพลัน

ปัจจุบันมีคริปโทเคอร์เรนซีที่ใช้อยู่ในปัจจุบันจำนวน 2,687 เหรียญ  Bitcoin, Ethereum, Tether และ Ripple คิดเป็นสัดส่วน 82% ของปริมาณการค้าทั้งหมดโดยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  การแพร่หลายของตลาดซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของนักลงทุนอย่างมาก

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52242376/en

ติดต่อ:

ทีมสนับสนุน Narkasa 
support@narkasa.com

Tulay Genc
support@b2press.com
+31 30 799 6022

 

CoinFLEX เปิดตัวศูนย์กลางตลาดซื้อคืนสินทรัพย์

Logo

สะพานระหว่างเทรดเดอร์ perpetual, spot, ผู้กู้และผู้ให้กู้

ตลาดซื้อขายฟิวเจอร์สแบบส่งมอบสินค้าจริงแห่งแรกนี้มอบความยืดหยุ่นของการเทรดให้กับนักลงทุนคริปโท

ฮ่องกง–(บิสิเนสไวร์)–29 มิถุนายน 2563

วันนี้ CoinFLEX ตลาดฟิวเจอร์สสกุลเงินดิจิตอลแบบส่งมอบสินค้าจริงแห่งแรกของโลก เปิดตัวศูนย์กลางตลาดซื้อคืนแห่งแรกของอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนโดยฟิวเจอร์สแบบ perpetual  CoinFLEX เป็นตลาดซื้อขายแห่งแรกที่ได้พัฒนาและนำเสนอฟิวเจอร์สแบบ perpetual ที่ส่งมอบสินค้าจริง

ตลาดซื้อคืนของ CoinFLEX มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงการปล่อยสินเชื่อและเงินกู้ที่มีสภาพคล่องสูงโดยไม่จำเป็นต้องทำงานผ่านช่องทางของตลาดซื้อคืนแบบดั้งเดิมเช่นธนาคารหรือตัวกลางอื่นๆ ส่งผลให้การซื้อขายมีความยืดหยุ่นและเข้าถึงผลกำไรมากขึ้น CoinFLEX สร้างตลาดซื้อคืนและฟิวเจอร์แบบ perpetual สำหรับคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมตลาดโดยเพิ่มสภาพคล่องและลดต้นทุนอย่างมาก

Mark Lamb ซีโอของของ CoinFLEX กล่าวว่า “การสร้างตลาดซื้อคืนนั้นเป็นการสร้างตลาดซื้อขายที่ยุติธรรม โปร่งใส และยืดหยุ่นสำหรับผู้เข้าร่วมตลาดทั้งหมด  การนำเสนอฟิวเจอร์สแบบ perpetual ที่ส่งมอบสินค้าจริงจะช่วยให้นักเทรดสามารถเข้าถึงตราสารอนุพันธ์ที่มีสภาพคล่องสูงและมีเลเวอเรจพร้อมตัวเลือกในการส่งมอบ โดยเป็นเครื่องมือการลดความเสี่ยงแบบใหม่สำหรับนักลงทุน”

เขากล่าวต่อว่า “ตลาดซื้อคืน CoinFLEX กับ FutFable Deliverable Perpetual Futures เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลประโยชน์จากการซื้อขายแบบดั้งเดิมในตลาดอัตราดอกเบี้ยใหม่สำหรับคริปโทซึ่งสามารถรับผลตอบแทนจากการลงทุนได้  ในโลกการเงินแบบดั้งเดิมที่ให้ผลตอบแทนที่ไม่แน่นอน ความสามารถในการเก็บผลตอบแทนจากคริปโทเคอร์เรนซีเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักลงทุนที่ใช้ดอลลาร์หรือคริปโท

CoinFLEX เปิดตัวในต้นปี 2562 โดยให้บริการแก่ผู้ค้ารายย่อยเช่นเดียวกับตลาดป้องกันความเสี่ยงเชิงพาณิชย์ ซึ่งรวมถึงบริษัทขุดคริปโท บริษัทซื้อขาย OTC และบริษัทตลาดซื้อขายกรรมสิทธิ์ระดับโลกและเป็นรายแรกที่เปิดตัวการซื้อขายฟิวเจอร์ของโทเค็น Polkadot และ Dfinity  CoinFLEX ทำการซื้อขายหลายร้อยล้านสัญญาต่อวันในช่วงสิบสองเดือนที่ผ่านมาและความสำเร็จได้นำไปสู่การสนับสนุนจากนักลงทุนอย่างกว้างขวางรวมกว่า 10 ล้านดอลลาร์จาก Polychain Capital, Digital Currency Group, Dragonfly Capital, B2C2 และ Grapefruit Trading.

