Black & Veatch เดินหน้าพัฒนาการบินคาร์บอนต่ำในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

Logo

บริษัทได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรของ Bioenergy Australia ในขณะที่มีการประกาศกองทุนมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์เพื่อการพัฒนาเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน

เมลเบิร์น ออสเตรเลีย–(BUSINESS WIRE)–07 สิงหาคม 2023

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ หรือ Sustainable Aviation Fuel Alliance of Australia and New Zealand (SAFAANZ) ของ Bioenergy Australia (BA)

BA เป็นสมาคมอุตสาหกรรมระดับชาติที่มีสมาชิกมากกว่า 150 ราย ซึ่งมุ่งมั่นที่จะเร่งพัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพของออสเตรเลีย โดย BA ก่อตั้ง SAFAANZ ขึ้นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาการผลิต นโยบาย การศึกษา และการตลาดของ SAF ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) คือการผลิตเชื้อเพลิงที่แปรรูปจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น น้ำมันปรุงอาหาร น้ำมันจากพืช และเศษวัสดุที่เหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสำหรับใช้ในเครื่องบินพาณิชย์ เชื้อเพลิงดังกล่าวสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงการบินแบบดั้งเดิม

Shahana McKenzie ซีอีโอของ Bioenergy Australia กล่าวว่า “การเปลี่ยนไปใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเสาหลักสำคัญของระบบพลังงานมากมาย แต่ก็ยังเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิธีการแก้ปัญหาการลดการปล่อยมลพิษเท่านั้น อุตสาหกรรมหนัก การบิน ทางทะเล เกษตรกรรม และเหมืองแร่ของออสเตรเลียยังคงต้องการทางเลือกในการลดคาร์บอนที่มีราคาไม่แพงและทำได้ทันที เช่น เชื้อเพลิงหมุนเวียน เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับผู้นำในอุตสาหกรรมอย่าง Black & Veatch ในการค้นหาเส้นทางการผลิตเชื้อเพลิงในราคาที่จับต้องได้และเพียงพอต่อความต้องการ”

“เช่นเดียวกับการลดคาร์บอนในภาคการบิน เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนจะลดคาร์บอนในทุกรูปแบบของการขนส่ง ทั้งการขนส่งผู้คนและสินค้า การเข้าร่วม SAFAANZ หมายความว่า Black & Veatch จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยประยุกต์ใช้ประสบการณ์ด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลกอันกว้างขวางของเราทั้งในด้านเชื้อเพลิงการบิน เมทานอลไปจนถึงน้ำมันเบนซิน ก๊าซชีวภาพ และก๊าซธรรมชาติหมุนเวียน” Mick Scrivens รองประธานและผู้อำนวยการของ Black & Veatch ออสเตรเลียแปซิฟิกกล่าว

ประมาณร้อยละ 2.5 ของการปล่อยคาร์บอนทั้งหมดของโลกนั้นเกิดจากภาคอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยในออสเตรเลีย อุตสาหกรรมนี้คิดเป็นประมาณร้อยละ 1 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ

สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประมาณการว่า SAF สามารถช่วยลดการปล่อยมลพิษของภาคการบินได้ประมาณร้อยละ 65 ที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2050

ปัจจุบันความต้องการ SAF มากเกินกว่าอุปทานที่มีอยู่ ออสเตรเลียที่มีทรัพยากรเหลือทิ้ง และเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมากมาย จึงมีศักยภาพสูงในการตอบสนองความต้องการต่ออุปทาน SAF ทั้งในและต่างประเทศ

เพื่อให้ตระหนักถึงศักยภาพ สำนักงานพลังงานหมุนเวียนแห่งออสเตรเลีย (ARENA) ได้จัดสรรเงิน 30 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในเดือนกรกฎาคมเพื่ออำนวยความสะดวกในการพัฒนาอุตสาหกรรม SAF ด้วยการผลิตจากวัตถุดิบหมุนเวียนที่มีอยู่ในท้องถิ่น โครงการ Sustainable Aviation Fuels Funding Initiative จะประเมินโอกาสต่างๆ ทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบหมุนเวียนไปจนถึงการผลิตเชื้อเพลิงขั้นสุดท้าย โดยค้นหาข้อกำหนดเพื่อใช้งานและปรับขนาดอุตสาหกรรม SAF ในประเทศ

การใช้งาน SAF ที่แพร่หลายมากขึ้นจะได้รับการสนับสนุนจากการเอาชนะอุปสรรคต่างๆ รวมถึงราคาที่จับต้องได้ การแข่งขันด้านวัตถุดิบในการผลิต ความยั่งยืน โครงสร้างพื้นฐานของสนามบิน และการขยายขนาดการผลิตที่คุ้มค่า

ติดต่อ Black & Veatch สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

หมายเหตุบรรณาธิการ:

  • Black & Veatch และ DG Fuels LLC ผู้นำด้านเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนที่ผลิตจากเซลลูโลส ได้ลงนามและเริ่มข้อตกลงที่ผูกมัดให้ Black & Veatch จัดทำรายงานวิศวกรรมการวางแผนตั้งแต่ระยะเริ่มต้น หรือ front-end loading (FEL-3) engineering report สำหรับโครงการเปิดตัวของ DG Fuels ซึ่งจะตั้งอยู่ในรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา รายงานนี้เกี่ยวข้องกับโรงงานผลิตเชื้อเพลิงที่มีปริมาณการปล่อยมลพิษต่ำในเซนต์ เจมส์ แพริช ริมแม่น้ำมิสซิสซิปปี คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 8 ถึง 9 เดือน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ DG Fuels ที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในการบรรลุข้อสรุปการลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ของโครงการในต้นปี 2024

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ ที่ปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่มีพนักงานเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนมากว่า 100 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1915 เราได้ช่วยลูกค้าของเราปรับปรุงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา รายได้ของเราในปี 2022 อยู่ที่ 4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และบนโซเชียลมีเดีย

เกี่ยวกับ Bioenergy Australia

Bioenergy Australia (BA) เป็นสมาคมอุตสาหกรรมระดับชาติที่มีสมาชิกกว่า 150 ราย ซึ่งมุ่งมั่นที่จะเร่งพัฒนาระบบเศรษฐกิจชีวภาพของออสเตรเลีย ภารกิจของเราคือการส่งเสริมภาคส่วนพลังงานชีวภาพเพื่อสร้างงาน สร้างความมั่นคงในการลงทุน เพิ่มมูลค่าของทรัพยากรในท้องถิ่น ลดขยะเหลือทิ้งและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และพัฒนาและส่งเสริมความเชี่ยวชาญด้านพลังงานชีวภาพระดับประเทศสู่ตลาดต่างประเทศ

Bioenergy Australia ทำงานร่วมกับ Renewable Gas Alliance (RGA), Sustainable Aviation Fuel Alliance of Australia and New Zealand (SAFAANZ) และ Cleaner Fuels Alliance (CFA) พันธมิตรเหล่านี้ก่อตั้งขึ้นเพื่อเร่งการพัฒนาและปรับใช้เชื้อเพลิงเหลวหมุนเวียนและไบโอมีเทนสำหรับการใช้งานในออสเตรเลีย

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ฝ่ายสื่อ Black & Veatch:
EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
อีเมลสำหรับสื่อ 24 ชั่วโมง | Media@bv.com

ฝ่ายสื่อ Bioenergy Australia:
SHAHANA MCKENZIE | Bioenergy Australia | +61 439 555 764

แหล่งที่มา: Black & Veatch

Gradiant ร่วมมือกับ SpaceAge Labs เพื่อขับเคลื่อนระบบสาธารณูปโภค สำหรับการจัดการน้ำ โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาปรับใช้

Logo

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นผสานเทคโนโลยีดิจิทัลของ Gradiant สำหรับการบำบัดน้ำและน้ำเสีย รวมเข้ากับประสบการณ์ของ SpaceAge Labs สำหรับการจัดการการจ่ายน้ำ เพื่อสร้างความเชี่ยวชาญเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–3 สิงหาคม 2023

Gradiant ผู้ให้บริการระบบจัดการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงระดับโลก ได้ประกาศความร่วมมือระดับโลกกับ SpaceAge Labs (SAL) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำ ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้กับระบบการจ่ายน้ำและระบบบำบัดน้ำเสีย โดยทมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดการน้ำในรูปแบบดิจิทัล โดยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาปรับใช้กับรูปแบบเฉพาะของ Gradiant ในโรงบำบัดน้ำและน้ำเสีย เพื่อสร้างบริการแบบบูรณาการสำหรับระบบการจัดการสาธารณูปโภค ด้านน้ำทั้งหมด โดยอาศัยการใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในด้านเครือข่ายและทรัพยากรด้านการจ่ายน้ำของ SAL เป็นหลัก ความร่วมมือนี้จะส่งผลให้เกิดระบบการจัดการน้ำที่แตกต่างและสมบูรณ์แบบ ให้แก่ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก

Gradiant today announced a global partnership with SpaceAge Labs to expand Gradiant’s digital AI solutions for water and wastewater facilities into an integrated offering in total water infrastructure. (Photo: Business Wire)

Gradiant ประกาศความร่วมมือระดับโลกกับ SpaceAge Labs เพื่อขยายโซลูชันดิจิทัล AI ของ Gradiant สำหรับโรงบำบัดน้ำและน้ำเสียให้เป็นบริการแบบบูรณาการสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำทั้งหมด (ภาพ: Business Wire)

Gradiant จะนำเทคโนโลยี hydroEye AI ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ SAL มาปรับใช้ ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวเป็นดั่งคู่เสมือนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือAI ที่ทำงานบนคลาวด์มาใช้ โดยเริ่มจากการจำลองภาพระบบการจัดการน้ำ น้ำเสีย และน้ำฝนภายใต้สภานการณ์จริง โดยแสดงผลผ่านเว็บแดชบอร์ดในมือถือและเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย ข้อมูลอัจฉริยะดังกล่าวจะช่วยให้ลูกค้า ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนสามารถวิเคราะห์ และคาดการณ์ปริมาณน้ำ และระบบการบริหารจัดการน้ำ โดยการตรวจจับความเคลื่อนไหว ผ่านระบบดิจิทัลก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ใดก็ตามขึ้น รวมถึงวิเคระห์แหล่งที่มาของเหตุการณ์ และดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาในเชิงรุกได้อีกด้วย

Prakash Govindan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gradiant กล่าวว่า “เราเชื่อว่า ความร่วมมือกันระหว่าง Gradiant ในด้านระบบจัดการน้ำด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ หรือAI ที่ที่เป็นที่ยอมรับ ผสานการกับความเชี่ยวชาญของ SAL ในการเทคโนโลยี จะส่งผลให้เราสามารถนำเสนอระบบการจัดการน้ำที่ยอดเยี่ยม และเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัย ให้แก่ลูกค้าของเราทั่วโลก ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและอื่นๆ” เขากล่าวอีกว่า “เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AIการวิเคราห์ และคาดการณ์สถานการณ์น้ำ อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยใช้อัลกอริทึมแมชชีนเลิร์นนิ่งและการวิเคราะห์ข้อมูลในแพลตฟอร์มบูรณาการและสมบูรณ์ซึ่งไม่มีใครสามารถทำได้”

เทคโนโลยีของ SAL จะช่วยเสริมประสิทธภาพของระบบเทคโนโลยีดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI SmartOps ของ Gradiant ซึ่งเป็นระบบ หรือช่องทางที่ใช้สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากร ผลผลิตของโรงบำบัด หรือจัดการน้ำ ทั้งนี้ระบบเทคโนโลยีดังกล่าวจะต้องพิจารณาควบคู่ไปกับขนาดพื้นที่ที่เหมาะสมในการเข้าติดตั้งอุปกรณ์เสริมสำหรับระบบการจัดการน้ำ เช่นต้องพิจารณาถึงอนาคต หากต้องมีการเข้าแก้ไข ทำความสะอาจตัวแผ่นกรอง หรือเมมเบรนต่างๆ

Deepak Pitta ซีอีโอของ SAL กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือ กับ Gradiant ในเชิงกลยุทธ์ระดับโลกนี้ และได้รวมอุปกรณ์ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และ IoT ที่ล้ำสมัยของเราเข้ากับระบบการจัดการน้ำ และการบำบัดน้ำและน้ำเสีย” และกล่าวอีกว่า “การร่วมมือกันครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น และ เพื่อปกป้องและเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรน้ำและน้ำเสีย”

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการระบบการบำบัดน้ำและน้ำเสียขั้นสูงระดับโลก ด้วยระบบแบบครบวงจรที่มีความแตกต่างและเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของบริษัท บริษัทให้บริการการจัดการนำที่สำคัญต่อลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จำเป็นต่อโลก เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อุตสาหกรรมผลิตยา อาหารและเครื่องดื่ม ลิเธียม และแร่ธาตุที่สำคัญ รวมถึงพลังงานทดแทน ระบบการจัดการน้ำที่เป็นนวัตกรรมเฉพาะของ Gradiant ช่วยลดการใช้น้ำและการปล่อยน้ำเสีย คืนสู่ธรรมชาติ และเปลี่ยนน้ำเสียให้เป็นน้ำสะอาด บริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่บอสตัน ก่อตั้งขึ้นที่ MIT และมีพนักงานมากกว่า 900 คนทั่วโลก เรียนรู้เพิ่มเติมที่ gradiant.com

เกี่ยวกับ SpaceAge Labs
SpaceAge Labs เป็นบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล IoT/AI ที่ผสมผสานเทคโนโลยีเชิงลึกและความเชี่ยวชาญด้านโดเมนเพื่อจัดหาระบบการจัดการที่ล้ำสมัยและยั่งยืน และการปฏิบัติตามข้อกำหนดแก่ลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและเทศบาล ความเชี่ยวชาญของบริษัทอาศัยการรวมข้อมูลเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์, อัลกอริทึม AI/ML, ข้อมูล GNSS ที่แม่นยำ และการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ขั้นสูงเพื่อตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรการจ่ายน้ำ ซึ่งลูกค้าของบริษัทได้แก่ PUB (สำนักงานน้ำแห่งชาติของสิงคโปร์), Xylem, Severn Trent, Detectronic และ DHI เรียนรู้เพิ่มเติมที่ spaceage-labs.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53485938/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Felix Wang
รองประธานฝ่ายการตลาดของ Gradiant
fwang@gradiant.com

แหล่งที่มา: Gradiant

ชาร์จ เชื่อมต่อ ครอบคลุม: Autel Energy สนับสนุนคู่ค้าของตนให้ประสบความสำเร็จในการติดตั้ง MaxiChargers ทั่วโลก เพื่อเร่งการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–3 สิงหาคม 2023

Autel Energy ผู้ให้บริการชั้นนำด้านนวัตกรรมโซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีความยินดีที่จะประกาศให้ทราบถึงการปรับใช้ MaxiChargers ใหม่ล่าสุดทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียแปซิฟิก ละตินอเมริกา และ IMEA (อินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา)

Autel Energy ปรับใช้ MaxiChargers อันล้ำสมัยผ่านทางคู่ค้าของตนในแต่ละภูมิภาค โดยได้ติดตั้ง MaxiChargers ในสถานที่ของคู่ค้า ได้แก่ ระบบไฟ AC Ultra และระบบไฟ DC Fast ช่วยให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าสามารถชาร์จรถยนต์ EV ได้อย่างรวดเร็วและเชื่อถือได้ โดยที่สถานที่เหล่านี้ได้มอบโอกาสอันมีค่าให้แก่ลูกค้าในการเป็นสักขีพยาน และสัมผัสกับกระบวนการชาร์จที่ราบรื่นของ Autel เชื่อมต่อเป้าหมายการขับเคลื่อนด้วยรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน และได้รับประโยชน์จากการบริการในท้องถิ่น และระดับโลกที่ยอดเยี่ยมของ Autel

“ตอนนั้นเรากำลังมองหาเครื่องชาร์จระบบไฟ DC เพื่อชาร์จไฟรถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้าของเรา เราจึงได้พบกับผลิตภัณฑ์ของ Autel เราประทับใจกับคุณภาพที่ได้รับทันที และตัดสินใจติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ที่โรงงานของเรา" Ryan Woon ผู้อำนวยการของ Hup Hin EV Technologies ในสิงคโปร์กล่าว "นับตั้งแต่การติดตั้ง พนักงานขับรถของเรายังบอกเราว่าที่ชาร์จนั้น เป็นที่ชาร์จที่ใช้งานง่ายมากและน่าเชื่อถือมากด้วย”

ความสำเร็จของ Autel Energy เกิดจากความทุ่มเทในการสร้างโซลูชันการชาร์จแบบครบวงจร เพื่อเร่งการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลกและสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการออกแบบและผลิตเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และโซลูชันการชาร์จที่ไม่เป็นสองรองใคร โดยที่ Autel เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ EV ที่เชื่อถือได้แก่โลก และเป็นแบบอย่างในการพัฒนาโซลูชันการชาร์จที่สมบูรณ์และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ Autel Energy ยังมุ่งมั่นในการให้บริการทั้งในประเทศและทั่วโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าในแต่ละภูมิภาค ด้วยศูนย์บริการที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์และเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่ได้รับอนุญาตจากคู่ค้า Autel จึงสามารถรับประกันได้ถึงการรองรับลูกค้าที่รวดเร็ว และช่วยให้ Autel สามารถให้บริการโซลูชันที่สอดคล้องกับกฎข้อบังคับในพื้นที่ ข้อกำหนดด้านโครงสร้างพื้นฐาน และความต้องการของตลาดได้

การปรับใช้ MaxiChargers ใหม่ล่าสุดของ Autel นี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและยกระดับประสบการณ์การชาร์จของคู่ค้า ตอกย้ำการเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้ให้บริการด้านการชาร์จ EV ทั่วโลก ด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของ Autel ในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ความน่าเชื่อถือ และความพึงพอใจของลูกค้า ช่วยให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า และสร้างความสัมพันธ์กับคู่ค้าทั่วโลกได้ในระยะยาว

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะประกาศถึงการปรับใช้ MaxiCharger ใหม่ล่าสุดของเราทั่วโลก ด้วยความมุ่งมั่นของ Autel ในการให้บริการเฉพาะพื้นที่ ช่วยให้คู่ค้ารู้สึกสบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านบริการหลังการขายและการบำรุงรักษา ความมุ่งมั่นในการให้บริการที่เชื่อถือได้ช่วยให้สามารถตอบสนอง และให้การสนับสนุนในสถานที่ได้อย่างรวดเร็ว” Kelvin Cao รองประธานของ Autel Energy กล่าว "ผ่านสถานที่ของคู่ค้า เราได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการจัดหานวัตกรรมโซลูชันการชาร์จที่น่าเชื่อ ถือได้แก่ลูกค้าทั่วโลก และช่วยให้คู่ค้าประสบความสำเร็จทางธุรกิจ เราหวังว่าจะยังคงร่วมมือกับพวกเขาต่อไป เพื่อกำหนดอนาคตของการขับเคลื่อน รวมถึงประสบความสำเร็จมากขึ้นในอนาคตข้างหน้า พร้อมไปกับเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ที่ Autel Energy เราพร้อมให้การสนับสนุนคุณด้วยการชาร์จ เชื่อมต่อ และครอบคลุม"

ในขณะที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว Autel Energy ก็ยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม โดยพร้อมที่จะนำเสนอโซลูชันการชาร์จอันล้ำสมัยที่ปฏิวัติอนาคตของการขับเคลื่อน ด้วยการแสวงหาความเป็นเลิศอย่างไม่หยุดยั้ง Autel Energy มุ่งมั่นที่จะสร้างโลกที่สะอาดและยั่งยืนมากขึ้นผ่านโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จขั้นสูง

รับข้อมูลเกี่ยวกับโซลูชันการชาร์จแบบครบวงจรของคุณได้ที่นี่: https://autelenergy.com/pages/become-a-partner

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ เป็นฉบับที่เชื่อถือได้ และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และ ควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทาง กฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อฝ่ายสื่อ
Jia Hui Huang
marketing.jp@autel.com

แหล่งที่มา: Autel Energy

KRAFTON เปิดให้บริการเกม Defense Derby อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลก สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับเกมกลยุทธ์

Logo

Defense Derby มาพร้อมกับมิติใหม่ของเกม Strategy ด้วยการผสมผสานการเดิมพันด้วยกลยุทธ์ เข้ากับการต่อสู้ PvP สุดเดือด

SEOUL, South Korea–(BUSINESS WIRE)–3 สิงหาคม 2023

RisingWings สตูดิโออิสระของ KRAFTON, Inc. (KRX: 259960) ได้เปิดให้บริการเกม Defense Derby อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเกมมือถือแนวกลยุทธ์แบบเรียลไทม์ โดยมีให้การเปิดให้บริการกว่าในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก ผู้เล่นสามารถดาวน์โหลดเกมได้ที่ Google Play, App Store ของ Apple และ Galaxy Store ของ Samsung

KRAFTON globally launches Defense Derby on Aug. 3rd. (Graphic: KRAFTON)

KRAFTON เปิดให้บริการเกม Defense Derby อย่างเป็นทางการพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 3 เดือนสิงหาคม (กราฟิก: KRAFTON)

Defense Derby เกมกลยุทธ์ที่มาพร้อมกับความแปลกใหม่อย่างการต่อสู้แบบเรียลไทม์ PvP ของ 4 ผู้ท้าชิง พร้อมการวางแผนต่อสู้เชิงกลยุทธ์สุดท้าทาย การจัดทีมด้วยบัฟเผ่าและสายต่อสู้ โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ "การประมูล" ซึ่งทำให้เกิดแนวเกมรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า "Betting Royale” ผู้เล่นจะต้องแย่งชิงยูนิตเพื่อนำมาเสริมทัพให้กับฮีโร่ของตนเอง ต่อด้วยการจัดวางเหล่าผู้พิทักษ์เพื่อเปิดใช้บัฟและป้องกันปราสาทอย่างมีกลยุทธ์ รวมถึงใช้ความสามารถเฉพาะตัวของแต่ละตัวละครอย่างชาญฉลาดเพื่อป้องกันปราสาทจากการบุกโจมตีของเหล่ามอนสเตอร์ ผู้เล่นคนสุดท้ายที่เหลือรอดเท่านั้นจึงจะได้เป็นผู้ชนะ

Defense Derby มาพร้อมกับโหมดที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มประสบการณ์การเล่นให้กับผู้เล่นมากยิ่งขึ้น เช่นโหมดเดอร์บี้ (PvP) ซึ่งเป็นโหมดหลักของเกม และโหมดบลิตซ์ที่เน้นการพิสูจน์ความสามารถของตนเองในแบบ PvE พร้อมกับดันเจี้ยนประจำเผ่าอย่าง The Valley of Trials ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรูปแบบความท้าทายที่มีการกำหนดเผ่าของผู้พิทักษ์ที่จะสามารถนำมาร่วมทีมได้ นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถประลองกับเพื่อนได้ด้วยการสร้างห้องในโหมด Friendly Derby รวมถึงโหมดที่เปิดแบบจำกัดระยะเวลา อย่างโหมดแบนผู้พิทักษ์ ที่ผู้เล่นจะสามารถเลือกผู้พิทักษ์ของคู่ต่อสู้ที่ต้องการแบนได้ โหมดภารกิจ สำหรับผู้ที่ทำภารกิจได้สำเร็จเป็นรายแรกพร้อมกับเอาชีวิตรอด

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการของเกม Defense Derby ทาง KRAFTON และ RisingWings จะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอีกมากมาย ผู้เล่นทุกคนจะได้รับ 'Welcome Package' พร้อมโบนัสต่างๆ เช่น สกินปราสาทสุดลิมิเต็ด ฮีโร่และยูนิตระดับหายาก ทอง 20,000 เหรียญ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เล่นยังสามารถรับรางวัลใหญ่ได้อีกมากมายในเกม เช่นฮีโร่ระดับตำนาน ยูนิตระดับหายาก ทองและคิวบิก จากกิจกรรมล็อกอิน กิจกรรม Lucky Draw และร้านค้ากิจกรรม ผู้เล่นสามารถติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรมของ Defense Derby เพิ่มเติมได้ใน YouTube, Facebook และ Discord

"เรามีความตื่นเต้นที่จะได้เปิดตัว Defense Derby ซึ่งเราใช้เวลากว่า 2 ปีในการเตรียมตัวและพัฒนา จนสามารถเปิดให้ผู้เล่นในประเทศไทยได้ในที่สุด " Sinchan Park ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต Defense Derby ที่ RisingWings กล่าว "เรามุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งในการสร้างประสบการณ์การเล่นเกมที่สนุกที่สุดให้กับผู้เล่นพร้อมความหลากหลายด้านคอนเทนท์และบริการที่น่าเชื่อถือ"

สำหรับอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับ Defense Derby สามารถดูได้ที่ https://www.facebook.com/DefenseDerby.THAILAND และติดตามเราได้ที่โซเชียลมีเดีย (YouTube | Discord)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53489457/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

KRAFTON
Jihyun Park
jihyun.park@krafton.com

แหล่งข้อมูล: KRAFTON

‘2023 K-Wonderland’ เวอร์ชันขยาย เตรียมวางจำหน่ายทั่วโลกในวันที่ 1 สิงหาคม

Logo

ประกอบด้วยเนื้อหายอดนิยมของเกาหลี เช่น “Yumi's Cells และ “The King's Affection

“Whatever you dream” ได้รับการโหวตให้เป็นสโลแกนอย่างท่วมท้น

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–1 สิงหาคม 2023

Ministry of Culture, Sports and Tourism หรือกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (Park Bo-gyun รัฐมนตรีกระทรวง “MCST”) และ Korean Foundation for International Cultural Exchange หรือมูลนิธิเกาหลีเพื่อการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ (Jeong Kil-hwa ผู้อำนวยการ “KOFICE”) ประกาศเปิดตัวโลกเมตาเวิร์ส K-Wonderland สำหรับปี 2023 ที่ได้รับการขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ในวันอังคารที่ 1 สิงหาคม K-Wonderland เป็นเมตาเวิร์สของฮันรยู (กระแสเกาหลี) ดำเนินการโดย MCST และ KOFICE ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สระดับโลกอย่าง ZEPETO

2023 K-Wonderland arrives globally on August 1st (Graphic: MCST)

2023 K-Wonderland จะเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 1 สิงหาคม (กราฟิก: MCST)

ในโลกที่ขยายใหญ่ขึ้นของ K-Wonderland สำหรับปี 2023 นี้ มีการปรับปรุงสามโลกที่มีอยู่แล้วใหม่และพัฒนาอีกหนึ่งโลกใหม่ขึ้น มีการเพิ่มเนื้อหาเชิงโต้ตอบและองค์ประกอบของเกมที่สะท้อนถึงความชอบของคน Gen Z มากขึ้น และได้ผสมผสาน K-content ประเภทต่างๆ ในโลกเมตาเวิร์สนี้ด้วย เช่น K-pop, ละคร, เว็บตูน, ภาพยนตร์ และสื่อบันเทิง

ผู้ใช้โหวตอย่างท่วมท้นให้ “Whatever you dream” เป็นสโลแกนอย่างเป็นทางการ

ประกอบด้วยเนื้อหาที่สนุกสนานและน่าสนใจมากมาย ตั้งแต่วัฒนธรรมสมัยนิยมไปจนถึงกิจกรรมแบบดั้งเดิม

K-Wonderland ได้ประกาศ “Whatever you dream” ให้เป็นสโลแกนประจำปีนี้ ซึ่งมีความหมายว่า ทุกสิ่งที่แฟนฮันรยูทั่วโลกใฝ่ฝันจะกลายเป็นจริง เพื่อสร้างวัฒนธรรมเมตาเวิร์สที่ร่วมมือกับผู้ใช้ สโลแกนได้รับการคัดเลือกผ่านการโหวตโดยตรงจากผู้ใช้ โดยมีผู้ใช้มากกว่า 900 รายเข้าร่วมในการโหวตสโลแกน และกว่า 93% ให้การสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมกับสโลแกนที่ได้รับเลือกใหม่

เราได้ทำการเปลี่ยนแปลงโลกที่มีอยู่แล้วอย่างสมบูรณ์ผ่านการอัปเดตครั้งใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสโลแกน “Whatever you dream” ทั้งสามโลกได้แก่ “K-Stage” ที่ผู้ใช้สามารถสัมผัสการแสดงของ K-pop, “K-Studio” ซึ่งนำฉากที่มีชื่อเสียงจาก K-content มาทำให้มีชีวิตอีกครั้ง และ “K-Wonder Hall” ที่ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงข่าวฮันรยูล่าสุดได้ โลกทั้งสามนี้กลับมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดและจำนวนเนื้อหาเชิงโต้ตอบที่มากกว่าเดิมถึงสามเท่า นอกจากนี้ยังมีแผนต่างๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับผู้ใช้ด้วยการเปิดพื้นที่ลับที่เรียกว่า “K-Wonder Awards” สำหรับผู้เยี่ยมชม K-Wonderland โดยเฉพาะอีกด้วย

“K-Studio” นำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครที่แฟน ๆ ของฮันรยูสามารถเป็นตัวละครหลักของฉากยอดนิยมจากภาพยนตร์อย่าง “Sunny” ซึ่งถูกนำกลับมารีเมคใหม่ใน 5 ประเทศรวมถึงญี่ปุ่นและเวียดนาม รวมถึงละครอย่าง “The King's Affection” เว็บตูนยอดนิยมในหมู่คนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z เช่น “Yumi's Cells” และรายการวาไรตี้ใหม่อย่าง “Star's TOP Recipe at Fun-Staurant” ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ภายในเมตาเวิร์ส

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มเกมเกาหลีแบบดั้งเดิมเช่น neoltwigi (กระโดดกระดานหก) และ jegichagi (วอลเลย์บอลเท้า) เป็นเกม เมตาเวิร์สเพื่อเพิ่มความสนุกและความตื่นเต้น อีกทั้งยังมีการเพิ่มเครื่องเล่นต่างๆ เช่น บอลลูนลมร้อน รถบั๊ม เกมบอลลูน และพื้นที่ปิกนิก เพื่อส่งเสริมแนวคิดของสวนสนุกฮันรยูที่เหมือนอยู่ในความฝันเพิ่มเข้าไปอีกด้วย

การขยายอีเวนต์ต่างๆ เพื่อเผยแพร่ K-metaverse ทั่วโลก

ปาร์ตี้แฟนเมตาเวิร์สและชาเลนจ์เต้นแบบอวาตาร์กำลังจะมาเร็ว ๆ นี้!

นอกจากนี้ยังมีอีเวนต์ประจำเดือนที่หลากหลายเพื่อเพิ่มความสนใจของผู้ใช้และกระตุ้นให้เกิดการเข้าชมอย่างต่อเนื่อง ปาร์ตี้แฟนเมตาเวิร์สที่มาพร้อมฮันรยูสตาร์ใหม่ๆ และชาเลนจ์เต้นแบบอวตารก็มีกำหนดจะเปิดตัวเช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีแผนการดำเนินงานด้วยบูธประสบการณ์ K-Wonderland ทั้งในเกาหลีและต่างประเทศที่ผสานรวมองค์ประกอบทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่จะช่วยเพิ่มความสนใจในแพลตฟอร์มด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “K-Wonder Stars” อวตารตัวแทน ที่จะจัดแสดงเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละฤดูกาลและแต่ละสถานการณ์ เพื่อมอบความเพลิดเพลินให้ผู้ใช้ได้ชมในขณะที่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอีเวนต์

งาน “K-Wonderland UGC Awards” ซึ่งมุ่งเน้นการค้นพบผลงานสร้างสรรค์ที่โดดเด่น จะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนตุลาคม สำหรับปีนี้มีการเพิ่มความตื่นเต้นด้วยการค้นหาผลงานสร้างสรรค์ที่จะเกิดขึ้นใหม่ในงานนี้ว่าผลงานใดได้รับผลตอบรับเชิงบวก จากการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ในการเผยแพร่วัฒนธรรมฮันรยูโดยสมัครใจด้วยการสร้างเนื้อหาของตนเอง

Jeong Kil-hwa ผู้อำนวยการของ KOFICE กล่าวเกี่ยวกับโปรแกรมเมตาเวิร์สของปีนี้ว่า “เราได้อัปเกรดเนื้อหาของเราในระดับที่เราสามารถพูดได้ว่า เป็นการพลิกโฉมใหม่หากเทียบกับก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'K-Studio' ที่เราได้ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับเนื้อหายอดนิยมอย่าง 'Sunny', 'The King’s Affection' และ 'Yumi's Cells'” K-Wonderland เป็นแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สใหม่ของฮันรยู จะเผยแพร่ทั่วโลกในวันที่ 1 สิงหาคม

ทุกคนสามารถเยี่ยมชม K-Wonderland ผ่านแอป ZEPETO และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ K-Wonderland (kwonderland.kr)

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/53496398/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Korean Foundation for International Cultural Exchange

Kim Jun-hyeong หัวหน้าทีมโครงการแลกเปลี่ยน
+82 2-3253-1735

แหล่งที่มา: Korean Foundation for International Cultural Exchange

Cyble เพิ่มทุน 24 ล้านเหรียญสหรัฐจากการระดมทุน Series B เพื่อพัฒนาโซลูชันข่าวกรองภัยคุกคามขั้นสูงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI

Logo

ATLANTA–(BUSINESS WIRE)–2 สิงหาคม 2023

Cyble ผู้ให้บริการข่าวกรองภัยคุกคามที่เติบโตเร็วที่สุด ซึ่งผสมผสานระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์และระบบ AI เพื่อพัฒนาโซลูชันข่าวกรองภัยคุกคามที่ล้ำสมัย มีการประกาศเพิ่มทุน 24 ล้านเหรียญสหรัฐผ่านการระดมทุน Series B

Beenu Arora (CEO and Co-Founder, Cyble) with Manish Chachada (COO & Co-Founder, Cyble) (Graphic: Business Wire)

Beenu Arora (CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Cyble) พร้อม Manish Chachada (COO & ผู้ร่วมก่อตั้ง Cyble) (กราฟิก: Business Wire)

Cyble ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่องว่า เป็นโซลูชันยอดนิยมสำหรับ Dark Web และ Threat Intelligence ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ช่วยเสริมสถานะของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้นในฐานะแชมเปี้ยนแห่งระบบดิจิทัลในอนาคตที่ปลอดภัยด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง

รอบการระดมทุนซึ่งนำโดย Blackbird Ventures และ King River Capital ร่วมกับ Spider Capital, January Capital, Summit Peak Ventures และรายอื่นๆ จะช่วยขับเคลื่อนแผนงานทางเทคนิคของ Cyble โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยกระดับโซลูชันระบบความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วย AI และการขยายธุรกิจไปทั่วโลก

Zeb Rice นักลงทุนรายใหม่ และผู้ร่วมก่อตั้ง King River Capital และสมาชิกใหม่ล่าสุดในคณะกรรมการของ Cyble แสดงความคิดเห็นว่า จากการทำงานอย่างมุ่งมั่นใน AI ของเราในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นได้ชัดว่า Cyble มีการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการความปลอดภัยในระบบไซเบอร์กันเลย แพลตฟอร์มนี้สามารถระบุและป้องกันภัยคุกคามที่หลากหลายจากทั่วทั้งเว็บในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน การเติบโตและฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นเครื่องยืนยันการได้รับการยอมรับจากบริษัทต่างๆ ระดับโลกที่ต้องการการปกป้องอย่างดีที่สุด ในภูมิทัศน์ระบบดิจิทัลที่มีการพัฒนาตลอดเวลา เรามีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ Cyble ในช่วงเวลาอันสำคัญเช่นนี้

Tom Humphrey นักลงทุนของ Blackbird Ventures กล่าวว่า การเติบโตของ Cyble เป็นสิ่งที่น่าจับตามอง ในเวลาเพียงปีเดียว บริษัทมีขนาดทีมที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า และขยายครอบคลุมไปยังตะวันออกกลาง ยุโรป และละตินอเมริกา Beenu และ Manish เข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้นำ และสร้างทีมผู้นำที่แข็งแกร่งสำหรับทีมของพวกเขา

เรามีพนักงานอยู่ใน 11 ประเทศ Cyble มีการขยายไปทั่วทั้งตลาดที่มีการพัฒนาแล้วและตลาดที่เพิ่งเกิดใหม่ Cyble ได้สร้างโซลูชันข่าวกรองภัยคุกคามแบบปรับแต่งตามความต้องการได้สำหรับทุกหน่วยงาน ตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล บริษัทใน Fortune 50 ไปจนถึงบริษัทสตาร์ทอัพ

เมื่อพูดถึงการระดมทุน Series B ผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นศิษย์เก่าของ Columbia Business School และ London Business School ได้แสดงความคิดเห็นไว้ Beenu Arora, CEO และผู้ร่วมก่อตั้งของ Cyble กล่าวว่า การลงทุนครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ถึงการทำงานอย่างหนักที่ทีมดำเนินการตามวิสัยทัศน์ของเรา ที่ Cyble เราให้ความสำคัญกับภารกิจของเรา เพื่อทำให้ความปลอดภัยในโลกไซเบอร์โปร่งใส ด้วยโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม เช่น Cyble VisionCyble HawkAmIBreachedCyble Odin และ The Cyber Express เรามุ่งมั่นที่จะสร้างระบบดิจิทัลให้มีความปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ในขณะที่ยังคงมีการพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นในการปกป้องระบบไซเบอร์ด้วยเช่นกัน ที่ Cyble เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการข้อมูลเชิงลึกที่ทันสมัยยิ่งแก่ธุรกิจและบุคคลทั่วไป รวมถึงเครื่องมือ AI ที่จำเป็นต่อการรักษาความปลอดภัยสำหรับโลกดิจิทัลแก่ทุกคน

Manish Chachada, COO และผู้ร่วมก่อตั้งของ Cyble กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่รัสเซียรุกล้ำยูเครน กระแสสงครามไซเบอร์ทั่วโลกได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่สำคัญยิ่งยวดสำหรับบริษัทต่างๆ ในการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยและตรวจสอบการดำเนินการสำหรับ dark web และ Threat Intelligence มีความสำคัญยิ่งยวดมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

เกี่ยวกับ Cyble

Cyble (YC W21) เป็นผู้นำระดับโลกในด้านข่าวกรองภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI และมีความเชี่ยวชาญด้าน Deep Web, Dark Web และ Surface Web โดยความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและนวัตกรรมของ Cyble ทำให้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ รวมถึงได้รับการยอมรับในกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพที่ดีที่สุดของอเมริกาโดย Forbes และคว้ารางวัลหลายรายการจาก Global InfoSec Awards 2023 นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในปี 2023 ในอเมริกาเหนือจาก Cybersecurity Excellence Awards Cyble ให้ความสำคัญกับความพึงพอใจในที่ทำงาน จึงได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในสถานที่ทำงานที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในปี 2023 โดย Team Marksmen

สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cyble ได้ที่: www.cyble.com/request-demo

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่:

https://www.businesswire.com/news/home/53487988/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media Contact:
Cyble Inc
enquiries@cyble.com
โทร: +1 678 379 3241

แหล่งข้อมูล: Cyble

OAG เข้าซื้อกิจการของ Infare และร่วมลงทุนใหม่กับ Vitruvian Partners

Logo

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มข้อมูลตั๋วเดินทางสายการบินเข้าในแพลตฟอร์มข่าวกรองชั้นนำอัจฉริยะสำหรับตลาดของ OAG

LONDON–(BUSINESS WIRE)–28 กรกฎาคม 2023

OAG แพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการเดินทางทั่วโลกได้เข้าซื้อกิจการของ Infare ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลการเดินทางทางอากาศจาก Ventiga Capital ตามข้อตกลงที่มีมูลค่ากิจการที่ร่วมกันกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ OAG และ Infare จะมีก้าวต่อไปที่น่าตื่นเต้นในอนาคตจากการใช้ประโยชน์ของแพลตฟอร์มข้อมูลแบบ end-to-end เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกด้านข่าวกรองการเดินทางทางอากาศที่สำคัญ

ด้วยมรดกทางอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียง ทั้งสองธุรกิจนี้มีแนวคิดเดียวกันด้านคุณภาพ ความแม่นยำ และการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จึงทำให้การจับมือในครั้งนี้จะทำให้ OAG และ Infare มีโอกาสสำคัญในการขยายบริการพันธมิตรสายการบินและระบบนิเวศการเดินทางให้กว้างขึ้น พร้อมข้อมูลและโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูง

Infare เป็นพันธมิตรทางเลือกสำหรับสายการบินที่ต้องการแหล่งข้อมูลการเดินทางทางอากาศที่มีคุณภาพดีเยี่ยม เพื่อรองรับการเติบโตของสายการบิน การรวมโซลูชันข้อมูลที่มีอยู่ของ OAG เข้ากับระบบข้อมูลตั๋วเดินทางของสายการบินจะสร้างข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับลูกค้า เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพรวมของอุปสงค์และอุปทานได้กว้างขึ้น ระบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถคาดการณ์ทรัพยากร ประเมินความต้องการในการเดินทางและการแข่งขัน และสร้างโมเดลที่ซับซ้อนและเป็นนวัตกรรมมากขึ้น เพื่อเสริมรายได้และการเติบโตของผลกำไร

โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ทำให้ OAG เติบโตมากขึ้นและมีพนักงานกว่า 300 คนทั่วโลกในสำนักงาน 10 แห่ง

Phil Callow, CEO ของ OAG กล่าว

ไดนามิกที่เพิ่มขึ้นในการเดินทางและเทคโนโลยีทั่วโลกกระตุ้นให้มีความต้องการข้อมูลที่ละเอียดและซับซ้อนมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจ จัดการ และเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในการเดินทางทางอากาศ การเข้าซื้อกิจการของ Infare จะช่วยเสริมความสามารถของเราในการนำเสนอข้อมูลที่สอดคล้องกับแม่นยำทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์ที่กว้างขึ้น และช่วยให้ทั้งลูกค้าเก่าและใหม่สามารถเติบโตและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากจะได้ต้อนรับเพื่อนร่วมงานจาก Infare เข้าสู่ครอบครัวของ OAG”

Nils Gelbjerg-Hansen, CEO ของ Infare กล่าว

การเข้าถึงข้อมูลที่ครอบคลุมและแม่นยำเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจที่ข้อมูลมีความสำคัญ สายการบินใช้ข้อมูลต่างๆ เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกในพฤติกรรมการเดินทางของลูกค้า แนวโน้มของตลาด และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน แพลตฟอร์มเทคโนโลยีของเรา ชุดข้อมูล และซอฟต์แวร์อัจฉริยะ จะช่วยเสริมการทำงานของ OAG และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับลูกค้าของเราทั่วโลก เรามองว่า นี่เป็นโอกาสพิเศษที่จะได้ขยายฐานบริการของเรา และแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้าของเรา เรารู้สึกตื่นเต้นในก้าวใหม่นี้ไปด้วยกัน

ทีมฝ่ายบริหารทั้งสองทีมจะยังคงอยู่ในกลุ่มบริษัทและถือหุ้นอยู่ตามเดิม โดยได้รับการสนับสนุนจาก Vitruvian

Ben Johnson พันธมิตรของ Vitruvian กล่าว

“OAG และ Infare ต่างเป็นผู้นำในตลาดระดับโลกภาคส่วนเฉพาะอย่างเห็นได้ชัด การร่วมมือกันจะสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับทั้งสองทีม Vitruvian มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนบริษัทเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ และผสานความสัมพันธ์ของเราให้ก้าวไกลในอนาคต

Niclas Gabrán พันธมิตรฝ่ายบริหารจัดการ ของ Ventiga Capital Partners กล่าว

เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ร่วมงานกับ Nils และทีมงาน ในการสร้าง Infare ให้เป็นผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเดินทางชั้นนำผ่านการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญและการเข้าซื้อกิจการ ก้าวต่อไปของ Infare ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว OAG จะสร้างโอกาสในการเติบโตทั้งภายในและภายนอกภาคส่วนการเดินทางทางอากาศอย่างไม่มีข้อสงสัย

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสหรับอุตสาหกรรมการเดินทางทั่วโลก ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศมาตั้งแต่ปี 1929 โดยมีเครือข่ายข้อมูลเที่ยวบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการเดินทางทุกส่วน ตั้งแต่การวางแผนจนถึงประสบการณ์การเดินทางของลูกค้า ลูกค้าประกอบด้วยสายการบิน ท่าอากาศยาน ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีการเดินทาง ผู้ให้บริการด้านการบิน หน่วยงานราชการ สถาบันการเงิน และที่ปรึกษา OAG มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหราชอาณาจักร และมีหน่วยดำเนินงานอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น จีน และลิทัวเนีย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.oag.com และติดตามเราได้ที่ Twitter @OAG Aviation

เกี่ยวกับ Infare

Infare เป็นผู้นำด้านการให้บริการข้อมูลการเดินทางทางอากาศ ช่วยให้สายการบินสามารถตัดสินใจและกำหนดราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภารกิจของ Infare คือ การบริการข้อมูลการเดินทางทางอากาศของแต่ละสายการบินที่แม่นยำให้กับระบบของสายการบินต่างๆ อาจเป็นการส่งข้อมูลให้หลายครั้งในแต่ละวันหรือเป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยบริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2000 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Copenhagen, Denmark และมีสาขาอยู่ทั่วโลก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.infare.com และติดตามเราได้ที่ LinkedIn

เกี่ยวกับ Vitruvian Partners

Vitruvian เป็นบริษัทลงทุนอิสระที่มีการเติบโต และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ลอนดอน และมีสาขาอยู่ทั่วโลก Vitruvian มุ่งเน้นสถานการณ์ที่โดดเด่นด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงทั้วทั้งอุตสาหกรรม โดยครอบคลุมเทคโนโลยี บริการทางการเงิน การดูแลสุขภาพ และบริการทางธุรกิจและผู้บริโภค Vitruvian เป็นหนึ่งในกลุ่มทุนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปที่มีการสนับสนุนบริษัทที่มีนวัตกรรมและการเติบโตที่สูงขึ้น Vitruvian Funds ให้การสนับสนุนบริษัทกว่า 90 แห่ง และมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 1.5 หมื่นล้านยูโร การลงทุนที่โดดเด่นจนถึงปัจจุบันนี้ประกอบด้วยผู้นำตลาดระดับโลกและนักประดิษฐ์ในแต่ละสาขา เช่น Skyscanner, Sykes Holiday Cottages, CFC Underwriting, CallCredit, Travel Counsellors, Trustpilot, Farfetch, Just Eat, Wise และ Global-e

เกี่ยวกับ Ventiga Capital Partners

Ventiga เป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนที่มุ่งเน้นการเติบโต โดยมีการร่วมมือกับผู้ประกอบการและทีมนักบริหารที่ยอดเยี่ยม เพื่อให้บรรลุการเติบโตแบบยั่งยืน มีผลกำไร และสร้างมูลค่า ด้วยความรับผิดชอบ มีส่วนร่วม และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง Ventiga มีการลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโตพร้อมกำไร และมีศักยภาพในการขยายธุรกิจที่เหนือกว่า โดยจะเป็นธุรกิจแบบ B2B เป็นหลัก

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

Media Enquiries
pressoffice@oag.com

UK/EMEA /ASPAC
Dom Conolly/ Harvard PR

North America
Chrissy Azevedo
Corporate Ink for OAG

แหล่งที่มา: OAG

Medisca ขยายความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อผลักดันให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงตัวยาที่วิกฤต

Logo

MONTREAL–(BUSINESS WIRE)–27 กรกฎาคม 2023

Medisca ประกาศขยายเครือข่ายพันธมิตรเชิงกลยุทธ์โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาความเสถียรภาพและการเข้าถึงทั่วโลกสำหรับส่วนผสมยา (API) ที่มีคุณภาพสูงสำหรับการเตรียมยาที่จำเป็น ภารกิจนี้เริ่มต้นจากการร่วมมือเพื่อ Thyroid USP ในปี 2021 และขณะนี้มีการขยายไปยัง Progesterone USP (Special Micronized), Testosterone USP (Micronized), Diclofenac Sodium USP และ Ketamine Hydrochloride USP

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Medisca มองเห็นความต้องการ API ที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และมีการขาดแคลนยาในเชิงพาณิชย์ และความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และมีความโปร่งใส เป็นสาเหตุหลัก การมีส่วนร่วมในพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ Medisca รักษาตำแหน่ง Partner In Wellness และเป็นผู้ขับเคลื่อนในการจัดหาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมยาและการดูแลสุขภาพ

เรายึดมั่นในคำมั่นสัญญาของเราที่จะส่งเสริมส่วนผสมของยาให้ถูกต้องตามกฏหมาย มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพสำหรับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อเอาชนะความท้าทายในการเข้าถึงยา และมองหาทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงสำหรับการดูแลผู้ป่วยแต่ละราย” Panagiota Danopoulos รองประธานอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์และนวัตกรรมระดับโลกที่ Medisca กล่าว “เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เราสานต่อพันธกิจในการสร้างความร่วมมือกับผู้นำด้านการผลิต API ที่รวมเป็นหนึ่งและมุ่งมั่นในคุณภาพ ความเสถียรภาพ และคุณค่า” Danopoulos กล่าวต่อ

เพื่อตรวจสอบคู่ค้าที่เหมาะสม Medisca จะดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างถี่ถ้วนเพื่อให้แน่ใจว่า เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุดจากแหล่งที่มา พันธมิตรทุกรายผ่านโปรแกรมการรับรองผู้จำหน่ายที่เข้มงวดพร้อมหลักฐานการจดทะเบียน FDA มีข้อตกลงด้านคุณภาพ และการทดสอบเพื่อยืนยันคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทดสอบ USP เต็มรูปแบบ การทดสอบสิ่งเจือปนในส่วนประกอบ การทดสอบตัวทำละลายตกค้าง และการทดสอบขนาดอนุภาคสำหรับผลิตภัณฑ์ระดับไมครอน

ความร่วมมือจากพันธมิตรในการผลิต API และการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของรัฐ ช่วยให้ Medisca มีศักยภาพในการรองรับตลาดสำหรับ API ที่สำคัญ และตอบสนองความต้องการที่สำคัญสำหรับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพและผู้ป่วยทั่วโลก

เกี่ยวกับ Medisca

Medisca เป็นบริษัทระดับโลกที่มีสำนักงานตั้งอยู่ทั่วอเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และยุโรป ซึ่งสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพโดยใช้ประโยชน์จากพันธมิตรที่เหนียวแน่น และนำเสนอโซลูชันที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล พร้อมคุณภาพและนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ Medisca ได้รับการสนับสนุนมากว่า 30 ปี และมีรากฐานที่ดีในการจัดหาส่วนผสมของยา เป็นบริษัทที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจเป็นพื้นฐาน และมอบข้อเสนอที่ครอบคลุม โดยเน้นคุณค่า ความเสถียรภาพ การตอบสนองที่ดี และความมุ่งมั่นในแบรนด์ ในฐานะพันธมิตรด้านสุขภาพ Medisca อุทิศตนเพื่อพัฒนาชีวิตท่ามกลางความคาดหวังและความต้องการของผู้คนมากมายมาตลอด สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medisca.com และติดตามเราได้ที่ LinkedInFacebookTwitter และ YouTube

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20230727308061/en/

ติดต่อ

Gayle Padvaiskas
Vice President, Global Marketing
Medisca
gpadvaiskas@medisca.com
1-800-665-6334

แหล่งที่มา: Medisca

Kaniva, Kelly & Co’s และ JerHigh คว้ารางวัลจากงาน World Branding Awards Animalis Edition ปี 2023 – 2024 ที่กรุงเวียนนา

Logo

กรุงเวียนนา–(BUSINESS WIRE)–28 กรกฎาคม 2023

งาน Animalis Edition ครั้งที่ 3 ในงาน World Branding Awards ปี 2023 – 2024 ซึ่งต้อนรับแบรนด์สำหรับสัตว์และสัตว์เลี้ยงจากทั่วโลก ได้ฉลองความสำเร็จให้กับผู้ชนะระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก

พิธีมอบรางวัลนี้จัดขึ้นที่พระราชวังฮอฟเบิร์กอันทรงเกียรติในกรุงเวียนนา โดยมี Howard Nightingall เป็นเจ้าภาพ และได้ต้อนรับผู้ชนะในสาขาต่างๆ เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง การค้าปลีก การมีสุขภาพที่ดีแข็งแรงสมบูรณ์ (Wellness) ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ และอื่นๆ

“งาน Animalis Edition of the Awards เป็นการยกย่องความพยายามอย่างไม่ย่อท้อของทีมงานที่สร้างและพยายามรักษาสถานะของแบรนด์ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในฐานะผู้ชนะ แบรนด์เหล่านี้ได้สร้างการจดจำแบรนด์ที่แข็งแกร่ง การรับรู้สูงสุด และความไว้วางใจในหมู่ผู้บริโภคของพวกเขา” Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

ผู้บริโภคกว่า 100,000 รายเข้าร่วมในการสำรวจออนไลน์ทั่วโลกและเสนอชื่อมากกว่า 1,500 แบรนด์ ซึ่งในจำนวนนี้จะมีแบรนด์ที่ดีที่สุดเพียง 100 แบรนด์จาก 30 ประเทศเท่านั้นที่ได้รับรางวัล

Buddy Brands, Coo & Riku, Dymax, FRONTLINE, Hikari, Kaniva และ Taiyo เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกประกาศให้เป็นผู้ชนะ โดยการคว้ารางวัล World Branding Awards นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเป็นการตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในอุตสาหกรรมของพวกเขาอีกด้วย

ผู้ชนะจากประเทศไทย ได้แก่ Kaniva, Kelly & Co's, JerHigh, Pet Protect, DoggyDolly, SmartHeart, Bow Jerky, Truknox, Boonma และ Marvo ส่วนผู้ชนะระดับประเทศอื่น ๆนั้น ได้แก่ Coo & Riku (ญี่ปุ่น), DeliBest (สวิตเซอร์แลนด์), Global Pet Foods (แคนาดา), Halti (สหราชอาณาจักร), Heads Up For Tails (อินเดีย), NurturePro (สิงคโปร์), PowerCat (มาเลเซีย), TopBreed ( ฟิลิปปินส์) และ VanCat (ตุรกี)

ขณะที่งาน World Branding Awards Animalis Edition ประจำปี 2023 – 2024 ใกล้จะสิ้นสุดลง งาน Global Edition of World Branding Awards ที่หลายคนตั้งตาคอยอย่างใจจดใจจ่อก็จะกลับมาสู่เวทีอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ ณ พระราชวังเคนซิงตัน ลอนดอน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ awards.brandingforum.org.

เกี่ยวกับ WORLD BRANDING AWARDS

World Branding Awards เป็นรางวัลชั้นนำของ World Branding Forum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ได้จดทะเบียนไว้ รางวัลนี้เป็นการยกย่องความสำเร็จของแบรนด์ที่ดีที่สุดของโลก

สื่อสังคม

Facebook: https://www.facebook.com/worldbrandingforum/

Twitter: https://twitter.com/WorldBranding

Instagram: https://www.instagram.com/worldbranding/

LinkedIn: https://linkedin.com/company/world-branding-forum

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20230727961711/en/

ติดต่อ

editorial@brandingforum.org

ที่มา: World Branding Awards

AmbioPharm ผู้พัฒนาและรับจ้างผลิตยาเปปไทด์ระดับโลก (Global Peptide CDMO)

Logo

  • ผู้พัฒนาและรับจ้างผลิตยาเปปไทด์ระดับโลกที่มีโรงงานผลิตในจีนและสหรัฐอเมริกา

เซี่ยงไฮ้–(BUSINESS WIRE)–26 กรกฎาคม 2023

AmbioPharm เป็นผู้นำระดับโลกด้านการให้บริการพัฒนาและรับจ้างผลิตยาเปปไทด์ API ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของกำลังการผลิตเปปไทด์เชิงพาณิชย์และการผลิตเฟสสุดท้าย AmbioPharm พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของตลาดโลก ด้วยการเป็น CDMO ด้านเปปไทด์ที่เชื่อถือซึ่งมีโรงงานผลิตทั้งในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา

วิทยาเขตเซี่ยงไฮ้ของ AmbioPharm

วิทยาเขตเซี่ยงไฮ้ของ AmbioPharm ที่ขยายเพิ่มล่าสุดทำให้มีพื้นที่การผลิตและการบริหารทั้งหมดเพิ่มขึ้นประมาณ 380,550 ตารางฟุต (35,354 ตร.ม.) ตลอดจนการขยายที่กำลังดำเนินการอยู่ได้เพิ่มเครื่องปฏิกรณ์ขนาดใหญ่ถึง 5,000 ลิตรและชุดเครื่องมือการแยกสารให้บริสุทธิ์ รวมถึงคอลัมน์ HPLC ใหม่ขนาด 60 ซม. นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการไฮโดรจิเนชันสำหรับการสังเคราะห์เปปไทด์แบบวัฏภาคของเหลว (LPPS) ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและเพิ่งเสร็จสมบูรณ์เมื่อไม่นานมานี้

อีกทั้งอาคารเพิ่มเติมกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการซึ่งจะมีระบบ 3,000L SPPS และ 3,000L LPPS ที่ล้ำสมัย และคาดว่าจะพร้อมใช้งานได้เร็วที่สุดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 นี้

จุดเด่นของการขยายครั้งนี้ ได้แก่:

• ชุดเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต

• ชุดเครื่องมือการแยกสารให้บริสุทธิ์ รวมถึงคอลัมน์ HPLC ขนาด 60 ซม.

• ชุดเครื่องมือสำหรับการตกตะกอน

• ชุดเครื่องมือสังเคราะห์นำร่อง cGMP

• อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการไฮโดรจิเนชันสำหรับ LPPS

• สายการผลิต 6 สายพร้อมเครื่องปฏิกรณ์ 71 เครื่อง โดยมีแผนจะเพิ่มสายการผลิตอีก 7 สายสำหรับการผลิตขนาดใหญ่และเชิงพาณิชย์

• การรีไซเคิลสารทำละลาย

สำนักงานใหญ่และวิทยาเขตในสหรัฐอเมริกาของ AmbioPharm

วิทยาเขต AmbioPharm North Augusta ซึ่งตั้งอยู่ที่เซาท์แคโรไลนา สหรัฐอเมริกา เพิ่งได้รับการตรวจสอบโดย FDA ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2023 ที่ผ่านมา และเพิ่งทำการขยายในปี 2020 ที่ผ่านมา และมีพื้นที่การบริหารและการผลิตทั้งหมด 82,566 ตารางฟุต (7,670 ตร.ม.) การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับวิทยาเขตเซี่ยงไฮ้ของเราทำให้สามารถให้บริการการผลิตเปปไทด์แบบครบวงจรเพื่อการใช้งานทางคลินิกและเชิงพาณิชย์ ในการรองรับและสนับสนุนการเติบโตในการผลิตเชิงพาณิชย์และการผลิตเฟสสุดท้าย เราได้ทำการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมในวิทยาเขตนี้ ได้แก่:

• คอลัมน์โครมาโตกราฟีของเหลวประสิทธิภาพสูง 1M (HPLC)

• ไลโอฟิไลเซอร์ 1,000 ลิตร

• ระบบการกรองการไหลสัมผัสด้วยเครื่องหมุนเหวี่ยง

• ทางเดินขนาดใหญ่ในห้องควบคุมอุณหภูมิ 2-8 ◦C

• ทางเดินในช่องแช่แข็ง -20 ◦C

เรายังได้เพิ่มอุปกรณ์ต่อไปนี้เพื่อเพิ่มการผลิตในสหรัฐอเมริกา โดยใช้เคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการผลิตด้วย:

• เครื่องสังเคราะห์เปปไทด์ไมโครเวฟ CEM Liberty Blue (สำหรับการสังเคราะห์เปปไทด์แบบวัฏภาคของแข็งที่ไม่ใช่ GMP (SPPS) ขนาดเล็ก)

• เครื่องสังเคราะห์เปปไทด์ไมโครเวฟ CEM Liberty Pro (สำหรับการสังเคราะห์เปปไทด์แบบวัฏภาคของแข็ง GMP (SPPS) พร้อมสเกลความจุเครื่องปฏิกรณ์สูงสุด 15 ลิตร)

• YMC โครมาโตกราฟีแบบคอลัมน์คู่

เครื่องสังเคราะห์เปปไทด์ไมโครเวฟช่วยให้สถานที่แห่งนี้สามารถผลิตเปปไทด์ดิบของสหรัฐอเมริกาได้สำหรับทั้งข้อกำหนด GMP และไม่ใช่ GMP โดยมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการสังเคราะห์ในอนาคต

เราลงทุนด้านเทคโนโลยีในองค์กรคุณภาพของเรา รวมถึงการนำการควบคุมหลักมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของระบบการจัดการคุณภาพ (QMS) ทั้งในสหรัฐอเมริกาและจีน ในขณะที่สร้างคุณภาพทุกขั้นตอนในกระบวนการผลิตของเรา

การอัปเกรดเหล่านี้ทำให้ AmbioPharm สามารถให้การสนับสนุนลูกค้าของเราตั้งแต่การผลิตผลิตภัณฑ์พิษวิทยาในระยะแรกไปจนถึงการผลิตเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยมีกำลังการผลิตต่อปีสูงถึงหน่วยเมตริกตัน ด้วยความเชี่ยวชาญชำนาญของเรา เราสามารถรับมือได้ทั้งโครงการเปปไทด์ที่เรียบง่ายและซับซ้อนด้วยประวัติความสำเร็จที่พิสูจน์แล้วในระดับการวิจัย ทางคลินิก และเชิงพาณิชย์

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: https://www.ambiopharm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

AmbioPharm

Mark DaFonseca รองประธานฝ่ายขายและการพัฒนาธุรกิจทั่วโลก
mark.dafonseca@ambiopharm.com

แหล่งที่มา: AmbioPharm

The Bangkok Reporter