25 ปีแห่งการทำโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้นสำหรับผู้หญิง: มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM เฉลิมฉลองวันครบรอบเหตุการณ์สำคัญ

Logo

องค์กรการกุศลเปิดตัวชื่อ โลโก้ เว็บไซต์ การรีแบรนด์ และรายงานประจำปีใหม่ของมูลนิธิที่ไม่เคยมีมาก่อน

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–10 พฤศจิกายน 2564

การเฉลิมฉลองวันครบรอบ 25 ปี และเพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้เผยแพร่รายงานประจำปีของมูลนิธิเป็นครั้งแรก พร้อมชื่อ โลโก้เว็บไซต์ และการรีแบรนด์ใหม่ ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิได้บริจาคเงินจำนวนมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ให้กับองค์กรที่สอดคล้องกับพันธกิจสองประการ อันได้แก่ การให้ทุนในการสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง และการยุติความรุนแรงในครอบครัวและความรุนแรงทางเพศต่อสตรีและเด็กหญิง

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211110005237/en/

The Mary Kay Ash Foundation℠ logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ ของ Mary Kay Ash Foundation℠ (กราฟิก: Mary Kay Inc.)

มูลนิธิได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำด้านการกุศลระดับโลกที่มุ่งเน้นที่ผู้หญิงมากกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เพื่อเป็นการฉลองครบรอบเหตุการณ์สำคัญ องค์กรได้เปลี่ยนชื่อไปเล็กน้อยจาก Mary Kay FoundationSM เป็น Mary Kay Ash FoundationSM เพื่อปรับปรุงการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหา นอกจากนี้มูลนิธิยังได้เปิดเผยโลโก้และเว็บไซต์ การรีแบรนด์ และรายงานประจำปีของมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM เป็นฉบับแรก รายงานนี้แสดงให้เห็นภาพรวมของการริเริ่มในปี 2563 ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ผลสรุปที่สำคัญในรายงานประกอบด้วย:

  • ในปี 2563 มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้มอบเงินสนับสนุนรวม 1,825,000 ดอลลาร์ให้กับสาเหตุต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา และทุนที่จะสร้างความแตกต่างไปทั่วโลกผ่านทุนวิจัยด้านนวัตกรรม/การแปลง และโปรแกรม International Post-Doctoral Fellowship Cancer Research Program ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งที่เป็นนวัตกรรมและการทดลองทางคลินิกเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิง โดยมอบเงินรางวัลมากกว่า 25 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการอันล้ำสมัยกว่า 250 โครงการในโรงเรียนแพทย์และสถาบันวิจัยชั้นนำทั่วโลก
  • เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 มีการรายงานความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วทั้งโลกในปี 2563 การระบาดใหญ่ในวงกว้างนี้ขยายขอบเขตความรุนแรงในครอบครัวไปถึงขีดจำกัดของพวกเขา มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้มอบเงินช่วยเหลือฉุกเฉินเป็นจำนวนเงินรวม 1,000,000 ดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนคนทำงานด่านหน้าเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยกู้ภัยกลุ่มแรกสำหรับผู้หญิงและเด็ก ในความพยายามที่จะขยายความมุ่งมั่นระดับโลกในการขจัดความรุนแรงในครอบครัวที่อิงจากเพศสภาพ Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ผนึกกำลังกับ CARE USA ผู้นำด้านมนุษยธรรมระดับโลก และกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี หรือ United Nations Trust Fund to End Violence Against Women and CARE USA  ตั้งแต่ปี 2543 มูลนิธิได้บริจาคเงินมากกว่า 58 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติความรุนแรงทางเพศ ความพยายามดังกล่าวได้สนับสนุนผู้หญิงและเด็กหญิงกว่าหกล้านคนในการค้นหาที่พักพิงและการช่วยเหลือจากการถูกล่วงละเมิด

“เมื่อ 25 ปีที่แล้ว คุณยายของฉัน Mary Kay Ash ได้ก่อตั้งมูลนิธิที่ยังคงเป็นหัวใจของ Mary Kay Inc. พนักงานของบริษัทและที่ปรึกษาด้านความงามอิสระ ผู้ซึ่งมุ่งมั่นที่จะรักษาวิสัยทัศน์ในการทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา” Ryan Rogers ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนและรองประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM กล่าว “ในขณะที่มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้เติบโตในเท็กซัสและเฝ้าดูพวกเขาแผ่ขยายไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา เฉกเช่นเดียวกับตัวบริษัทเองงานของมูลนิธินั้นไร้พรมแดน เราจินตนาการถึงโลกที่ซึ่งผู้หญิงมีพลังอำนาจ สุขภาพดีและปลอดภัย ในวันครบรอบอันสำคัญนี้เรายังคงรักษาคำมั่นสัญญาอันแน่วแน่ต่อผู้หญิงทั่วโลก และได้รับการเตือนใจว่าเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริงเพียงใดที่ได้สานต่อการทำงานของคุณยายต่อไป”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เยี่ยมชมได้ที่ marykayashfoundation.org.

เกี่ยวกับมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM

เพื่อสานต่อความฝันของ Mary Kay Ash ในการส่งเสริมชีวิตของผู้หญิงทั่วโลก มูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้ระดมทุนและทำการแจกจ่ายเพื่อลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่มักเกิดกับผู้หญิง และเพื่อยุติผลกระทบความรุนแรงต่อผู้หญิงภายในประเทศ ตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา มูลนิธฺ Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินบริจาคมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานสอดคล้องกับพันธกิจของมูลนิธิโดยให้ความสำคัญอย่างเท่ากัน นอกเหนือจากนั้นมูลนิธิยังสนับสนุนโครงการสร้างการรับรู้ โครงการเข้าถึงชุมชน และการสนับสนุนช่วยเหลือการร่างกฏหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพดีและปลอดภัย พร้อมกันนั้นก็สร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับผู้หญิง ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการให้ความรู้ การสนับสนุน อาสาสมัคร และการบริจาค รวมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือชีวิตเพื่อสร้างแรงผลักดันแก่ผู้หญิง กรุณาเยี่ยมชม marykayashfoundation.org ค้นหาเราได้ทาง Facebook และ Instagram หรือติดตามเราที่ Twitter

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211110005237/en/

ติดต่อ: 

marykay.com/newsroom
(+1) 972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


ShawKwei & Partners เข้าซื้อกิจการ CR Asia Group ด้วยมูลค่า 101 ล้านเหรียญสหรัฐ

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2564

ShawKwei & Partners บริษัทกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดแห่งเอเชีย (“ShawKwei”) ประกาศการเข้าซื้อกิจการ CR Asia Pte Ltd (สิงคโปร์) มูลค่า 101 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทในเครือทั้งหมด ซึ่งรู้จักกันในชื่อ CR Asia Group ด้วยประวัติการดำเนินงาน 30 ปี CR Asia Group เป็นธุรกิจโซลูชั่นด้านวิศวกรรมพลังงานชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วทั้งเอเชีย โดยให้บริการลูกค้าระดับโลก อย่างเช่น Shell, Reliance และ Neste โดย ShawKwei เข้าซื้อกิจการ CR Asia Group จาก Joh Mourik & Co. Holding B.V. แห่งเนเธอร์แลนด์, Arabian Pipeline & Services Co. Ltd. (Anabeeb) แห่งซาอุดีอาระเบีย และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยรายอื่น ๆ

CR Asia Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 ในสิงคโปร์ ปัจจุบันให้บริการลูกค้าใน 18 ประเทศในเอเชียจากฐานที่ตั้งถาวรในสิงคโปร์ ไทย อินเดีย และมาเลเซีย ลูกค้าเหล่านี้เป็นเจ้าของโรงงานและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ในการแปรรูปพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตพลาสติก สิ่งทอ เครื่องสำอาง อิเล็กทรอนิกส์ สี และผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ CR Asia Group เป็นที่รู้จักกันดีในด้านการชาร์จและการปลดปล่อยตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญต่อภารกิจ ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์หลักที่ใช้ในการกลั่นพลังงาน สารเคมีและปุ๋ย และโรงงานแปรรูปอุตสาหกรรมหนักอื่น ๆ CR Asia Group ยังให้บริการอื่น ๆ รวมถึงการบำรุงรักษาอุปกรณ์และโรงงาน บริการกระบวนการดำเนินงานและการเดินท่อ การหยุดทำงานและการซ่อมบำรุง ตลอดจนบริการด้านวิศวกรรม การจัดซื้อจัดจ้าง และการก่อสร้าง (EPC)

Kyle Shaw ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ ShawKwei กล่าวว่า "CR Asia Group มีชื่อเสียงในด้านความเป็นเลิศในการแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมพลังงานทั่วทั้งเอเชีย และอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนที่ต่ำกว่า CR Asia Group ได้รับการสนับสนุนจากพนักงานที่ซื่อสัตย์ ความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว และเครือข่ายพันธมิตรด้านเทคนิคที่กว้างขวาง เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับทีมงาน CR Asia Group ทั้งหมด และลงทุนในโครงการริเริ่มด้านเทคโนโลยีระดับองค์กร การดำเนินงาน และระบบอัตโนมัติ เพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงคาร์บอนที่ต่ำกว่า”

Mark Stansfield กรรมการผู้จัดการของ CR Asia Group กล่าวว่า "ทีมผู้บริหารของเรายินดีต้อนรับ ShawKwei ตามที่เราช่วยเหลือลูกค้าของเราในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะที่ยังคงรักษาความมั่นคงของพลังงาน อาหาร และห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของ CR Asia Group ในปี 2564 เราสะท้อนกลับด้วยความภาคภูมิใจในความสำเร็จที่ผ่านมาของเรา และเราตั้งตารอด้วยความมั่นใจในการมีส่วนร่วมในการลดคาร์บอนไดออกไซด์และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับลูกค้าของเรา”

เกี่ยวกับ ShawKwei & Partners

ShawKwei & Partners เป็นผู้จัดการกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาด ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง สิงคโปร์ เซี่ยงไฮ้ และซานฟรานซิสโก ShawKwei & Partners ลงทุนในบริษัทการผลิต อุตสาหกรรม และบริการที่ดำเนินงานทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยมีรายได้ระหว่าง 50-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการลงทุน ShawKwei & Partners จะปรับปรุงธุรกิจโดยการร่วมมือกับผู้บริหารเพื่อระบุและตระหนักถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ยั่งยืนในการเติบโตของยอดขาย การขยายอัตรากำไรขั้นต้น และประสิทธิภาพของเงินทุน

Kyle Shaw ก่อตั้ง ShawKwei & Partners ในปี 2541 หลังจากก่อนหน้านี้จัดการกองทุนกลุ่มสินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาดในเอเชียสำหรับ Tudor Investment Group และ Security Pacific National Bank การลงทุนในอดีต รวมถึง YongLe Tape ผู้ผลิตเทปกาวชั้นนำของจีน Beyonics ผู้ผลิตโลหะ พลาสติก และอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความแม่นยำสำหรับอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ ยานยนต์ และเทคโนโลยีที่ดำเนินงานทั่วเอเชีย Flex Holdings (เดิมชื่อ Flextronics) ผู้รับจ้างผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และ Schmid Group นักออกแบบและผู้ผลิตอุปกรณ์สำหรับลูกค้าพลังงานแสงอาทิตย์ อิเล็กทรอนิกส์ และแบตเตอรี่ลิเธียมในเยอรมนี

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211107005104/en/

ติดต่อ:

Mark Stansfield, Group Managing Director at CR Asia Group
T: +66-2-653-3913-5
E: mstansfield@crasia.net
Visit: www.crasia.net

Shirley Li, Communications Manager at ShawKwei & Partners
T: +852 3162 8479 / +86 138 1789 4699
E: shirley@shawkwei.com
Visit: www.shawkwei.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Ripple เปิดตัว Liquidity Hub เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อขายและถือครองสินทรัพย์คริปโต

Logo

เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นแรกร่วมกับพันธมิตร Coinme

ซานฟรานซิสโก–(บิสิเนสไวร์)–09 พ.ย. 2564

วันนี้ Ripple ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่นบล็อกเชนและคริปโตระดับองค์กร ได้นำเสนอตัวอย่าง Ripple Liquidity Hub ซึ่งเป็นโซลูชันใหม่สำหรับลูกค้าองค์กรที่จะเปิดตัวในปี 2565   Ripple Liquidity Hub จะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลจากหลากหลายจากผู้ให้บริการทั่วโลก รวมถึงผู้มอบสภาพคล่องตัว การแลกเปลี่ยน เคาน์เตอร์ OTC และสถานที่กระจายอำนาจในอนาคต  ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะรองรับการบูรณาการแบบเบ็ดเสร็จและการกำหนดเส้นทางคำสั่งซื้อที่ชาญฉลาดไปยังแหล่งสินทรัพย์ดิจิทัลในราคาที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อ ขาย และถือสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย

การเปิดตัว GA จะรองรับ BTC, ETH, LTC, ETC, BCH และ XRP (ความพร้อมใช้งานจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่) โดยมีแผนที่จะขยายไปยังสินทรัพย์ที่มีโทเค็นมากขึ้น ในอนาคต Ripple มีแผนที่จะเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนการ staking และฟังก์ชันการสร้าง yield

เป็นเวลาเกือบสองปีที่ Ripple ได้ใช้ประโยชน์จาก Liquidity Hub สำหรับการจัดการสภาพคล่องภายในโดยเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ On-Demand Liquidity (ODL) ซึ่งขับเคลื่อนธุรกรรมนับล้านรายการ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ตอนนี้ Ripple จะทำให้ผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งานสำหรับลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก เช่นเดียวกับสถาบันการเงิน ธนาคาร ฟินเทค หรือบริษัทต่างๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือในการเตรียมพร้อมสำหรับโลกที่คริปโตเป็นที่แรกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

Asheesh Birla GM ของ RippleNet กล่าวว่า "เราเข้าใจโดยตรงถึงความจำเป็นในการจัดการสภาพคล่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ และด้วยเหตุนี้ เราได้ทราบความต้องการจากลูกค้าที่อยากได้โซลูชันที่สามารถเป็นผู้ค้าครบวงจรในการซื้อ ขาย และถือ สินทรัพย์คริปโท  การผสมผสานของ DNA คริปโตของ Ripple และประวัติการทำงานอันยาวนานกับสถาบันการเงินทำให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ซ้ำใครในการแก้ไขปัญหานี้สำหรับลูกค้าของเราในขณะที่พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่เป็นโทเค็น”

Liquidity Hub ต่างจากโซลูชันที่มีอยู่ในปัจจุบัน ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กรและความต้องการเฉพาะของพวกเขา

  • การเริ่มต้นใช้งานที่ง่ายดาย: นำเสนอ API ที่ปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลจากกลุ่มสภาพคล่องที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถผสานรวมกับ Liquidity Hub ได้อย่างง่ายดาย และเริ่มให้บริการซื้อขายแก่ลูกค้า ทำให้เกิดแหล่งรายได้ใหม่
  • การกำหนดราคาที่เหมาะสม: โดยมอบราคารวมที่ดีที่สุดและเหมาะสมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลาย ทำให้องค์กรสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าจากแหล่งสภาพคล่องที่หลากหลาย
  • การเข้าถึงเงินทุน: องค์กรต่างๆ จะไม่ต้องเติมเงินในบัญชีล่วงหน้าสำหรับ Liquidity Hub และสามารถรับเงินทุนหมุนเวียนผ่าน Ripple เพื่อเป็นทุนในการดำเนินธุรกิจได้

พันธมิตรรายแรกของ Ripple ของผลิตภัณฑ์รุ่นแรกคือ Coinme ซึ่งเป็นเครือข่ายสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา โดยมีสถานที่หลายพันแห่งทั่วประเทศ ในขั้นต้น Coinme จะใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีพื้นฐานของ Liquidity Hub โดยมีแผนที่จะปลดล็อกฟังก์ชันเพิ่มเติมเมื่อพร้อมใช้งาน

“Coinme ให้การเข้าถึงที่สะดวกและง่ายดายในการแลกเปลี่ยนเงินสดเป็นคริปโต  การจัดการเครือข่ายที่กว้างขวางนี้ต้องการการเข้าถึงสภาพคล่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้นเราจึงสามารถให้ราคาดีที่สุดแก่ลูกค้าของเราสำหรับสินทรัพย์ที่หลากหลาย เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Ripple เพื่อนำประโยชน์เหล่านี้มาสู่ลูกค้าและธุรกิจของเรา” Neil Bergquist ซีอีโอของ Coinme กล่าว

Ripple เป็นบริษัทองค์กรแห่งแรกที่ใช้ประโยชน์จากคริปโตเพื่อจัดการกับความท้าทายมูลค่าล้านล้านดอลลาร์ด้วยการชำระเงินข้ามพรมแดน  ตั้งแต่นั้นมา Ripple ได้ขยายจากเครือข่ายการชำระเงินข้ามพรมแดนไปยังแพลตฟอร์มที่ให้บริการโทเค็นที่จะนำความสามารถด้านการเข้ารหัสลับมาสู่องค์กร และเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตที่คริปโตเป็นศูนย์กลาง สภาพคล่องมีบทบาทสำคัญและเป็นรากฐานของประสบการณ์ในสกุลเงินดิจิทัล

ในอนาคต ลูกค้าทุกคนจะเข้าร่วม RippleNet ด้วยบริการพื้นฐานเดียวกันและกระเป๋าเงินที่ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งคริปโตและ fiat ด้วยการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้  ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนล่าสุดที่ทำให้พวกเขาทันสมัยอยู่เสมอ แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สามารถอัพเกรดและเพิ่มบริการใหม่ๆ ได้อย่างราบรื่นตามที่ลูกค้าต้องการ ลูกค้าจะสามารถใช้กระเป๋าเงินที่เปิดใช้งาน Ripple เพื่อดูแลทุกอย่างที่เป็นโทเค็นได้

RippleNet เพิ่งเสร็จสิ้นไตรมาสที่ดีที่สุดจน โดยประกาศตลาดมากกว่า 20 แห่งที่พร้อมให้บริการสำหรับ ODL ด้วยการใช้งานใหม่ในญี่ปุ่นและตะวันออกกลาง รวมถึงการเติบโตมากกว่า 25 เท่าสำหรับกระแสข้อมูลระหว่างประเทศในเครือข่าย

การเปิดตัว Liquidity Hub อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องและข้อกำหนดอื่นๆ ความพร้อมใช้งานจะแตกต่างกันไปตามเขตอำนาจศาล

เกี่ยวกับ Ripple

Ripple ช่วยให้สามารถชำระเงินได้ทุกที่ ทุกทาง สำหรับทุกคนที่ใช้พลังของคริปโตและบล็อกเชน  ด้วยการเข้าร่วมเครือข่ายระดับโลก (RippleNet) ที่กำลังเติบโตของ Ripple  สถาบันการเงินสามารถประมวลผลการชำระเงินของลูกค้าได้ทุกที่ในโลกทันที เชื่อถือได้ และคุ้มค่า ธนาคารและผู้ให้บริการชำระเงินสามารถใช้ XRP ของสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อลดต้นทุนและเข้าถึงตลาดใหม่ได้ ด้วยสำนักงานในซานฟรานซิสโก วอชิงตัน ดีซี นิวยอร์ก ลอนดอน มุมไบ สิงคโปร์ เซาเปาโล เรคยาวิก และดูไบ Ripple มีลูกค้าหลายร้อยรายทั่วโลก

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211109005824/en/

ติดต่อ:

Megan Katz
Press@ripple.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

DigitalBridge ประกาศการลงทุนจาก IFC เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการเชื่อมต่อในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

โบคา เรตัน รัฐฟลอริดา–(BUSINESS WIRE)–09 พฤศจิกายน 2564

DigitalBridge Group, Inc. (NYSE: DBRG) (“DigitalBridge” หรือ “บริษัท”) ประกาศในวันนี้ว่า International Finance Corporation (“IFC”) จะลงทุนด้วยจำนวนเงิน 100 ล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จัดการโดย DigitalBridge ในบราซิล อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อขยายการเข้าถึงและการเชื่อมต่อดิจิทัล

การลงทุนด้วยจำนวนเงิน 100 ล้านดอลลาร์ของ IFC นั้นรวมถึง 75 ล้านดอลลาร์ที่ลงทุนไปแล้วในบริษัทพอร์ตโฟลิโอของ DigitalBridge จำนวนสามแห่งได้แก่:

  • Scala Data Centers (“Scala”) ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกลชั้นนำที่ตั้งอยู่ในบราซิล
  • EdgePoint Infrastructure (“EdgePoint”) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารไร้สายอิสระที่มีการดำเนินงานในอินโดนีเซียและมาเลเซีย และ
  • Highline do Brasil (“Highline”) ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารไร้สายอิสระที่มีการดำเนินงานในบราซิล

IFC จะลงทุนเพิ่มอีก 25 ล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอื่น ๆ ในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ซึ่งจัดการโดย DigitalBridge ในอนาคต

เงินทุนของ IFC จะช่วยขยายธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของ Scala, EdgePoint และ Highline และเพิ่มการเข้าถึงการเชื่อมต่อดิจิทัลที่มีคุณภาพและความจุของศูนย์ข้อมูลสำหรับทั้งบุคคลและองค์กรในภูมิภาคเหล่านี้ การลงทุนของ IFC ตรวจสอบและผลักดันกลยุทธ์การเติบโตของ DigitalBridge ในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีคุณภาพและเชื่อถือได้กำลังกำหนดขั้นตอนสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวที่ครอบคลุมและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น

“การลงทุนจาก IFC ช่วยให้ Scala มีแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงความเชี่ยวชาญและคำแนะนำ ซึ่งช่วยให้เราสามารถเร่งการเติบโตและความก้าวหน้าในประเทศแถบลาตินอเมริกาผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงการแบ่งปันหลักการที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับ ESG” Marcos Peigo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Scala กล่าว “ในขณะที่เราขยายแพลตฟอร์มของเราต่อไป Scala จะยังคงอยู่ในระดับแนวหน้าของการทำให้เป็นดิจิทัล สนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในชุมชนที่เราให้บริการ”

“ด้วยการสนับสนุนจาก DigitalBridge ทำให้ EdgePoint ได้สร้างบริษัทโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก” Suresh Sidhu ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EdgePoint กล่าว “โครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และการสนับสนุนจาก IFC จะช่วยให้เราสามารถขยายโซลูชั่นการเชื่อมต่อรุ่นต่อไปได้อย่างต่อเนื่องทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน”

"Highline มุ่งมั่นที่จะเพิ่มความครอบคลุมด้านโทรคมนาคมทั่วทั้งบราซิล การเชื่อมต่อเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา นวัตกรรม และความก้าวหน้า” Fernando Viotti ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Highline กล่าว “เรายินดีที่จะได้รับทรัพยากรเพิ่มเติมเหล่านี้จาก IFC ในขณะที่เราแสวงหาโอกาสใหม่เพื่อสร้างมูลค่าอย่างต่อเนื่องและเส้นทางที่ยั่งยืน”

“เรายินดีที่ได้ร่วมงานกับ DigitalBridge ซึ่งเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีวิสัยทัศน์สำหรับอนาคตที่ปรับการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก” Lance Crist หัวหน้า Global Head of Equity for Infrastructure ของ IFC กล่าว “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสนับสนุนทุกแง่มุมของสังคมและเศรษฐกิจ ตั้งแต่เมืองอัจฉริยะและรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการดูแลสุขภาพและการศึกษา ตั้งแต่อีคอมเมิร์ซ บริการทางการเงิน และการผลิต ไปจนถึงการวิจัยและพัฒนา และอื่น ๆ การลงทุนนี้มีส่วนสำคัญในการปิดช่องว่างทางดิจิทัลโดยการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและบริการดิจิทัล ส่งเสริมการเชื่อมต่อในชนบท และเร่งการเปิดตัวเทคโนโลยีการสื่อสารดิจิทัล 4G และ 5G ทั่วโลก”

เกี่ยวกับ DigitalBridge

DigitalBridge (NYSE: DBRG) เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลชั้นนำระดับโลก ด้วยมรดกที่สะสมมายาวนานกว่า 25 ปี ในการลงทุนและดำเนินธุรกิจทั่วทั้งระบบนิเวศดิจิทัล ซึ่งรวมถึงหอคอย ศูนย์ข้อมูล ไฟเบอร์ เซลล์ขนาดเล็ก และโครงสร้างพื้นฐานแบบเอดจ์ ทีมงาน DigitalBridge จัดการพอร์ตโฟลิโอสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์ในนามของหุ้นส่วนและผู้ถือหุ้น DigitalBridge มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองโบกา เรตัน และมีสำนักงานหลักในลอสแองเจลิส นิวยอร์ก ลอนดอน และสิงคโปร์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DigitalBridge กรุณาเยียมชมได้ที่ www.digitalbridge.com

คำเตือนเกี่ยวกับข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้อาจมีข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตตามความหมายของกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลาง ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวข้องกับความคาดหวัง ความเชื่อ การคาดการณ์ แผนและกลยุทธ์ในอนาคต เหตุการณ์หรือแนวโน้มที่คาดการณ์ไว้ และการแสดงออกที่คล้ายคลึงกันซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ในบางกรณี คุณสามารถระบุข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต มักใช้คำศัพท์ที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต เช่น “อาจจะ” “จะ” “ควร” “คาดหวัง” “ตั้งใจ” “วางแผน” “คาดการณ์” “ เชื่อ” “ประมาณการ” “ทำนาย” หรือ “มีศักยภาพ” หรือ เชิงลบของคำและวลีเหล่านี้  หรือ คำหรือวลีที่คล้ายกัน ซึ่งเป็นการคาดคะเนหรือบ่งชี้เหตุการณ์หรือแนวโน้มในอนาคต และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน การสมมติฐาน และเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นทั้งที่ทราบและไม่ทราบ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และอาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่แสดงในข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดความแตกต่างดังกล่าวรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงความสามารถของบริษัทในการระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อเป็นทุนในการเติบโตในระบบเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ และความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอื่น ๆ รวมถึงรายละเอียดในรายงานประจำปีในแบบฟอร์ม 10-K สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 รายงานรายไตรมาสในแบบฟอร์ม 10-Q สำหรับไตรมาสสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 และ 30 มิถุนายน 2564 และรายงานอื่น ๆ ที่ DigitalBridge Group, Inc. (“บริษัท”) ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งคราว ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อ สมมติฐาน และความคาดหวังโดยสุจริตของบริษัท แต่ไม่ได้รับประกันผลการปฏิบัติงานในอนาคต บริษัทขอเตือนนักลงทุนอย่าใช้ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตอย่างไม่เหมาะสม แถลงการณ์ที่เป็นข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตกล่าวถึงเฉพาะวันที่ในเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เท่านั้น บริษัทไม่มีหน้าที่ในการปรับปรุงข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใด ๆ เหล่านี้หลังจากวันที่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้ และต้องไม่ปฏิบัติตามข้อความก่อนหน้านี้ให้สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่แท้จริงหรือการคาดการณ์ที่แก้ไข และบริษัทไม่มีเจตนาที่จะทำเช่นนั้น

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211109006064/en/

ติดต่อ:

DigitalBridge

นักลงทุน:
Kevin Smithen
Chief Commercial and Strategy Officer
kevin.smithen@digitalbridge.com
(646) 883-2846

สื่อ:
Joele Frank, Wilkinson Brimmer Katcher
Jon Keehner / Aura Reinhard
DBRG-jf@joelefrank.com
(212) 355-4449

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

LDRA ประกาศการประชุมสุดยอดความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยระบบฝัง หรือ Embedded Safety & Security Summit (ESSS) 2565 ซึ่งเป็นงานแบบออนไลน์ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเปิดให้ผู้ชมทั่วโลกได้รับชมมากขึ้น

Logo

การประชุมชั้นนำระดับโลกครั้งที่ 7 จะจัดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ในหัวข้อ "การออกแบบระบบฝังตัวด้วยความคล่องตัว คุณภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัย"

บังคาลอร์ อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–9 พ.ย. 2564

LDRA ร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมและสมาคมต่าง ๆ ประกาศในวันนี้ว่างาน Embedded Safety & Security Summit (ESSS) 2565 ครั้งที่ 7 จะจัดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน ในหัวข้อ "การออกแบบระบบสมองกลในระบบฝังตัวด้วยความคล่องตัว คุณภาพ ความมั่นคง และความปลอดภัย หรือ Designing Embedded Systems with Agility, Quality, Safety & Security" การประชุมและนิทรรศการจะเป็นแบบออนไลน์เสมือนจริงเป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งจะช่วยให้มีส่วนร่วมมากขึ้นในการพัฒนา ทดสอบ และรับรองระบบฝังตัวที่สำคัญต่อภารกิจต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีล่าสุด

ด้วยความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มขีดความสามารถของชุมชนระบบฝังตัวและการเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก ESSS 2565 มาพร้อมกับเซสชันให้ความรู้พิเศษ ได้แก่ แพลตฟอร์มออนไลน์แบบโต้ตอบ และการผสมผสานที่ลงตัวของเพื่อนร่วมงานในอุตสาหกรรมสำหรับการสร้างเครือข่าย โดย งานมุ่งเน้นไปที่สี่เส้นทางอุตสาหกรรม: การบินและการป้องกัน, ยานยนต์, อุตสาหกรรม และการแพทย์

Ian Hennell ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ LDRA กล่าวว่า "ไม่ว่าจะทางออนไลน์ หรือออฟไลน์  ESSS ช่วยให้เราสามารถสานต่อความพยายามของเราในการสนับสนุนอุตสาหกรรมระบบฝังตัวที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของการใช้งาน" “การประชุมที่ครอบคลุมครั้งนี้ให้ความรู้และทำให้ชุมชนทราบเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความจำเป็นในการสร้างคุณภาพในระบบแห่งอนาคต”

ESSS 2565 จะรวมเนื้อหาที่ให้โอกาสมีส่วนร่วมและที่ให้ข้อมูล ซึ่งรวมถึงการอภิปรายในหัวข้อ “การพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยมาตรฐานในโลกที่คล่องตัว” นอกจากนี้ยังจะรวมถึงเซสชันที่เป็นประเด็นสำคัญของอุตสาหกรรม และเซสชันทางเทคนิคที่กล่าวถึงชุมชนระบบฝังตัวทุกประเภท ตั้งแต่วิศวกรซอฟต์แวร์ ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรอง ไปจนถึงตัวแทนจากรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล

Shinto Joseph ผู้อำนวยการ – South East Asia Operation, LDRA และผู้ประสานงานของ ESSS กล่าวว่า "ESSS 2565 จะรวบรวมผู้นำจากภาครัฐ นวัตกรรมเทคโนโลยี องค์กรธุรกิจ และมาตรฐาน เพื่อนำเสนอสถานะของการปฏิบัติงานและนวัตกรรมที่ช่วยผู้เชี่ยวชาญในการใช้ประโยชน์จาก เทคโนโลยีอัจฉริยะ การอภิปรายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ขับเคลื่อนด้วยมาตรฐานในโลกที่คล่องตัวจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเจาะจงเกี่ยวกับปัญหาที่ใกล้จะเกิดขึ้นที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ กำลังจะเผชิญ รวมถึง EVs, UAVs, IIoTs, ระบบอัตโนมัติ เป็นต้น”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสในการสนับสนุน การส่งเอกสาร และการลงทะเบียนสำหรับ ESS 2565 โปรดไปที่ www.embedded-safety-security.com.

เกี่ยวกับ LDRA

กว่า 40 ปีแล้วที่ LDRA ได้พัฒนาและขับเคลื่อนตลาดซอฟต์แวร์ที่ทำการวิเคราะห์โค้ดและทดสอบซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติสำหรับตลาดด้านความปลอดภัย ภารกิจ ความมั่นคง และตลาดที่มีความสำคัญทางธุรกิจ การทำงานกับลูกค้าเพื่อให้ระบุและกำจัดข้อผิดพลาดได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และการปฏิบัติตามมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างครบถ้วน LDRA ติดตามข้อกำหนดผ่านการวิเคราะห์แบบสถิตและไดนามิก ไปจนถึงการทดสอบยูนิตและการตรวจสอบสำหรับแพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย ด้วยการเป็นที่รู้จักทั่วโลก LDRA มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และอินเดีย ควบคู่ไปกับเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายที่กว้างขวาง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดเครื่องมือ LDRA โปรดไปที่ http://www.ldra.com/.

เกี่ยวกับ ESSS®

การมุ่งเน้นไปที่ด้านความมั่งคงและการรักษาความปลอดภัยของระบบฝังตัวที่สำคัญ ทำให้ Embedded Safety & Security Summit (ESSS) เป็นเวทีพิเศษเฉพาะสำหรับชุมชนระบบฝังตัวทั้งหมดเพื่อเรียนรู้ โต้ตอบ และสร้างการเติบโต โดยทาง LDRA ขับเคลื่อนความคิดริเริ่มที่ประสบความสำเร็จด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตร ลูกค้า หน่วยงานอุตสาหกรรมและวิชาชีพ และหน่วยงานรัฐบาล เรียนรู้เพิ่มเติมที่www.embedded-safety-security.com.

ผู้อ่านสามารถส่งคำถามไปที่:

Mark James

อีเมล: mark.james@ldra.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211108006207/en/

สื่อ:

Kelly Wanlass, Hughes Communications, Inc., ฝ่ายสื่อสัมพันธ์

โทร: +1 (801) 602-4723, อีเมล: kelly@hughescom.net

Mark James, LDRA, ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

โทร: +44 (0) 151 649-9300, อีเมล: mark.james@ldra.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hytera เปิดตัววิทยุ PoC รุ่นใหม่ มีชื่อรุ่นว่า PNC360S สำหรับการสื่อสารทางธุรกิจแบบง่ายที่งาน CCW2021

Logo

เซินเจิ้น ประเทศจีน–(BUSINESS WIRE)–9 พ.ย. 2564

Hytera คือ ผู้ห้บริการชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและโซลูชั่นการสื่อสารแบบส่วนตัวและแบบมืออาชีพ ได้เปิดตัววิทยุ Push-to-Talk over Cellular (PoC) ล่าสุดที่งานCCW2021 ซึ่งเป็นวิทยุที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดต่อทางธุรกิจได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

ดูข่าวประชาสัมพันธ์แบบมัลติมีเดียฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211103005609/en/

Hytera Rolled Out New PoC Radio PNC360S for Simplified Business Communications at CCW2021 (Graphic: Business Wire)

Hytera เปิดตัววิทยุ PoC รุ่นใหม่ มีชื่อรุ่นว่า PNC360S สำหรับการสื่อสารทางธุรกิจแบบง่ายที่งาน CCW2021 (กราฟิก: Business Wire)

องค์กรธุรกิจ เช่น ร้านค้าปลีกหรือโรงแรมมักมองหาโซลูชันทางเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถสื่อสารในวงกว้างด้วยต้นทุนเริ่มต้นที่ต่ำ นี่คือสิ่งที่วิทยุ PoC นำเสนอ เพราะ PoC ให้บริการแบบ Push-to-Talk ผ่านเครือข่ายมือถือสาธารณะที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเครือข่ายแบบวิทยุได้ทั่วประเทศโดยไม่จำเป็นต้องซื้อ ลงทุน หรือบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานใดๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับวิทยุแบบสองทาง วิทยุ PoC แบบเดิมประสบปัญหาหลายประการ รวมถึงเสียงที่ไม่ชัดเจนในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมาก ปัญหาการโทรไม่สม่ำเสมอในพื้นที่ที่มีสัญญาณอ่อน อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่สั้น และประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่เสถียรในพื้นที่ชื้นและมีฝุ่น โดย Hytera PNC360S ได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อตอบสนองความท้าทายเหล่านี้ ทำให้ Hytera PNC360Sเป็นโซลูชั่นในอุดมคติสำหรับการสื่อสาร แบบ Push-to-Talk ที่ง่ายดายและเชื่อถือได้

เสียงดังฟังชัด

ผู้ใช้จะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง เช่นถนนที่แออัด หรือโรงงานที่มีเสียงดัง ได้อย่างไร? PNC360S คือคำตอบ จะช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินทุกคำอย่างชัดเจนและอย่างง่ายดาย ทำไมน่ะหรอ? เพราะ…มีการใช้ลำโพงในตัวแบบ 3 วัตต์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 36 มม. เพื่อให้แน่ใจว่าเสียงที่ออกมาจะดัง โดยมีการตัดเสียงรบกวนและเทคโนโลยีการลดการบิดเบือนที่จดสิทธิบัตรช่วยให้มั่นใจได้ถึงความชัดเจนของเสียง นอกจากนี้ Hytera ยังสามารถเอาชนะปัญหาเสียงสะท้อนกลับเมื่อวิทยุอยู่ใกล้กันมากเกินไป ด้วยอัลกอริธึมฟีดแบคการลดการบิดเบือนแบบใหม่

ขนาดพกพาและน้ำหนักเบา

PNC360S มีน้ำหนักเพียง 170 กรัม และหนาเพียง 26.5 มม. มีขนาดกะทัดรัดและเบา และสามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อ หรือติดไหล่ได้อย่างสบาย ผู้ใช้สามารถพกพาได้ทุกแบบที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ได้รับการปรับปรุง ออกแบบให้ปุ่มอยู่ด้านเดียวช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ด้วยมือเดียว ปุ่ม Push-to-Talk ขนาดใหญ่พิเศษช่วยให้ผู้ใช้งานหาเจอเพียงสัมผัสเดียว ขณะที่วงแหวนสีส้มรอบ ๆ ปุ่ม ทำให้ผู้ใช้งานมองเห็นชัด ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อใช้งานในที่แสงน้อย พื้นผิวกันลื่นสามารถลดจำนวนหยดน้ำที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจได้ แม้ในสภาพชื้น

แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน

แบตเตอรี่ 4,000 mAh เปิดใช้งานได้ 48 ชั่วโมงสำหรับผู้ใช้ในรอบการทำงาน 10-10-80 เมื่อใช้ร่วมกับโซลูชัน Hytera HyTalk ทุกอย่างรวดเร็วและไม่ยุ่งยาก ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อย ๆ อีกต่อไป การไม่มีเวลาไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป PNC360S รองรับการชาร์จอย่างรวดเร็วแบบ 2A ด้วยสายข้อมูล USB Type-C

การออกแบบที่ทนทาน

PNC360S ได้รับการออกแบบด้วยโครงสร้างที่ทนทานและสร้างขึ้นจากวัสดุกันน้ำ ปุ่ม Push-to-Talk ได้รับการทดสอบด้วยการกด 400,000 ครั้ง วิทยุได้รับการรับรอง IP67 ดังนั้น PNC360S จึงมีความทนทานพอที่จะทนต่อน้ำ ฝุ่น การกระแทก อุณหภูมิแบบสุดขั้ว และการตกจากที่สูงได้ถึง 1.2 เมตร PNC360S จะให้การสื่อสารที่เสถียรและราบรื่นเสมอไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะรุนแรงเพียงใด

วิทยุ PNC360S PoC ใหม่ ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะโดยคำนึงถึงธุรกิจเป็นหลัก ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณสำหรับการสื่อสารในทีมที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ทั้งภายในและภายนอกสำนักงาน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PNC360S กรุณาเยี่ยมชม: https://bit.ly/3nTds9R

ฉบับเต็มได้ที่นี่: businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211103005609/en/

ติดต่อ:

Lingran Tao
Lingran.Tao@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Kioxia เปิดตัวไดรฟ์โซลิดสเตต EDSFF ตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0

Logo

KIOXIA CD7 E3.S Series EDSFF E3.S Data Center SSD รุ่นใหม่ปรับให้เหมาะสมสำหรับความหนาแน่นและประสิทธิภาพ

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–09 พ.ย. 2564

Kioxia Corporation ประกาศเปิดตัว SSD E3.S Enterprise และ Datacenter Standard Form Factor (EDSFF) E3.S รุ่นแรกของอุตสาหกรรมที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0[1] – KIOXIA CD7 E3.S Series นำเสนอยุคใหม่ของหน่วยความจำแฟลชที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์และที่เก็บข้อมูล  โดยเป็นการปรับปรุงจาก Kioxia ของ E3.S ซึ่งได้รับรางวัล 'Best in Show' ในปีสุดท้ายของการประชุมสุดยอดหน่วยความจำแฟลช  CD7 ซีรี่ส์ E3.S เพิ่มความหนาแน่นของการจัดเก็บต่อไดรฟ์แฟลชสำหรับประสิทธิภาพการใช้พลังงานและชั้นการรวม[2]

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211108006197/en/

Kioxia Corporation: Industry’s First EDSFF SSDs Designed with PCIe® 5.0 Technology: KIOXIA CD7 E3.S Series (Photo: Business Wire)

Kioxia Corporation: EDSFF SSD ตัวแรกของอุตสาหกรรมที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี PCIe® 5.0: KIOXIA CD7 E3.S Series (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ชุดรุ่น EDSFF E3 สามารถหลุดพ้นจากข้อจำกัดในการออกแบบของฟอร์มแฟคเตอร์ขนาด 2.5 นิ้ว โดยได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมสำหรับความต้องการของเซิร์ฟเวอร์และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูง  EDSFF ช่วยให้ SSD รุ่นใหม่สามารถจัดการกับสถาปัตยกรรมศูนย์ข้อมูลในอนาคต และรองรับอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ที่หลากหลาย โดยมอบการไหลเวียนของอากาศและความร้อนที่ดีขึ้นและเพิ่มความสมบูรณ์ของสัญญาณ  การรองรับพลังงาน E3.S ที่สูงกว่า SSD ฟอร์มแฟคเตอร์ 2.5 นิ้วและความสมบูรณ์ของสัญญาณที่ดีขึ้นช่วยให้ EDSFF สามารถส่งมอบประสิทธิภาพตามเทคโนโลยี PCIe 5.0 และอื่นๆ

Kioxia เป็นผู้เล่นในอุตสาหกรรมที่มีความกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมในการพัฒนาโซลูชัน EDSFF และกำลังร่วมมือกับนักพัฒนาเซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลชั้นนำเพื่อปลดล็อกพลังเต็มที่ของหน่วยความจำแฟลช NVMe™ และ PCIe

คุณสมบัติหลักของซีรี่ส์ CD7 E3.S

  • EDSFF E3.S ฟอร์มแฟคเตอร์ที่มีความจุสูงถึง 7.68TB
  • ออกแบบตามข้อกำหนด PCIe 5.0 ล่าสุดและปรับให้เหมาะสมสำหรับประสิทธิภาพของเลน x2 PCIe
  • การใช้เลน PCIe น้อยลงจะเพิ่มจำนวนอุปกรณ์ PCIe ที่สามารถรองรับได้
  • สร้างขึ้นบนหน่วยความจำแฟลช BiCS FLASH™ 3D TLC ของ Kioxia
  • อัตราความเร็วในการอ่านสูงสุดที่ 6,450 MB/s และการอ่านแบบสุ่ม IOPS ที่ 1,050K
  • เวลาในการอ่าน 75μs และการเขียน 14μs ซึ่งมีความหน่วงเวลาต่ำกว่า PCIe 4.0 SSD รุ่นก่อนประมาณ 17% และ 60% ตามลำดับ
  • ไฟ LED ถูกฝังอยู่ในเคสของรุ่น E3.S และสถานะของ SSD สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งหมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ไฟ LED เพิ่มเติม ซึ่งปกติแล้วจะฝังอยู่ในถาดไดรฟ์ของแชสซีระบบ โดยการฝังไฟในเคสจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของระบบ

KIOXIA CD7 E3.S Series จัดจำหน่ายให้กับลูกค้า OEM บางราย

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี EDSFF E3 ได้ในเอกสารทางเทคนิคต่อไปนี้จาก Dell, HPE และ Kioxia

https://business.kioxia.com/content/dam/kioxia/ncsa/en-us/business/asset/KIOXIA_EDSFF_Intro_White_Paper.pdf

หมายเหตุ

[1] ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 จากการสำรวจของ Kioxia

[2] เมื่อเปรียบเทียบกับ SSD ฟอร์มแฟคเตอร์ 2.5 นิ้ว “2.5 นิ้ว" หมายถึงฟอร์มแฟคเตอร์ของ SSD โดยไม่ได้ระบุขนาดจริงของไดรฟ์

* คำจำกัดความของความจุ: Kioxia กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เท่ากับ 1,000,000,000 ไบต์ และเทราไบต์ ( TB) ที่ 1,000,000,000,000 ไบต์  อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์รายงานความจุของพื้นที่จัดเก็บโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1GB = 230 = 1,073,741,824 ไบต์ ดังนั้นจึงแสดงความจุที่น้อยลง  ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ เช่น ระบบปฏิบัติการ Microsoft และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่ฟอร์แมตจริงอาจแตกต่างกันไป

* PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* NVMe เป็นเครื่องหมายจดทะเบียนหรือไม่ได้จดทะเบียนของ NVM Express, Inc. ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

เกี่ยวกับ Kioxia

Kioxia เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันหน่วยความจำ ที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา การผลิต และการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD)  ในเดือนเมษายน 2560 Toshiba Memory ได้แยกตัวออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530  Kioxia มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วย "หน่วยความจำ" โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบที่สร้างทางเลือกและมอบคุณค่าให้กับลูกค้าและสังคม  BiCS FLASH™ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3 มิติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ Kioxia ที่กำลังกำหนดอนาคตของการจัดเก็บข้อมูลในแอปพลิเคชันที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง พีซี SSD ยานยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามข้อมูลลูกค้า:

Kioxia Corporation

Sales Promotion Division (ฝ่ายส่งเสริมการขาย)

Tel: +81-3-6478-2427

https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมทั้งราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211108006197/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division (ฝ่ายกลยุทธ์และการวางแผนการขาย)
Koji Takahata
Tel: +81-3-6478-2404

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Zynga ประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่สามของปี 2564

Logo

  • รายงานผลประกอบการที่นำหน้ารวมถึงรายได้และการจองรายไตรมาสที่ 3 ที่สูงเป็นประวัติการณ์
  • เพิ่มรายได้ การจอง และการทำกำไร ทั้งปี 2564
  • อยู่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จในปี 2564 ด้วยผลงานที่โดดเด่นประจำปีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Zynga และผู้ชมที่มหึมาที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
  • มีแรงกระตุ้นในการเติบโตหลายอย่างพร้อมขับเคลื่อนการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2565 และปีต่อ ๆ ไป

ซานฟรานซิสโก–(BUSINESS WIRE)–09 พฤศจิกายน 2564

วันนี้ Zynga Inc. (Nasdaq: ZNGA) เปิดเผยผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สามสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 โดยปิดประกาศรายงานแจ้งรายได้ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 ของฝ่ายบริหารในเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ กรุณาอ้างอิงรายงานแจ้งรายได้ประจำไตรมาสที่แนบมานี้ หรือเยี่ยมชมได้ที่ http://investor.zynga.com/financial-information/quarterly-results

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211108005405/en/

“เราส่งมอบผลประกอบการรายไตรมาสที่โดดเด่นนำหน้ารวมถึงรายได้และการจองรายไตรมาสที่ 3 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนหลักจากอีกไตรมาสที่โดดเด่นจากพอร์ตโฟลิโอแบบไฮเปอร์แคชชวลของ Rollic” Frank Gibeau ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Zynga กล่าว “วันนี้ เรากำลังเพิ่มรายได้ทั้งปี 2564 และอยู่บนเส้นทางสู่ความสำเร็จในปีนี้ ด้วยผลงานที่โดดเด่นประจำปีที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ของ Zynga และผู้ชมที่มหึมาที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับในปี 2565 และปีต่อ ๆ ไป ด้วยแรงกระตุ้นการเติบโตหลายอย่างพร้อมขับเคลื่อนการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเรา”

ฝ่ายบริหารของ Zynga จะจัดการประชุมทางโทรศัพท์เวลา 14:00 น. เวลามาตรฐานแปซิฟิก (17:00 น. ตามเขตเวลาตะวันออก) ในวันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับผลการดำเนินงานของบริษัท ถ้ามีคำถามสามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์ โดย Zynga จะตอบคำถามให้ได้มากที่สุด

คุณสามารถเข้าถึงการประชุมทางโทรศัพท์ได้ที่ http://investor.zynga.com – โดยสามารถรับชมย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์หลังจากการประชุม – หรือผ่านหมายเลขโทรเข้าการประชุมด้านล่าง:

  • หมายเลขโทรฟรี: (800) 537-0745
  • หมายเลขโทรศัพท์ระหว่างประเทศ: (253) 237-1142
  • รหัสการประชุม: 7239807

เกี่ยวกับ Zynga Inc.

Zynga เป็นผู้นำระดับโลกด้านความบันเทิงแบบอินเทอร์แอคทีฟที่มีภารกิจในการเชื่อมต่อโลกผ่านเกม ด้วยการเข้าถึงทั่วโลกอย่างมหาศาลในกว่า 175 ประเทศและภูมิภาค Zynga มีแฟรนไชส์เกมยอดนิยมที่หลากหลายซึ่งมีการดาวน์โหลดบนมือถือมากกว่า 4 พันล้านครั้ง รวมถึง CSR Racing™, Empires & Puzzles™, Golf Rival™, Hair Challenge™, Harry Potter: Puzzles & Spells™, High Heels!™, Merge Dragons!™, Merge Magic!™, Queen Bee™, Toon Blast™, Toy Blast™, Words With Friends™ และ Zynga Poker™ ด้วย Chartboost ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาและการสร้างรายได้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ชั้นนำ Zynga เป็นแพลตฟอร์มรุ่นใหม่ชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาแบบเป็นโปรแกรมและให้ผลตอบแทนตามขนาด Zynga ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่แคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานหลายแห่งทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่ www.zynga.com หรือติดตาม Zynga ที่ TwitterInstagramFacebook หรือ Zynga blog

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตตามความหมายของกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 รวมถึงข้อความที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานและการริเริ่มทั้งในปัจจุบันและอนาคตของ Zynga รวมถึงศักยภาพสำหรับการเติบโตในอนาคตในธุรกิจของเราและฐานผู้เล่น ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตมักประกอบด้วยคำต่าง ๆ เช่น “วางโครงการ” “วางแผนไว้” “ตั้งใจ” “จะ” “คาดการณ์” “เชื่อ” “ตั้งเป้าหมาย” “คาดว่า” และข้อความที่แสดงถึงกาลอนาคตอื่น ๆ ปัจจัยที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่าง ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้ไม่ได้รับประกันประสิทธิภาพในอนาคตและสะท้อนถึงความคาดหวังในปัจจุบันของผู้บริหาร ความสำเร็จหรือการบรรลุผลของเรื่องที่ครอบคลุมโดยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวเกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และการสันนิษฐานที่สำคัญ และผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์หรือโดยนัย ไม่ควรเชื่อมั่นเกินควรในข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวซึ่งอิงจากข้อมูลของเราที่เป็นปัจจุบัน ณ ขณะนั้น เราไม่มีข้อผูกมัดในการแก้ไขข้อความดังกล่าวให้เป็นปัจจุบัน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสี่ยง ความไม่แน่นอน ข้อสันนิษฐาน และปัจจัยเพิ่มเติมที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างเหล่านี้จะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมในเอกสารที่ยื่นต่อสาธารณะกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ("SEC") ซึ่งท่านสามารถขอรับสำเนาได้โดยเยี่ยมชมเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ของเราที่ http://investor.zynga.com หรือเว็บไซต์ของ SEC ที่ www.sec.gov

หมายเหตุบรรณาธิการ:

หากต้องการดาวน์โหลดภาพ B-roll ของ Zynga และภาพสำคัญสำหรับเกม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่:
https://bit.ly/ZyngaQ321

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211108005405/en/

ติดต่อ

นักลงทุนสัมพันธ์:
Rebecca Lau
Investors@zynga.com

สื่อมวลชนสัมพันธ์:
Kenny Johnston
Press@zynga.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

โครงการ GameFi แรกของ TRON โดย WIN NFT HORSE จะเปิดตัว IGO ครั้งแรกกับ Binance

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–09 พฤศจิกายน 2564

Justin Sun ครั้งหนึ่งเคยสัญญาว่าจะทำทุกอย่างใน GameFi และตอนนี้กลับมาได้รับความสนใจด้วย WIN NFT HORSE

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211101005438/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม WIN NFT HORSE ประกาศบนทวิตเตอร์ว่าพวกเขาจะเปิดตัว IGO ตัวแรกโดยร่วมมือกับ Biance NFT ผ่านการขายในแบบกล่องสุ่ม ในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีแคมเปญการตลาดแบบเข้มข้นที่เน้นการเติบโตของชุมชน

WIN NFT HORSE เป็นที่รู้จักในเกมชื่อว่า "GameFi + NFT" ซึ่งเปิดตัวร่วมกันโดย TRON, APENFT Foundation และ WinkLink เกมแนวแข่งม้ายังเป็นโครงการ GameFi แรกในระบบนิเวศของ TRON และบน Binance NFT ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินทรัพย์การแข่งม้า NFT ที่มีคุณภาพด้วยต้นทุนที่ต่ำลงโดยการลงทุนในโครงการใหม่นี้ และ WIN NFT HORSE สามารถเพิ่มมูลค่าและสภาพคล่องได้อีกตามระบบนิเวศที่ดีของ Binance

นอกเหนือจากรูปแบบการเล่นทั่วไปของ "เล่นเพื่อรับเงิน หรือ Play to Earn" แล้ว WIN NFT HORSE ยังได้รวมกลไกเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้เล่นมีโอกาสได้รับผลกำไรในระหว่างเกม ผู้เล่นสามารถรับรางวัล NFT ในการต่อสู้ และผู้ที่เข้าสู่กระดานผู้นำจะได้รับเหรียญ WIN มูลค่าสูงถึง 5,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นรางวัลประจำฤดูกาล นอกจากนี้ผู้เล่นที่เข้าร่วมในแคมเปญรายวันยังสามารถได้รับรางวัลอีกมากมายจากการทำภารกิจต่าง ๆ ให้สำเร็จในระหว่างเกม

ความตื่นเต้นไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพื่อให้แน่ใจว่าระบบเศรษฐกิจในเกมทำงานได้ดีและมีเสถียรภาพ WIN NFT HORSE ยังได้เปิดตัวกลไกการเผาเหรียญอย่างสร้างสรรค์ โดย 50% ของรายได้ TRX ที่ได้รับจากทีมโครงการจะนำไปใช้ซื้อ NFT คืน และ WIN อีก 50% ผู้เล่นที่มีม้าแข่งสองตัวมีโอกาสได้รับลูกพันธุ์ที่หายาก WIN และ NFT ทั้งหมดที่พวกเขาใช้จะถูกเผาไปด้วย

ผู้เล่นที่ซื้อกล่องปริศนา NFT ของ WIN NFT HORSE สามารถรับกล่องปริศนารุ่นจำกัดที่มีม้าแข่ง NFT ที่มีความหายากต่างกันไป นอกจากนี้ผู้เล่นทุกคนที่ได้รับม้าแข่ง NFT ผ่านกล่องปริศนาจะได้รับรางวัลเป็น WIN NFT HORSE ด้วยม้าสายพันธุ์เดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น TRON และ BSC จะส่ง NFT ให้กับผู้เล่นที่เป็นเจ้าของม้าแข่ง NFT และด้วย NFT เดียวนั้น ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมในการขุดบนเครือข่ายสาธารณะทั้งสองนี้เพื่อรับรางวัลเป็นสองเท่า

WIN NFT HORSE เป็นที่รู้จักทั้งในและนอกอุตสาหกรรมก่อนการเปิดตัว เนื่องจากกลไกเกมที่เป็นนวัตกรรมและระบบเศรษฐกิจที่ดี คาดว่าจะเป็นยักษ์ใหญ่ GameFi ที่กำลังเติบโตซึ่งสามารถเปรียบเทียบกับเกมระดับ AAAA ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตลาด

ผลประโยชน์จากการพัฒนาโซลูชันในการปรับขนาดรวมถึงเลเยอร์ 2 ของ Ethereum และธุรกรรม side chains กับการร่วมมือด้วยกันของ Play-to-Earn และสมาคมที่ก่อตั้งเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน GameFi ได้บรรลุความก้าวหน้าครั้งสำคัญภายในระยะเวลาอันสั้น นอกเหนือจาก Ethereum แล้ว เครือข่ายสาธารณะชั้นนำอย่าง BSC และ TRON ต่างก็ขยายการแสดงตนใน GameFi โดย IGO ของ WIN NFT HORSE บน Binance NFT เป็นเครื่องยืนยันถึงตำแหน่งผู้นำของ TRON ในด้าน GameFi

รับชมเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211101005438/en/

ติดต่อ:

TRON
https://tron.network/
Jessica Zhang
jessica.zhang01@tron.network

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

รายงานแนวโน้มทั่วโลกจาก Hilton เผยโรคระบาดได้เปลี่ยนมุมมองของผู้คนและความสนใจของนักท่องเที่ยวในปี 2565 ในรูปแบบต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึง

Logo

มีการคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวในปี 2565 จะนิยมเดินทางท่องเที่ยวพร้อมสัตว์เลี้ยง เดินทางเพื่อพบปะสังสรรค์ ประสบการณ์แบบไร้สัมผัส การเรียนรู้และทดลองทำอาหาร การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และอื่น ๆ

ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–8 พฤศจิกายน 2564

การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงการเดินทางท่องเที่ยวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมด วันนี้ Hilton ได้เผยแพร่รายงานแนวโน้มและทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเผยว่าการระบาดของโรคได้เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คน อย่างไร ผ่านรายงานหัวข้อ “รายงานจาก Hilton หัวข้อ นักท่องเที่ยวในปี 2565 กับเทรนด์เกิดใหม่และนิยามใหม่ของนักท่องเที่ยว” หรือ “The 2022 Traveler: Emerging Trends and the Redefined Traveler, a Report from Hilton” โดยจะเจาะลึกถึงความจริงที่สำคัญว่า ชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และสิ่งนั้นก็เปลี่ยนแปลงผู้คนอย่างรุนแรงในช่วง 2 ปี

ในฐานะบริษัทที่ต้อนรับแขกผู้เข้าพัก 3 พันล้านคนในประวัติศาสตร์กว่า 100 ปีที่ผ่านมา Hilton ได้นำเสนอในรายงานว่าโรงแรมมีการพัฒนาไปพร้อมกับนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โดยจัดการกับความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เช่น:

  • ฟิตเนส: วิธีการของแอปพลิเคชันออกกำลังกายและกิจวัตรการออกกำลังกายใหม่ ๆ ได้เปลี่ยนแนวทางของผู้คนในการออกกำลังกายในสถานที่ไหน เมื่อไร และอย่างไร
  • สปา: การให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้นนั้นทำให้สปาและประสบการณ์ด้านโรงแรมแบบองค์รวมพัฒนาขึ้นได้อย่างไร
  • อาหารและเครื่องดื่ม: เทรนด์การอบขนมที่บ้านทำให้ความต้องการในการเรียนรู้และทดลองทำอาหารเพิ่มมากขึ้น เช่น ความต้องการเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่ำไปจนถึงไม่มีแอลกอฮอล์
  • ความยั่งยืน: การล็อคดาวน์ 18 เดือนทำให้เกิดความสนใจใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืน ตั้งแต่การจัดหาอาหารไปจนถึงการลดของเสียได้อย่างไร
  • การออกแบบ: การพัฒนาสิ่งของ DIY งานอดิเรกปลูกต้นไม้ และการทำงานจากลานบ้านกำลังเปลี่ยนมุมมองของผู้คนต่อการออกแบบของโรงแรมได้อย่างไร
  • สิ่งอำนวยความสะดวก: การเพิ่มจำนวนเจ้าของสัตว์เลี้ยงในช่วงการระบาดใหญ่นั้นทำให้การท่องเที่ยวพร้อมสัตว์เลี้ยงและการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยง สิทธิพิเศษ และอื่น ๆ ของโรงแรมได้รับความสนใจมากขึ้นได้อย่างไร
  • ความภักดี: การเพิ่มขึ้นของโปรแกรมสมาชิกในทุกภาคส่วนนำไปสู่การออกแบบเฉพาะบุคคลและผลประโยชน์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้าได้อย่างไร

“คริส นาสเซตตาประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Hilton กล่าวว่า “โลกและอุตสาหกรรมการบริการได้ผ่านอะไรมามากมายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และตามที่เราได้เปิดเผยในรายงานนี้ ความต้องการและความสนใจของนักท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ที่ Hilton เราทุ่มเทอย่างมากในการมอบประสบการณ์ที่แขกของเรากำลังมองหาผ่านทุกสิ่งที่เราเผชิญมา ขณะที่เรามองไปยังอนาคตอยู่นั้น ฉันมองเห็นสิ่งดี ๆ ที่รออยู่ข้างหน้า การท่องเที่ยวจะกลับมาอีกครั้งแน่นอน และเรารู้สึกตื่นเต้นที่จะทำให้แนวโน้มนั้นเกิดขึ้น”

รายงานนี้เน้นย้ำถึงแนวโน้มและทิศทางการท่องเที่ยวและพฤติกรรมที่น่าสนใจมากมายที่นำไปสู่นวัตกรรมทั้งในและนอกโรงแรม ขณะที่เทรนด์แต่ละอย่างจะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกและการเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอยู่นั้น หัวข้อที่สอดคล้องกัน 4 หัวข้อก็ปรากฎขึ้น โดยสรุปถึงนักท่องเที่ยวแบบใหม่ที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากโรคระบาดดังนี้:

  • ผู้คนได้พบกับความมีประสิทธิภาพต่าง ๆ ท่ามกลางความวุ่นวาย และจะมองหาประสิทธิภาพนี้ในการท่องเที่ยว: ผู้คนได้นำเอาประสิทธิภาพต่าง ๆ มาปรับใช้ในหลาย ๆ ด้านของชีวิต และจะมองหาสิ่งอำนวยความสะดวกที่คล้ายคลึงกันในการท่องเที่ยว เช่น การเช็คอินและเช็คเอาต์แบบไร้สัมผัส และดิจิทัลคีย์
  • การมุ่งเน้นด้านสุขภาพโดยรวมจะครอบคลุมมากกว่าโรงยิม: ด้วยสถานที่ทำงานที่ปรับโฉมใหม่ บวกกับกิจวัตรและพฤติกรรมใหม่ ๆ นักท่องเที่ยวจะจำกัดบริเวณและสร้างความสมดุลในตารางการเดินทางของพวกเขามากขึ้น
  • นักท่องเที่ยวมีความสนใจเรื่องใหม่และเรื่องเดิมที่มีอยู่ และจะมีรสนิยมและความชอบที่ละเอียดลออกว่าเดิม: งานอดิเรกที่เพิ่มมาใหม่ทำให้นักท่องเที่ยวปี 2565 มีข้อมูลมากขึ้น ซับซ้อนยิ่งขึ้น และในบางกรณีมีความแข็งแรงของสุขภาพมากขึ้นด้วย
  • ความรู้สึกใส่ใจรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้น และคาดหวังว่าจะแข็งแกร่งขึ้น: การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ได้แยกครอบครัวและเพื่อนฝูงออกจากกัน ซึ่งทำให้การเดินทางเพื่อพบกันอีกครั้งและการเดินทางเพื่อพบปะสังสรรค์มีความสำคัญลำดับต้น ๆ ในปี 2565 นอกเหนือจากแวดวงที่เกี่ยวข้องแล้ว มีการคาดหวังว่านักท่องเที่ยวจะใส่ใจต่อความยั่งยืนและชุมชนมากขึ้น และยังคงรักษาความภักดีต่อแบรนด์ บริษัท และองค์กร ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมของพวกเขา

ดร. เคท คัมมินส์นักจิตวิทยาคลินิกที่ตระหนักว่าการท่องเที่ยวเป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีสุขภาพจิตที่ดี กล่าวว่า “ผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับการบันทึกไว้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการตระหนักถึงผลกระทบด้านจิตวิทยาที่โรคระบาดนี้ได้สร้างไว้ และจะยังคงสร้างผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวในอีกหลายปีข้างหน้า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวอาจเปลี่ยนไป แต่ประโยชน์ของการท่องเที่ยวยังคงอยู่เหมือนเดิม ทั้งด้านสุขภาพทางอารมณ์และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และหลังจาก 2 ปีที่หนักหนาสาหัสผ่านไป นั่นคือสิ่งที่เราทุกคนต้องการ”

อเล็กซานดร้า จาริทส์รองประธานอาวุโส ฝ่ายบริหารแบรนด์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ Hilton  กล่าวว่า “จากข้อจำกัดด้านการเดินทางที่ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงในตลาดเอเชียแปซิฟิกบางแห่ง ปี 2565 จึงดูมีแนวโน้มที่ดีสำหรับภูมิภาคนี้ แม้จะมีการระบาดใหญ่ของโรค แต่เรายังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและนำแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาในเอเชียแปซิฟิก และเราตั้งตารอที่จะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งในอนาคตอันใกล้และพร้อมส่งต่อแสงสว่างและความอบอุ่นของการเดินทางและการต้อนรับอย่างมีไมตรีจิต แขกของเราคือหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำที่ Hilton และการมีความเข้าใจถึงการปรับตัวของนักท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจสำคัญในการมอบประสบการณ์พิเศษที่แขกของเราใฝ่หามาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา”

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมและรายงานฉบับเต็มได้ที่ Newsroom.Hilton.com/TrendsReport หรือวางแผนการท่องเที่ยวปี 2565 ได้ที่ Hilton.com

###

เกี่ยวกับ Hilton
Hilton (NYSE: HLT) บริษัทด้านการบริการชั้นนำระดับโลก ที่มีแบรนด์โรงแรมระดับโลกภายใต้การบริหารของบริษัทถึง 18 แบรนด์ มากกว่า 6,700 แห่งและมีห้องพักกว่า 1 ล้านห้อง ใน 122 ประเทศและเขตการปกครอง Hilton มุ่งมั่นทำตามวิสัยทัศน์เริ่มต้นที่จะนำพาชีวิตชีวาและความอบอุ่นแห่งการบริการมาสู่โลกใบนี้ โดยได้ต้อนรับแขกกว่า 3 พันล้านคนตลอดระยะเวลากว่า 100 ปี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดของโลกปี 2564 และเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมระดับโลก ปี 2563 จาก Dow Jones Sustainability Indices และในปี 2563 โปรแกรม Hilton CleanStay ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างมาตรฐานการบริการทางด้านความสะอาดและการฆ่าเชื้อ และนำไปใช้ในโรงแรมฮิลตันทั่วโลก ตลอดจนการบริหารโปรแกรมสมาชิก Hilton Honors ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ได้รับรางวัลมากมาย มีสมาชิกกว่า 123 ล้านคนสำรองห้องพักผ่านช่องทางของ Hilton โดยตรง เพื่อการเข้าพักและประสบการณ์ในรูปแบบพิเศษที่หาซื้อไม่ได้ แขกที่เข้าพักสามารถใช้แอปพลิเคชัน Hilton Honors บนโทรศัพท์มือถือเพื่อจองที่พัก เลือกห้องพัก เช็คอิน ปลดล็อกประตูด้วยดิจิทัลคีย์ และเช็คเอาท์ ทั้งหมดนี้ทำได้จากสมาร์ทโฟนของตน ติดตามข้อมูลของฮิลตันได้ที่ newsroom.hilton.com หรือติดตามผ่านFacebook, Twitter, LinkedIn, Instagram และ YouTube

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่https://www.businesswire.com/news/home/52510996/en

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
Daphne Tan
Hilton – Asia Pacific
Daphne.Tan@Hilton.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter