ทุกธนาคารผนึกกำลัง เตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์ เพื่อช่วยลูกค้าทุกรายพ้นวิกฤตไปด้วยกัน

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–23 มีนาคม 2563

imgสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้าด้านการเงิน หารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องมาตรการช่วยเหลือลูกค้าและวางแผนเตรียมความพร้อมรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปสามารถทำธุรกรรมได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเงินสดเพียงพอในทุกช่องทาง แนะใช้ระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 และให้การช่วยเหลือลูกค้าบุคคลและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบผ่านมาตรการช่วยเหลือของแต่ละธนาคาร และล่าสุดเพิ่มความช่วยเหลือภายใต้โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับผู้ประกอบการ วงเงินรวม 150,000 ล้านบาท 

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคโควิด-19 จนทำให้ต้องมีการประกาศปิดสถานบริการและร้านค้าบางประเภทไปแล้ว ตามประกาศล่าสุดของกรุงเทพมหานคร  ทางสมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกทุกธนาคารได้มีการวางแผนการให้บริการที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับทุกสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และขอให้ความมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถให้บริการลูกค้าและผู้มาใช้บริการของธนาคารตามปกติในทุกช่องทาง โดยเฉพาะบริการหลัก เช่น การรับฝากเงิน การถอนเงิน การโอนเงิน และบริการสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อเสริมสภาพคล่อง

ในส่วนของการให้บริการเงินสดสำหรับลูกค้าที่มีความจำป็นต้องใช้เงินสด ทุกธนาคารมีการเตรียมเงินสดเพื่อรองรับให้เพียงพอทุกช่องทางทั้งสาขาและตู้เอทีเอ็ม แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19 อยากเชิญชวนให้ลูกค้าใช้บริการระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านโมบายแบงกิงและอินเทอร์เน็ตแบงกิงของทุกธนาคาร ซึ่งทุกธนาคารได้มีการดูแลให้ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่จะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนดูแลธุรกรรมตลาดเงินให้ดำเนินการได้อย่างราบรื่น เพื่อให้มั่นใจว่าบริการทางการเงินหลักของประเทศจะดำเนินต่อไปได้แม้ในกรณีที่สถานการณ์การระบาดรุนแรงมากขึ้น

สำหรับลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ ธนาคารต่าง ๆ ได้มีมาตรการช่วยเหลือที่ทยอยให้ความช่วยเหลือลูกค้าไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เช่น การให้ลูกค้าผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยโดยยังไม่ต้องชำระเงินต้น หรือการปรับลดการชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือน ซึ่งธนาคารต่าง ๆ อยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้า แต่หากลูกค้าประสบปัญหาและยังไม่ได้รับการติดต่อจากธนาคาร ท่านสามารถติดต่อธนาคารที่ท่านใช้บริการอยู่เพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ทันที ด้านการช่วยเหลือลูกค้าของสถาบันการเงิน พบว่าช่วงที่ผ่านมาธนาคารทั้งระบบได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้แล้วประมาณ 30,000 ราย เป็นมูลค่า 234,000 ล้านบาท ซึ่งมีทั้งการพักชำระเงินต้น ลดอัตราดอกเบี้ย ปรับระยะเวลาการผ่อนชำระให้ยาวขึ้น เพื่อลดภาระให้กับลูกค้า

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 ธนาคารออมสินและ 17 สถาบันการเงิน ได้มีการลงนาม MOU โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยธนาคารออมสินสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำวงเงินรวม 150,000 ล้านบาท เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ วงเงินสินเชื่อสูงสุดต่อรายไม่เกิน 20 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 2 ปี ผู้ประกอบการที่ต้องการวงเงินเพื่อเพิ่มสภาพคล่องและฟื้นฟูธุรกิจสามารถติดต่อขอสินเชื่อได้ตั้งแต่บัดนี้ โดยจะได้รับเงินข่วงต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไป

นายปรีดี ดาวฉาย กล่าวทิ้งท้ายว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิกมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารทุกรายให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกัน เรามีการประเมินสถานการณ์และปรับแผนการช่วยเหลือและสนับสนุนลูกค้าในด้านการเงินตลอดเวลา ดังนั้นจึงขอให้ลูกค้าทุกคนมั่นใจได้ สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทุกรายและยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือผ่าน Call Center ของทุกธนาคารได้ทันที 

สมาคมธนาคารไทยพร้อมช่วยลูกหนี้ที่กระทบจากปัญหาเศรษฐกิจเต็มที่ และให้บริการการเงินต่อเนื่อง

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–19 มีนาคม 2563

imgสมาคมธนาคารไทยร่วมกับธนาคารสมาชิกหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องมาตรการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ รวมทั้งได้มีการวางแผนร่วมกัน เพื่อให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่องภายใต้สภาวะต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกว่าธนาคารจะหยุดให้บริการ

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมสมาชิกสมาคมธนาคารไทยเมื่อคืนวันที่ 18 มีนาคม ภายหลังจากการได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงเช้า  ธนาคารสมาชิกพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งลูกค้ารายย่อย ตามมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ประกาศออกไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เช่น การให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยโดยยังไม่ต้องชำระเงินต้น หรือการปรับลดการชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือน รวมทั้งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft Loan ที่เป็นความร่วมมือกับภาครัฐ ซึ่งกำลังจะออกมา โดยขณะนี้ ธนาคารต่าง ๆ อยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้า อย่างไรก็ตามหากลูกค้าที่ประสบปัญหาหรือคาดว่าจะประสบปัญหาและยังไม่ได้รับการติดต่อจากธนาคาร สามารถติดต่อธนาคารได้ทันที

สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จนรัฐบาลประกาศให้ปิดสถานบริการบางประเภทนั้น สมาคมธนาคารไทย ธนาคารสมาชิก และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการวางแผนเพื่อความต่อเนื่องในการให้บริการในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการทางการเงิน จะไม่หยุดชะงัก ประชาชนจะสามารถใช้บริการที่จำเป็นจากธนาคารต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น มีการเตรียมเงินสดในตู้เอทีเอ็มให้ประชาชนถอนได้  ระบบไอทีของธนาคารให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถใช้บริการทางการเงินที่จำเป็นได้

สมาคมธนาคารไทย ขอให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปมั่นใจว่าบริการทางการเงิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจ จะสามารถดำเนินต่อเนื่องไปได้ โดยเฉพาะระบบการชำระเงิน ที่ได้นำระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล เช่น พร้อมเพย์มาใช้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บริการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

Shane Gong เข้าร่วม Evercore ในฐานะกรรมการผู้จัดการกลุ่มที่ปรึกษาการลงทุนในธุรกิจเอกชนของบริษัท

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–09 มีนาคม 2563

วันนี้ Evercore (NYSE: EVR) ได้ประกาศว่า Shane Gong ได้เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเพื่อดูแลงานกลุ่มที่ปรึกษาการลงทุนในภาคธุรกิจเอกชน (“PCA”) ของบริษัท นาย Gong จะปฏิบัติงานจากสำนักงานในสิงคโปร์และเป็นผู้นำธุรกิจ PCA ของบริษัททั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยให้ความสำคัญกับนักลงทุนสถาบันและผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนเป็นหลัก

นาย Gong มีประสบการณ์กว่า 20 ปีด้านกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity) และวาณิชธนกิจทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารและหัวหน้าสำนักงานสิงคโปร์ของบริษัท CPE Capital (เปลี่ยนชื่อจาก CHAMP Private Equity) ซึ่งเขาดูแลรับผิดชอบการเติบโตในภูมิภาคและการลงทุนผ่านการขายหุ้น งานนักลงทุนสัมพันธ์ และงานระดมทุน ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วม CPE Capital นาย Gong ยังเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการควบรวมกิจการลูกค้าเอเชียที่ N.M. Rothschild & Sons รวมถึงเคยร่วมงานกับ Macquarie Group มาก่อน

นาย Gong กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากกับโอกาสที่จะได้นำธุรกิจ PCA ของ Evercore ในเอเชีย Evercore เป็นผู้บุกเบิกทางด้านกิจการเงินร่วมลงทุนในตลาดรอง และเป็นที่ปรึกษาให้กับการลงทุนที่นำโดยนักลงทุนประเภท LP และ GP ที่เป็นที่ยอมรับทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรป ปัจจุบัน นักลงทุนด้านกิจการเงินร่วมลงทุนในภูมิภาคเอเชียมีความต้องการมากขึ้นเพื่อสร้างสภาพคล่องในตลาดรอง และผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้ต่อยอดความมั่นคงของ Evercore”

Keith Magnus ประธานร่วมธุรกิจ Evercore ในเอเชียและสมาชิกคณะบริหารของบริษัท กล่าวเสริมว่า “พวกเรายินดีเป็นอย่างมากที่ได้ต้อนรับ Shane สู่สำนักงานในสิงคโปร์ของเรา Evercore ได้สร้างธุรกิจ M&A ขึ้นมาเป็นแถวหน้าของตลาดในภูมิภาคนี้ และมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของเราในสิงคโปร์ต่อไป เรายินดีกับความสามารถใหม่ ๆ ที่จะได้รับจากธุรกิจ PCA”

Nigel Dawn หัวหน้าฝ่าย PCA กล่าวว่า “พวกเรายินดีที่ได้ต้อนรับ Shane สู่ Evercore เพื่อเป็นผู้นำธุรกิจ PCA ของ Evercore ในเอเชีย เราหวังว่าจะได้ต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจในเอเชียของเรา เพื่อให้บริการนักลงทุนสถาบันและผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนในเอเชียต่อไป”

นาย Gong คว้าเกียรตินิยมปริญญาตรีด้านพาณิชยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น

เกี่ยวกับ Evercore

Evercore (NYSE: EVR) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวาณิชธนกิจอิสระระดับโลก เราทุ่มเทเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุผลลัพธ์ที่เหนือกว่าผ่านคำแนะนำระดับนวัตกรรมที่เป็นอิสระในเรื่องที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อคณะกรรมการคณะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรวมถึงการควบรวมกิจการการให้คำปรึกษาผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ Evercore ยังช่วยเหลือลูกค้าในการระดมทุนของภาครัฐและเอกชนและให้บริการการวิจัยด้านตราสารทุน การขายตราสารทุน และการดำเนินการซื้อขายผ่านตัวแทนนอกเหนือจากการให้บริการการบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนแก่ผู้มีมูลค่าสุทธิและนักลงทุนสถาบัน บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2538 โดยมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กและมีสำนักงานและสำนักงานสาขาในศูนย์กลางการเงินที่สำคัญในอเมริกาเหนือยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม www.evercore.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200308005021/en/

ธุรกิจ:
Nigel Dawn
หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนในธุรกิจเอกชน Evercore
+1.212.849.3555

นักลงทุน:
Hallie Elsner Miller
หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ Evercore
+1.212.767.4173

สื่อ:
Dana Gorman
The Abernathy MacGregor Group สำหรับ Evercore
+1.212.371.5999

กสิกรไทย จับมือ 3 แบงก์ ฉลองความสำเร็จปล่อยกู้ร่วมแก่อีซี่บาย 4 พันล้านบาท

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–9 มีนาคม 2563

imgมร. ทาเคโอะ โนดะ (กลาง) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) นายทิพากร สายพัฒนา (ที่ 2 จากซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย นายฮิโรชิ ชิมามูระ (ซ้าย) รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงเทพ นายวิสูจน์ ตั้งอดุลย์รัตน์ (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต และนายชินอิจิ โอฮาชิ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงค์กิ้ง คอร์ปอเรชั่น ร่วมฉลองความสำเร็จในการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนร่วม (Syndicated Revolving Credit Facility) จำนวน 4,000 ล้านบาท แก่อีซี่บาย เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนทางธุรกิจ โดยธนาคารกสิกรไทยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายวงเงินสินเชื่อร่วม (Sole Lead Arranger)  ณ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

กสิกรไทยจับมือ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เปิดตัวบัตรเดบิต MADCARD FOR KERRY EXPRESS ช่วยธุรกิจออนไลน์ลดต้นทุนขายคล่องขึ้น

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–3 มีนาคม 2563

imgกสิกรไทยผู้นำตลาดธุรกิจออนไลน์ มุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจออนไลน์ ผนึกกำลังกับ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ผู้นำด้านการจัดส่งพัสดุด่วนทั่วไทยที่คนขายออนไลน์เลือกใช้ เปิดตัวบัตรเดบิตธุรกิจออนไลน์ MADCARD FOR KERRY EXPRESS บัตรใบแรกที่ช่วยลดต้นทุนในการขายออนไลน์ ด้วยสิทธิพิเศษจากเคอรี่ คลับ และส่วนลดค่าโฆษณาบนเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ไลน์โอเอ และกูเกิล สมัครบัตรตั้งแต่วันนี้-31 พ.ค. 63 ที่แอป K PLUS ,เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พาร์เซลช็อป และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา จ่ายค่าสมัคร 300 บาท รับทันที e-Coupon KERRY 300 บาท และส่วนลดค่าธรรมเนียมรายปีในปีแรก ตั้งเป้าปีแรกยอดสมัคร 1 แสนใบ

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธุรกิจออนไลน์มีการเติบโตเพิ่มขึ้นตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เมื่อตลาดออนไลน์เติบโต คนขายออนไลน์ก็ต้องแข่งขันกัน ซื้อสื่อโฆษณาบนโซเชี่ยลมีเดียมากขึ้น มีต้นทุนค่าขนส่งเติบโตขึ้น เนื่องจากคนขายต้องการให้สินค้าของตนเองได้รับการรับรู้ จึงพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ ทำร้านค้าของตนให้เป็นที่รู้จัก ผ่านการโฆษณาบนโซเชี่ยลมีเดีย รวมถึงการส่งสินค้าที่ต้องเลือกผู้ให้บริการที่มีความรวดเร็ว ซึ่งทั้งค่าโฆษณาและค่าขนส่งนับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นจนกลายเป็นต้นทุนสำคัญที่มองข้ามไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงได้จับมือกับพันธมิตร คือ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งพัสดุด่วนที่มีคุณภาพด้านการบริการพร้อมจัดส่งรวดเร็ว จนได้รับความนิยมเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับหนึ่งในกลุ่มคนทำธุรกิจออนไลน์ ร่วมกันเปิดตัวบัตรเดบิต MADCARD FOR KERRY EXPRESS บัตรใบแรกที่พร้อมเป็นตัวช่วยลดต้นทุนให้กับคนขายออนไลน์ และจัดโปรโมชัน นำเสนอสิทธิพิเศษทั้งจากธนาคารกสิกรไทยและ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส โดยพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ถือบัตรจะได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้

สิทธิประโยชน์

  1. รับเงินคืนค่าโฆษณาสูงสุด 1,200 บาท / ปี

ค่าโฆษณารับเงินคืน 5%

  • LINE Official Account

ค่าโฆษณารับเงินคืน 0.5%

  • Facebook
  • Instagram
  • Google Ads

ช้อปปิ้งออนไลน์รับเงินคืน 0.5%

  1. รับส่วนลด 50%
  • ซื้อสมุดเช็ค
  1. สิทธิพิเศษจาก KERRY CLUB
  • ส่วนลดค่าขนส่ง
  • สะสมพอยท์ 50 บาทรับ 1 พอยท์
  • บริการเคาน์เตอร์พิเศษไม่ต้องต่อคิว
  • บริการผู้ช่วยส่วนตัว
  • เพิ่มวงเงินประกันความเสียหายพัสดุ

นายวีรวัฒน์ กล่าวตอนท้ายว่า จากความต้องการของคนขายออนไลน์ดังกล่าว ธนาคารมีความเชื่อมั่นว่าบัตรเดบิต MADCARD FOR KERRY EXPRESS จะเป็นบัตรที่สามารถตอบโจทย์ได้ครอบคลุมที่สำคัญบัตรนี้จะช่วยลดต้นทุนทางธุรกิจ รวมถึงเพิ่มความสะดวกในการชำระค่าขนส่งกับเคอรี่ นอกจากนี้การใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างสม่ำเสมอ ก็จะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อขยายธุรกิจได้ในอนาคต เราจึงมั่นใจว่าบัตรนี้จะได้รับการตอบรับจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ โดยตั้งเป้าหมายปีแรกมีผู้สมัครบัตร จำนวน 100,000 ใบ

นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า KERRY EXPRESS เป็นบริษัทจัดส่งพัสดุด่วนที่ใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย โดยครอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ในแต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการที่จุดบริการเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ซึ่งตั้งกระจายอยู่ทั่วทุกที่มากกว่า 1 ล้านคน ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเจ้าของธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และคนที่ซื้อสินค้าออนไลน์ ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ต้องการระบบการชำระเงินที่ดีขึ้นและบริการด้านธนาคารที่ตรงกับความต้องการ โดยบัตร MADCARD FOR KERRY EXPRESS นี้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าของเราที่มีอยู่ทั่วประเทศไทย และเชื่อมั่นว่าบัตรเดบิตใบนี้จะช่วยลดต้นทุนให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เป็นลูกค้าของ KERRY EXPRESS ซึ่งจะส่งผลให้สามารถทำธุรกิจค้าขายออนไลน์ได้คล่องตัวยิ่งขึ้นได้อย่างครอบคลุม

สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่สนใจ สามารถสมัครบัตรเดบิต MADCARD FOR KERRY EXPRESS ได้อย่างสะดวกที่แอป K PLUS ,เคอรี่ เอ็กซ์เพรส พาร์เซลช็อป และธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา สมัครบัตรตั้งแต่วันนี้-31 พ.ค. 63 รับทันที e-Coupon KERRY 300 บาท และส่วนลดค่าธรรมเนียมรายปีในปีแรก สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kasikornbank.com/madcardforkerry

เคแบงก์มอบประกันชีวิต COVID-19 ฟรี!!! ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ ลูกค้า K PLUS ลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ทันที

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–28 กุมภาพันธ์ 2563

imgธนาคารกสิกรไทย ใส่ใจและห่วงใยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ด้วยการมอบกรมธรรม์ประกันชีวิต COVID-19 ให้กับลูกค้า K PLUS ฟรี! คุ้มครอง 30 วัน วงเงินสูงสุด 100,000 บาท และคุ้มครองชดเชยรายได้ 1,000 บาทต่อวัน สูงสุด 15 วัน โดยลูกค้า K PLUS สามารถรับสิทธิ์ได้ง่าย ๆ เพียงลงทะเบียนผ่าน LINE KBank Live ตั้งแต่วันที่ 29 ก.พ. ถึง 15 มี.ค. 2563

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารมีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)  ทำให้ธนาคารเร่งดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่จะมีส่วนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับลูกค้าธนาคารในทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อย ลูกค้าผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ขอมอบ “ประกันชีวิต COVID-19” ฟรี ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ K PLUS ซึ่งมีจำนวนกว่า 12.4 ล้านราย เพียงลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่าน LINE KBank Live โดยไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ถึง 15 มีนาคม 2563 สำหรับประชาชนที่สนใจรับสิทธิ์ดังกล่าว สามารถสมัคร K PLUS และลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่าน LINE KBank Live ได้ทันที ธนาคารหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการการดูแลลูกค้าในครั้งนี้ จะช่วยคลายความวิตกกังวลและสร้างความอุ่นใจในการดำเนินชีวิตของลูกค้า

ความคุ้มครองของ “ประกันชีวิต COVID-19” ของธนาคารกสิกรไทย

ตารางรายละเอียดความคุ้มครอง

จำนวนเงิน

  1. คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี

1,000  บาท

  1. คุ้มครองการเสียชีวิต จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)

100,000 บาท

  1. ค่าชดเชยรายวัน ในฐานะผู้ป่วยใน จากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) สูงสุดไม่เกิน 15 วัน

1,000 บาท/วัน

  • ผู้ขอเอาประกันภัยต้องมีอายุไม่เกิน 70 ปี ณ วันที่ลงทะเบียน
  • ลูกค้า 1 หมายเลขบัตรประชาชน ต่อ 1 สิทธิ์เท่านั้น
  • ระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน (วันที่เริ่มมีผลคุ้มครอง เวลา 00.01 น. จากวันที่ลูกค้าได้รับการยืนยันการรับสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด)

วิธีการลงทะเบียนรับสิทธิ์

1) ลงทะเบียนผ่าน LINE KBank Live

2) ลูกค้ากรอกข้อมูลส่วนตัว

3) ลูกค้ารับ OTP เพื่อยืนยันตัวตน

4) ลูกค้ารับข้อความเพื่อยืนยันได้รับสิทธิ์ผ่าน LINE KBank Live

5) ลูกค้าที่ลงทะเบียนและได้รับสิทธิ์แล้ว กรมธรรม์จะเริ่มคุ้มครองในวันถัดไปจนถึงวันที่สิ้นสุดความคุ้มครอง 30 วัน

ประชาชนที่สนใจรับสิทธิ์ดังกล่าว สามารถสมัคร K PLUS และลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่าน LINE KBank Live ได้ทันทีสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ K Contact Center 02 888-8888 หรือ https://kbank.co/3ckXSNV 

กสิกรไทยติดตั้ง Thermoscan 5 อาคารหลัก ปกป้องลูกค้าและพนักงานจากไวรัสโคโรนา 2019

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–27 กุมภาพันธ์ 2563

imgธนาคารกสิกรไทย ยกระดับการดูแลลูกค้าและพนักงานจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานธนาคาร  โดยติดตั้งจุดคัดกรองด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (Thermoscan)  เพื่อดูแลผู้ที่เข้า 5 อาคารขนาดใหญ่ของธนาคาร ได้แก่ อาคารราษฎร์บูรณะ อาคารพหลโยธิน อาคารแจ้งวัฒนะ อาคาร KBTG และอาคารสีลม ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป กรณีผู้ที่ผ่านเครื่อง Thermoscan แล้วพบว่ามีอุณหภูมิร่างกายตั้งแต่ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป จะไม่อนุญาตให้ขึ้นอาคารเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ซึ่งมาตรการใหม่นี้จะทำให้ผู้ที่จะขึ้นอาคารทั้ง 5 แห่ง อาจจะไม่ได้รับความสะดวกเช่นเดิม เนื่องจากต้องเข้า-ออกอาคารผ่านประตูที่กำหนดที่มีการติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายเท่านั้น

สำหรับพนักงานที่ปฏิบัติงานในสาขาได้มีการจัดเตรียมหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ พร้อมทั้งเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดพื้นที่โดยรอบการใช้งานมากขึ้น และธนาคารมีการกำหนดแนวทางดูแลพนักงานและข้อปฏิบัติที่เข้มงวดที่พนักงานต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดย ณ ขณะนี้ยังไม่มีพนักงานของธนาคารที่ตรวจพบว่าติดเชื้อ COVID-19


Vesta ว่าจ้าง Shabab Muhaddes เป็นผู้นำในการขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Logo

ผู้ช่ำชองด้านการชำระเงินจาก Visa เข้ามาร่วมช่วยสำนักงานแห่งใหม่ที่สิงคโปร์ในฐานะผู้จัดการทั่วไป

LAKE OSWEGO, โอเรกอน.–(BUSINESS WIRE)–25 กุมภาพันธ์ 2563

Vesta, บริษัทผู้บุกเบิกในการชำระเงินที่ปลอดภัยและการตรวจจับการฉ้อโกงขณะนี้กำลังผลักดันให้เกิดความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยการเปิดสำนักงานใหม่ในสิงคโปร์ โดยมีผู้นำในอุตสาหกรรมการชำระเงินอย่าง Shabab Muhaddes ซึ่งเคยทำงานให้กับ Visa และ Mastercard เป็นหัวหอกในการขยายงานในฐานะผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Vesta

เนื่องจากการเติบโตของการทำธุรกรรมที่ไม่ใช้บัตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาค การจัดการการฉ้อโกงจึงเป็นปัญหาสำหรับองค์กรเป็นพิเศษ แม้จะการฉ้อโกงจะเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมไปถึง การครอบงำบัญชี, การทำธุรกรรมฉ้อโกง, e-skimming และการโจมตีอันดุเดือดซึ่งขับเคลื่อนโดยวงอาชญากรรมระดับมืออาชีพ แต่องค์กรส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพากลยุทธ์แบบเกิดก่อนแล้วค่อยแก้ (reactive strategies) ทำให้มีการสูญเสียรายได้และส่งผลให้เกิดประสบการณ์ของผู้บริโภคที่ไม่ดี

“เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีพลวัตรและมีความหลากหลายและการผสมผสานทางเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งก่อให้เกิดความต้องการอย่างฉับพลันสำหรับการมีประกันด้านการป้องกันการฉ้อโกงและการชำระเงิน” Ron Hynes ซีอีโอของ Vesta กล่าว “ เรายังเข้าใจด้วยว่าการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของเรา และความรู้เชิงลึกของ Shabab เกี่ยวกับระบบการชำระเงินทั่วโลกและบันทึกการทำงานร่วมกันในตลาดต่าง ๆ ในภูมิภาคนั้นหาใครเปรียบไม่ได้ เขาเข้าใจถึงความแตกต่างของการทำธุรกิจในระดับท้องถิ่นและรู้วิธีสร้างและขยายความร่วมมือระหว่างตลาดเพื่อสร้างคุณค่าให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”

Muhaddes ซึ่งมีประสบการณ์มากกว่าหนึ่งทศวรรษในการสร้างความสัมพันธ์ทั่วทั้งภูมิภาค มีข้อมูลเชิงลึกในระดับท้องถิ่นและระดับโลกด้านการบริการทางการเงิน ระบบนิเวศการชำระเงินและฟินเทค โดย Muhaddes เคยเป็นหัวหน้าของหุ้นส่วนด้านวีซ่าและกิจการดิจิทัลของ APAC ในช่วงเวลากว่าห้าปีที่เขาอยู่กับบริษัท เขาได้ผลักดันการเติบโตที่โดดเด่นในภูมิภาคโดยเน้นการพัฒนาโอกาสในการเป็นหุ้นส่วนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในตลาดที่มุ่งเน้น ก่อนหน้าที่จะจะทำงานให้ Visa เขาทำงานแปดปีกับ Mastercard ในบทบาทที่หลากหลายในการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อผลักดันการเติบโตในตลาดเกิดใหม่และการพัฒนากลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ตลอดระยะเวลาการทำงานในอุตสาหกรรมการชำระเงิน Muhaddes ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แข็งแกร่งในการสร้างข้อเสนอแบบ win-win  สำหรับลูกค้าบริษัท คู่ค้า และลูกค้าในตลาดเอเชียแปซิฟิกที่มีการเติบโตสูง

“Vesta เป็นบริษัทระดับโลกที่มอบเทคโนโลยีการเรียนรู้ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติแบบเรียลไทม์แก่องค์กรที่ต้องการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกง เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้า ผมหวังว่าจะนำเสนอผลกระทบเชิงบวกที่เป็นรูปธรรมเหล่านี้ให้กับองค์กรและผู้บริโภคทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” Muhaddes กล่าว “เพราะทำงานกับ Ron ที่ Mastercard มาก่อน ผมมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในวิสัยทัศน์และความเป็นผู้นำที่อยู่เบื้องหลังVesta และการที่เราจะประสบความสำเร็จในการขยายตัวสู่เอเชียแปซิฟิกผ่านศูนย์กลางแห่งใหม่ในสิงคโปร์”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Vesta และชุดโซลูชั่นการป้องกันการฉ้อโกงและการปรับปรุงการอนุมัติ สามารถดูได้ที่ www.trustvesta.com และข้อมูลเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานกับเราเข้าไปดูที่  trustvesta.com/company/about-us

เกี่ยวกับ Vesta

Vesta เป็นผู้นำในด้านการให้การรับประกันด้านการป้องกันการฉ้อโกงและโซลูชันการชำระเงินเพื่อการพาณิชย์ที่ช่วยให้ผู้ออก ผู้ซื้อ ผู้ประมวลผลเกตเวย์ บริษัทด้านการสื่อสาร พ่อค้า และกระเป๋าเงิน สามารถเพิ่มรายได้โดยไม่ต้องกลัวการฉ้อโกง ทั้งนี้ Vesta ก่อตั้งขึ้นในปี 2538 เป็นผู้บุกเบิกการทำธุรกรรมการชำระเงินแบบไม่ใช้บัตร บริษัทประสบความสำเร็จในการขึ้นเป็นผู้นำด้วยวิทยาการข้อมูลที่ทันสมัยและความสามารถในการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่แม่นยำเหนือชั้นในการตรวจจับการฉ้อโกงทั่วโลก วันนี้ Vesta รับประกันธุรกรรมมากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โซลูชั่นการชำระเงินที่ปลอดภัยของ Vesta ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยการรับประกันความปลอดภัยจากการฉ้อโกง 100% จะช่วยให้ร้านค้าสามารถสร้างรายได้ด้วยการส่งมอบธุรกรรมที่ไม่มีแรงเสียดทานซึ่งช่วยเพิ่มการยอมรับและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าในขณะเดียวกันก็ขจัดความกลัว สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมwww.trustvesta.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200224005971/en/

ติดต่อ:

LANE, บริษัทหนึ่งใน Finn Partners Company

Pete Johnson

+1-503-546-7880

Vesta@finnpartners.com

กสิกรไทยเปิดตัวเงินฝากทวีทรัพย์ KBank x BLACKPINK ดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี ไม่เสียภาษี ออมง่ายเริ่มต้นเพียง 500 บาทต่อเดือน

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–18 กุมภาพันธ์ 2563

img

ธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว “เงินฝากทวีทรัพย์ KBank x BLACKPINK” สร้างสีสันและดึงดูดใจให้คนรุ่นใหม่สนใจออมเงินอย่างสม่ำเสมอ รับดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี เพียงฝากขั้นต่ำ 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน ฝากเท่ากันทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้งเท่ากับยอดเงินฝากที่เปิดบัญชีครั้งแรก เป็นเวลา 24 เดือน ด้วยการสมัครบริการนำฝากเงินอัตโนมัติจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน เมื่อฝากครบกำหนดไม่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ย

ผู้สนใจเปิดบัญชีออมทรัพย์ดังกล่าวต้องเป็นบุคคลธรรมดาอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือบิดามารดาสามารถเปิดบัญชีเพื่อบุตรได้ พร้อมเตรียมเอกสารสำหรับการเปิดบัญชีคือ บัตรประชาชนตัวจริง (Smart Card), ทะเบียนบ้านฉบับจริง และสูติบัตร กรณีเป็นบัตรประจำประชาชนรุ่นเก่าที่ไม่มีชิพหรือเปิดบัญชีเพื่อบุตร ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง – 31 พ.ค.63 ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ kbank.co/2UYukPC หรือ K-Contact Center 02-8888888 กด 02


NIPPON Platform และ Global Loyalty Network (GLN) โดย Hana Bank ประกาศความเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–17 กุมภาพันธ์ 2563

NIPPON Platform Co., Ltd. (สำนักงานใหญ่: โตเกียว ญี่ปุ่น, ผู้ก่อตั้งและซีอีโอธุรกิจต่างประเทศ: Jun Takagi) และ Hana Bank (สำนักงานใหญ่: โซล สาธารณรัฐเกาหลี, ประธานและซีอีโอ: Ji Sung-Kyu) ได้บรรลุข้อตกลงด้านพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อขยาย Global Loyalty Network (GLN) ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นศูนย์รวมระบบชำระเงินทางเลือกระดับโลกของ Hana Financial Group

เกี่ยวกับ GLN Services

GLN เป็นศูนย์รวมระบบชำระเงินทางเลือกโดยบริษัทต่าง ๆ ทั้งหมด 58 บริษัทจาก 14 ประเทศทั่วโลก

บริษัทให้บริการแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่เชื่อมโยงสถาบันการเงิน บริษัทค้าปลีก และผู้ให้บริการโปรแกรมสะสมแต้มสำหรับสมาชิกทั่วโลกไว้ในเครือข่ายเดียวกัน เพื่อให้พวกเขาสามารถโอนสินทรัพย์ดิจิทัลและเงินอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างอิสระทั่วโลก
GLN ให้บริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือทั้งผ่านระบบออนไลน์และหน้าร้าน รวมถึงบริการโอนเงินและถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มผ่านโทรศัพท์มือถือโดยไม่มีข้อจำกัดการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ
ที่พิเศษคือ GLN ใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นปัจจุบันในขณะนั้นในการทำธรุกรรมแต่ละครั้ง ซึ่งช่วยให้สามารถชำระเงินล่วงหน้าและชำระเงินด้วยบัตรเดบิตทั่วโลกได้สะดวก

ที่มาและเป้าหมาย

นอกจากแอปพลิเคชันของธนาคาร แอปพลิเคชัน 1Q และโปรแกรมสะสมแต้มสำหรับสมาชิก/กระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์อย่าง HanaMembers แล้ว GLN ยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับผู้เล่นที่สำคัญ ๆ ในอุตสาหกรรมรับชำระเงินของเกาหลีรายอื่น ๆ

ตัวอย่างเช่น ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกอย่าง Shinsegae Group (SSG Pay) บริษัทรับโอนเงินแบบ P2P ที่ใหญ่ที่สุด (TOSS) และระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของ SK Telecom (SK Pay) และเมื่อรวมลูกค้าสถาบันการเงินของไต้หวันและไทยแล้ว GLN มีผู้ใช้มากกว่า 85 ล้านคน

ญี่ปุ่นเตรียมเป็นเจ้าภาพการแข่งขัน 2020 โอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมส์ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ และแน่นอนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นในระหว่างนั้น NIPPON Platform และ GLN ต้องการให้ผู้ที่กำลังจะเดินทางมาเยือนได้รับ “ประสบการณ์การชำระเงินระหว่างประเทศที่ราบรื่นไร้รอยต่อและราคาไม่แพง”
เราประมาณการว่าการใช้อี-วอลเล็ต ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดเก็บเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการทำธรุกรรมทางออนไลน์หรือหน้าร้านผ่านคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนกำลังเพิ่มขึ้น และคาดว่าระบบนี้จะกลายมาเป็นตัวเลือกการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดควบคู่กับการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิต
GLN จะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นศูนย์รวมแบบครบวงจรสำหรับชำระเงินระหว่างประเทศและให้บริการอื่น ๆ กับผู้ใช้และบริษัททั่วโลก
GLN Coupon Mall เป็นผู้ให้บริการคูปอง คูปองส่วนลดและข้อเสนอต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่เฉพาะชาวเกาหลีใต้ที่เดินทางมาเยือนญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
Nippon Platform ได้รวมบริการต่าง ๆ ของ GLN เข้ากับบริการของตนและแนะนำระบบของ GLN ให้กับผู้ค้าราว 100,000 ราย (จำนวนทั้งหมดของจุดให้บริการ) ในญี่ปุ่น บริษัทจะส่งเสริมบริการชำระเงินทางเลือกให้กับชาวต่างชาติในญี่ปุ่น ซึ่งจะเพิ่มปริมาณการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือให้กับร้านค้าพันธมิตร

เกี่ยวกับ GLN

GLN เกิดขึ้นจากความคิดของ Kim Jung-Tai ประธานและซีอีโอแห่ง Hana Financial Group ด้วยความคิดริเริ่มที่จะสร้างเครือข่ายสินทรัพย์ดิจิทัลและได้รับการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2560 ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน มีการจัดงาน GLN Consortium ขึ้นเป็นครั้งแรกในกรุงโซล ประเทศเกาหลีและมี
สมาชิกกว่า 100 รายจาก 36 บริษัทใน 11 ประเทศเข้าร่วมงานประชุมครั้งนั้น โดยเป็นสมาชิกของธนาคารและบริษัทค้าปลีกระดับโลกจากญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน ไทย รัสเซีย สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
ประเทศสมาชิก GLN Consortium ประกอบด้วยธนาคารตัวแทน บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ และบริษัทธุรกิจจากญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน ไทย รัสเซีย และตุรกี นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันให้เกิดการเพิ่มจำนวนสมาชิกของ GLN ในอินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และแคนาดา

Hana Bank

Hana Financial Group เป็นกลุ่มการเงินชั้นนำของเกาหลีใต้ที่ให้บริการแบบครบวงจรผ่านบริษัทย่อยซึ่งรวมถึง Hana Bank

ข้อมูลบริษัท Hana Bank

สำนักงานใหญ่:

Euljiro 35, Jung-gu, Seoul, KOREA

ประวัติ:

Seoul Bank ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2502 Korea Exchange Bank ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2510 Hana Bank ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2534

ยอดขาย:

26,003,753,000,000 วอน (ข้อมูลเมื่อ 2561)

รายได้สุทธิ:

2,092,800,000,000 วอน (ข้อมูลเมื่อ 2561)

สินทรัพย์รวม:

421,115,600,000,000 วอน (ข้อมูลเมื่อกันยายน 2562)

URL:

http://www.kebhana.com

เกี่ยวกับ NIPPON Platform

NIPPON Platform เป็นผู้ให้บริการ “แพลตฟอร์มรับชำระเงิน” “บริการที่เกี่ยวกับธรุกิจสำหรับผู้เดินทางมาเยือนญี่ปุ่น” และ “บริการสำหรับผู้ค้าปลีกขนาดเล็กและขนาดกลาง”

รายชื่อแบรนด์ระบบชำระเงินที่ให้บริการบน NIPPON Platform (ข้อมูลเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2563)

Amazon Pay, d payment (d Pay®), pring, atone, PAY ID, WeChat Pay, NETSPay, DBS PayLah!, OCBC Pay Anyone, UOB Mighty, Global Loyalty Network (GLN)

NIPPON Platform Co., Ltd.

สำนักงานใหญ่:

2-14-5-3F Kamiosaki, Shinagawa-ku, Tokyo, Japan

URL:

https://nippon-platform.co.jp/en/

ผู้อำนวยการ:

Jun Takagi ผู้ก่อตั้งและซีอีโอธุรกิจต่างประเทศ

Shinsuke Hishiki, ประธานและซีอีโอธุรกิจในประเทศ

ปีก่อตั้ง:

กันยายน 2559

เงินทุน:

502,487,400 เยน (รวมเงินทุนสำรอง)

ธุรกิจ:

บริการแพลตฟอร์มชำระเงิน บริการสำหรับผู้ค้าปลีกขนาดเล็กและขนาดกลาง

ที่ปรึกษา:

Koiti Hashida (ศาสตราจารย์ ณ University of Tokyo)

ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคนิค PLR

PLR หรือ Personal Life Repository เป็นระบบ PDS (การจับเก็บข้อมูลส่วนบุคคล) รูปแบบหนึ่ง

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200216005008/en/

ติดต่อ & ข้อมูลเพิ่มเติม
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ NIPPON Platform Co., Ltd.
Rie Masui โทร: +81-34546-1766 / อีเมล: pr@nippon-g.jp

The Bangkok Reporter