นักเทรดและนักลงทุนที่สนใจสามารถเข้าถึง CoinFLEX โดยการลงทะเบียนออนไลน์ที่ https://coinflex.com/

เกี่ยวกับ CoinFLEX

CoinFLEX (Coin Futures and Lending Exchange) ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2562 โดย Mark Lamb และ Sudhu Arumugam เป็นตลาดซื้อขายฟิวเจอร์สแบบส่งมอบสินค้าจริงรายแรกของโลกที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้นักลงทุนสามารถซื้อขายและป้องกันความเสี่ยงคริปโทเคอร์เรนซีโดยมีความเสี่ยงจากดัชนีหรือการส่งมอบที่ต่ำ

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200629005543/en/

ติดต่อ:

Carissa Felger
Gasthalter & Co.
coinflex@gasthalter.com

ผลวิจัยใหม่ของเวสเทิร์น ยูเนี่ยนให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตของการศึกษานานาชาติ

Logo

ความต้องการ ทัศนคติ และพฤติกรรมของนักศึกษาต่างชาติในอนาคตจะเปลี่ยนวิธีที่มหาวิทยาลัยจะมอบการศึกษา พัฒนา และเป็นเจ้าภาพให้กับประชากรของพวกเขา

เดนเวอร์–(บิสิเนสไวร์)–01 มิ.ย. 2563

The Western Union Company (NYSE: WU) ผู้นำการโอนเงินข้ามพรมแดน การแลกเปลี่ยนเงินตรา และการทำธุรกรรมเปิดเผยรายงานใหม่เกี่ยวกับ “อนาคตของการศึกษานานาชาติ” โดยร่วมมือกับ The Future Laboratory สมุดปกขาวนี้นำเสนอห้าโปรไฟล์นักเรียนใหม่ที่จะเป็นผลมาจากทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมของเยาวชนในวันนี้ เช่น นักคิดผสมผสาน หรือ ผู้จบการศึกษาสีเขียว รายงานใหม่นี้คาดการณ์ถึงสิ่งที่สถาบันการศึกษาควรปรับตัวเพื่อตอบสนองความคาดหวังเหล่านี้

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200601005162/en/

Meet the students of the future: new student profiles uncovered in “The Future of International Education” (Graphic: Business Wire)

พบกับนักเรียนในอนาคต: โปรไฟล์นักศึกษาใหม่ที่เปิดตัวใน “อนาคตของการศึกษานานาชาติ” (กราฟิก: บิสิเนสไวร์)

การวิจัยเกิดขึ้นในช่วงที่มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยทั่วโลกกำลังปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ COVID-19 ตั้งแต่การปรับเป็นภาคออนไลน์ไปจนถึงการเลื่อนวันสอบภาคเรียน  สถาบันสามารถใช้รายงานเพื่อให้แน่ใจว่านโยบายใหม่ของเขาสอดคล้องกับความต้องการและลำดับความสำคัญของนักศึกษาต่างชาติ

“เราเห็นการตอบรับที่เหลือเชื่อจากสถาบันการศึกษาเกี่ยวกับ COVID-19  การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่พวกเขากำลังนำดำเนินการเนื่องจากการระบาดครั้งนี้กำลังเร่งเทรนด์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อสถาบันและนักเรียนในระยะยาว ตัวอย่างเช่นการย้ายไปสู่ห้องเรียนเสมือนได้ทำให้เทรนด์ การเรียนรู้ข้ามชาติ เป็นจริงเร็วขึ้นซึ่งเพิ่มการเข้าถึงและความยืดหยุ่นของหลักสูตรที่เปิดสอน” Andrew Summerill หัวหน้าฝ่ายการทำธุระกรรมทั่วโลกของ Western Union กล่าว

“การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยสถาบันการศึกษาในการดึงดูดนักศึกษาต่างชาติในอนาคต” คุณ Summerill กล่าว “ตามที่เราทราบ พวกเขาต้องการให้มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยต่างๆ ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของนักเรียนให้ทันสมัยยิ่งขึ้น  ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ซึ่งได้ชี้นำมหาวิทยาลัยในการพัฒนาเพื่อตอบสนองความคาดหวังของนักเรียนในอนาคต เราได้ทำการวิจัยนี้เพื่อช่วยให้พวกเขาปรับตัวตามความท้าทายเหล่านี้”

“มหาวิทยาลัยที่ตอบสนองกับโปรไฟล์นักศึกษาต่างชาติในอนาคตจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้นในภาคการศึกษาและส่งเสริมการเติบโตของภาคการศึกษาอย่างยั่งยืนเพื่ออนาคตที่มั่นคง” Summerill กล่าว

แนวโน้มที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ถือเป็นวิธีการให้มหาวิทยาลัยดึงดูดนักศึกษาต่างชาติในอนาคตและเจริญเติบโตอย่างแท้จริงในทศวรรษหน้า  ในขณะที่ภาคการศึกษากำลังผ่านวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่เพื่อให้เหมาะกับนักศึกษาต่างชาติในอนาคต การปรับใช้และผสมผสานองค์ประกอบของการปฏิวัติทางดิจิตอลที่สร้างแรงบันดาลใจ มีประโยชน์ และยอดเยี่ยมที่สุดจะมีความสำคัญต่อการรักษาวัฒนธรรมและสังคมของมหาวิทยาลัย

Western Union Business Solutions เป็นผู้ให้บริการทำธุรกรรมที่น่าเชื่อถือที่ได้โอนเงินมูลค่ารวมกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ในนามของผู้ให้บริการการศึกษา  แปดในสิบอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดทั่วโลกi ได้ประหยัดเวลาและทุนด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ของเราเพื่อให้นักเรียนต่างชาติจ่ายค่าเล่าเรียนใน 200 ประเทศและ 130 สกุลเงิน ดาวน์โหลดรายงานที่นี่

Future Laboratory เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาด้านแนวโน้มของอนาคตที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก  ทางองค์กรมีการผสมผสานของการคาดการณ์เทรนด์ ความเข้าใจผู้บริโภค การมองการณ์ไกล กลยุทธ์แบรนด์ และนวัตกรรมที่ไม่เหมือนใครเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและช่วยองค์กรในการป้องกันความเสี่ยงในอนาคต

เกี่ยวกับเวสเทิร์น ยูเนี่ยน

The Western Union Company (NYSE: WU) เป็นผู้นำระดับโลกด้านการโอนเงินข้ามพรมแดน การแลกเปลี่ยนเงินตรา และการทำธุรกรรม แพลตฟอร์มหลากหลายช่องทาง (omnichannel) ของเราเชื่อมต่อโลกดิจิตอลกับโลกกายภาพและทำให้ผู้บริโภคและธุรกิจสามารถรับและส่งเงินและทำธุรกรรมด้วยความเร็ว ความสะดวก และความไว้วางใจ  ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 เครือข่ายของเรามีตัวแทนปลีกกว่า 550,000 แห่งที่ให้บริการแบรนด์ของเราในกว่า 200 ประเทศและดินแดน พร้อมความสามารถในการส่งเงินไปยังบัญชีหลายพันล้านรายการ  นอกจากนี้ westernunion.com ซึ่งเป็นช่องทางที่เติบโตเร็วที่สุดของเราในปี 2562 มีให้บริการในกว่า 75 ประเทศรวมถึงพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อให้สามารถโอนเงินทั่วโลก  ด้วยเครือข่ายทั่วโลกของเราเวสเทิร์น ยูเนี่ยนช่วยโอนเงินเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น โดยเชื่อมโยงครอบครัว เพื่อนพ้อง และธุรกิจเพื่อสร้างการเข้าถึงเงินและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.westernunion.com

WU-G

i โดย Times Higher Education อันดับมหาวิทยาลัยโลก 2020

อ่านที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200601005162/en/

ติดต่อ:

Cristina Hoole
Western Union
มือถือ: +44-(0)7766 070978
Cristina.Hoole@wu.com

บริหารความมั่งคั่งแบบซิตี้โกลด์ ด้วยการลงทุนหลากหลาย การกระจายความเสี่ยง มีเทคโนโลยีชั้นนำช่วย พร้อมแนะลงทุนแบบประจำ (RSP) เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–25 พฤษภาคม 2563

imgเพราะเราทุกคนต่างมีความฝันและมีความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้นการที่จะทำให้ความฝันหรือความต้องการเป็นจริงได้ต้องใช้หลายปัจจัยมาสนับสนุน ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่ปฎิเสธไม่ได้ว่ามีความสำคัญก็คือ “เงิน” ที่จะมาช่วยให้ความฝันและความต้องการเป็นจริงได้ง่ายมากขึ้น แน่นอนว่าการจะทำให้เงินเพิ่มพูนมากขึ้นและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เจ้าของ เชื่อว่าหลาย ๆ คนมีวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างกันไปและเทรนด์การลงทุนก็เป็นหนึ่งในวิธีที่คนนิยมกัน และปัจจุบันการลงทุนก็มีหลากหลายประเภทให้ผู้ลงทุนได้เลือกตัดสินใจ เนื่องจากแต่ละบุคคลย่อมตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้แตกต่างกัน ไม่ว่าจะมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง การลงทุนเพื่อการท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ การลงทุนเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคง การลงทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาของบุตรหลานในอนาคต ตลอดจนการลงทุนระยะยาวเพื่อช่วงชีวิตวัยเกษียณ ฯลฯ เป็นต้น

นายดอน จรรย์ศุภรินทร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า ซิตี้โกลด์ พร้อมมอบบริการด้านบริหารความมั่งคั่งรวมถึงให้คำปรึกษาด้านการลงทุนสำหรับลูกค้าคนสำคัญ ด้วยการนำเสนอบริการในการกระจายการลงทุนทั่วโลกกว่า 200 กองทุนจากพาร์ทเนอร์ทางการเงินที่หลากหลายกับ 5 บลจ. ในประเทศและ 13 บลจ. ต่างประเทศ ครอบคลุมความหลากหลายของกองทุนทั้งประเภทของสินทรัพย์และภูมิภาคของการลงทุน

นอกจากนี้สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมหนึ่งคือ การลงทุนแบบประจำ (Regular Savings Plan) หรือ RSP สำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์ เพื่อลดผลกระทบความผันผวนของตลาด โดยการลงทุนแบบประจำ คือ

  • ลงทุนในจำนวนเงินสัดส่วนที่เท่ากันทุกเดือน โดยผู้ลงทุนสามารถแจ้งความจำนงที่จะซื้อกองทุนรวมด้วยการตัดเงินจากบัญชีธนาคารอัตโนมัติทุก ๆ เดือนได้โดยตรง เป็นการสร้างวินัยในการลงทุนอีกช่องทางหนึ่งทำให้ผู้ลงทุนบรรลุจุดประสงค์ทางการเงินในระยะยาวได้
  • ลงทุนสม่ำเสมอมั่นคงกว่าการลงทุนเพียงครั้งเดียว RSP เป็นการใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบทยอยลงทุน หรือ Dollar Cost Average (DCA)  ที่นักลงทุนไม่ต้องคอยถามว่า “ลงทุนช่วงเวลาไหนดี” และไม่พลาดโอกาสการลงทุนในทุกช่วงเวลา เนื่องจากสภาวะตลาดและการลงทุนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
  • ผลตอบแทนที่มั่นคง ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนทบต้นทบดอก ซึ่งนักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนแบบ RSP ในหลากหลายสินทรัพย์ลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และตรงกับเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ

ทั้งนี้ซิตี้แบงก์พร้อมมอบประสบการณ์ด้านการบริหารความมั่งคั่งของลูกค้าซิตี้โกลด์ให้สะดวกสบายและง่ายขึ้นผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ซิตี้แบงก์ ออนไลน์ และ ซิตี้ โมบายล์ แอปพลิเคชัน อาทิ การโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศ การตรวจสอบความเคลื่อนไหวของพอร์ทการลงทุน การทำธุรกรรมผ่านทางออเธอไรเซชั่น คอร์เนอร์ (Authorization Corner) ฟังก์ชั่นที่ให้ลูกค้าสามารถทำการตรวจสอบยืนยันเอกสารคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุน ดูเอกสารที่เกี่ยวข้อง และอนุมัติการทำธุรกรรมต่าง ๆ ผ่าน OTP โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สาขา นอกจากนี้ลูกค้าสามารถเปิดบัญชีสกุลเงินตราต่างประเทศได้สูงสุด 8 สกุลเงินโดยทันทีภายใต้บริการ ซิตี้ โกลบอล วอลเลท (Citibank Global Wallet) เพื่อใช้จ่ายในสกุลเงินต่างประเทศหรือซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ โดยสามารถทราบอัตราแลกเปลี่ยนที่แน่นอนในขณะที่ทำการแลกเงิน ตลอดจนบริการใหม่ล่าสุด International Telegraphic Fund Transfer ให้ลูกค้าสามารถโอนเงินต่างประเทศด้วย 38 สกุลเงินทั่วโลกโดยไม่เสียค่าธรรมเนียมบริการ

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน ซิตี้แบงก์มอบโปรโมชั่นพิเศษเวลคัมโบนัสและดับเบิ้ลอัพคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ดสูงสุด 230,000 คะแนน พร้อมสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์และการลงทุนต่าง ๆ มากมาย อาทิ เครดิตการสั่งอาหารจากร้านอาหารระดับมิชลินมูลค่าสูงสุด 30,000 บาทต่อปี เครดิตเงินคืนบริการจาก Grab มูลค่าสูงสุด 1,500 บาทต่อเดือน ฯลฯ ตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ตลอดจนมอบข้อเสนอช่วงเวลาสุดพิเศษสำหรับลูกค้าซิตี้โกลด์อีลีทที่มีเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.8% นาน 6 เดือน เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารฯ กำหนด สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.citibank.co.th/th/newcitigoldcustomer/index.htm

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับซิตี้โกลด์ กรุณาติดต่อธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย โทร. 0-2081-0999หรือ www.citibank.co.th/th/citigold  หรือเพิ่ม Citi Thailand เป็นเพื่อนทาง LINE

###

หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ

เกี่ยวกับ “ซิตี้”

ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200 ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citibank.co.th | เฟซบุ๊ก: Citi Thailand  | LINE: Citi Thailand

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน ติดต่อ

ธนาคารซิตี้แบงก์

วันวิสาข์ โคมินทร์

+662 079 3251

wanvisa.komindr@citi.com

เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์  JC&CO PUBLIC RELATIONS

ณภัทร กาญจนะจัย / +668 1355 9221 / napatk@jcpr.co.th

นิกรณ์กานต์ วิจักษณ์ไพศาล / +669 7230 0528 / nikornkarnw@jcpr.co.th

MEDIA HOTLINE : 02-634-4557 / 6681-486-3407 (ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์)

กสิกรไทยเพิ่มโอนเงินต่างประเทศผ่าน K PLUS เป็น 12 สกุล ใน 30 ประเทศ ตั้งเป้าโอนได้ทั่วโลกในสิ้นปีนี้

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–20 พฤษภาคม 2563

imgธนาคารกสิกรไทยผนึกพันธมิตร NIUM ผู้ให้บริการโอนเงินข้ามประเทศชั้นนำจากสิงคโปร์ พัฒนาเทคโนโลยีการโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน Application Programming Interface (API) ขยายสกุลโอนเงินไปต่างประเทศผ่านแอป K PLUS เพิ่มอีก 6 สกุลเงิน เป็น 12 สกุลเงิน ครอบคลุม 30 ประเทศทั่วโลก โดยไม่ต้องใช้เอกสาร ทำรายการได้เองผ่าน K PLUS  ตั้งเป้าโอนไปทุกประเทศทั่วโลกภายในสิ้นปี 63     

นายศีลวัต สันติวิสัฏฐ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากเปิดให้บริการโอนเงินต่างประเทศผ่านแอป K PLUS (Outward Remittance on K PLUS) ในเดือนพฤษภาคม 2562 เป็นเวลากว่า 1 ปี    ปรากฏว่ามีลูกค้ารายใหม่ ที่ยังไม่เคยใช้บริการเงินโอนต่างประเทศเข้ามาใช้งานเป็นจำนวนมาก มีการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจากมูลค่าการโอนมากกว่า 4,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะโอนเงินไปต่างประเทศเพื่อการศึกษา ชำระค่าสินค้า แรงงานต่างชาติที่โอนเงินกลับบ้าน โอนให้ครอบครัวที่อยู่ต่างประเทศ โดยปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีมูลค่าในตลาดการโอนเงินต่างประเทศกลุ่มลูกค้ารายย่อยวงเงินโอนต่อรายการต่ำหรือ Low Value ในปี 2562 คิดเป็นสัดส่วนทางการตลาดกว่า 25% ของมูลค่ารวมของตลาด

จากการที่ธนาคารกสิกรไทยจับมือเป็นพันธมิตรกับ NIUM ฟินเทคที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียน ซึ่ง Beacon VC บริษัทร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย ได้ร่วมลงทุนกับ NIUM เมื่อปี 2561 จากความร่วมมือในครั้งนั้นทำให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถพัฒนาคุณภาพการให้บริการโอนเงินข้ามประเทศแก่ลูกค้ารายย่อย จนมีปริมาณธุรกรรมและมูลค่าธุรกรรมการโอนเงินต่างประเทศเติบโตแบบก้าวกระโดด และล่าสุดสามารถต่อยอดด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีการโอนเงินระหว่างประเทศผ่าน Application Programming Interface (API) ทำให้สามารถโอนเงินไปต่างประเทศได้เพิ่มอีก 6 สกุลเงิน รวมเป็น 12 สกุลเงิน  ประกอบด้วย เงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฮ่องกง เงินปอนด์ ยูโร เปโซฟิลิปปินส์ รูปีอินเดีย รูเปียอินโดนีเซีย ดองเวียดนาม วอนเกาหลีใต้ และริงกิตของมาเลเซีย ครอบคลุมถึง 30 ประเทศ จากเดิม 24 ประเทศ

ธนาคารกสิกรไทยมีเป้าหมายภายในสิ้นปี 2563 ที่จะพัฒนาบริการให้ลูกค้าสามารถโอนไปทุกประเทศทั่วโลกผ่าน K PLUS และตั้งเป้าจะมียอดธุรกรรมมากกว่า 60,000 รายการต่อปี มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี ภายในปี 2568

             

นายโรฮิต บาม์มี่  Global Head of Institution Business, NIUM กล่าวว่า เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมพัฒนานวัตกรรมการให้บริการเงินโอนต่างประเทศบนแอปพลิเคชันของธนาคารกสิกรไทยด้วยสกุลเงินที่หลากหลายขึ้น  ในฐานะฟินเทคผู้เชี่ยวชาญด้านบริการเงินโอนข้ามประเทศ เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการเงินดิจิทัลที่ง่าย สะดวกสบาย รวดเร็ว ในราคาที่เหมาะสม  ซึ่งเห็นได้ชัดจากการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรอย่างธนาคารกสิกรไทยเพื่อให้บริการเงินโอนต่างประเทศที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในครั้งนี้  โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการโอนเงินต่างประเทศแบบเรียลไทม์ ทั้งนี้เรามุ่งหวังที่จะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับธนาคารกสิกรไทยต่อไปเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านการชำระเงินข้ามประเทศที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของธนาคาร

นายศีลวัตกล่าวในตอนท้ายว่า บริการโอนเงินต่างประเทศผ่านแอป K PLUS เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 ที่ควรหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในที่ชุมชน รวมทั้งการสัมผัสเงินสด  การทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะลูกค้าสามารถทำธุรกรรมจากที่บ้าน หรือจากทุกที่ได้โดยไม่ต้องเดินทางมาสาขาธนาคาร นับว่าเป็นทางเลือกของการโอนเงินต่างประเทศที่สะดวก ง่าย ปลอดภัย ได้รับเงินเต็มจำนวน และไม่ต้องแนบเอกสารประกอบ ด้วยค่าธรรมเรียมที่ถูก สามารถโอนเงินได้เองมากถึง 12 สกุลเงิน ครอบคลุม 30 ประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ ธนาคารจัดโปรโมชั่นคิดค่าธรรมเนียมราคาพิเศษ 250 บาทต่อรายการ จากปกติ 450 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2563 นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าใหม่ที่โอนเงินไปยังต่างประเทศผ่าน K PLUS ครั้งแรกตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อรายการ ได้รับ e-Gift Card Starbucks มูลค่า 150 บาท   ตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2563

EIG ระดมทุน 1.1 พันล้านเหรียญสำหรับกองทุนโครงการทั่วโลกที่ 5

Logo

โดยเป็นส่วนหนึ่งของการระดมทุน 2.6 พันล้านเหรียญเพื่อกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อโดยตรง

การเป็นผู้นำตลาดแพลตฟอร์มที่มุ่งเน้นสินเชื่อไม่ด้อยสิทธิ

วอชิงตัน–(บิสิเนสไวร์)–18 พฤษภาคม 2563

EIG Global Energy Partners (EIG) ประกาศการปิดกองทุน EIG Global Project Fund V (เรียกว่า GPF V หรือกองทุน) โดยมีทุนทั้งหมด 1.1 พันล้านดอลลาร์ โดยสูงกว่าเป้าหมายเดิมของกองทุนถึง 50% หรือ 750 ล้านดอลลาร์  EIG ยังได้ระดมทุนเพิ่มเติมอีก 1.5 พันล้านดอลลาร์ในรูปแบบของกองทุนที่มีการจัดการแยกต่างหากซึ่งจะลงทุนควบคู่กับ GPF V  นับตั้งแต่การปิด GPF V ครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2562 EIG ได้เพิ่มทุนเป็น $ 2.6 พันล้านดอลลาร์สำหรับกลยุทธ์การปล่อยสินเชื่อโดยตรง  GPF V เป็นความต่อเนื่องของแพลตฟอร์มของ EIG สำหรับการปล่อยสินเชื่อในอุตสาหกรรมพลังงาน ห่วงโซ่ระดับกลาง ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก  เงินทุนกว่า 70% มาจากนักลงทุนนอกสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะนานาชาติของธุรกิจ EIG

ซีอีโอของ EIG R. Blair Thomas กล่าวว่า “เรายินดีที่จะปิด GPF V ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากฐานนักลงทุนระดับโลกของเรา ความสำเร็จในการระดมทุนของเราในสภาพแวดล้อมปัจจุบันเป็นข้อพิสูจน์ถึงความไว้วางใจที่ยั่งยืนของนักลงทุนในความสามารถของเราในการค้นหาและลงทุนในโอกาสที่น่าสนใจในห่วงโซ่พลังงานและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก  เงินทุนเป็นออกซิเจนสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานและ GPF V นั้นพร้อมที่จะช่วยตอบสนองความต้องการเงินทุนสำหรับโครงการพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน  ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายนี้ ความสามารถในการระดมทุนและแพลตฟอร์มระดับโลกของเราทำให้เราเป็นที่ยอมรับในอนาคต”

Randy Wade ประธาน EIG กล่าวว่า “GPF V ช่วยให้ EIG สามารถสร้างผลงานในระยะเวลา 20 ปีในการปล่อยสินเชื่อโดยตรง  เพราะความต้องการผลตอบแทนที่สูงและการหายตัวของแหล่งผลกำไรดั้งเดิม ทางกองทุนของเรากำลังหาโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงจากไฮโดรคาร์บอนดั้งเดิมไปสู่การผลิตพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น  เราเชื่อว่าวิธีการของเราและการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีระเบียบโดยเน้นความหลากหลายของภาคธุรกิจทำให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในวงจรตลาดต่างๆ ”

ตัวแทนของ EIG สำหรับ GPF V คือ Credit Suisse; Kirkland & Ellis ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย

เกี่ยวกับ EIG Global Energy Partners

EIG Global Energy Partners (EIG) เป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำสำหรับกลุ่มพลังงานระดับโลกด้วยมูลค่าเงินทุนที่บริหารรวม 22.4 พันล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563  EIG เชี่ยวชาญในการลงทุนภาคเอกชนด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในระดับโลก ในช่วง 38 ปี EIG ได้ลงทุนกว่า 33.7 พันล้านดอลลาร์ในภาคพลังงานผ่าน 360 โครงการหรือบริษัทใน 36 ประเทศในหกทวีป  ลูกค้าของ EIG ได้แก่แผนการบำเหน็จบำนาญชั้นนำ บริษัทประกันภัย มูลนิธิ และกองทุนความมั่งคั่งในสหรัฐฯ เอเชีย และยุโรป  EIG มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตันดีซีและมีสำนักงานในฮูสตัน ลอนดอน ซิดนีย์ ริโอเดอจาเนโร ฮ่องกง และโซล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ EIG ที่ www.eigpartners.com

อ่านที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200518005102/en/

ติดต่อ:

Sard Verbinnen & Co.
Kelly Kimberly / Brandon Messina
EIG-SVC@sardverb.com

Interactive Brokers เปิดตัวตลาดกองทุนรวมที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหน่วยลงทุน (no load) ที่ใหญ่ที่สุด*

Logo

กองทุนรวมขนาดใหญ่ในราคาที่ต่ำหรือไม่มีค่าใช้จ่ายเลย พร้อมให้ประชาชนทั่วโลกเลือกหา

กรีนิช คอนเนคติกัต.–(BUSINESS WIRE)–19 พ.ค. 2563

Interactive Brokers Group, Inc. (Nasdaq: IBKR) ประกาศในวันนี้ ว่าด้วยการเปิดตัวกองทุนรวมตลาดเงินกองทุนใหม่ หรือ  Mutual Fund Marketplace ซึ่งให้บริการกองทุนรวมมากกว่า 25,000 กองทุน ซึ่งรวมถึงกองทุนกว่า 21,000 กองทุนที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหน่วยลงทุน (no load) และอีกกว่า 8,300 กองทุนที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมธุรกรรม โดยมีให้เลือกจากกว่า 290 กลุ่มกองทุน (fund families) ท่านสามารถเข้าชม marketplace ได้ที่ ibkr.com/funds โดยจะเปิดบริการให้เลือกหาสำหรับผู้อยู่อาศัยในกว่า 200 ประเทศและเขตแดน

Steve Sanders รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์กล่าวว่า“ Interactive Brokers Mutual Fund Marketplace กลายเป็นแหล่งซื้อขายหน่วยลงทุนแห่งเดียวและแห่งที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันนี้ในด้านกองทุนรวมที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหน่วยลงทุน (no load) “ นอกจากนี้ marketplace ที่มีตัวเลือกด้านกองทุนรวมอย่างมากมายของเรา ยังมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า หรืออาจจะต่ำที่สุดเสียด้วยซ้ำ”

ลูกค้าสามารถเลือกซื้อกองทุนได้จากกองทุนรวมหลายพันรายการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หรือหากมีก็จ่ายเพียงแค่ 4.95 ยูโร (หรือเทียบเท่า) ต่อการซื้อขายหนึ่งครั้ง ** Sanders ยังกล่าวอีกว่า Interactive Brokers ต่างจากคู่แข่งหลายราย ตรงที่ไม่เคยคิดค่าดูแลและเก็บรักษาหลักทรัพย์ นอกจากนี้ Interactive Brokers’ Mutual Funds Marketplace ยังมีบริการผลิตภัณฑ์ exclusive เฉพาะจากบริษัทภายนอกต่าง ๆ อีกด้วย

“แทนที่จะผลักดันกองทุนที่เป็นกรรมสิทธิ์ หรือ  proprietary funds แบบที่ Fidelity, Vanguard, Schwab และที่บริษัทอื่น ๆ ทำ ทาง Interactive Brokers เป็นกลางต่อทุกผลิตภัณฑ์” Sanders กล่าว “ เรามีกลุ่มกองทุนหรือ fund families ที่หลากหลายบน marketplace ที่เปิดกว้างของเรา”

เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้นหาใน marketplace ที่มีขนาดใหญ่ ในสัปดาห์นี้ Interactive Brokers จึงได้แนะนำเครื่องมือค้นหากองทุนรวมเพื่อให้ลูกค้าและผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์และเลือกหาได้ตามหมวดประเทศที่พำนัก ค่าคอมมิชชั่น ประเภทกองทุน และกลุ่มกองทุน (family fund)

นอกเหนือจากกองทุนรวมแล้ว ลูกค้าของ Interactive Brokers ยังสามารถลงทุนในหุ้น หุ้นออปชั่น หุ้นฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ พันธบัตรและอีทีเอฟในตลาด 135 แห่งใน 31 ประเทศ จากบัญชีที่รวมทุกอย่างเอาไว้ในบัญชีเดียว

“Interactive Brokers ให้ความสำคัญกับการจัดหาเทคโนโลยีขั้นสูง การกำหนดราคาที่ดีกว่า และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทั่วโลก ขณะนี้เราได้สร้างตลาดกองทุนรวมที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหน่วยลงทุนที่ใหญ่ที่สุด เพื่อช่วยให้นักลงทุนเพลิดเพลินกับการเข้าถึงตลาดโลกและการกระจายความเสี่ยงที่ดีมากยิ่งขึ้น” Sanders กล่าว

ผู้อยู่อาศัยในออสเตรเลีย ฮ่องกง อิสราเอล ญี่ปุ่น และสิงคโปร์จะยังไม่สามารถเข้าถึงตลาด marketplace ได้ทันที แต่ควรหมั่นตรวจสอบความพร้อมด้านการใช้งาน (availability) อยู่เรื่อย ๆ สำหรับผู้อยู่อาศัยในประเทศหรือดินแดนที่ถูกแบน (sanctioned) จะไม่สามารถใช้งานได้

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc.

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ สินค้า และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบอัตโนมัติตลอดเวลา ในตลาดกว่า 135 ตลาดในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน ตั้งแต่บัญชีการลงทุนแบบบูรณาการ IBKR ไปจนถึงลูกค้าทั่วโลก เราให้บริการนักลงทุนรายย่อย กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กลุ่มการค้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการเงิน และด้านการแนะนำจัดหาโบรกเกอร์ สี่ทศวรรษที่เราให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติทำให้เราสามารถจัดหาแพลตฟอร์มที่มีความซับซ้อนและไม่ซ้ำใครให้กับลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าด้วยราคาการดำเนินการที่คุ้มค่า และเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงและการลงทุน พอร์ตการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งหมดในราคาที่ต่ำหรือที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด Interactive Brokers ติดอันดับ 1 ของ Barron โดยได้รับ 5 ดาวเต็ม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 จากการรีวิวเกี่ยวกับโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุด หรือ Best Online Broker Review

*จำนวนกองทุนที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายในการซื้อขายหน่วยลงทุน และที่ไม่มีค่าธรรมเนียม ได้มาจาก การรีวิวโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุดที่ตีพิมพ์ใน the Investopedia หรือ  the Investopedia – Best Online Brokers 2020 review วันที่ 31 มีนาคม 2563 การบริการจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัท บริษัทบางแห่งที่อยู่ในรีวิวอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมหรือมีการลดค่าคอมมิชชั่นหรือค่าธรรมเนียม ขึ้นอยู่กับกิจกรรมหรือมูลค่าของบัญชี เอกสารประกอบเพิ่มเติมสำหรับการเคลมเรียกร้องและข้อมูลทางสถิติ จะถูกจัดให้เมื่อมีการร้องขอ

**นอกจากนี้บริษัทยังเสนอกองทุนประมาณ 400 กองทุนพร้อมค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้น

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200518005698/en/

ติดต่อสำหรับ Interactive Brokers Group, Inc.

ติดต่อสำหรับนักลงทุน: Nancy Stuebe, 203-618-4070

ติดต่อสำหรับสื่อ: Kalen Holliday, 203-913-1369 หรือ media@ibkr.com

ห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกของเวียดนาม: การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ยังเป็นถามคำที่รัฐบาลต้องหาคำตอบเพื่อแก้ไขปัญหา ศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น กล่าว

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–14 พ.ค. 2563

ถึงแม้ว่าเวียดนามซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกในช่วงทศวรรษ 1980 จะกลายมาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแบบการตลาด และที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีความโดดเด่นในปัจจุบัน แต่ความจริงที่ว่าประเทศสร้างมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (หรือ 69,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562) ซึ่งถือเป็นเพียงหนึ่งในสี่ของมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการ (260,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) แสดงให้เห็นถึงปัญหาเชิงกลยุทธ์หลายประการต่อการพัฒนาของเวียดนาม ศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่นกล่าวไว้เช่นนั้นในรายงาน ห่วงโซ่มูลค่าโลกในอาเซียน: เวียดนาม หรือ Global Value Chains in ASEAN: Viet Nam [https://www.asean.or.jp/en/centre-wide-info/gvc_database_paper11/] ซึ่งได้รับการตีพิมพ์แล้ววันนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200513005939/en/

"Global Value Chains in ASEAN – Paper 11: Viet Nam" is available on AJC website. (Graphic: Business Wire)

รายงาน "Global Value Chains in ASEAN – Paper 11: Viet Nam"ตีพิมพ์แล้วบนเว็บ . (ภาพ: Business Wire)

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก (FDI) โดยเฉพาะในด้านการแปรรูปเพื่อการส่งออกในเวียดนาม ย่อมหมายความว่า ประเทศเวียดนามได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออก แต่ถึงแม้ว่าการส่งออกโดยรวมของเวียดนามจะเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนของการส่งออกที่ได้รับการเพิ่มมูลค่าภายในประเทศ (หมายถึง มูลค่าเพิ่มที่สร้างขึ้นในประเทศสำหรับการส่งออกของเวียดนาม) ต่อเศรษฐกิจของประเทศยังมีขนาดต่ำ โดยคิดเป็นเพียงร้อยละ 12 ของ GDP เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอาเซียนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 33

ผลกระทบของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศต่อเศรษฐกิจและการส่งออกขึ้นอยู่กับโครงสร้างมูลค่าเพิ่มของเศรษฐกิจเวียดนาม ซึ่งสำหรับภาครอง (ด้านการผลิต) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบได้แสดงผลที่มีการทวีคูณขนาดใหญ่ การทวีคูณผลกระทบที่มากขึ้น ก็จะหมายถึงการคาดหวังผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นจากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

ห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก หรือ Global value chains (GVCs) ของเวียดนามเป็นตัวระบุระดับที่ประเทศมีส่วนร่วมในเครือข่ายการผลิตระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยในช่วงระยะเวลาเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมา ส่วนแบ่งของการมีส่วนร่วมของต่างประเทศในการเพิ่มมูลค่าการส่งออกจากเวียดนามผันผวนอยู่ระหว่างร้อยละ 23 ถึง ร้อยละ 42 ก่อนที่จะมาทรงตัวที่ร้อยละ 32 ถึง 33  ในเวลานั้นสมาชิกอาเซียน สาธารณรัฐเกาหลี และจีนได้กลายเป็นผู้ส่งออกระดับกลางที่สำคัญไปยังประเทศอาเซียน และโดยการร่วมกับญี่ปุ่นพวกเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกของเวียดนาม และมีส่วนร่วมอย่างยิ่งในการส่งออกโดยรวมของเวียดนาม สิ่งที่แตกต่างจากประเทศอาเซียนอื่น ๆ คือความสำคัญสัมพัทธ์ของปัจจัยการผลิตนำเข้าจากญี่ปุ่นและการใช้การใช้ปัจจัยการผลิตในการส่งออกของเวียดนามยังคงอยู่ที่ระดับสูง (ร้อยละ 7 ของการส่งออกทั้งหมด) ในขณะที่ประเทศอาเซียนอื่น ๆ ความสำคัญในด้านนี้ลดต่ำลงอยู่ตลอดเวลา

การเปลี่ยนแปลงของอัตราการมีส่วนร่วมของ GVC ของเวียดนามส่วนใหญ่เกิดจากส่วนต้นน้ำของห่วงโซ่ (เช่น การจัดหาปัจจัยการผลิต) มากกว่าจะเป็นที่ส่วนปลายน้ำ ซึ่งก็เป็นส่วนที่โดดเด่นมาตั้งแต่ปี 2533 โดยถึงแม้ว่าประเทศจะมีส่วนร่วมมากขึ้นในเครือข่ายการผลิตระหว่างประเทศ ห่วงโซ่ที่สร้างขึ้นภายในภูมิภาคอาเซียน (ห่วงโซ่คุณค่าระดับภูมิภาค) กลับยังไม่แข็งแกร่งเท่ากับค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอาเซียน

มีความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มขึ้นของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและการเติบโตของการมีส่วนร่วมของเวียดนามใน GVC และทั้งสองสิ่งนี้ต่างสร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจ โดยได้รับการพิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าการมีส่วนร่วมของ GVC นั้นเกี่ยวข้องกับโอกาสสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น

เพื่อใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เวียดนามควรปรับปรุงกรอบกฎหมายและขั้นตอนการบริหารเพื่อช่วยให้ภาคภายในประเทศรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันและติดตามการปฏิรูปทางเศรษฐกิจภายใต้นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจ “โด่ย เหมย" เพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก พร้อม ๆ ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200513005939/en/

ติดต่อ:

Tomoko Miyauchi

เว็บไซต์: https://www.asean.or.jp/en/

อีเมล: toiawase_ga@asean.or.jp

The Bangkok Reporter