แพทย์ชี้ 4 สัญญาณเตือน เสี่ยงเป็น “โรคต้อกระจก” แนะตรวจสุขภาพตาปีละ1 ครั้ง รู้เท่าทัน รีบป้องกันก่อนตาบอด

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–26 มิถุนายน 2563

imgหลายคนไม่อาจปฏิเสธได้ว่า  การมองเห็น” มีความสำคัญกับชีวิต นอกจากการทำให้เราได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุขแล้ว ยังทำให้เราได้เห็นหน้าคนที่เรารัก ได้เห็นโลกกว้าง ได้อ่านหนังสือ ได้เดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเองโดยไม่ต้องเป็นภาระกับใคร  หลายคนจึงกลัวที่จะสูญเสียการมองเห็น  หลายคนกลัวหากต้องอยู่ในโลกมืด  ดังนั้น การดูแลสุขภาพ “ดวงตา” ให้ดีอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ  เพราะ“ดวงตา” เป็นอวัยวะที่บอบบาง และหากสูญเสียมันไปแล้วไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้

โรคต้อกระจก” เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ตาบอด  โดยผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีภาวะเลนส์ตาขุ่น  และจะมีอาการหลักคือ ตามัว มองเห็นภาพไม่ชัด สายตาเลือนราง  ซึ่งลักษณะการมองเห็นภาพไม่ชัดนั้นมีหลายแบบ แต่ส่วนมากแล้วอาการต่าง ๆ จะค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลาเป็นเดือนหรืออาจเป็นปี เมื่อมีอาการมากขึ้นจะส่งผลทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งในเรื่องนี้ แพทย์หญิงพรรักษ์ ศรีพล แพทย์เฉพาะทางจักษุ ด้านการผ่าตัดต้อกระจก ต้อหิน และจอประสาทตา โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ โรงพยาบาลในเครือ “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” จะมาให้ข้อมูลที่น่าสนใจ วิธีสังเกตอาการ และสัญญาณเตือนของ “โรคต้อกระจก” รวมไปถึงแนวทางการรักษามาฝากกัน 

สาเหตุของการเกิดต้อกระจก

สาเหตุของการเกิดต้อกระจกมาจาก อายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป ยิ่งมีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อกระจกได้ง่าย  รวมไปถึงผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ (Steroid) โดยกลุ่มที่มีโอกาสได้รับยา กลุ่มนี้ ได้แก่  ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้, โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคเอสแอลอี (SLE) นอกจากนี้ผู้ที่รับประทานยาต้ม        ยาหม้อ ยาสมุนไพร ซึ่งอาจมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ การได้รับอุบัติเหตุทางตา และการได้รับแสงอัลตราไวโอเลต (UV) เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดต้อกระจกทั้งสิ้น

4 อาการเสี่ยงเข้าข่ายเป็นโรคต้อกระจก

สำหรับ 4 สัญญาณเตือนของโรคต้อกระจก มีดังนี้ 1.มองเห็นภาพไม่ชัด 2.มองเห็นภาพซ้อน 3.มองเห็นภาพมัวในที่ ๆ มีแสงจ้า  4.สายตาเปลี่ยนบ่อย  ไปวัดแว่นทีไรไม่ชัดสักที  เมื่อมีอาการดังกล่าวข้างต้น อย่านิ่งนอนใจควรรีบพบแพทย์ทันที  หรือ แม้จะไม่มีสัญญาณเตือน แต่เราก็ควรที่จะตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อค้นหาภาวะผิดปกติ

ภาวะแทรกซ้อน อันตรายที่ต้องเฝ้าระวัง

ในผู้ป่วยที่เป็นต้อกระจกมานานจนสุกแล้ว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน นั่นคือ “ภาวะต้อหินจากต้อกระจกที่บวมเป่ง (Phacomorphic Glaucoma)” เกิดจากเลนส์ตาสุกเต็มที่แล้วบวม จนปิดทางระบายน้ำในลูกตา ทำให้น้ำในลูกตาระบายไม่ได้ ทำให้ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาเฉียบพลัน  ตาแดง เมื่อส่องไฟจะเห็นเลยว่า ตาดำจะขาวผิดปกติ หากปวดในกรณีนี้ไม่มียาที่สามารถระงับอาการปวดได้และถือว่าอันตรายมาก

ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา วิธีรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

โรคต้อกระจก มีวิธีการรักษาเพียงวิธีเดียวคือ การผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตา ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการรักษามาตรฐานในปัจจุบันทั่วโลก และวิธีที่นิยมมากที่สุดคือ การทำเฟโกอีมัลซิฟิเคชั่น (Phacoemulcification) ด้วยการใช้เครื่องเสียงความถี่สูงเข้าไปสลายเลนส์ตาเก่าให้มีขนาดเล็กแล้วใส่เลนส์ตาใหม่เข้าไป ทำให้มีแผลผ่าตัดขนาดเล็กมากเพียง 3 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่จึงไม่ต้องมีการเย็บปิดแผล  นับเป็นวิธีที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 10 – 30 นาทีเท่านั้น  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดและความยากของเคส

ปัจจุบัน โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ มีการรักษาโรคต้อกระจกด้วยเครื่องมือทันสมัย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ  ซึ่งคนไข้ที่เข้ามารับการผ่าตัดโรคตาต้อกระจกกับทางโรงพยาบาล  ไม่เพียงแต่จะได้การรักษาที่มีประสิทธิภาพ สามารถกลับมามองเห็นได้ชัดขึ้น  แต่ยังได้มีส่วนร่วมในการทำบุญอย่างยิ่งใหญ่ ในโครงการปันโลกสดใส ภายใต้โครงการแพทย์ผู้ให้  ด้วยการเปิดโอกาสในการมองเห็นให้กับผู้ที่ขาดโอกาสเข้าถึงการรักษาดวงตาอีก 1 คน  โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ เปรียบเสมือนการผ่าตัด 1 ได้เห็น 2

ชีวิตใหม่หลังผ่าตัดต้อกระจก

หลังจากได้รับการผ่าตัดต้อกระจกแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะรู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่  เนื่องจากสามารถมองเห็นได้ชัดมากขึ้นกว่าเดิม  ซึ่งการผ่าตัดต้อกระจกไม่เพียงแต่ทำให้กลับมามองโลกสดใส แต่ยังเป็นการแก้ไขภาวะสายตาสั้น ยาว เอียง หรือสายตามองใกล้ที่ผิดปกติได้  รวมทั้งช่วยลดความดันตาในผู้ป่วยต้อหินอีกด้วย

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคต้อกระจก หรือเรื่องสุขภาพอื่น ๆ สามารถขอคำปรึกษาจาก ทีมแพทย์โรงพยาบาลในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด  ได้ทั้ง 9 แห่ง ใน 8 จังหวัด ได้แก่ โรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ  จังหวัดสมุทรปราการ  โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ 1  และโรงพยาบาล พริ้นซ์ ปากน้ำโพ 2 จังหวัดนครสวรรค์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โรงพยาบาลพิษณุเวช จังหวัดพิษณุโลก โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์   โรงพยาบาลพิษณุเวช พิจิตร จังหวัดพิจิตร โรงพยาบาล ศิริเวชลำพูน จังหวัดลำพูน  และโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ จังหวัดชุมพร  และสามารถติดตามสาระดี ๆ เกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่เฟซบุ๊ก : Principal Healthcare Company

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th   

เครือสหพัฒน์ เปิดช่วง Flash Sale พร้อมไลฟ์สด ในงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ ปี 63” แบรนด์ดังร่วมครีเอตกิจกรรมโดนใจนักช้อป พร้อมดึงดาราดังร่วมสร้างสีสัน 2-5 ก.ค.นี้

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–26 มิถุนายน 2563

imgนายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มหกรรมช้อปหยุดโลก สหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ ปี 63 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-5 กรกฎาคมนี้ที่ http://www.sahagroupfair.com/ ทางเครือสหพัฒน์ได้เตรียมยกทัพแบรนด์ดังในเครือมาจัดช่วง Flash Sale และไลฟ์สด ควบคู่ไปกับการจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษลดสูงสุด 80%

โดยในช่วง Flash Sale มีแบรนด์ดังเข้าร่วมเกือบ 100 แบรนด์ อาทิ วาโก้ เวียนนา กีลาโรช อองฟองต์ ไลอ้อน สหพัฒน์ จีเอสพี ซีแอนด์ดี จูสส์ เคเอ็มเอ เบเนคอล คิวพี เชอรีลอน le coq sportif บีเอสซี ARTY เพียวแคร์ BSC Cosmetology ชีเน่ เวลแคร์ MAXIMUS เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบรนด์จะมารีวิวสินค้าและแนะนำสินค้าใหม่ที่กำลังอยู่ในความสนใจของนักช้อป พร้อมทั้งแนะนำโปรโมชันโดนใจ นาทีทอง ที่นักช้อปไม่ควรพลาด

ในช่วง Live สดจะมีทั้งแฟชั่นโชว์ เวิร์กชอป และมีดาราและเซเลบริตี้มาร่วมสร้างสีสัน โดยมีแบรนด์ดังเข้าร่วมกิจกรรมมากมาย อาทิ แฟชั่นโชว์ จากแบรนด์ กี ลาโรช เวิร์คชอป จะมีการสอนแต่งหน้าจาก MTI, เวิร์คชอปแต่งหน้ากับฟ้าใส ปวีณสุดา, สอนเย็บหน้ากากจากโครงการประชารัฐเครือสหพัฒน์, สอนพับผ้า Furoshiki จากวาเซดะ และพลาดไม่ได้กับ ช่วงไลฟ์พูดคุยกับดารานักแสดงชื่อดัง อาทิ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ จากแบรนด์ข้าววรรณภพ, สกาย-วงศ์รวี ปิ่น-เก็จมณี จากแบรนด์เปา, อาเล็ก-ธีรเดช ปราง-กัญญ์ณรัณ มีน-พีชญา จากแบรนด์ซอลส์ เจมส์-ธีรดนย์ จากแบรนด์ซิสเท็มมา ไมค์-ภัทรเดช และ ยิหวา ปรียากานต์ จากบีเอสซี ซอย

ผู้สนใจดูรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ในงานสหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ ปี 63 ได้ที่ http://www.sahagroupfair.com/ ส่วนการช้อปจะเปิดให้ช้อปพร้อมกันทาง http://www.sahagroupfair.com/ LAZADA SHOPEE และ JD CENTRAL ในวันที่ 2-5 กรกฎาคม 2563 ตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ที่ต้องการสั่งซื้อล่วงหน้าจะเปิดให้มีพรีออเดอร์ (PRE SALES) สินค้าใหม่ ในวันที่ 27 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2563 เฉพาะที่ LAZADA

#sahagroupfair #sahagroupfaironline #ช้อปหยุดโลก #คลิ๊กแล้วคุ้ม #LAZADA #SHOPEE #JDCentral #ลุ้นรางวัล

สื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

เร้ดแฮทแต่งตั้ง อินแกรม ไมโคร เพื่อขยายบริการให้กับผู้ให้บริการไอทีและคลาวด์

Logo

ช่วยให้พันธมิตรนำเสนอบริการคลาวด์ได้อย่างมีคุณภาพ โดยใช้เทคโนโลยีล่าสุดของโอเพ่นซอร์ส

กรุงเทพฯ – 25 มิถุนายน 2563 – เร้ดแฮท อิงค์ (Red Hat, Inc) ผู้นำระดับโลกด้านโอเพ่นซอร์สโซลูชั่นประกาศแต่งตั้ง บริษัท อินแกรม ไมโคร อิงค์ (Ingram Micro, Inc ) เป็นผู้แทนจำหน่ายโปรแกรมสำหรับผู้ให้บริการด้านไอทีและคลาวด์ที่ได้รับการรับรอง (Certified Cloud and Service Provider: CCSP) จากเร้ดแฮท เพื่อดูแลประเทศกลุ่มอาเซียน (อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย) และฮ่องกง โดย อินแกรม ไมโครจะทำงานร่วมกับเร้ดแฮทในการสรรหา คัดเลือก และดำเนินงานร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อคัดเลือกให้เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ในโปรแกรม CCSP ต่อไป 

โปรแกรม CCSP นี้ ประกอบด้วยผู้ให้บริการคลาวด์ ผู้ให้บริการรวมระบบและเทคโนโลยี (SI) และผู้ให้บริการการบริหารจัดการ (managed service providers) ในเอเชียแปซิฟิกหลายร้อยราย เพื่อทำงานร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของเร้ดแฮทในการโฮสต์ระบบทั้งแบบติดตั้งฮาร์ดแวร์ (Physical) และแบบเวอร์ชวลแมชชีน (VM) เพื่อใช้งานไพรเวทและพับลิคคลาวด์ รวมถึงการให้บริการการบริหารแอปพลิเคชั่น และบริการด้านการพัฒนาคอนเทนเนอร์ต่าง ๆ การแต่งตั้งอินแกรม ไมโครเป็นผู้แทนจำหน่ายในครั้งนี้ เป็นการตอบสนองต่อความสนใจการใช้งานโซลูชั่นบริหารจัดการมัลติและไฮบริดคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคนี้ 

imgIDC[1]] คาดการณ์ไว้ว่าค่าใช้จ่ายการบริการด้านพับลิคคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตลอดช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ โดยจะมีอัตราการเติบโตในระยะเวลา 5 ปี รวมกันอยู่ที่ปีละ 33% ทั้งนี้ภายในปี 2566 ค่าใช้จ่ายจะแตะระดับ 77.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โปรแกรม CCSP ของ
เร้ดแฮทช่วยให้ผู้ให้บริการโซลูชั่นในภูมิภาคนี้ สามารถดำเนินงานได้อย่างมีความยืดหยุ่นและปรับขยายได้เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีระบบเปิดที่ทำงานอยู่บนคลาวด์

พันธมิตรที่จะได้รับการรับรองเข้าโปรแกรม CCSP ของเร้ดแฮทนี้ จะต้องผ่านการทดสอบและการรับรองความสามารถในการให้บริการที่สามารถปรับขนาดได้ สามารถให้การสนับสนุนและมอบสภาพแวดล้อมที่สอดคล้องกัน ด้วยการใช้ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับคลาวด์ระดับองค์กร โปรแกรม CCSP ที่เป็นหนึ่งเดียวทั่วโลกนี้ เป็นการให้ความมั่นใจกับลูกค้า ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระ และพันธมิตรว่าโซลูชั่นที่ใช้นั้นได้ผ่านการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของเร้ดแฮทแล้ว เพื่อเป็นการเริ่มต้นใช้งานคลาวด์บนโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการใช้คลาวด์ต่อไป

ผู้ให้บริการที่ได้รับการคัดเลือกเข้าโครงการ CCSP จะสามารถเข้าใช้งานโซลูชั่นต่าง ๆ ของเร้ดแฮทที่ไม่เพียงแต่จะเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้สร้างพับลิคและไพรเวทคลาวด์ที่มีความปลอดภัยและปรับขนาดได้มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วย DevOps ในการพัฒนา ใช้งาน และจัดการแอปพลิเคชั่นหลากหลายได้อย่างลงตัวมากขึ้น ตัวอย่างโซลูชั่นที่สามารถเข้าใช้งานได้ เช่น Red Hat Enterprise Linux, Red Hat OpenShift Container Platform และ Red Hat OpenStack Platform โดยผู้ให้บริการสามารถใช้โซลูชั่นเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพิ่มความยืดหยุ่น ขยายบริการด้านไฮบริดคลาวด์ และนำเสนอแอปพลิเคชั่นของนักพัฒนาซอฟต์แวร์อิสระที่สามารถปรับขนาดและพร้อมใช้งานสูงสุดบนเทคโนโลยีต่าง ๆ ของเร้ดแฮทได้

คำกล่าวสนับสนุน

นายแอนดรูว์ แฮบกู๊ด ผู้อำนวยการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายพันธมิตรและพาร์ทเนอร์ของเร้ดแฮท ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค

“เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับอินแกรม ไมโคร ผู้แทนจำหน่ายโปรแกรม CCSP ของเร้ดแฮท และเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศพันธมิตรของเร้ดแฮท เรามุ่งมั่นที่จะเสนอทางเลือกที่หลากหลายในการใช้งานคลาวด์ให้กับลูกค้าและนักพัฒนาทั้งหลาย และหัวใจสำคัญที่จะทำให้ความมุ่งมั่นนั้นเป็นจริงได้ คือการทำให้การใช้คลาวด์นั้น ๆ สร้างอยู่บนระบบนิเวศพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างและใช้แอปพลิเคชั่นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมมือจากอินแกรม ไมโคร อย่างต่อเนื่องในการร่วมสร้างการเติบโตของระบบนิเวศพันธมิตรไปกับเร้ดแฮท”

นายฟรานซิส ชู รองประธานและหัวหน้าผู้บริหารระดับประเทศ, อินแกรม ไมโคร เอเชีย ประจำฮ่องกง

“เราภูมิใจและยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม CCSP ของเร้ดแฮท ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการของเราที่มีอยู่ในเส้นทางการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ซึ่งโซลูชั่นที่เป็น hybridisation ไมโครเซอร์วิส และโอเพ่นซอร์สล้วนเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ธุรกิจต่าง ๆ คำนึงถึงเมื่อต้องการสร้างและจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีของตน เราเชื่อมั่นว่าจะสร้างสิ่งที่ดีที่สุดด้วยพอร์ตโฟลิโอด้านความปลอดภัยไซเบอร์และโซลูชั่น SaaS ที่แข็งแกร่งของเรา การทำงานร่วมกับคอมมูนิตี้ของพันธมิตรและผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระต่าง ๆ รวมกันออกมาเป็นโซลูชั่นไอทีรุ่นต่อไปนำเสนอให้กับพาร์ทเนอร์ของเราและลูกค้าของพวกเขา เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะคงสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเร้ดแฮทยิ่ง ๆ ขึ้นไป”

ติดต่อเร้ดแฮท

เกี่ยวกับเร้ดแฮท

เร้ดแฮท คือผู้ให้บริการชั้นนำด้านซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สโซลูชั่นสำหรับองค์กร โดยใช้พลังของสังคมโอเพ่นซอร์ส เพื่อนำเสนอเทคโนโลยี Linux, hybrid cloud, container และ Kubernetes ที่เชื่อถือได้และมีประสิทธิภาพสูง เร้ดแฮท ให้การสนับสนุนลูกค้าในการผสานรวมแอปพลิเคชันใหม่และที่ใช้อยู่เดิม ในการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ cloud-native เพื่อยกระดับระบบปฏิบัติการชั้นนำของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงบริหารจัดการสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนให้เป็นระบบอัตโนมัติและปลอดภัย ด้วยการบริการด้านการสนับสนุน อบรม และให้คำปรึกษาที่ได้รับความเชื่อถือและการยอมรับด้วยรางวัลมากมาย เร้ดแฮท จึงได้รับการไว้วางใจในการเป็นที่ปรึกษาแก่บริษัทในเครือ Fortune 500 ด้วยบทบาทของ เร้ดแฮท ในการเป็นพันธมิตรต่อผู้ให้บริการคลาวด์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการผนวกรวมระบบ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ลูกค้า และชุมชนโอเพ่นซอร์ส เร้ดแฮท จะสามารถสนับสนุนและผลักดันองค์กร เพื่อพร้อมรับกับโลกดิจิทัลแห่งอนาคต

###

Red Hat, Red Hat Enterprise Linux, Red Hat OpenShift and the Red Hat logo are trademarks or registered trademarks of Red Hat, Inc. or its subsidiaries in the U.S. and other countries. Linux® is the registered trademark of Linus Torvalds in the U.S. and other countries. The OpenStack Word Mark is either a registered trademark/service mark or trademark/service mark of the OpenStack Foundation, in the United States and other countries, and is used with the OpenStack Foundation's permission. Red Hat is not affiliated with, endorsed or sponsored by the OpenStack Foundation, or the OpenStack community


[[1]] Source: IDC Asia Pacific Public Cloud Spending Guide, 1H 2019

เคแบงก์ ผนึกพลังพันธมิตรให้ลูกค้า K PLUS กว่า 13 ล้านรายช้อปสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงามจากผู้ประกอบการชั้นนำทั่วประเทศได้ง่ายๆ ทุกที่ทุกเวลา บน K+ Market

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–26 มิถุนายน 2563

imgกสิกรไทย จับมือ สรรพสินค้าเวลเนส (WELLNESS departmentstore) เปิดให้ลูกค้า ช้อปสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงามจากผู้ประกอบการชั้นนำทั่วประเทศ บน K+ Market ผ่าน K PLUS ให้ลูกค้าช้อปสะดวกไม่มีสะดุด ผ่าน K PLUS หรือแลกซื้อด้วยคะแนนสะสมของบัตรเครดิตกสิกรไทย

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า K+ Market เป็นแพลตฟอร์มบนแอปพลิเคชัน  K PLUS ที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างผู้ซื้อที่มีจำนวนมากกว่า 13 ล้านราย กับผู้ขายซึ่งมีทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย เจ้าของแบรนด์ กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยต่างๆ กว่า 900 ร้านค้า ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สุขภาพและความงาม แม่และเด็ก เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนสินค้าความบันเทิงและไลฟ์สไตล์อื่นๆ

นับตั้งแต่เปิดให้บริการ มีลูกค้าที่เข้าหน้า K+ Market กว่า 9 ล้านราย โดยธนาคารคัดเลือกเฉพาะสินค้าที่ถูกลิขสิทธิ์ รวมถึงร้านค้าที่มีคุณภาพและมีประสบการณ์ในด้านการขายของออนไลน์ ที่สำคัญลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินได้ทั้งเงินสด หรือชำระด้วยคะแนนสะสมบัตรเครดิตแบบดีลสุดคุ้มใน K+ Market และในอนาคตจะยังสามารถใช้คะแนนของพันธมิตร และ บัตรเครดิตมาชำระค่าสินค้าได้ด้วย

“ความร่วมมือกับ สรรพสินค้าเวลเนส (WELLNESS departmentstore) นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสการขายบนช่องทางดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจด้านสุขภาพและความงามเริ่มต้น 8 แบรนด์ที่ให้บริการทั้งในกรุงเทพมหานครและหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ หัวหิน ภูเก็ต และ พัทยา แล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมการขายให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด 19 (Covid-19)   นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสในการใช้คะแนนสะสมบัตรเครดิต ทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าหรือบริการที่ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น เพราะมีสินค้าและบริการที่หลากหลายครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงการให้สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า    K PLUS ด้วยการให้โค้ดส่วนลดสูงสุดถึง 1,000 บาท”

นายทรงวุฒิ ตรีเทพจุลยากูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง สรรพสินค้าเวลเนส (WELLNESS departmentstore) กล่าวว่า หนึ่งในแหล่งรายได้หลักของประเทศไทยมาจากอุตสาหกรรมสุขภาพโรงแรมและสปาของไทยที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งจากคนไทยและต่างประเทศซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2563 กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมสุขภาพโรงแรมและสปาของไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 (Covid-19) เป็นอย่างมาก

ด้วยเหตุนี้  บริษัท สรรพสินค้าเวลเนส จำกัด เล็งเห็นถึงศักยภาพการจำหน่ายสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงามแบบออนไลน์ จึงเป็นตัวแทนประสานงานผู้ประกอบการด้านสุขภาพและความงามชั้นนำ เช่น ชีวาศรม ปัญญ์ปุริ โอเอซิส และ เล็ทส์ รีแลกซ์ สปาเป็นต้น ร่วมกันคัดสรรสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงามเพื่อจำหน่ายบน แพลตฟอร์ม K+ Market ผ่าน K PLUS ซึ่งเป็นผู้นำด้านดิจิทัล แบงกิ้ง เป็นการเปิดตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อบน K PLUS กว่า 13 ล้านราย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้บริการด้านสุขภาพในวงกว้างขึ้นตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนธุรกิจโรงแรมและสปาของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของธุรกิจโรงแรมและสปาในอนาคต

สินค้าและบริการในกลุ่มอุตสาหกรรม WELLNESS จะเริ่มให้จำหน่ายบน K+ Market ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป พร้อมโปรโมชั่น รับส่วนลดสูงสุด 40% เมื่อซื้อสินค้าหรือบริการจนถึงวันที่  30 พฤศจิกายน2563 ชมวิธีการซื้อสินค้าบน K+ Market ผ่าน KPLUS ได้ที่  https://kbank.co/38IhY1l

คนไทยไม่ทิ้งกัน “ไลอ้อน ประเทศไทย” ร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้คนขับแท็กซี่ “มอบถุงปันสุข” 1,000 ถุง วันที่ 29 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–24 มิถุนายน 2563

imgบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ห่วงใยในปัญหาความเดือดร้อนของผู้ขับรถแท็กซี่ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ซึ่งแม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการแท็กซี่ยังลดลง จึงได้จัดโครงการ มอบถุงปันสุข จำนวน 1,000 ถุง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ที่ขับรถแท็กซี่ โดยภายในถุงปันสุขประกอบด้วยสินค้าอุปโภค อาทิ ผงซักฟอกเปา น้ำยาล้างจานไลปอนเอฟ เจลล้างมือคิเรอิคิเรอิ แปรงสีฟัน ยาสีฟันซิสเท็มมา แชมพูคิวลีน ครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ และหน้ากากผ้านาโนซิงค์ออกไซด์

ผู้ขับรถแท็กซี่ต้องการรับถุงปันสุข สามารถมารับได้ที่บริเวณหน้าบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ถนนพระราม 3 ในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2563 เวลา 09.00 น.

###

สื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

นูทานิคซ์เสริมแกร่งให้กับโซลูชั่น Desktop as a Service (DaaS)

Logo

นำเสนอโซลูชั่นพร้อมใช้งานระดับองค์กร รวมถึงช่วยให้การทำงานจากระยะไกล

เป็นไปอย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Nutanix Xi Frame

กรุงเทพฯ – 23 มิถุนายน 2563 – นูทานิคซ์ อิงค์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับองค์กร ประกาศเพิ่มความสามารถใหม่ ๆ ใน Xi Frame ซึ่งเป็นโซลูชั่น Desktop as a Service (DaaS) เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าองค์กร รวมถึงเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่น และความพร้อมใช้งานให้ครอบคลุมมากขึ้น

imgฟีเจอร์ใหม่ดังกล่าวประกอบด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเวิร์กโหลดต่าง ๆ ที่อยู่ในเดสก์ท็อปในองค์กรบนนูทานิคซ์อะโครโพลิสไฮเปอร์ไวเซอร์ (Nutanix AHV) เพิ่มการสนับสนุนการจัดการยูสเซอร์โปรไฟล์ รวมถึงความสามารถในการแปลง Windows แอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ให้เป็น Progressive Web Apps (PWA) และเพิ่มการให้การสนับสนุนจากดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคเป็น 69 แห่งที่อยู่บน Microsoft Azure, Google Could Platform และ Amazon Web Services (AWS)

Xi Frame เป็นโซลูชั่นที่แข็งแกร่งที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการการทำงานจากระยะไกลได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที Xi Frame ทำสถิติด้านรายได้เป็นประวัติการณ์ไตรมาสต่อไตรมาส โดยอ้างอิงจากรายได้รวมของไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 2563 ของนูทานิคซ์ และเป็นส่วนสร้างรายได้สำคัญในหมวดธุรกิจ end user computing ของนูทานิคซ์ โดยสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ได้ประมาณ 20% ในไตรมาสเดียวกัน 

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่ทั่วโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญ โซลูชั่นต่าง ๆ เช่น Xi Frame เป็นกระบวนการที่ช่วยให้บริษัทหลายแห่งต้องปรับตัวตามสถานการณ์อย่างเร่งด่วน เพื่อให้พนักงานของตนสามารถทำงานจากระยะไกลได้ในชั่วข้ามคืน 

ในขณะที่หลายประเทศเริ่มทยอยเปิดประเทศอีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ผลจากการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพการทำงานระหว่างการล็อคดาวน์ทำให้บริษัทหลายแห่งกำลังพิจารณายืดระยะเวลาในการทำงานจากระยะไกลต่อไปอีก  ผนวกกับการต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างต่อเนื่อง ทำให้โซลูชั่นรีโมทเดสก์ท็อป และ DaaS ที่สามารถรองรับความต้องการขององค์กรในระยะยาวได้รับการยอมรับและมีการนำมาใช้งานมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นายนิโคลา โบซิโนวิคซ์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการให้บริการเดสก์ท็อป นูทานิคซ์ กล่าวว่า
“นูทานิคซ์ให้ความสำคัญกับลูกค้าเสมอมา เราคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรจึงจะช่วยให้การดำเนินงานด้านไอทีของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายและสามารถนำเสนอโซลูชั่นที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของลูกค้าให้เดินหน้าต่อไป
และเราทำเช่นนั้นตลอดระยะสองสามเดือนในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา  สถานการณ์ทั่วโลกในปัจจุบันผลักดันให้บริษัทจำนวนมากยอมรับวิธีการทำงานจากระยะไกล แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีพื้นฐานด้านนี้มาก่อนก็ตาม Nutanix Xi Frame จึงเป็นโซลูชั่นที่เหมาะสมอย่างมากที่จะตอบสนองความต้องการเหล่านี้ เราจึงช่วยเหลือลูกค้าของเราด้วยการให้ความสำคัญกับการส่งมอบบริการพิเศษ และช่วยให้ลูกค้านำบริการของเราไปผสานรวมและทำงานร่วมกับสภาพแวดล้อมไอทีที่ลูกค้าใช้อยู่แล้วได้อย่างรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก"

Xi Frame ซึ่งเป็นบริการ DaaS ของนูทานิคซ์ที่ทำงานบนระบบคลาวด์ ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เรียกใช้เวอร์ชวลแอปพลิเคชั่น และเวอร์ชวลเดสก์ท็อปบนโครงสร้างพื้นฐานที่ลูกค้าเลือกเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ on-premises ด้วย Nutanix AHV หรือใช้บนระบบพับลิคคลาวด์ของ Microsoft Azure, Google Cloud Platform หรือ AWS

Xi Frame ช่วยลดความยุ่งยากที่มักจะเกิดขึ้นกับการขยายจำนวนผู้ใช้งานระบบการทำงานจากที่บ้าน
ในขณะเดียวกันก็จัดหาบริการเวอร์ชวลเวิร์กสเปซที่ปลอดภัยให้กับพนักงานและลูกค้าได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ทั้งยังช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการเดสก์ท็อป และการใช้งานแอปพลิเคชั่นให้เหลือน้อยที่สุด

นายโทนี่ แมคคีวิคซ์ ผู้อำนวยการของ Physician and Tactical Healthcare Service, LLC (PATHS)
ซึ่งเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นทางการเงินด้านสุขภาพกล่าวว่า “เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทาง PATHS ต้องการโซลูชั่นการเข้าใช้งานจากระยะไกลที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ ให้กับพนักงานที่ประจำอยู่ไซต์งานหลายสิบแห่ง รวมถึงโซลูชั่นที่ให้พนักงานหลายร้อยคนทำงานจากที่บ้านได้ Nutanix Xi Frame ทำงานอยู่บน AHV ช่วยให้เราสร้างระบบการเข้าใช้งานจากระยะไกลที่ปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการทำงานของพนักงาน 200 คนที่ทำงานจากที่บ้านโดยไม่มีปัญหาในการเชื่อมต่อใด ๆ  ปัจจุบันพนักงานสามารถเข้าใช้งานระบบและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ต้องการได้จากระยะไกล จากทุกที่บนอุปกรณ์ทุกประเภท”

ฟีเจอร์ใหม่ของ Xi Frame เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ลูกค้าองค์กร มีดังนี้

  • ยกระดับประสบการณ์การใช้งาน Nutanix AHV: นับจากการเปิดตัว Xi Frame ที่ทำงานบน AHV เพื่อรองรับการใช้งาน on-premises ของลูกค้า นูทานิคซ์ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ
    เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น ซึ่งรวมถึง Cloud Connector Appliance เวอร์ชั่นใหม่
    ที่เพิ่มความคล่องตัวในการใช้งาน นอกจากนี้ยังมี Streaming Gateway Appliance (SGA) ซึ่งเป็น reverse proxy ที่ปลอดภัย รองรับการใช้งาน Frame Remoting Protocol (FRP)
  • เพิ่มการรองรับโปรไฟล์ผู้ใช้งานในองค์กร: ปัจจุบัน Xi Frame สามารถรองรับโปรไฟล์ผู้ใช้งานภายในองค์กร สำหรับกรณีใช้งานเดสก์ท็อปที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับโดเมน ซึ่งก่อนหน้านี้ฟีเจอร์นี้จะรองรับเฉพาะเวอร์ชวลแมชชีน (VMs) ที่เชื่อมต่อภายในโดเมนเท่านั้น ความยืดหยุ่นที่ปรับเพิ่มขึ้นมานี้จะช่วยให้มีการใช้งาน Xi Frame มากขึ้น  ฟีเจอร์โปรไฟล์ของผู้ใช้งานในองค์กรที่ติดตั้งมากับโซลูชั่นนี้สามารถเปิดใช้งานได้อย่างง่ายดายในคลิกเดียว ผ่านความร่วมมือกับ Liquidwear ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นในการจัดการเวิร์กสเปซที่ปรับเปลี่ยนได้

  • รองรับ Progressive Web Apps: ปัจจุบัน Xi Frame รองรับการแปลง Windows แอปพลิเคชั่นข้ามแพลตฟอร์มไปเป็น Progressive Web Apps (PWAs) โดยอัตโนมัติ PWA เป็นเว็บแอปพลิเคชั่นที่ปกติแล้วจะใช้งานผ่านหน้าเว็บหรือเว็บไซต์ในเบราว์เซอร์ แต่ยังสามารถนำเสนอรูปลักษณ์และการใช้งานเนทีฟแอปพลิเคชั่นที่ติดตั้งอยู่ได้อย่างง่ายดาย

เมื่อ “ติดตั้ง” PWA แล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าใช้งานซอฟต์แวร์โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผ่านเบราว์เซอร์ใด ๆ และสามารถคลิกที่ไอคอนของแอปพลิเคชั่นเพื่อเรียกใช้งานได้โดยง่าย เมื่อเทคโนโลยีสามารถใช้ข้ามแพลตฟอร์มได้นั่นหมายความว่า Windows แอปพลิเคชั่นที่สตรีมโดย Xi Frame จากคลาวด์
สามารถไปปรากฎและใช้งานได้ไม่เพียงแต่บนอุปกรณ์ที่ใช้ Windows เท่าน้้น แต่ยังสามารถทำงานบน ChromeBooks, Mac และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Windows ได้อีกด้วย การรองรับ PWA ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ Xi Frame เชื่อมช่องว่างระหว่าง Windows ซอฟต์แวร์แบบเก่ากับเว็บแอปพลิเคชั่นที่ทันสมัย ซึ่งนับเป็นการบุกเบิกการทำงานวินโดวส์ซอฟต์แวร์บนเบราวซ์เซอร์หนึ่ง ๆ

  • ขยายจำนวนดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วโลก: ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Nutanix Xi Frame ได้ขยายการรองรับดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคเพิ่มขึ้นในแอฟริกาใต้ ฝรั่งเศส ฮ่องกง ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา ขณะนี้โซลูชั่น DaaS เปิดให้ใช้งานได้แล้วในดาต้าเซ็นเตอร์ทั้ง 69 แห่งทั่วโลก ด้วยความร่วมมือกับ Microsoft Azure, Google Cloud Platform และ AWS

ฟีเจอร์ใหม่ของ Xi Frame ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้พร้อมให้บริการลูกค้าแล้ว กรุณาเยี่ยมชมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nutanix Xi Frame หรือ Test Drive ได้ที่นี่

เกี่ยวกับนูทานิคซ์

นูทานิคซ์เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ ช่วยให้การประมวลผลทางคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นได้ทุกที่ บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกใช้ซอฟต์แวร์ของนูทานิคซ์ เพื่อใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเพียงแพลตฟอร์มเดียว ในการบริหารจัดการแอปพลิเคชั่นได้ทุกแอป ทุกที่ และทุกขนาด ไม่ว่าแอปพลิเคชั่นนั้นจะอยู่บนสภาพแวดล้อมแบบไพรเวท ไฮบริด และมัลติคลาวด์ก็ตาม เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนูทานิคซ์ได้ที่ www.nutanix.com หรือติดตามทางทวิตเตอร์ที่ @nutanix

© 2020 Nutanix, Inc. All rights reserved. Nutanix, the Nutanix logo and all Nutanix product and service names mentioned herein are registered trademarks or trademarks of Nutanix, Inc. in the United States and other countries. All other brand names mentioned herein are for identification purposes only and may be the trademarks of their respective holder(s). This release may contain links to external websites that are not part of Nutanix.com. Nutanix does not control these sites and disclaims all responsibility for the content or accuracy of any external site. Our decision to link to an external site should not be considered an endorsement of any content on such a site. 

This release may contain express and implied forward-looking statements, which are not historical facts and are instead based on our current expectations, estimates and beliefs. The accuracy of such statements involves risks and uncertainties and depends upon future events, including those that may be beyond our control, and actual results may differ materially and adversely from those anticipated or implied by such statements. Any forward-looking statements included herein speak only as of the date hereof and, except as required by law, we assume no obligation to update or otherwise revise any of such forward-looking statements to reflect subsequent events or circumstances.

ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ

นภา สุทธิญาณโสภณ

บริษัท เอฟเอคิว จำกัด

โทรศัพท์ 02 970 6051

อีเมล: napa@pc-a.co.th

“วิตามิน” ไม่ใช่ “ยา” ความคล้ายที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิด ไบโอฟาร์ม แนะใช้ให้ถูกวิธีเพื่อสุขภาพที่ดีและปลอดภัย

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–24 มิถุนายน 2563

imgร่างกายของคนเรา มีสารต่าง ๆ ประกอบอยู่ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น  โปรตีน น้ำตาล วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ  การได้รับ “วิตามิน” ที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะวิตามินสามารถช่วยบำรุงและฟื้นฟูสุขภาพ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับและไต  แตกต่างกับ “ยา”  ซึ่งหากใช้ติดต่อกันเป็นประจำ อาจส่งผลเสียต่อตับและไตได้ บทความฉบับนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ  วิตามิน และ ยา จากทีมเภสัชกรไบโอฟาร์มมาฝากกัน

ความแตกต่างของ “วิตามิน” กับ “ยา”

หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า ยา กับ วิตามิน  เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเหมือนกัน  แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยา คือสิ่งที่ร่างกายไม่มี ร่างกายเราไม่สามารถผลิตยาเองได้ ดังนั้น ยาจึงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในภาวะร่างกายปกติ ในทางกลับกัน ยามีไว้ใช้รักษาอาการผิดปกติของร่างกายที่มีอาการรุนแรง เช่น อาการปวดหัว ต้องได้รับยาพาราเซตามอลที่มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ซึ่งยามีการออกฤทธิ์ที่เร็ว สามารถระงับอาการต่าง ๆ ได้  แตกต่างจากการรับประทานอาหารเสริมที่จะเข้าไปช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย

หลักการใช้ยาที่ถูกต้อง

เมื่อเรารับประทานยาจนหายป่วยแล้ว ต้องหยุดใช้ยา หากหายแล้วยังรับประทานยาต่อไปเรื่อยๆอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะยาส่วนใหญ่ผลิตจากสารเคมี  หากใช้เป็นประจำและเกินความจำเป็น  ท้ายที่สุดอาจเกิดการสะสมในร่างกาย และส่งผลเสียต่อตับและไตได้

“วิตามิน” สิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้

วิตามิน คือ สารที่มีอยู่ในร่างกายของคนเราอยู่แล้ว และเป็นสิ่งจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้ หากขาดวิตามินแล้ว ร่างกายจะแสดงความผิดปกติออกมาให้เห็นทันที  และเมื่อร่างกายมีอาการผิดปกติต่างๆเกิดขึ้น สามารถตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของการขาดวิตามินได้  และรับประทานวิตามินเสริมเข้าไป

วิตามินแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ วิตามินที่ละลายในน้ำ ได้แก่ วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 บี 5 บี 6 บี 7     บี 9 บี 12 และวิตามินซี โดยวิตามินชนิดนี้จะสามารถอยู่ในร่างกายได้ 2-4 ชั่วโมง ส่วนที่เหลือจากการดูดซึมไปใช้งานก็จะถูกขับออกทางไต  โดยการปัสสาวะนั่นเอง  ดังนั้น วิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ จะมีโอกาสสะสมในร่างกายน้อยมาก จึงไม่ค่อยมีผลข้างเคียง วิตามินที่ละลายในไขมัน ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี และวิตามินเค ซึ่งจะละลายได้ในไขมันเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย จึงไม่สามารถขับออกทางปัสสาวะได้ หากได้รับวิตามินเหล่านี้มากเกินไป อาจเก็บสะสมไว้ในร่างกายได้ ผูที่รับประทานวิตามินชนิดนี้จึงควรมีช่วงที่หยุดรับประทานบ้าง เพื่อไม้ให้เกิดการสะสมในร่างกายมากจนเกินไป 

วิตามินเป็นอาหารเสริม ไม่ใช่อาหารหลัก

แม้ว่าการได้รับวิตามินอย่างเพียงพอและเหมาะสมจะสามารถช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกายได้ ช่วยเสริมในส่วนที่ร่างกายขาดได้ หากเลือกรับประทานอย่างเหมาะสม แต่การรับประทานวิตามินก็ไม่สามารถมอบสารอาหารอันหลากหลายได้เหมือนอาหารจานหลัก 

สำหรับวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายและควรได้รับทุกวัน ได้แก่ วิตามินซี และวิตามินบี  ซึ่งเป็นวิตามินชนิดที่ละลายในน้ำ หลังจากดูดซึมไปใช้งานแล้วจะถูกกำจัดออกทางปัสสาวะ ไม่สะสมในร่างกาย จึงสามารถรับประทานเป็นประจำทุกวันได้อย่างปลอดภัย

ถึงแม้ว่าวิตามินจะไม่สามารถทดแทนอาหารจานหลักได้ แต่วิตามินและแร่ธาตุเสริม 1 เม็ด มักจะอัดแน่นด้วยปริมาณแร่ธาตุและสารอาหารที่คนปกติอาจไม่สามารถรับได้จากการรับประทานอาหารเพียง 1 มื้อหรือ 1 วันเพื่อให้ได้สารอาหารเหล่านั้นเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เช่น ต้องกินฟักทอง 1 ผลเพื่อให้ได้เบตาแคโรทีน 2 มิลลิกรัม เท่ากับการรับประทานเบตาแคโรทีน 1 เม็ด ซึ่งคนปกติอาจไม่สามารถรับประทานฟักทองได้ถึง 1 ผล

วิตามิน เกราะป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ

สารอนุมูลอิสระ เปรียบเสมือนยาพิษ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสม  เช่น นอนดึก นอนไม่พอ สูบบุหรี่  ดื่มเหล้า หรือ เจอกับมลภาวะ เช่น ฝุ่น PM 2.5   ซึ่งความน่ากลัวของอนุมูลอิสระคือ แม้จะไม่ทำให้เกิดโรคในทันที แต่ทำให้ร่างกายเกิดความเสื่อม ทำลายเม็ดเลือด ทำลายอวัยวะต่างๆ และนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพในระยะยาว 

ท้ายที่สุดแล้วการเสริมวิตามินและเกลือแร่ จะเป็นเกราะป้องกันอนุมูลอิสระชั้นดีให้กับร่างกาย    แต่สิ่งที่ควรทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ นั่นคือ  การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่  หมั่นออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทำลายสุขภาพ  ก็จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรง          

ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับไบโอฟาร์มทาง Line Official : @biopharm ติดตามเคล็ดลับดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ www.facebook.com/healthyclub.by.biopharm

##

กสิกรไทย เปิดตัว ‘Wealth PLUS’ ฟีเจอร์ช่วยจัดพอร์ตลงทุนส่วนตัวบน K PLUS

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–23 มิถุนายน 2563

imgธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว ‘Wealth PLUS’ ฟีเจอร์ช่วยจัดพอร์ตลงทุนส่วนตัวบน K PLUS ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการเริ่มลงทุน เพิ่มความมั่นคงให้ชีวิต แต่ไม่มีเวลาบริหารจัดการด้วยตนเอง ทำให้หลายคนพลาดโอกาสในการลงทุน  ชูจุดเด่นช่วยจัดพอร์ตลงทุนส่วนตัวให้เหมาะกับเป้าหมายการลงทุนของแต่ละคน ติดตามและปรับพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอตามภาวะตลาด กระจายความเสี่ยง ถึงเป้าหมายได้ง่ายยิ่งขึ้น เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุน ทั้งแบบลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง และ แบบมีเป้าหมายทางการเงิน เช่น เก็บเงินซื้อรถ เดินทางท่องเที่ยว เป็นต้น หรือคนที่มองหาความมั่นคงในวัยเกษียณ เริ่มต้นง่ายๆ ลงทุนเพียง 10,000 บาท ไม่ต้องไปสาขา และไม่ต้องใช้เอกสารเพิ่มเติม ใช้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม โดย

จัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุน Wealth PLUS จะเลือกกองทุนรวมที่กระจายความเสี่ยงและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมที่สุดตามความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ รวมถึงเหมาะกับสภาวะตลาด และระยะเวลาเป้าหมายการลงทุนของลูกค้าแต่ละคน

กระจายความเสี่ยงให้โดยอัตโนมัติ ลูกค้าไม่ต้องคำนวณเอง Wealth PLUS ลงทุนเป็นพอร์ต คือลงทุนในกองทุนรวมที่หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นการกระจายความเสี่ยงให้อัตโนมัติ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องคำนวณเอง

ติดตามและดูแลพอร์ตให้ตลอด 24 ชั่วโมง  Wealth PLUS จะปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ (Auto Rebalance) เมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและส่งผลกระทบกับพอร์ต โดยที่ลูกค้าไม่ต้องคอยกังวลกับสถานการณ์ แต่หากเหตุการณ์เป็นปกติจะปรับพอร์ตให้อัตโนมัติทุกๆ 6 เดือน

ใช้เงินเริ่มต้นลงทุนน้อย เพียง 10,000 บาท และลงทุนครั้งต่อไปขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยที่สามารถเลือกให้ระบบลงทุนอัตโนมัติทุกเดือน (DCA) หรือลงทุนเมื่อลูกค้าสะดวกก็ได้

ใช้งานฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมการซื้อ ขาย สับเปลี่ยนกองทุนตามปกติ

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ Wealth PLUS ได้ที่ https://kbank.co/2N29qtU  หรือโทร K-Contact Center 02-888-8888 กด 4 กด 1

สมาคมธนาคารไทยหนุนนโยบาย ธปท. เชื่อช่วยระบบแบงก์พาณิชย์แข็งแกร่งระยะยาว เป็นเสาหลักดันเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัว

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–23 มิถุนายน 2563

imgนายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า โดยคำนึงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต และศักยภาพของลูกหนี้ในการทำธุรกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 คลี่คลาย และในระหว่างที่ธนาคารพาณิชย์จัดทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนใหม่นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานในปี 2563 รวมถึงงดการซื้อหุ้นคืนนั้น เป็นมาตรการเพื่อให้มั่นใจว่า ธนาคารพาณิชย์จะรักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การงดจ่ายเงินปันผลข้างต้นนั้น จะเป็นเฉพาะเงินปันผลเฉพาะกาล ไม่ใช่การจ่ายเงินปันผลรายปีที่ธนาคารพาณิชย์ยังพิจารณาจ่ายได้ตามสมควร นอกจากนี้ แนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทยดังกล่าว ถือว่าสอดคล้องกับความเห็นและแนวทางที่เสนอโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ ที่มองว่าธนาคารพาณิชย์ควรให้น้ำหนักกับการสะสมทุนให้เข้มแข็งเพื่อรองรับเหตุการณ์เสี่ยงในภาวะวิกฤตระดับโลก (Pandemic) ในปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อให้สามารถทำหน้าที่หลักในการให้สินเชื่อกับภาคธุรกิจและครัวเรือน และรับมือกับภาระการตั้งสำรองสำหรับหนี้ด้อยคุณภาพที่จะเพิ่มขึ้น ด้วยการงดกิจกรรมอื่น ๆ ที่กระทบต่อเงินกองทุน อาทิ การจ่ายเงินปันผล หรือการซื้อหุ้นคืน แม้ระบบธนาคารพาณิชย์ทั้งในสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร จะมีสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในปี 2563 สูงถึงร้อยละ 18.4 และกว่าร้อยละ 20 ตามลำดับ ก็ตาม นอกจากนี้ IMF ยังมองว่าทางเลือกดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นและนักลงทุนผ่านผลตอบแทนที่มีโอกาสเพิ่มขึ้น เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติ  

สำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน ระบบธนาคารพาณิชย์ไทย มีระดับเงินกองทุนที่เข้มแข็ง โดย ณ สิ้นเมษายน 2563 ที่ผ่านมา มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,616,162 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ร้อยละ 18.9 ซึ่งนับว่ามีความเข้มแข็งกว่าเกณฑ์เงินกองทุนที่ต้องดำรงขั้นต่ำของ ธปท.ที่ร้อยละ 11.0 (ระดับเงินกองทุนขั้นต่ำที่ร้อยละ 8.5 และ Conservation Buffer ร้อยละ 2.5) และสูงกว่ามาตรฐานสากลของ Basel Committee on Banking Supervision (BCBS) ที่ร้อยละ 10.5  ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ก็มีการวางแผนเพื่อบริหารจัดการเงินกองทุนเป็นปกติประจำอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยก็ยังมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง ซึ่งเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจตามปกติ รวมไปถึงรองรับการชำระคืนเงินฝากแก่ประชาชน ตลอดจนหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุน โดยระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมีสินทรัพย์สภาพคล่องที่ใกล้เคียงเงินสด อาทิ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยและพันธบัตรรัฐบาลถึง 4.38 ล้านล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะรองรับความต้องการถอนเงินและใช้เงินในระยะสั้นจากทั้งภาครัฐและเอกชน (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อีกทั้งยังสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยถึง 1.8 เท่า

“ด้วยสถานะทุนและสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ที่เข้มแข็งในระดับมาตรฐานโลก ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังสามารถทำหน้าที่สำคัญในการขยายสินเชื่อ ช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาทุกกลุ่ม และดูแลจัดการปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพ ขณะเดียวกันมาตรการต่างๆ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ก็จะช่วยบรรเทาปัญหาต่าง ๆ ไปได้เช่นกัน ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าเราจะผ่านพ้นเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายปรีดีกล่าว

เครือสหพัฒน์ ประกาศจัดงาน “สหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ ปี 63” ครั้งแรกของการผนึก 3 แพลตฟอร์ม LAZADA-SHOPEE-JD CENTRAL ขายพร้อมกัน ลดกระหน่ำสูงสุด 80% เสริมทัพ 11 สถาบันการเงินและกองทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ 2-5 ก.ค.นี้

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–23 มิถุนายน 2563

imgนายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ ปี 63 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รัฐบาลได้รณรงค์ให้ประชาชนเว้นระยะห่างทางสังคม เครือสหพัฒน์จึงได้เปลี่ยนรูปแบบการจัดงานในปีนี้มาเป็น สหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ ปี 63 เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ อีกทั้งยังสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่นิยมการซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น

งานสหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ ปี 63 กำหนดจัดในวันที่ 2-5 กรกฎาคม 2563 เป็นการยกงานสหกรุ๊ปแฟร์ที่เคยจัดที่ไบเทคมาจัดบน http://www.sahagroupfair.com/ โดยจะมีลิงค์จากเว็บไปยัง LAZADA SHOPEE และ JD CENTRAL ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการจำหน่ายสินค้าบน 3 แพลตฟอร์มพร้อมกัน แบ่งสินค้าออกเป็น 7 หมวด คือ Fashion, Lingerie, Health & Beauty, Baby & Toddler, Household, Grocery และ Services & Education มีสินค้ามาจำหน่ายกว่า 100 แบรนด์ กว่า 20,000 SKU อาทิ วาโก้ บีเอสซี แอร์โรว์ ลาคอสท์ แอล (ELLE) เอราวอน กี ลาโรช อองฟองต์ แอ็บซอร์บา ฟาร์มเฮ้าส์ มาม่า มองต์เฟลอ ริชเชส ซื่อสัตย์ เอสเซ้นต์ เปา ซิสเท็มมา คิเรอิคิเรอิ โชกุบุสซึ วาเซดะ บุนกะ ซึ่งสินค้า 7 หมวดนี้ จะมีทั้งสินค้านวัตกรรม สินค้าใหม่ สินค้าขายดี และสินค้า Clearance ที่นำมาลดพิเศษสูงสุดถึง 80% ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค

ในเว็บมีการไลฟ์สดช่วง Flash Sale และการแจกคูปองส่วนลดเพื่อนำไปลดเพิ่มใน LAZADA SHOPEE และ JD CENTRAL ซึ่งทุกบิลที่ซื้อสามารถนำมากรอกข้อมูลชิงรางวัลในเว็บ กว่า 3,000 รางวัล รวมกว่า 9 แสนบาท สำหรับผู้ที่ต้องการสั่งซื้อล่วงหน้าจะเปิดให้มีพรีออเดอร์(PRE SALES) สินค้าใหม่ในวันที่ 27 มิถุนายน–1 กรกฎาคม 2563 เฉพาะที่ LAZADA

นอกจากนี้ ในเว็บยังมีกิจกรรมที่สร้างสีสัน อาทิ แฟชั่นโชว์ เวิร์กชอป กิจกรรมจากดาราและเซเลบริตี้มากมาย การรับสมัครงาน การรับสมัครสมาชิกและสะสมคะแนน His & Her

นอกจากการจำหน่ายสินค้าแบบ B2C ให้กับผู้สนใจทั่วไปแล้ว จะมีการจำหน่ายแบบ B2B ให้กับร้านค้าทั่วไป ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ และผู้ที่ซื้อสินค้าไปจำหน่ายต่อ

ในงานนี้ เครือสหพัฒน์ยังได้ร่วมกับสถาบันการเงินและกองทุน 11 แห่ง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC) บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อให้ส่วนลดเงินสดและเครดิตเงินคืนสำหรับการซื้อแบบ B2C และให้สินเชื่อพิเศษสำหรับการซื้อแบบ B2B ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อได้อีกทางหนึ่ง

“หนึ่งในนโยบายสำคัญของเครือสหพัฒน์ คือ การทำ Digital Transformation เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในยุคดิจิทัล การจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ออนไลน์ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบที่สุดของเครือสหพัฒน์ ซึ่งเปิดตัวมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม เป็นยุคที่ผู้บริโภคนิยมการซื้อสินค้าทางออนไลน์ และเหมาะกับสถานการณ์ที่ทุกคนควรเว้นระยะห่างทางสังคม” นายธรรมรัตน์ กล่าว

###

สื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

           

The Bangkok Reporter