Platform as a Service (PaaS) ของ Sangfor ช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

Logo

Sangfor Technologies ประกาศแพลตฟอร์ม Sangfor HCI & SCP (Sangfor Cloud Platform) เวอร์ชันล่าสุด 6.2.0 ซึ่งตอนนี้มีความสามารถในการทำ Platform as a Service (PaaS) ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Platform as a Service (PaaS) ของ Sangfor ช่วยให้ลูกค้าจัดการ พัฒนา และใช้งานแอปพลิเคชันโดยไม่ต้องสร้างหรือบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานแบบดั้งเดิมที่ซับซ้อน  Platform as a Service (PaaS) มอบเครื่องมือเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบ พัฒนา แอปพลิเคชันได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแทนที่จะต้องใส่ใจกับโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อน  นอกจากนี้ Platform as a Service (PaaS) ยังช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการความปลอดภัย ระบบปฏิบัติการ ซอฟต์แวร์ การสำรองข้อมูลและฟังก์ชั่นที่จำเป็นในการเปิดใช้งานสภาพแวดล้อมการทำงานร่วมกันทั้งด้วยตนเองและจากระยะไกล

เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์และ Kubernetes ทำให้ Platform as a Service (PaaS) กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างเครือข่ายองค์กร  ทาง Sangfor ได้สร้างแพลตฟอร์มแบบรวมสำหรับทั้งแอปพลิเคชันที่ใช้คอนเทนเนอร์บน VM แบบดั้งเดิมและบนคลาวด์ไว้ภายใต้ระบบเดียวกัน และด้วย GUI ที่ใช้งานง่ายของ Sangfor KubeManagers ช่วยให้นักพัฒนาสามารถบริหารจัดการระบบ Micro Service ได้อย่างง่ายดายในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานดูแลการจัดการ VM แบบดั้งเดิม (Traditional) ด้วย SCP

ฟังก์ชั่นที่เหนือกว่าที่มีให้สำหรับลูกค้าโดย Sangfor Platform as a Service (PaaS) และ HCI ได้แก่ :

  • สามารถบริหารจัดการ Multi-Cluster บนระบบ Kubernetes ได้
  • สามารถตรวจสอบและบันทึกข้อมูลบนระบบ Kubernetes ได้
  • ทำงานร่วมกับระบบจัดเก็บข้อมูล (Image Registry) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงและใช้งานภายในองค์กร
  • เพิ่มความสะดวกในการ Deploy Application ผ่าน Application Store
  • สามารถใช้งาน Container ร่วมกับ Virutal Storage ของ Sangfor ผ่าน Container Storage Interface (CSI) ได้
  • สนับสนุนการเข้ารหัสข้อมูลภายใน Disk
  • สนับสนุนการทำ Hybrid-Disk และ All Flash ภายใน Cluster เดียวกัน
  • เพิ่มความสามารถในการรวม Interface Function เพื่อลดจำนวนในการใช้งาน Interface
  • สามารถทำการทดสอบ DR เพื่อตรวจสอบความพร้อมใช้งานของแอปพลิเคชั่นและข้อมูลได้
  • สามารถคาดการณ์ความจุของพื้นที่ Storage สำหรับการใช้งานและการวางแผนในอนาคตได้

"เราทราบดีว่าธุรกิจต่างๆ ต้องพึ่งพาระบบคลาวด์เพื่อการดำเนินงานที่ง่ายรวดเร็ว" Jason Yuan รองประธานฝ่ายตลาดระหว่างประเทศของ Sangfor Technologies กล่าว "แพลตฟอร์มของเราเป็นบริการที่สร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากลูกค้าและคู่ค้าของเราที่ได้แบ่งปันความต้องการด้านไอทีของพวกเขา จึงเกิดเป็น Sangfor HCI พร้อมกับ PaaS ภารกิจของเราคือการนำสิ่งที่ดีที่สุดและล้ำสมัยที่สุดที่โลกไอทีแล้วทำให้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น”

ทำไมต้อง Sangfor

Sangfor Technologies เป็นผู้จำหน่ายโครงสร้างพื้นฐานไอทีชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เชี่ยวชาญด้าน ความปลอดภัยของเครือข่าย และการประมวลผลแบบคลาวด์  เยี่ยมชมเราได้ที่ www.sangfor.com เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sangfor และให้ Sangfor ทำให้การไอทีของคุณง่าย ปลอดภัย และมีคุณค่ามากขึ้น

ในขณะที่หลายคนปล่อยให้สถานการณ์ของปี 2563 เป็นตัวกำหนดอนาคตตลอดทั้งปี  แต่ในมุมกลับกัน Sangfor ใช้ปี 2563 นี้สร้างสรรค์และอัปเดตบริการคลาวด์และความปลอดภัยที่เป็นตัวเอกอยู่แล้วรวมถึงการเพิ่มความสามารถของ Platform as a Service (PaaS) เข้ามาในผลิตภัณฑ์ Sangfor HCI

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210201005304/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เพิ่ม eFuse IC ใหม่เป็นฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการใช้งานซ้ำ ๆ ซึ่งนำเสนอการป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกินแบบที่ปรับได้และมาพร้อมกับฟังก์ชันการเตือนแบบเอาต์พุตสัญญาณ FLAG

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–2 ก.พ. 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ eFuse IC ใหม่ “TCKE712BNL” ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ eFuse ICs สำหรับการใช้งานซ้ำ ๆ ซึ่งรองรับฟังก์ชันในการป้องกันวงจรสายไฟ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210201005991/en/

Toshiba: TCKE712BNL, a new eFuse IC for repeated use that support functions to protect power line circuits. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: TCKE712BNLe ซึ่งเป็น Fuse IC ใหม่สำหรับการใช้งานซ้ำ ๆ ที่รองรับฟังก์ชันเพื่อป้องกันวงจรสายไฟ (กราฟิก: Business Wire)

ฟิวส์แบบตัวเครื่องโดยทั่วไป ซึ่งได้แก่ ฟิวส์หลอดแก้วและฟิวส์ชิป จะป้องกันวงจรสายไฟโดยการปิดตัวเองลงเมื่ออยู่ในสถานะกระแสเกินและเมื่อฟิวส์แบบนี้ถูกใช้ไปแล้วและเสีย จะต้องได้รับการเปลี่ยนใหม่ แต่ eFuse ICs ได้รับการออกแบบมาเพื่อเข้ามาแทนที่ฟิวส์ดังกล่าวข้างต้นในการป้องกันวงจรสายไฟและให้ความปลอดภัย และเพื่อมอบฟังก์ชันการป้องกันในตัวที่หลากหลายนอกเหนือไปจากการป้องกันกระแสเกินแบบที่มีความแม่นยำสูง

TCKE712BNL จะปกป้องสายไฟด้วยฟังก์ชั่นป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน โดยที่ตัวของมันสามารถปรับได้ตามความต้องการของผู้ใช้ด้วยการใช้ตัวต้านทานภายนอก นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการปิดการย้อนกลับในตัวที่ Off state ทำให้สามารถใช้งานในแอพพลิเคชั่นเพาเวอร์มัลติเพล็กเซอร์ได้ นอกจากนี้ฟังก์ชั่นการป้องกันในตัวยังครอบคลุมถึงเรื่องกระแสไฟฟ้าลัดวงจรและอุณหภูมิที่สูงเกินไป นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน FLAG ที่ส่งสัญญาณภายนอกหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นในวงจร ทำให้การตรวจจับข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น เป็นที่สังเกตเห็นได้ง่ายกว่าของผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายอยู่ก่อนหน้านี้ของ Toshiba

Toshiba จะยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชุดผลิตภัณฑ์ eFuse ICs เพื่อปกป้องวงจรสายไฟสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย

การใช้งาน

– การป้องกันวงจรสายจ่ายไฟ

(พีซี แล็ปท็อป คอนโซลเกม อุปกรณ์เสริมความเป็นจริงและเสมือนจริงลำโพงอัจฉริยะ หุ่นยนต์ทำความสะอาด เซิร์ฟเวอร์เครือข่าย ฯลฯ )

คุณสมบัติ

– ฟังก์ชันการรีเวอร์สการปิดกระแสในสถานะปิด OFF state

– ฟังก์ชันที่ให้ผู้ใช้กำหนดการป้องกันกระแส / แรงดันไฟฟ้าเกินได้เอง

– ฟังก์ชันเอาต์พุตสัญญาณ FLAG

– แพ็คเกจ WSON10 ที่บางและกะทัดรัด: 3.00 × 3.00 มม. (ทั่วไป), t = 0.75 มม. (สูงสุด)

ข้อมูลจำเพาะหลัก

(@Ta=25°C นอกจากที่ระบุไว้)

หมายเลขชิ้นส่วน

TCKE712BNL

แพ็คเกจ

ชื่อ

WSON10

ขนาดปกติ typ. (มม)

3.00×3.00, t=0.75 max

ช่วงการทำงาน

แรงดันไฟฟ้าขาเข้า VIN (V)

4.4 to 13.2

ลักษณะกระแสตรง

กระแสเกิน

IOUT_CL typ. (A)

@VIN=12V

2.00

@VIN=9V

2.58

@VIN=5V

3.65

ออนรีซิสแตนซ์ RON typ. (mΩ)

53

ลักษณะกระแสสลับ

Fast trip time

tFASTTRIP typ.

(ns)

@Ta= -40 to 85°C

320

ฟังก์ชั่นป้องกันกระแสเกิน

ปรับได้

ฟังก์ชั่นป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน

ปรับได้

ฟังก์ชันเอาต์พุตสัญญาณ FLAG

อยู่ในผลิตภัณฑ์

ฟังก์ชันรีเวิร์สการบล็อคกระแสไฟ

อยู่ในผลิตภัณฑ์

ตรวจสอบตัวอย่างและการวางจำหน่าย

ซื้อออนไลน์

ตามลิงค์ด้านล่างเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่

TCKE712BNL

https://toshiba.semicon-storage.com/info/lookup.jsp?pid=TCKE712BNL

หากต้องการตรวจสอบความพร้อมของผู้จัดจำหน่ายออนไลน์ โปรดไปที่:

TCKE712BNL

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCKE712BNL.html

ไปที่ลิงก์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ eFuse IC line-up ของ Toshiba

eFuse ICs

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/power-management-ics/efuse-ics.html

สอบถามสำหรับลูกค้า:

Small Signal Device Sales & Marketing Dept.

โทร: +81-3-3457-3411

https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

*ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อเป็นข้อมูลล่าสุดในวันที่ประกาศ อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation รวมความแข็งแกร่งของบริษัทใหม่เข้ากับภูมิปัญญาและประสบการณ์ โดยนับตั้งแต่ได้รับการเปิดตัวจากบริษัทโตชิบาในเดือนกรกฎาคม 2560 เราได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในบริษัทอุปกรณ์ทั่วไปชั้นนำและนำเสนอโซลูชันที่โดดเด่นให้แก่ลูกค้า และหุ้นส่วนทางธุรกิจในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์แบบแยกตัวระบบ LSI และ HDD

พนักงานของเราจำนวน 24,000 คนทั่วโลกมีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าเพื่อส่งเสริมการร่วมสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ ๆ เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสานต่อยอดขายรายปีที่ปัจจุบันอยู่ที่เจ็ดแสนห้าหมื่นล้านเยน (6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อเอื้อให้เกิดอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนทุกที่

ดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ได้ที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210201005991/en/

สอบถามสำหรับสื่อ:

Chiaki Nagasawa

ฝ่ายการตลาดดิจิตอล หรือ Digital Marketing Department

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

โทร: +81-3-3457-4963

semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

IWBI ก้าวข้ามอีกขั้นของความสำเร็จครั้งสำคัญในการยกระดับการพัฒนาด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิต

Logo

โครงการในกว่า 80 ประเทศยื่นรับการประเมินจาก WELL คิดเป็นพื้นที่กว่า 1.5 พันล้านตารางฟุต

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–01 กุมภาพันธ์ 2564

International WELL Building Institute (IWBI) หน่วยงานระดับโลกด้านการใช้อาคารและชุมชนเพื่อการพัฒนาด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนภายใน ประกาศในวันนี้ว่าขณะนี้มีโครงการที่เข้ารับการประเมินภายใต้ระบบ WELL แล้วคิดเป็นพื้นที่กว่า 1.5 พันล้านตารางฟุตในประเทศต่าง ๆ กว่า 80 ประเทศทั่วโลก ก้าวแห่งความสำเร็จนี่คือเครื่องพิสูจน์ถึงการเร่งนำระบบประเมินนี้ไปใช้ทั่วโลกและการเติบโตอย่างมากในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ซึ่งในเวลานั้นมีโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านการประเมิน WELL คิดเป็นพื้นที่กว่า 500 ล้านตารางฟุตในเกือบ 60 ประเทศ

ในเดือนมิถุนายน 2563 IWBI ได้เปิดตัวระบบประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย WELL จากความเชี่ยวชาญที่มีอยู่พร้อมทั้งความเห็นของสมาชิก 600 คนจากทีมที่ดูแลงานด้านโควิด-19 ของ IWBI ระบบประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย WELL ซึ่งต่อยอดจากมาตรฐานอาคาร เป็นระบบประเมินจากหลักฐานและรับรองโดยหน่วยงานภายนอกที่สามารถใช้ได้กับอาคารทั้งเก่าและใหม่รวมถึงประเภทของพื้นที่ซึ่งให้ความสำคัญกับนโยบายเชิงปฏิบัติการ เกณฑ์วิธีด้านการบำรุงรักษา แผนฉุกเฉิน และกลยุทธ์การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถจัดลำดับความสำคัญในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับพนักงาน แขกผู้มาเยือน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ และสามารถกลับมาดำเนินงานได้ในช่วงที่เกิดระบาดของโรค

อาคารสถานที่กว่า 8,500 แห่งได้ยื่นขอรับการประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย WELL ในขณะนี้ รวมถึงสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงอย่างเช่นสนามกีฬา Yankee Stadium และตึก Empire State องค์กรด้านการเงินระดับโลกอย่าง JPMorgan Chase บริษัทบริหารจัดการโรงแรมชั้นนำอย่าง Aimbridge Hospitality องค์กรด้านโทรคมนาคมอย่าง T-Mobile ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่าง Brookfield Properties and Kilroy Realty รวมถึงองค์กรด้านการดูแลสุขภาพ เช่น Life Time และอื่น ๆ อีกมากมาย

“การระบาดของโรคทำให้บทสนทนาเรื่องสุขภาพเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และบทบาทของ IWBI ในเรื่องการช่วยลดความรุนแรงของผลกระทบจากไวรัส รวมถึงการให้ความสนับสนุนด้านความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของผู้คนนั้นไม่เคยชัดเจนกว่านี้มาก่อน” Paul Scialla, ผู้ก่อตั้ง IWBI และซีอีโอของ Delos ซึ่งเป็นบริษัทแม่ กล่าว

“อัตราการนำระบบประเมินไปใช้นั้นน่าทึ่งมาก โดยในแต่ละวันมีอาคารสถานที่ต่าง ๆ ยื่นขอรับการประเมินจาก WELL คิดเป็นพื้นที่เฉลี่ยถึง 2 ล้านตารางฟุต” Rachel Hodgdon, ประธานและซีอีโอของ IWBI กล่าว “สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากชุมชนที่มุ่งมั่นทุ่มเทของเราจากทั่วโลก ได้แก่ WELL APs และ WELL Faculty รวมถึงสมาชิก ลูกค้า และที่ปรึกษาของเรา”

WELL APs และ WELL Faculty เป็นชุมชนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและทำงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำความรู้เกี่ยวกับ WELL มาถ่ายทอดในกลุ่มเพื่อนร่วมงานและลูกค้าทั่วโลก โดยขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนหรือผ่านการรับรองจาก WELL AP แล้วกว่า 16,000 ราย ซึ่งช่วยให้ IWBI รับมือกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

“นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ตลอดเวลาหกปีนับตั้งแต่ WELL เปิดตัวในครั้งแรก” Hodgdon เสริม “โรคระบาดได้เข้ามาทำให้ชีวิตของพวกเราเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่ก็ยังนำมาซึ่งโอกาสในการสานต่อการเติบโตของการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ซึ่งมีศักยภาพในการทำสิ่งดี ๆ อีกมากมาย แต่ละก้าวความสำเร็จเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความต้องการของอาคารสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับหนึง และเราไม่สามารถรอที่จะแบ่งปันสิ่งที่เรามีได้อีกต่อไป”

เกี่ยวกับ International WELL Building Institute

International WELL Building Institute (IWBI) เป็นอัตถบริษัทเอกชนและองค์กรชั้นนำระดับโลกที่มุ่งเน้นในเรื่องการเตรียมความพร้อมของอาคารสถานที่ที่ให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อขับเคลื่อนวัฒนธรรมด้านสุขภาพทั่วโลกให้ก้าวหน้า IWBI ขับเคลื่อนชุมชนของตนผ่านการบริหารมาตรฐานอาคาร WELL Building Standard และระบบประเมินด้านสุขภาพและความปลอดภัย WELL Health-Safety Rating การบริหารจัดการการรับรอง WELL AP การสรรหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาแหล่งความรู้ และการสนับสนุนนโยบายที่ส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตในทุกสถานที่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ WELL สามารถดูได้ที่นี่

International WELL Building Institute pbc เป็นบริษัทในเครือของ Delos และ International WELL Building Institute, IWBI, WELL Building Standard, WELL v2, WELL Certified, WELL AP, WELL Portfolio, WELL Portfolio Score, The WELL Conference, We Are WELL, WELL Community Standard, WELL Health-Safety Rating, WELL Health-Safety Rated, WELL Health-Equity, WELL และอื่น ๆ รวมถึงโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายรับรองของ International WELL Building Institute ในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210201005203/en/

ติดต่อ:

Jamie Matos
media@wellcertified.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Spotify เปิดตัวในเกาหลีใต้

Logo

บริการสมัครสมาชิกสตรีมเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ได้เปิดตัวในถิ่นกำเนิดของเค-ป็อป

โซล, เกาหลีใต้ –(BUSINESS WIRE)–2 กุมภาพันธ์ 2564

วันนี้ Spotify (NYSE: SPOT) ได้ประกาศเปิดตัวให้บริการในประเทศเกาหลีใต้ โดยผู้ฟังชาวเกาหลีสามารถเข้าถึงเพลงมากกว่า 60 ล้านแทร็กและเพลย์ลิสต์มากกว่า 4 พันล้านรายการจากทั่วโลก ในฐานะที่เป็นบริการสมัครสมาชิกสตรีมเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก Spotify นำเสนออินเทอร์เฟซที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน โครงร่างนวัตกรรมที่ล้ำสมัย การค้นพบเพลงใหม่ในทุกวัน และคำแนะนำอัลกอริทึมที่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับรสนิยมเพลงของผู้ฟังแต่ละคน การเปิดตัวนี้ทำให้จำนวนตลาดทั้งหมดของ Spotify เติบโตขึ้นเป็น 93

ในฐานะที่เป็นตลาดดนตรีที่ใหญ่เป็นอันดับหกของโลก * ประเทศเกาหลีใต้ถือเป็นก้าวต่อไปที่สำคัญในเส้นทางการขยายตัวทั่วโลกของ Spotify ประเทศเกาหลีใต้ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในตลาดที่มีการรวมดิจิทัลมากที่สุดในโลก แต่ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและดนตรี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปรากฏการณ์ระดับโลกของเค-ป็อป นับตั้งแต่ Spotify เปิดตัวเพลย์ลิสต์เค-ป็อป ครั้งแรกในปี 2557 ส่วนแบ่งของการฟังเพลงเค-ป็อป บนแพลตฟอร์มก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000% ด้วยการเปิดตัวครั้งนี้ Spotify ได้วางแผนที่จะเร่งขยายการเติบโตของวงการสตรีมมิงเพลงทั้งหมดของเกาหลี เพื่อประโยชน์ของศิลปิน ค่ายเพลง ตัวแทนจำหน่าย รวมถึงแฟน ๆ

 “ไม่ว่าที่ไหนเราต้องการเป็นที่ที่ซึ่งผู้ฟังและศิลปินอยู่เสมอ และเกาหลีก็อุดมไปด้วยทั้งสองอย่างนี้” Alex Norström ซึ่งดำรงตำแหน่ง Chief Freemium Business Officer ของ Spotify กล่าว “การเปิดตัวครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับเรา ที่ไม่ใช่เป็นเพียงการทำภารกิจของเราในการนำเสนอเนื้อหาใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพให้กับผู้ฟังมากขึ้น แต่ยังช่วยให้ศิลปินเกาหลีในท้องถิ่นเข้าถึงผู้ฟังกว่า 320 ล้านคนทั่วโลกของ Spotify เราหวังว่าจะสร้างโอกาสให้มากขึ้นสำหรับศิลปินเกาหลีในทุกแนวเพลงให้ผู้ฟังทั่วโลกได้ค้นพบ”

Spotify ได้ปรับแต่งประสบการณ์ทางดนตรีให้โดยเฉพาะในแต่ละตลาด ในการเปิดตัวในวันนี้ Spotify ขอแนะนำเพลย์ลิสต์ใหม่ที่สร้างขึ้นสำหรับประเทศเกาหลีใต้โดยเฉพาะ เพลย์ลิสต์เหล่านี้นำเสนอเพลงที่คัดสรรและเพลงใหม่ล่าสุดจากทีมผู้เชี่ยวชาญของเพลงเกาหลีของเราในแนวเพลงยอดนิยมบางประเภท ซึ่งรวมถึง:

เพลย์ลิสต์ใหม่เหล่านี้จะเพิ่มเข้าร่วมกับแนวเพลงเค-ป็อป ของ Spotify ที่รวบรวมเพลงเกาหลีหลากหลายแนวทั้งเค-ป็อป ฮิปฮอป อินดี เพลงประกอบภาพยนตร์ อาร์แอนด์บี และอีกมากมาย รวมถึง 'RADAR Korea' ซึ่งเป็นเพลย์ลิสต์ที่แนะนำเพลงเกาหลีใหม่ ๆ และเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมแนะนำศิลปินหน้าใหม่จากทั่วโลกโดย Spotify และมีการปรับให้เหมาะกับผู้ฟังกว่า 72 ประเทศรวมทั้งรัสเซีย อินเดีย บราซิลและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ในเกาหลีผู้ฟังรายใหม่สามารถทดลองใช้ Spotify Premium 7 วันฟรีบนโทรศัพท์มือถือโดยไม่ต้องใช้ข้อมูลบัตรเครดิตและสามารถใช้ข้อมูลบัตรเครดิตได้ฟรี 3 เดือน หากสมัครสมาชิกก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 ผู้ฟังสามารถมีส่วนร่วมกับ Spotify ในอุปกรณ์และแอปที่หลากหลายรวมถึง Instagram, Facebook, Samsung mobile และ TV, LG TV, Microsoft Xbox, Bose และอีกมากมาย

แอป Spotify มีให้ดาวน์โหลดสำหรับทั้งแบบ Premium Individual และ Duo หากต้องการเพลิดเพลินกับเพลงในแบบที่คุณต้องการ สามารถดาวน์โหลดแอป Spotify วันนี้ผ่านแอปสโตร์ Android หรือ iOS หรือเข้าไปที่ www.spotify.com/kr-ko/.

คลิกที่นี่ เพื่อดูภาพเพิ่มเติม

* อ้างอิงจาก IFPI (https://www.ifpi.org/wp-content/uploads/2020/07/Global_Music_Report-the_Industry_in_2019-en.pdf)

เกี่ยวกับ Spotify Technology S.A.

Spotify ได้เปลี่ยนรูปแบบการฟังเพลงไปตลอดกาลนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2551 เรามีพันธกิจที่จะปลดล็อคศักยภาพด้านความสร้างสรรค์ของมนุษย์ด้วยการมอบโอกาสให้ศิลปินที่เปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์กว่าล้านคนได้สร้างรายได้จากงานศิลปะของพวกเขา และให้แฟน ๆ กว่าหลายพันล้านคนมีโอกาสได้เพลิดเพลินกับนักสร้างสรรค์และรับแรงบันดาลใจจากพวกเขาเหล่านี้

ปัจจุบัน เราเป็นผู้ให้บริการสตรีมมิงเพลงสำหรับสมาชิกที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลก มีเพลงมากกว่า 60 ล้านแทร็กและเพลย์ลิสต์กว่า 4 พันล้านรายการ รวมถึงคอมมิวนิตีซึ่งประกอบด้วยผู้ใช้กว่า 320 บัญชี ในตลาด 93 แห่งทั่วโลก

เราใช้เว็บไซต์ Investors และ For the Record รวมถึงโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ที่จัดไว้ในแท็บ “Resources – Social Media” บนหน้าเว็บ Investors  ของเราเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม รูปภาพ และข้อมูลติดต่อทีมสื่อ โปรดดูที่ https://newsroom.spotify.com/

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210201005846/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ
Eileen Moore
สหรัฐอเมริกา – Spotify: press@spotify.com
เกาหลี – Spotify: koreapress@spotify.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Interactive Brokers ยกเลิกข้อจำกัดการเทรดสัญญา option ทั้งหมด

Logo

เกรนิช คอนเนตทิคัต–(บิสิเนสไวร์)–31 ม.ค. 2564

Interactive Brokers Group (Nasdaq: IBKR) บริษัทโบรคเกอร์หุ้นระดับโลกประกาศว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าทางบริษัทได้ยกเลิกข้อจำกัดการซื้อขายทั้งหมดของ option หุ้น AMC, BB, EXPR, GME, KOSS และ option อื่นๆ ที่ล่าสุดประสบกับความผันผวนของตลาด  สัญญา option และหุ้นดังกล่าวอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของ margin ที่เพิ่มขึ้นซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาด  บริษัทยังคงติดตามตลาดที่ผันผวนเหล่านี้

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc. :

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการการเทรดอัตโนมัติ การดูแลหลักทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ตลอดเวลาในกว่า 135 ตลาดในหลายประเทศและสกุลเงินโดยใช้บัญชี IBKR เพียงบัญชีเดียวทั่วโลก  เราให้บริการนักลงทุนรายย่อย กองทุน บริษัทเทรดมืออาชีพ ที่ปรึกษาทางการเงิน และโบรกเกอร์แนะนำสินค้า  ในสี่ทศวรรษเราได้มุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ ทำให้เราสามารถมอบแพลตฟอร์มที่มีฟังก์ชั่นหลากหลายเฉพาะตัวให้กับลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา  เรามุ่งมั่นที่จะจัดหาราคาเทรดที่เหนือกว่า เครื่องมือบริหารความเสี่ยง และพอร์ตการลงทุนสิ่ง ข้อมูลการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนให้กับลูกค้าของเราโดยมีต้นทุนต่ำหรือไม่มีเลยเพื่อให้เขาได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงกว่า  Barron ติดอันดับ Interactive Brokers ที่ #1 ด้วย 5 ดาวเต็ม 5 ดาวใน Best Online Broker Review วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563

อ่านที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210130005024/en/

ติดต่อ:

Interactive Brokers Group, Inc.
media@ibkr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ไตรคอร์กรุ๊ป (Tricor Group) เผยแพร่ รายงานการค้าในเอเชียแปซิฟิกปี 2021 ในประเด็นผลกระทบจากข้อตกลง RCEP ต่อประเทศไทย และการฟื้นตัวจาก COVID-19

Logo

ประเทศไทย–(BUSINESS WIRE)–1 กุมภาพันธ์ 2021

ตามรายงานการค้าในเอเชียแปซิฟิกปี 2021 ของไตรคอร์กรุ๊ป (Tricor Group) กล่าวว่า เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศอื่น ๆ จะเห็นได้ว่า ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (the Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement: RCEP) ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามร่วมกับประเทศอื่น ๆ จำนวน 14 ประเทศ ในเดือนพฤศจิกายน 2020 และคาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการตามข้อตกลงในปี 2021 มีความซับซ้อน และได้วางกรอบสำคัญสำหรับมาตรฐานขั้นพื้นฐานในการค้าของประเทศในเอเชียซึ่งสูงกว่าและกว้างกว่าข้อกำหนดหรือเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้โดยองค์การการค้าโลก (the World Trade Organization: WTO)

รายงานที่เผยแพร่ในวันนี้ต่อสื่อต่างๆ และผู้นำทางธุรกิจ โดยอาศัยข้อมูลอุตสาหกรรมจากศูนย์วิจัยและสื่อที่หลากหลายเพื่อเสนอมุมมองข้อมูลเชิงลึก ข้อสังเกต และการคาดการณ์ที่รวบรวมโดยผู้บริหารระดับสูงของไตรคอร์เกี่ยวกับแนวโน้มการค้าโลกที่จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการค้าและการลงทุนของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก หรือ APAC ในปีหน้า

รายงานการค้าในเอเชียแปซิฟิกของไตรคอร์กรุ๊ปปี 2021 ได้มุ่งเน้นไปที่วิธีการดำเนินการตามหลักสำคัญของ RCEP ในปี 2021 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเปิดกว้างของตลาดการค้าและสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้กับธุรกิจในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของ COVID-19  ภายในรายงานดังกล่าวไตรคอร์ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อกำหนดของ RCEP และนำเสนอสรุปขั้นตอนสำคัญที่บริษัทต่างๆ สามารถดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมและใช้ข้อตกลงดังกล่าวให้เกิดประโยชน์และสร้างศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ  นอกจากนี้รายงานฉบับนี้มีคําแนะนําในการทําธุรกิจในประเทศไทยและตลาดสำคัญอื่นๆ ใน RCEP อันได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศเวียดนาม (ซึ่งไตรคอร์มีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศเหล่านี้เช่นกัน)

ภายใต้ข้อตกลง RCEP ผู้ประกอบธุรกิจและนักลงทุนในประเทศไทยคาดหวังโอกาสทางการค้าที่จะเพิ่มขึ้นทั่วอาเซียนและภูมิภาค APAC เนื่องจากสินค้าจำนวนมากมีสิทธิได้รับการลดภาษีระหว่างประเทศมากขึ้น ความโปร่งใสด้านกฎระเบียบ การยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา และการลดขั้นตอนและค่าใช้จ่ายการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับพิธีการทางศุลกากร

คุณดีแลนด์ หม่า (Mr. Dyland Mah) กรรมการผู้จัดการ บริษัทไตรคอร์ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “RCEP ได้รวมประเทศต่างๆ ที่มีทัศนคติและมุมมองที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน  การร่วมมือในระดับพหุภาคีและการเข้าสู่ตลาดในระดับที่ใหญ่ขึ้น ประเทศต่างๆ ใน RCEP สามารถสร้างความยืดหยุ่นและความร่วมมือกันในภูมิภาคได้มากขึ้น  แต่เนื่องจากขนาดและความหลากหลายของ RCEP การปฎิบัติตามข้อตกลงอาจส่งผลให้เกิดความยุ่งยากซับซ้อนสำหรับบางธุรกิจ ดังนั้นในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายธุรกิจของประเทศไทย เรา (ไตรคอร์) หวังว่าจะได้มีโอการร่วมงานกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้น และก้าวนำอยู่เหนือธุรกิจอื่น ”

คุณเลนนาร์ด ย้ง (Mr. Lennard Yong) ประธานกรรมการบริหารของไตรคอร์กรุ๊ป กล่าวว่า “ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการก่อตั้งของกลุ่มการค้า RCEP เป็นการพัฒนาการค้าในระดับโลกที่สำคัญซึ่งอาจเปลี่ยนเส้นทางหรือแนวทางการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment (FDI)) ในระยะเวลาข้างหน้านี้  สำหรับไตรคอร์ เราคำนึงและตระหนักว่าข้อตกลงการค้านี้ อาจเปลี่ยนแปลงแนวทางการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ไปสู่แนวทางใหม่ ๆ ในธุรกิจระหว่างประเทศ สำหรับรายงานการค้าในเอเชียแปซิฟิกปี 2021 ของไตรคอร์กรุ๊ปนี้ ได้ให้แนวทางสำคัญกับองค์กรชั้นนำระดับโลกและระดับประเทศเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างประโยชน์จากโอกาสที่จะเกิดขึ้นจาก RCEP   ความเชี่ยวชาญนี้ได้ชี้ชัดถึงความเป็นผู้นำของเราในภูมิภาคนี้ในฐานะพันธมิตรขององค์กรที่ต้องการขยายธุรกิจไปทั่วเอเชียแปซิฟิกและภูมิภาคอื่น ๆ”

คุณแกรี่ ต็อก (Mr. Gary Tok) ประธานกรรมการด้านพาณิชย์ธุรกิจ ไตรคอร์กรุ๊ป กล่าวว่า “การลงนามในข้อตกลง RCEP เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากสำหรับธุรกิจและนักลงทุนในเอเชียแปซิฟิกและรวมไปถึงระดับที่กว้างไกลกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่ต้องฝ่าฟันความตึงเครียดจากการระบาดของ COVID-19 ที่เกิดขึ้นกับห่วงโซ่อุปทานของโลก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไตรคอร์ได้มีส่วนช่วยเหลือหลายธุรกิจซึ่งต้องเผชิญกับคลื่นของภัยร้ายจากโรคระบาดที่ไม่อาจคาดคิด ตลอดจนได้มีเตรียมการสำหรับสิ่งซึ่งไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต  และสำหรับข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญนี้ เรารอที่จะได้ร่วมงานกับธุรกิต่างๆ ทั่วโลก ในการช่วยทบทวนและปรับรูปแบบธุรกิจเพื่อทำให้ธุรกิจเหล่านั้นได้รับประโยชน์จากเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานและความร่วมมือระดับพหุภาคีที่จะได้รับจาก RCEP”

คุณซันไชน์ ฟาซาน (Ms. Sunshine Farzan) หัวหน้าฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร ไตรคอร์กรุ๊ป กล่าวว่า “ในปี 2020 ข่าวสำคัญทั่วโลกเรื่องหนึ่งก็คือ การระบาดของ COVID-19  ซึ่งเรามีความกังวลใจว่าปัญหาการระบาดจะทำให้เกิดการหยุดชะงักของเศรษฐกิจทั่วโลก  ในรายงานการค้าในระดับเอเชียแปซิฟิกปี 2021 ของไตรคอร์กรุ๊ป ซึ่งรวบรวมจากข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณแสดงให้เห็นว่า แม้จะมีอุปสรรคและความไม่แน่นอนในอนาคตอยู่มาก ก็ยังคงมีโอกาสใหม่ ๆ ที่ยิ่งใหญ่สำหรับธุรกิจทั่วโลกในปี 2021 อาทิเช่น ประโยชน์มหาศาลที่จะได้รับจากข้อตกลง RCEP   ด้วยการรวมมุมมองและข้อคิดเห็นในการก้าวไปในอนาคต รายงานนี้จะช่วยธุรกิจและผู้ลงทุนให้ก้าวนำและอยู่เหนือความเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ ”

ขอบคุณ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ

HONG KONG SAR (GROUP OFFICE)

Sunshine Farzan

Tricor Services Limited

Group Head of Marketing & Communications

Tel: +852 2980 1261

Email: Sunshine.Farzan@hk.tricorglobal.com

เกี่ยวกับ บริษัท ไตรคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัทไตรคอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งขึ้นในปี 2005 และมีสำนักงานตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งบริการของเราครอบคลุมทั้งบริการจัดทำบัญชีและภาษีอากรให้กับบริษัทต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก, บริการด้านเลขานุการและการจัดการทั่วไปสำหรับบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริการด้านการจัดทำเงินเดือน  หากท่านต้องการที่จะจัดตั้งธุรกิจในประเทศไทย พนักงานผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมที่จะให้คำแนะนำในการเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ในระบบเศรษฐกิจที่มีความยืดหยุ่น โครงสร้างพื้นฐานชั้นแนวหน้า ทรัพยากรบุคคลที่มีความสามารถ และการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐ

ไตรคอร์กรุ๊ป (“ไตรคอร์”) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านขยายธุรกิจระดับชั้นนำของเอเชีย ซึ่งมีองค์ความรู้ระดับโลก และมีสำนักงานซึ่งให้บริการทางธุรกิจ บริการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท บริการให้คำแนะนำแก่นักลงทุน บริการทรัพยากรบุคคลและเงินเดือน บริการทรัสต์สำหรับองค์กร (Corporate trust & debt services) และบริการให้คำปรึกษาทางด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ   ไตรคอร์มีสำนักงานใหญ่ประจำที่ฮ่องกง เราให้บริการมากกว่า 21 ประเทศ/เขตการปกครอง มีเครือข่ายสำนักงานใน 47 เมือง เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าในความดูแลมากกว่า 50,000 รายทั่วโลก  โดยจำนวนลูกค้าดังกล่าว กว่า 2,000 บริษัทเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย และมากกว่า 40 % เป็นบริษัทที่อยู่ในรายชื่อบริษัทชั้นนำ 500 แห่งทั่วโลกจากการรวบรวมและจัดอันดับโดยนิตยสาร Fortune  นอกจากนี้ไตรคอร์มีพนักงานกว่า 2,700 คน ซึ่งเป็นพนักงานที่มีใบรับรองทางวิชาชีพถึง 630 คน โดยเราพร้อมให้บริการที่สำคัญเพื่อสนับสนุนบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการเติบโตทั้งในระดับเอเชียและระดับต่อไป

จุดแข็งของไตรคอร์ประกอบขึ้นจากประสบการณ์เชิงลึกในทุกๆ อุตสาหกรรม พนักงานที่มุ่งมั่น การดำเนินการที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี การปฏิบัติการตามมาตรฐาน การให้ความสนใจในการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและกฎระเบียบ และการติดต่อสื่อสารกับอุตสาหกรรมที่หลากหลาย  ไตรคอร์มีความสามารถเฉพาะเพื่อปลดล็อกศักยภาพของธุรกิจของท่าน และช่วยให้ท่านก้าวไปข้างหน้าในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและหลากหลายในปัจจุบัน

 โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา: www.tricorglobal.com/locations/thailand

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Interactive Brokers ประกาศมาตรการพิเศษด้านการเทรดหุ้น

Logo

กรีนิช, คอนเน็คทิกัต.–(BUSINESS WIRE)–28 ม.ค. 2564

Interactive Brokers Group (Nasdaq: IBKR) บริษัทโบรคเกอร์ระดับโลกประกาศในวันนี้ว่า เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ ทางบริษัทได้กำหนดให้การเทรดหุ้นออพชั่น AMC, BB, EXPR, GME และ KOSS สามารถทำได้เฉพาะการขายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น (liquidation only) เนื่องจากความผันผวนที่ผิดปกติในตลาด

นอกจากนี้ หุ้นระยะยาว (long stock positions) จะต้องมีหลักประกัน 100% ส่วนหุ้นระยะสั้นจะต้องมีหลักประกัน 300% จนกว่าจะมีประกาศเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้เป็นเพราะบริษัทไม่เชื่อว่าสถานการณ์นี้จะบรรเทาลง นอกเสียจากว่าหน่วยงานการแลกเปลี่ยนและหน่วยงานกำกับดูแลจะประกาศให้มีการหยุดพัก หรือการจัดให้มีรายการของหุ้นที่อนุญาตให้ทำได้เฉพาะการขายเท่านั้น (liquidation only) โดยทางเราจะตรวจสอบสภาวะตลาดต่อไปและอาจจะมีการประกาศเพิ่มหรือถอนหุ้นบางตัวออกจากรายการนี้ตามแต่ความจำเป็นแต่ละกรณี

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc.

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ สินค้า และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบอัตโนมัติตลอดเวลา ในตลาดกว่า 135 ตลาดในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน ตั้งแต่บัญชีการลงทุนแบบบูรณาการ IBKR ไปจนถึงลูกค้าทั่วโลก เราให้บริการนักลงทุนรายย่อย กองทุนเฮดจ์ฟันด์ กลุ่มการค้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการเงิน และด้านการแนะนำจัดหาโบรกเกอร์ สี่ทศวรรษที่เราให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติทำให้เราสามารถจัดหาแพลตฟอร์มที่มีความซับซ้อนและไม่ซ้ำใครให้กับลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะให้บริการลูกค้าด้วยราคาการดำเนินการที่คุ้มค่า และเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงและการลงทุน พอร์ตการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งหมดในราคาที่ต่ำหรือที่ไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด Interactive Brokers ติดอันดับ 1 ของ Barron โดยได้รับ 5 ดาวเต็ม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 จากการรีวิวด้านโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุด หรือ Best Online Broker Review

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210128005689/en/

ติดต่อ:

Interactive Brokers Group, Inc.

สำหรับผู้ลงทุน: Nancy Stuebe, 203-618-4070

สำหรับสื่อ: Kalen Holliday, 203-618-4069 หรือ media@ibkr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Capco และ Envizage ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

Logo

เพื่อนำประโยชน์ของเครื่องมือแนะนำของ Envizage ไปใช้กับบริษัทที่ให้บริการทางการเงินและลูกค้าทั่วโลก

ลอนดอน–(บิสิเนสไวร์)–28 ม.ค. 2564

Capco ที่ปรึกษาด้านการจัดการและเทคโนโลยีระดับโลกและ Envizage ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์การวิเคราะห์ในลอนดอนประกาศความร่วมมือครั้งใหม่เพื่อมอบประโยชน์ของเครื่องมือคำแนะนำที่อิงจากการจำลองของ Envizage ในด้านบริการทางการเงิน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210128005152/en/

Matt Hutchins, Capco (Photo: Business Wire)

Matt Hutchins, Capco (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

Envizage ก่อตั้งโดยอดีตหุ้นส่วน Morgan Stanley สามราย โดยสนับสนุนธนาคาร บริษัทประกัน กองทุนบำนาญและบริการความมั่งคั่งสำหรับลูกค้าทั่วไป และผู้จัดการสินทรัพย์ผ่านวิธีการและเทคโนโลยีที่ได้มาจาก Morgan Stanley ซึ่งเป็นหุ้นส่วนน้อยในบริษัท

เครื่องมือให้คำแนะนำของ Envizage เป็น API ที่ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งหมดสำหรับการวางแผนอนาคตของลูกค้า  Envizage จำลองความเสี่ยง 'ชีวิตจริง' ในกลุ่มอายุของลูกค้าที่แตกต่างกัน ตั้งแต่คนรุ่นมิลเลนเนียลไปจนถึงผู้เกษียณอายุโดยใช้ความน่าจะเป็นที่พิจารณาจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ อายุยืน อัตราการเสียชีวิต สุขภาพ และสภาพคล่องทางการเงิน

Envizage สัญญาว่าจะปกป้องกลยุทธ์การบริการแบบดิจิทัลหรือแบบไฮบริดของลูกค้าในอนาคตตามขนาดและลดต้นทุนของแพลตฟอร์ม การปฏิบัติตามกฎระเบียบและการจัดจำหน่าย โดยข้อมูลที่ใช้มีความสามารถในการลดต้นทุน BAU ได้มาก

Matt Hutchins หุ้นส่วนและหัวหน้าฝ่ายประกันภัยของ Capco กล่าวว่า “Envizage นำเสนอรากฐานดิจิทัลแห่งเดียวสำหรับหลากหลายผลิตภัณฑ์ ช่องทาง และประเทศ  Capco นับว่าความร่วมมือคร้ังนี้สามารถกื้อกูลทั้งสองบริษัทได้อย่างมากด้วยการเจาะตลาดและความสามารถด้านข้อมูลและดิจิทัลของทั้งสองฝ่าย  ความสามารถในการใช้ข้อมูลเชิงวิเคราะห์เพื่อสร้างการรับรู้และการวางแผนทางการเงินสำหรับลูกค้า การช่วยธุรกิจในการปรับปรุงการบริการลูกค้า และการเพิ่มช่องทางการขายต่างๆ เช่น มือถือ เดสก์ท็อป ตัวแทนศูนย์ติดต่อ หรือที่ปรึกษาเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งเนื่องจาก Capco ให้ความสำคัญกับตลาดประกันภัยและการธนาคาร”

Vinay Jayaram ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Envizage กล่าวว่า “Envizage มีความยินดีที่จะประกาศความร่วมมือครั้งใหม่นี้  ความเชี่ยวชาญเชิงลึกของ Capco ความสามารถในการบริการที่กว้างขวาง และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับองค์กรที่ให้บริการทางการเงินชั้นนำทั่วโลกจะเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในขณะที่เราให้บริการลูกค้าของเราทั้งในภาคธนาคาร การประกันภัย การลงทุนรายย่อย และการบริหารความมั่งคั่ง เงินบำนาญและบริการเกษียณอายุ  ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ ผู้คนนับล้านทั่วโลกต่างแสวงหาหนทางที่ชัดเจนในการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตนเองและครอบครัว  เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมงานกับ Capco เพื่อตอบโจทย์นี้และผลักดันความก้าวหน้าในการวางแผนทางการเงิน การปรับเปลี่ยนในแบบของลูกค้า และการเพิ่มช่องทางการขายสำหรับลูกค้าร่วมกันของเรา”

เกี่ยวกับ Capco

Capco เป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการจัดการระดับโลกที่เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน ด้วยพอร์ตโฟลิโอของลูกค้าที่กำลังเติบโต ซึ่งประกอบไปด้วยองค์กรกว่า 100 แห่งทั่วโลก Capco ดำเนินงานที่จุดรวมตัวของธุรกิจและเทคโนโลยีโดยการผสมผสานความคิดเชิงนวัตกรรมกับความรู้ในอุตสาหกรรมเพื่อเร่งโครงการด้านดิจิทัลสำหรับการธนาคารและการชำระเงิน ตลาดทุน ความมั่งคั่ง และการจัดการสินทรัพย์ การประกันภัย และภาคพลังงาน  ความล้ำสมัยของ Capco ถูกนำมาใช้จริงผ่านห้องแล็บ และวัฒนธรรม BYAW ที่ได้รับรางวัลและความสามารถที่หลากหลาย หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.capco.com หรือติดตามเราบน Twitter, Facebook, YouTube, LinkedIn Instagram และ Xing

เกี่ยวกับ Envizage

Envizage เป็นบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินที่มีโซลูชันหลักเป็นเครื่องมือให้คำแนะนำที่ให้บริการผ่าน API ที่กำหนดค่าได้  ลูกค้าของ Envizage ได้แก่ธนาคาร บริษัทประกัน กองทุนบำนาญและผู้จัดการสินทรัพย์รายย่อยที่สร้างแอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าและสมาชิกที่ขับเคลื่อนโดย API ของ Envizage.  Envizage ให้บริการลูกค้าทั่วโลกเพื่อให้มีส่วนร่วมกับผู้ใช้เพื่อให้สามารถบรรลุผลลัพธ์ในอนาคตที่ดีขึ้น  หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดไปที่ envizage.me หรือติดตามเราบน LinkedIn

อ่านเวอร์ชั่นที่มาใน businesswire.com: businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210128005152/en/

ติดต่อ:

Capco
Tim Steele
Head of External Communications (หัวหน้าฝ่ายการสื่อสารภายนอก)
tim.steele@capco.com

Envizage
Claire Brown
contact-us@envizage.me

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Cavli Wireless เริ่มการผลิตโมดูล LPWAN LTE และ IoT แบบ 5G ในอินเดียโดยใช้ชิป GCT Semiconductor

Logo

โมดูล LTE / LPWAN IoT ที่มี eSIM รวมอยู่ภายในของ Cavli จะเป็นโซลูชันการสื่อสารไร้สายตัวแรกที่ออกแบบและผลิตในอินเดียเพื่อขับเคลื่อนแอปพลิเคชัน IoT ในเมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) ยานยนต์ พลังงานและสาธารณูปโภค การผลิต การดูแลสุขภาพ และเกษตรกรรมทั่วโลก

ซานโฮเซ่, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–25 ม.ค. 2564

Cavli Wireless, ได้ร่วมมือและให้อนุญาตกับ GCT Semiconductor ในการทำชิปเพื่อผลิตและประกอบโมดูล LPWAN, LTE และ 5G IoT  ในอินเดีย ซึ่งนี่จะเป็นครั้งแรกในการเริ่มต้นการผลิตโมดูล LTE / LPWAN IoT ระดับอุตสาหกรรมในอินเดีย โดยอินเดียเป็นศูนย์กลางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ IoT ที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ในตลาดโลก และโมดูล IoT ที่ออกแบบพัฒนาและผลิตในอินเดียก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับฐานลูกค้าที่ Cavli มีอยู่แล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210124005080/en/

C42GM is a single-mode LTE CAT M1/NB1/NB2 (upgradable to Release 14) compatible Smart Cellular Module based on 3GPP Release 13, that comes with an integrated eSIM. C42GM has a healthy battery life profile of ten years due to Deep Sleep Mode capability. It also comes with integrated GNSS, Bluetooth 4.2 & Sigfox. The integrated eSIM coupled with Cavli Hubble Global Connectivity ensures the module can be deployed across the globe, making it an ideal solution for logistics, automotive, vehicle tracking systems and more (Photo: Business Wire)

C42GM เป็น LTE CAT M1 / NB1 / NB2  (อัพเกรดเป็นรุ่น 14) แบบโหมดเดียว ที่ใช้ได้กับ Smart Cellular Module ที่ใช้ 3GPP Release 13 ซึ่งมาพร้อมกับ eSIM ในตัว โดย C42GM มีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนานถึง 10 ปี เนื่องจากใช้ความสามารถในโหมด Deep Sleep นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ GNSS ในตัวบลูทูธ 4.2 และ Sigfox eSIM ที่ผสานรวมกับ Cavli Hubble Global Connectivity จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าโมดูลจะสามารถใช้งานได้ทั่วโลก ทำให้เป็นโซลูชันที่ดีที่สุดสำหรับระบบขนส่งยานยนต์ ระบบติดตามยานพาหนะและอื่น ๆ (ภาพ: Business Wire)

GCT Semiconductor, Inc. ออกแบบและพัฒนานวัตกรรมชิป LTE สำหรับอุตสาหกรรมการสื่อสารไร้สาย 4G LTE, LPWAN และ 5G

ไฮไลต์สำคัญในการทำงานร่วมกันครั้งนี้ คือการที่ LTE CAT M1/NB1/NB2 C42GM Smart IoT Module ที่ใช้ GCT GDM7243i จะมาพร้อมกับ eSIM, GNSS, CAN Controller และ BLE-4.2 ในตัว จึงทำให้มันเป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในฝันสำหรับการติดตามสินทรัพย์ทุกสิ่งของผู้ผลิตโซลูชันยานยนต์ นอกจากนี้โมดูล IoT อัจฉริยะ C42GM ยังรองรับ Sigfox และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่เน้นโซลูชันการเชื่อมต่อแบบไฮบริด ทั้งนี้ แอพพลิเคชั่นการใช้งาน LPWAN ที่หลากหลาย เช่น ตัวติดตามอุปกรณ์สวมใส่ เครื่องวัดยูทิลิตี้อัจฉริยะ และโซลูชันที่ใช้เซ็นเซอร์อื่น ๆ สำหรับโครงการเมืองอัจฉริยะจะสามารถถูกขับเคลื่อนได้อย่างราบรื่นด้วยโมดูล C42GM IoT อัจฉริยะที่มาพร้อมกับ eSIM ในตัว ซึ่งพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อทั่วโลก

อุตสาหกรรมการเชื่อมต่อไร้สายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ได้รับแรงผลักดันเพิ่มขึ้นสำหรับความพยายามในการเปลี่ยนรูปแบบให้เป็นดิจิทัลภายหลังจากการระบาดใหญ่ของโควิด ซึ่งกำลังปูทางให้อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกสำหรับตลาดที่พัฒนาแล้ว ความร่วมมือกับ GCT Semiconductor ในครั้งนี้ เป็นการวางตำแหน่ง Cavli Wireless ให้เป็นพันธมิตรระดับโลกที่เป็นที่นิยมสำหรับโครงการ IoT ขององค์กรจำนวนมากที่ซึ่งตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ และการเชื่อมต่อที่มีการผสานรวมในระดับสูง

ปัจจุบันมีการทำงานโปรเจ็คท์นำร่องร่วมกับลูกค้าทั่วโลก โดย C42GM ที่เป็นโมดูล IoT ตัวแรกจากความร่วมมือนี้จะเริ่มจัดส่งไปทั่วโลกในรูปแบบการผลิตจำนวนมากตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2564

ผู้ผลิตโซลูชัน IoT ที่สนใจ สั่งซื้อชุดประเมินผลล่วงหน้าสามารถไปที่ลิงก์เพื่อดูข้อมูลได้ที่นี่

ค้นหาข่าวล่าสุดและการอัปเดตของ Cavli Wireless ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ Cavli Wireless, Inc.

Cavli Wireless เป็นผู้ผลิตโมดูล IoT แบบเซลลูลาร์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซานโฮเซ แคลิฟอร์เนีย ซึ่งรวมการเชื่อมต่อ IoT และการจัดการข้อมูลไว้ในแพลตฟอร์มเดียว Cavli ออกแบบและผลิตโมดูลอัจฉริยะ IoT แบบเซลลูลาร์ระดับอุตสาหกรรม ที่ช่วยพัฒนาการใช้งานของอุปกรณ์และเร่งกระบวนการพัฒนาสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งรวมถึงการใช้งานในเมืองอัจฉริยะระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และการขนส่งการดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของมนุษย์ โมดูลอัจฉริยะทั้งหมดที่พัฒนาโดย Cavli มาพร้อมกับการเชื่อมต่อเซลลูลาร์ทั่วโลกผ่านฟังก์ชัน eSIM ที่รวมเอาไว้แล้ว โดยมีการเสนอราคา data pricing ทั่วโลกที่ไม่แพงให้แก่ผู้ใช้ ตลอดจนถึงกระบวนการจัดการอุปกรณ์ที่ง่ายขึ้นและการจัดการการสมัครสมาชิกแบบรวมศูนย์ผ่านอินเทอร์เฟซบนคลาวด์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Cavli Hubble

เกี่ยวกับ GCT Semiconductor, Inc.

GCT Semiconductor เป็นผู้ออกแบบและจัดหาโซลูชั่นเซมิคอนดักเตอร์ 4G LTE และ 5G ขั้นสูงชั้นนำ โซลูชัน LTE ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ GCT ให้การเชื่อมต่อ LTE ที่รวดเร็วและเชื่อถือได้กับอุปกรณ์เชิงพาณิชย์จำนวนมาก เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ดองเกิล USB ฮอตสปอต เราเตอร์แอปพลิเคชัน M2M สำหรับผู้ให้บริการ LTE ชั้นนำของโลก เป็นต้น โดยทาง GCT นำเสนอโซลูชัน LTE ที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับ Internet of Things (IoT) และระบบบนชิปของ GCT ได้ผสานรวมความถี่วิทยุโมเด็มเบสแบนด์และฟังก์ชันการประมวลผลสัญญาณดิจิทัลเอาไวด้ย ดังนั้นจึงนำเสนอโซลูชันแพลตฟอร์ม 4G และ 5G ที่สมบูรณ์แบบด้วยรูปทรงขนาดเล็ก ใช้พลังงานต่ำ ประสิทธิภาพสูง ความน่าเชื่อถือและความคุ้มค่าสูง ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.gctsemi.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210124005080/en/

ติดต่อ:

Ajit Thomas

ผู้ร่วมก่อตั้งและ CMO ของ Cavli Wireless

ajit@cavliwireless.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Capco แต่งตั้ง James Arnett เป็นหัวหน้าภูมิภาคเอเปค

Logo

ลอนดอนและฮ่องกง–(บิสิเนสไวร์)–21 ม.ค. 2564

Capco ที่ปรึกษาด้านการจัดการและเทคโนโลยีระดับโลกได้เสนอชื่อ James Arnett เป็นผู้จัดการและหุ้นส่วนสำหรับภูมิภาคเอเปค โดยมีหน้าที่รับผิดชอบธุรกิจของบริษัทในฮ่องกง สิงคโปร์ ไทย และมาเลเซีย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210120005619/en/

James Arnett (Photo: Business Wire)

James Arnett (รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

James มีประสบการณ์ในการให้คำปรึกษา การธนาคาร และเทคโนโลยีทั่วโลกกว่า 20 ปี โดยร่วมกับสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและธนาคารอินเทอร์เน็ตบุกเบิกหลายรายของสหราชอาณาจักร  เขาได้นำและสร้างแนวทางปฏิบัติด้านการเงิน ความเสี่ยง และการปฏิบัติตามกฎระเบียบในสหราชอาณาจักรของ Capco และล่าสุดเป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการตลาดทุนของสหราชอาณาจักร  เขาเข้าร่วมกับ Capco ในปี 2554 โดยดำรงตำแหน่งที่ IBM Global Business Services, Capita, Hewlett Packard Enterprise และ The Co-operative Bank

James จะประจำที่สำนักงานในฮ่องกงของ Capco และจะย้ายจากลอนดอนเมื่อได้มียุติข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

Lance Levy ซีอีโอของ Capco กล่าวว่า “การแต่งตั้ง James ให้เป็นผู้นำภูมิภาคเอเปคเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของ Capco ในการลงทุนในภูมิภาคนี้  James มีประสบการณ์ในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าทั่วโลกและโปรแกรมการเปลี่ยนแปลงในสหราชอาณาจักร ยุโรป อเมริกาเหนือ เอเชีย และแอฟริกาและมีประวัติความสำเร็จในการนำแนวทางของผู้ประกอบการไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว  ความเชี่ยวชาญเชิงลึกของเขาเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่และการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ข้อมูลภายในตลาดทุนและการธนาคารจะเป็นสิ่งล้ำค่าในการเติบโตและการกำเนินการในภูมิภาคของเรา”

James Arnett กล่าวว่า: “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีโอกาสในการขับเคลื่อนธุรกิจในภูมิภาคเอเปคของเราให้ก้าวไปข้างหน้า  ภูมิภาคนี้เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและพลวัตของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลและการเปลี่ยนแปลงในบริการทางการเงิน  นับว่ามีโอกาสที่ดีในอุตสาหกรรมการธนาคารเสมือน ข้อมูล บริษัท เทคโนโลยีประกันภัย เทคโนโลยีเกิดขึ้นใหม่ รวมถึงคลาวด์และแมชชีนเลิร์นนิงและการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้และการเดินทางของลูกค้า  ผมหวังว่าจะได้ร่วมงานกับลูกค้าในเอเชียแปซิฟิกของเราเพื่อช่วยปรับโครงสร้างและขยายธุรกิจให้เติบโต”

เกี่ยวกับ Capco

Capco เป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการจัดการระดับโลกที่เชี่ยวชาญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน  ด้วยพอร์ตโฟลิโอของลูกค้าที่เติบโตขึ้นซึ่งประกอบไปด้วยองค์กรกว่า 100 แห่งทั่วโลก Capco ดำเนินงานที่จุดตัดของธุรกิจและเทคโนโลยีโดยการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับความรู้ในอุตสาหกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้เข้ากับผลงานด้านดิจิทัลสำหรับการธนาคารและการชำระเงิน ตลาดทุน การจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่ง และภาคพลังงาน  ความเฉลียวฉลาดล้ำสมัยของ Capco ถูกนำมาใช้จริงผ่านห้องแล็บนวัตกรรมและ BYAW โดยได้รับรางวัลและความสามารถที่หลากหลาย  หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.capco.com หรือติดตามเราบน Twitter, Facebook, YouTube, LinkedIn Instagram และ Xing

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210120005619/en/

ติดต่อสื่อ:
Tim Steele
Head of External Communications  (หัวหน้าฝ่ายสื่อสารภายนอก)
tim.steele@capco.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter