STEERLife และ Callidus Research Laboratories สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

Logo

เบงกาลูรู อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

STEERLife ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีการพัฒนายา และ Callidus Research Laboratories ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่มีประสบการณ์มากมายในการพัฒนายารักษาโรคอย่างครอบคลุม ได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อเร่งการพัฒนายาสำหรับตลาดทั่วโลก STEERLife เป็นแผนกหนึ่งของ STEER World

ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ขั้นสูงและการผลิตแบบต่อเนื่องของ STEERLife เข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนายารักษาโรคของ Callidus เพื่อตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยาและการพัฒนายาเชิงนวัตกรรม

STEERLife และ Callidus จะใช้ประโยชน์จากจุดแข็งร่วมกันเพื่อให้บริการพัฒนายาขั้นสูงแก่ลูกค้าทั่วโลกโดยใช้เทคโนโลยีการอัดรีดด้วยความร้อน (HME) ความร่วมมือนี้ทำให้ทั้งสององค์กรสามารถผสมผสานความรู้และทักษะเฉพาะทางของตนเข้าด้วยกันได้ ซึ่งนำไปสู่โซลูชันเชิงนวัตกรรมและข้อเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือยังช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนเครือข่าย การติดต่อ และการเข้าถึงตลาด ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถเข้าสู่ภูมิภาคและกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ ความร่วมมือนี้จะตอบสนองความต้องการทั่วโลกสำหรับสูตรยารักษาโรครุ่นถัดไป โดยให้บริการแก่บริษัทยาสามัญและบริษัทยาที่มีแบรนด์

ความร่วมมือนี้ยังช่วยให้สามารถพัฒนายาแบบครบวงจรสำหรับสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (API) ที่ออกฤทธิ์แรงได้ด้วย นอกเหนือจากความสามารถที่เสริมซึ่งกันและกันแล้ว ความร่วมมือระหว่างองค์กรยังได้รับการขับเคลื่อนด้วยความมุ่งมั่นร่วมกันในการผลักดันขอบเขตของนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์แห่งอนาคตสำหรับตลาดทั่วโลก

“ความร่วมมือของเรากับ Callidus Research Laboratories ถือเป็นก้าวสำคัญในด้านนวัตกรรมเภสัชกรรม” Indu Bhushan ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ STEERLife กล่าว “ความร่วมมือนี้ช่วยให้ลูกค้ามีเทคโนโลยีสุดล้ำ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม และความสามารถในการขยายขนาดที่ราบรื่น”

“การพัฒนานี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ STEERLife ในด้านความเป็นเลิศ นวัตกรรม และการส่งมอบคุณค่าที่ยอดเยี่ยม” คุณ Bhushan กล่าวเสริม

“การร่วมมือกับ STEERLife ช่วยเพิ่มความสามารถของเรา ทำให้เราสามารถนำเสนอโซลูชันเชิงนวัตกรรมที่ครอบคลุมให้กับบริษัทด้านเภสัชกรรมต่างๆ ทั่วโลกได้” Vardhaman Bafna ผู้ก่อตั้งร่วมและผู้อำนวยการของ Callidus Research Laboratories กล่าว “ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันขอบเขต ส่งเสริมการเติบโต และปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ป่วยผ่านโซลูชันทางเภสัชกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิต”

เกี่ยวกับ STEERLife

STEERLife ซึ่งเป็นแผนกหนึ่งของ STEER World เป็นบริษัทด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพชั้นนำที่ปฏิวัติการผลิตและการบริโภคยารักษาโรคผ่านแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์สุดล้ำ ในฐานะบริษัทด้านเภสัชกรรมชั้นนำในอินเดียที่เปลี่ยนจากการผลิตเป็นชุดแบบดั้งเดิมเป็นการผลิตแบบต่อเนื่องและไม่มีการหยุดชะงัก STEERLife มอบโซลูชันด้านการดูแลสุขภาพที่ยอดเยี่ยม โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการให้ความสำคัญกับผู้ป่วย ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเชิงนวัตกรรม

เกี่ยวกับ Callidus Research Laboratories

Callidus Research Laboratories เป็นบริษัทให้บริการพัฒนาสูตรยาที่ก่อตั้งและบริหารโดยทีมงานมืออาชีพจากอุตสาหกรรมเภสัชกรรม ซึ่งมีประวัติการให้บริการตลาดทั่วโลกที่ยอดเยี่ยม

ทีมงานของ Callidus ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีความสามารถในการพัฒนารูปแบบยาต่างๆ และให้บริการพัฒนาผลิตภัณฑ์ยารักษาโรคครบวงจรแก่ลูกค้าทั่วโลก

เราให้บริการครบวงจรในโปรแกรมพัฒนายาแก่พันธมิตรทั่วโลกของเรา ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาสูตรยา การพัฒนาเชิงวิเคราะห์ การศึกษาความคงตัว การถ่ายโอนเทคโนโลยี สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และการสนับสนุนด้านกฎระเบียบ

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Amit Jain, Myo Brand Partners, +91-9886062866

แหล่งข้อมูล: STEERLife

Medidata คว้าตำแหน่งสุดยอดผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก

Logo

นิวยอร์ก –(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Medidata (แบรนด์ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำในวงการวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิต) ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน PEAK Matrix® สำหรับผลิตภัณฑ์ระบบการจัดการการทดลองทางคลินิกด้านวิทยาศาสตร์สิ่งมีชีวิตประจำปี 2024 ที่ Everest Group จัดขึ้นเป็นครั้งแรก รายงานนี้ได้ประเมินผู้ให้บริการ 13 รายโดยอิงตามผลลัพธ์ที่ผลิตภัณฑ์ของผู้ให้บริการเหล่านี้มีต่อตลาด และขีดความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและประสบผลสำเร็จ

Rave CTMS จาก Medidata เป็นผู้นำวงการในการมอบบริการส่งข้อมูลผู้ป่วยแบบเรียลไทม์และราบรื่นที่พลิกโฉมระบบการติดตามผลการลงทะเบียน และช่วยให้สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นและมีข้อมูลประกอบ ทั้งนี้ Rave CTMS ช่วยยกระดับการทำงานร่วมกัน ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงรายการข้อมูลด้วยตนเอง และทำให้การทดลองเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นพร้อมความแม่นยำที่เหนือชั้น โดยช่วยให้ทีมศึกษาวิจัยเห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้ในทันที

คุณ Tom Doyle ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Medidata กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำสูงสุดในด้าน CTMS จากทาง Everest Group” และ “รางวัลนี้ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการพลิกโฉมการวิจัยและตอกย้ำถึงกลยุทธ์ของเราในการนำเสนอประสบการณ์รูปแบบใหม่ผ่าน AI ที่จะปฏิวัติวิธีการออกแบบ วางแผน และจัดการการทดลองแบบครบวงจรขององค์กรต่าง ๆ พร้อมมอบผลลัพธ์สูงสุด”

คุณ Tom Doyle ยังกล่าวเสริมด้วยว่า “ในปี 2025 Medidata จะนำข้อมูลเชิงลึกจาก AI เข้ามาผสานรวมกับโซลูชันด้านการวางแผนและการดำเนินการวิจัย ช่วยให้สามารถจำลองการออกแบบการทดลอง ลดความยุ่งยากของกระบวนการ และยกระดับประสิทธิภาพให้ดีขึ้นได้”

Medidata เป็นผู้ให้บริการเพียงรายเดียวที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำในการประเมิน CTMS, การบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และการทดลองทางคลินิกแบบแยกจากศูนย์ (DCT) จาก Everest Group สำหรับ Rave EDC ของ Medidata, แพลตฟอร์ม Medidata และผลงานของทางบริษัทใน DCT

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ของเรา

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata มุ่งพัฒนาการรักษาให้มีความอัจฉริยะยิ่งขึ้นและช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata ได้พัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาแล้ว 25 ปีจากการทดลองกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย บริษัทนี้จึงมีความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของวงการ ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกที่ผ่าน ๆ มาในระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก แพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่ราบรื่นของ Medidata ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้ที่ลงทะเบียนกว่า 1 ล้านคนจากลูกค้าประมาณ 2,200 ราย เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งคิดค้นนวัตกรรมทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ Dassault Systèmes(Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นิวยอร์กซิตี และได้รับยกย่องให้เป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.medidata.com และติดตามเราที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes ช่วยเร่งให้มนุษย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น เราให้บริการสภาพแวดล้อมเสมือนในการทำงานร่วมกับแก่ธุรกิจและผู้คนเพื่อคิดค้นนวัตกรรมที่ยั่งยืน เมื่อมีการสร้างประสบการณ์แบบ Virtual Twin ที่เหมือนกับโลกความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน 3DEXPERIENCE ของเรา ลูกค้าของเราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการสร้างสรรค์ ผลิต และจัดการวงจรการใช้งานสำหรับผลิตภัณฑ์ของตนได้ และช่วยให้โลกใบนี้ยั่งยืนยิ่งขึ้นได้เป็นอย่างดี ความสวยงามของเศรษฐกิจประสบการณ์ (Experience Economy) ก็คือเศรษฐกิจแบบนี้จะคำนึงถึงมนุษย์เป็นสำคัญเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และประชาชน ทั้งนี้ Dassault Systèmes ได้สร้างคุณค่าให้กับลูกค้ากว่า 350,000 รายการในทุกขนาด ทุกวงการ และในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนสิทธิ์ทุกประการ 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอน Compass, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS คือเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งภายใต้กฎหมายของฝรั่งเศส และมีการจดทะเบียนกับ Versailles Trade และหน่วยงานทะเบียนบริษัทภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่น ๆ เครื่องหมายการค้าอื่นทั้งหมดจะเป็นของเจ้าของรายนั้น ๆ การใช้เครื่องหมายการค้าใด ๆ ของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยชัดแจ้ง

เกี่ยวกับ Everest Group

Everest Group เป็นบริษัทด้านการวิจัยชั้นนำของโลก ซึ่งช่วยให้ผู้นำทางธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ การประเมิน PEAK Matrix® ของ Everest Group มาพร้อมการวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกที่องค์กรต่าง ๆ ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสำคัญในการเลือกผู้ให้บริการระดับสากล ตำแหน่งที่ตั้ง รวมถึงผลิตภัณฑ์และโซลูชันภายในส่วนตลาดต่าง ๆ ในขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการ ผลิตภัณฑ์ และโซลูชันเหล่านี้เองก็เลือกใช้ PEAK Matrix® ในการวัดและเทียบผลิตภัณฑ์ของตนกับผู้อื่นในวงการหรือตลาด โปรดดูรายละเอียดเพิ่มเติมและเนื้อหาเชิงลึกที่ www.everestgrp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้ติดต่อ

ประชาสัมพันธ์ของ Medidata
Medidata.PR@3ds.com

นักวิเคราะห์สัมพันธ์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งที่มา: Medidata

Medidata และ Bioforum เสริมสร้างความสัมพันธ์ยาวนานกว่าทศวรรษเพื่อพัฒนาข้อมูลทางคลินิกและโซลูชันไบโอเมตริกสำหรับการทดลองทางคลินิก

Logo

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นใช้ประโยชน์จาก Clinical Data Studio และไบโอเมตริกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อมอบบริการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพสูงสำหรับลูกค้าของ Bioforum

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024 

Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes และผู้ให้บริการโซลูชันการทดลองทางคลินิกชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ได้ประกาศข้อตกลงองค์กรฉบับใหม่กับ Bioforum ซึ่งเป็น CRO ด้านไบโอเมตริกที่ให้บริการแก่ผู้สนับสนุนการทดลองทางคลินิกทั่วโลก

ความร่วมมือที่ขยายขึ้นจากการทำงานร่วมกันมากกว่าทศวรรษจะช่วยให้ลูกค้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพของ Bioforum เข้าถึงเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Medidata ได้กว้างขวางขึ้น ทำให้ประสบการณ์การพัฒนาทางคลินิกมีความคล่องตัวมากขึ้น นอกเหนือจากโซลูชัน Medidata เช่น Medidata Rave EDC และ Medidata Rave RTSM ซึ่ง Bioforum ได้ใช้ประโยชน์เพื่อจัดทำการศึกษาวิจัย 60 รายการในด้านการรักษาที่หลากหลาย CRO ยังเพิ่ม Medidata Clinical Data Studio และ Medidata eConsent เพื่อปรับปรุงการไหลของข้อมูล รักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล และให้เป็นไปตามข้อกำหนด

“ทีมผู้เชี่ยวชาญ บริการไบโอเมตริกชั้นนำของอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราส่งผลให้ Bioforum ช่วยให้ผู้สนับสนุนสามารถจัดการข้อมูลทางคลินิกได้อย่างราบรื่นในที่เดียว และมั่นใจได้ว่าข้อมูลจะปลอดภัย ถูกต้อง และพร้อมสำหรับการวิเคราะห์” Amir Malka ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งร่วมของ Bioforum กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เสริมสร้างความร่วมมือกับ Medidata และร่วมกันมอบโซลูชันขั้นสูงที่สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าเพื่อเติบโตได้”

“ความร่วมมือที่ขยายขึ้นกับ Bioforum จะนำการจัดการการทดลองทางคลินิกที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาสู่บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่คล่องตัว ซึ่งจะช่วยให้บริษัทเหล่านั้นออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น” Janet Butler รองประธานบริหารและหัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ Medidata กล่าว “การใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการเฝ้าระวังข้อมูลผู้ป่วยและ RBQM จะช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับ Bioforum และมอบสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลคุณภาพสูงที่ราบรื่นให้กับลูกค้าของพวกเขาได้”

Bioforum จะสนับสนุนงาน NEXT New York ของ Medidata ที่กำลังจะจัดขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมการทดลองทางคลินิกชั้นนำที่บริษัทจัดขึ้น โดยกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 13 ถึง 14 พฤศจิกายน ณ นครนิวยอร์ก

เกี่ยวกับ Medidata

Medidata ขับเคลื่อนการรักษาที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้นและทำให้ผู้คนมีสุขภาพที่ดีขึ้นผ่านโซลูชันดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการทดลองทางคลินิก Medidata เฉลิมฉลอง 25 ปีของนวัตกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำในการทดลองมากกว่า 34,000 ครั้งและผู้ป่วย 10 ล้านราย โดยนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับชั้นนำของอุตสาหกรรม ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยการวิเคราะห์ และชุดข้อมูลการทดลองทางคลินิกในอดีตระดับผู้ป่วยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 1 ล้านรายในลูกค้าประมาณ 2,200 รายไว้วางใจในแพลตฟอร์มที่ไร้รอยต่อและครบวงจรของ Medidata ในการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย เร่งการค้นพบทางคลินิก และนำการรักษาออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น Medidata ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Dassault Systèmes (Euronext Paris: FR0014003TT8, DSY.PA) มีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครนิวยอร์ก และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำโดย Everest Group และ IDC ค้บหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.medidata.com และติดตามเราได้ที่ @Medidata

เกี่ยวกับ Dassault Systèmes

Dassault Systèmes เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความก้าวหน้าของมนุษย์ เรามอบสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่ทำงานร่วมกันให้กับธุรกิจและผู้คนเพื่อจินตนาการถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน การสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่เป็นคู่ขนานกับโลกแห่งความเป็นจริงด้วยแพลตฟอร์ม 3DEXPERIENCE และแอปพลิเคชั่นต่างๆ ของเราจะช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถกำหนดนิยามใหม่ให้กับกระบวนการสร้างสรรค์ การผลิต และการจัดการวงจรชีวิตของข้อเสนอของลูกค้าได้ และด้วยเหตุนี้จึงมีผลอย่างมากในการทำให้โลกยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ความงามของเศรษฐกิจประสบการณ์คือเศรษฐกิจที่คำนึงถึงมนุษย์เป็นหลักเพื่อประโยชน์ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริโภค ผู้ป่วย และพลเมือง Dassault Systèmes มอบคุณค่าให้กับลูกค้ามากกว่า 350,000 รายในอุตสาหกรรมทุกขนาดในกว่า 150 ประเทศ โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.3ds.com

© Dassault Systèmes สงวนลิขสิทธิ์ทั้งหมด 3DEXPERIENCE, โลโก้ 3DS, ไอคอนเข็มทิศ, IFWE, 3DEXCITE, 3DVIA, BIOVIA, CATIA, CENTRIC PLM, DELMIA, ENOVIA, GEOVIA, MEDIDATA, NETVIBES, OUTSCALE, SIMULIA และ SOLIDWORKS เป็นเครื่องหมายการค้าเชิงพาณิชย์หรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Dassault Systèmes ซึ่งเป็นบริษัทในยุโรป (Societas Europaea) ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายฝรั่งเศส และจดทะเบียนกับสำนักงานทะเบียนการค้าและบริษัทแวร์ซายส์ภายใต้หมายเลข 322 306 440 หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและ/หรือประเทศอื่นๆ เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง การใช้เครื่องหมายการค้าของ Dassault Systèmes หรือบริษัทในเครือต้องได้รับการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน

เกี่ยวกับ Bioforum the Data Masters

Bioforum the Data Masters เป็นองค์กรวิจัยทางคลินิกชั้นนำระดับโลก (CRO) ที่เชี่ยวชาญด้านบริการและโซลูชันด้านไบโอเมตริกสำหรับอุตสาหกรรมยา เทคโนโลยีชีวภาพ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีสุดล้ำช่วยให้ Bioforum ให้บริการต่างๆ มากมาย รวมถึงการจัดการข้อมูล ชีวสถิติ การเขียนโปรแกรมเชิงสถิติ และการเขียนทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ นำยาและการรักษาใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราและบริการของเรา โปรดไปที่ www.bioforumgroup.com หรือค้นหาเราบน LinkedIn ได้ที่ https://il.linkedin.com/company/bioforum-ltd

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Medidata PR
Medidata.PR@3ds.com

ความสัมพันธ์กับนักวิเคราะห์
Medidata.AR@3ds.com

แหล่งข้อมูล: Medidata

VentureOne ของ ATRC เปิดตัว QuantumGate เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับยุคควอนตัมที่งาน CyberQ

Logo

  • บริษัทน้องใหม่เปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูงเพื่อปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
  • เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอาบูดาบี (Abu Dhabi’s Technology Innovation Institute)

อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

VentureOne ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการค้าของสภาวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced Technology Research Council) ได้เปิดตัว QuantumGate บริษัทใหม่ที่ให้นำเสนอชุดผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลขั้นสูงเพื่อปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลขององค์กรต่างๆ ในยุคควอนตัมที่งาน CyberQ ซึ่งจัดที่เมืองอาบูดาบีในวันนี้

ATRC’s VentureOne Launches QuantumGate to Secure Data for the Quantum Era at CyberQ (Photo: AETOSWire)

VentureOne ของ ATRC เปิดตัว QuantumGate เพื่อรักษาความปลอดภัยข้อมูลสำหรับยุคควอนตัมที่งาน CyberQ (ภาพ: AETOSWire)

ท่าน Faisal Al Bannai เลขาธิการของ ATRC กล่าวว่า “ยุคควอนตัมไม่ใช่ภัยคุกคามที่อยู่ไกลตัวอีกต่อไป ยุคดังกล่าวได้มาถึงแล้ว การเปิดตัว QuantumGate ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลอันล้ำค่าจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โซลูชันภายในประเทศของ QuantumGate จะช่วยให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของประเทศและองค์กรของเราจะยังคงปลอดภัยอยู่เสมอ”

“องค์กรแทบทุกแห่งต่างก็ใช้อัลกอริทึมการเข้ารหัสเพื่อเข้ารหัสและปกป้องข้อมูล” ดร. Najwa Aaraj ซึ่งเป็น CEO ของสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีกล่าว “แต่ความก้าวหน้าในการประมวลผลแบบควอนตัมจะทำให้อัลกอริทึมจำนวนมากตกยุคในเวลาเพียงแค่ 5 ถึง 10 ปีเท่านั้น ถึงแม้จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยในปัจจุบัน แต่ผู้ไม่ประสงค์ดีก็สามารถรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลขององค์กรไว้เพื่อถอดรหัสในภายหลังเมื่อควอนตัมคอมพิวเตอร์มีให้ใช้งานอย่างแพร่หลายมากกว่านี้ นั่นหมายความว่าความเสี่ยงอยู่ใกล้แค่เอื้อม ข้อมูลขององค์กรตกอยู่ในความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว”

ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลของ QuantumGate ใช้เทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์จากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ปกป้องสินทรัพย์ข้อมูลของตนจากภัยคุกคามที่มีอยู่ในปัจจุบันและภัยคุกคามใหม่ๆ ในขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะสอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับด้านการเข้ารหัสข้อมูลที่จะมีการประกาศใช้ ชุดผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย:

  • QSphere ซึ่งประกอบด้วย VPN สำหรับยุคควอนตัม และอีเมล โฟลเดอร์ไฟล์ และแอปพลิเคชันเข้ารหัส-ถอดรหัสข้อความสำหรับยุคควอนตัม
  • Salina เครื่องมือจัดการตัวตนและการเข้าถึงที่ออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งยากของขั้นตอนการยืนยันตัวตนโดยตัดความจำเป็นในการใช้รหัสผ่านออกไป 

“ความก้าวหน้าล่าสุดในการประมวลผลแบบควอนตัมทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทุกคนเห็นตรงกันว่าโซลูชันการเข้ารหัสในปัจจุบันจะถูกท้าทายอย่างรุนแรงในอีกไม่ช้า” คุณ Reda Nidhakou รักษาการ CEO ของ VentureOne ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ QuantumGate กล่าว “เพื่อป้องกันความสูญเสียครั้งใหญ่ ธุรกิจที่มีความละเอียดอ่อนจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับยุคควอนตัมในทันที ซึ่งภารกิจของเราก็คือการทำให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผ่านโซลูชันที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และล้ำสมัย”

นอกจากจะมอบผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยข้อมูลแล้ว QuantumGate จะให้บริการให้คำปรึกษาเพื่อช่วยเหลือองค์กรต่างๆ ในการเปลี่ยนผ่านจากการใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเก่าไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับยุคควอนตัม พร้อมทั้งรับประกันว่าการดำเนินงานจะเกิดการหยุดชะงักน้อยที่สุด

QuantumGate เป็นบริษัทลำดับที่สามที่ VentureOne เปิดตัวต่อจาก SteerAI บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีการเดินทางแบบอัตโนมัติซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2024 และ AI71 บริษัทที่สร้างโซลูชันทางธุรกิจโดยใช้โมเดล AI ช่วยสร้างของ Falcon ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2023

LinkedIn

ที่มาAETOSWire

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151175/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Menna Massoud
Menna.massoud@edelman.com

ที่มา: QuantumGate

คณะกรรมการภาพยนตร์ซาอุดีอาระเบีย ปิดการประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์ครั้งที่สอง

Logo

ริยาด ซาอุดีอาระเบีย–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

การประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์นานาชาติครั้งที่ 2 ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการภาพยนตร์ซาอุดีอาระเบียสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ หลังจากจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6 ถึง 10 พฤศจิกายนในกรุงริยาด การประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจํานวนมากทั้งที่ผู้ที่ชื่นชอบวัฒนธรรม ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ผู้สร้างภาพยนตร์ และผู้ชมภาพยนตร์

The Saudi Film Commission Concludes The Second Edition of The Film Criticism Conference (Photo: AETOSWire)

คณะกรรมการภาพยนตร์ซาอุดีอาระเบียปิดการประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์ครั้งที่สอง (ภาพ: AETOSWire)

ภายใต้หัวข้อ “Sound in Cinema” การประชุมครั้งนี้จะเน้นที่ประเด็นต่างๆ ของภาพยนตร์ โดยเน้นไปที่ผลกระทบของเสียงที่มีต่อประสบการณ์การถ่ายทําภาพยนตร์ และอิทธิพลของเสียงที่มีต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์ หัวข้อที่ครอบคลุมรวมถึงเพลงประกอบต้นฉบับ เอฟเฟกต์เสียง และเสียงของธรรมชาติ วิทยากรกว่า 40 คนจาก 24 ประเทศ รวมถึงนักวิจารณ์ ผู้สร้างภาพยนตร์ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ได้แสดงความสนใจอย่างมากในงานนี้ เนื่องจากเสียงมีบทบาทสําคัญในภาพยนตร์และความสําคัญต่อการพัฒนาภาคส่วนนี้และเสริมสร้างประสบการณ์การชมภาพยนตร์ร่วมสมัย

การประชุมครั้งนี้มีการจัดเวิร์กช็อป 6 ครั้งที่นําโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม รวมถึงเวิร์กช็อปเฉพาะทาง 4 ครั้งสําหรับเด็กที่มุ่งพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และการชมภาพยนตร์ นอกจากนี้ โปรแกรมยังรวมถึงการอภิปรายแบบกลุ่ม 13 ครั้งและการฉายภาพยนตร์ที่โดดเด่น 8 เรื่องจากทั่วโลก ตามด้วยการอภิปรายเชิงวิพากษ์วิจารณ์

การประชุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของคณะกรรมการภาพยนตร์ซาอุดีอาระเบียในการยกระดับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เนื่องจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็นสื่อกลางของวัฒนธรรมและเป็นตัวเร่งให้เกิดการมีส่วนร่วมทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ การประชุมยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของคณะกรรมการในการส่งเสริมบทบาทของภาพยนตร์ในฐานะเครื่องมือสําหรับการพัฒนาวัฒนธรรม สังคม และเศรษฐกิจ คณะกรรมการมุ่งหวังที่จะบรรลุวัตถุประสงค์โดยการสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ และยกระดับประสบการณ์การชมภาพยนตร์ระดับประเทศ นอกจากนี้ การวิจารณ์ภาพยนตร์ยังมีบทบาทสําคัญในความพยายามของคณะกรรมการ เนื่องจากเป็นกุญแจสําคัญในการกําหนดวัฒนธรรมภาพยนตร์สําหรับผู้ชม และเสริมสร้างศักยภาพระดับมืออาชีพของผู้สร้างภาพยนตร์

การประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์เป็นกิจกกรมสุดท้ายของการประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์ประจำปีนี้ ซึ่งรวมถึงงานก่อนหน้านี้ 2 งานใน Hail เมื่อวันที่ 27 กันยายน และใน Al-Ahsa เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม การประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์นานาชาติในกรุงริยาดเป็นกิจกรรมสุดท้ายของการประชุมประจำปีนี้ โดยดึงดูดผู้เข้าร่วมจากทั่วราชอาณาจักรและทั่วโลก

ที่มา: AETOSWire

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151289/en

ติดต่อ

Nasry Abou Zaki
nasry@jcn.marketing

ที่มา: การประชุมวิจารณ์ภาพยนตร์นานาชาติ

Quit Like Sweden ร่วมฉลองความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของสวีเดน

Logo

สต็อกโฮล์ม–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

ในวันนี้ ชาวสวีเดนได้กลายเป็นกลุ่มคนปลอดบุหรี่อย่างเป็นทางการแล้ว ความแพร่หลายของการสูบบุหรี่ทั่วประเทศลดลงเหลือ 5.3% ที่น่าสนใจก็คือ ในบรรดาคนที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของสวีเดนมาตลอดชีวิต ตัวเลขนี้ลดลงเหลือ 4.5% ส่วนคนจากประเทศอื่น ๆ ในยุโรปที่ย้ายมาอยู่ในสวีเดนก็มีแนวโน้มมากขึ้นถึงสามเท่าที่จะสูบบุหรี่หากก่อนหน้านี้ไม่ได้เลือกย้ายมาอยู่ที่สวีเดน (24%1 เทียบกับ 7.8%)

Quit Like Sweden (แพลตฟอร์มที่มุ่งเผยแพร่ “Swedish Experience”) ร่วมยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้ด้วยการเรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ มาร่วมพัฒนาอีกหลายล้านชีวิตทั่วโลกไปด้วยกัน

คุณ Suely Castro  ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Quit Like Sweden กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ความสำเร็จของสวีเดนเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการพิสูจน์ว่าแนวคิดนี้ได้ผลจริงสำหรับผู้คนทั่วโลก”

“ในวันนี้ เราสามารถร่วมยินดีไปกับพัฒนาการด้านสุขภาพของสาธารณชนได้ เมื่อนำแนวทางทดแทนการสูบบุหรี่แบบ “เข้าถึงได้” “ยอมรับได้” และ “มีค่าใช้จ่ายไม่แพง” มาเสริมให้กับมาตรการและโปรแกรมต่าง ๆ ในการหยุดและป้องกันการสูบบุหรี่ สวีเดนได้พิสูจน์ให้ทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า การลดการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่นั้นไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นเรื่องที่ทำได้จริง และตอนนี้เราก็อยากให้ทั่วโลกมาร่วมมือกันเพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จทั่วโลก”

เกี่ยวกับ Quit Like Sweden

Quit Like Sweden เป็นแพลตฟอร์มที่ไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือประเทศต่าง ๆ ในการนำ Swedish Experience ไปปรับใช้เพื่อลดความแพร่หลายของการสูบบุหรี่ โดยการนำแนวทางทดแทนที่เข้าถึงได้ ยอมรับได้ และมีค่าใช้จ่ายไม่แพงมาผสานรวมกับมาตรการและโปรแกรมต่าง ๆ ในการหยุดและป้องกันการสูบบุหรี่

1 คณะกรรมาธิการยุโรป, ยูโรบารอมิเตอร์พิเศษ 539 – ทัศนคติที่ชาวยุโรปมีต่อยาสูบและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง, 2024 (ดูได้ที่ https://europa.eu/eurobarometer/surveys/detail/2995)

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

บุคคลติดต่อ

info@quitlikesweden.org

แหล่งที่มา: Quit Like Sweden

Greenery นำเสนอโซลูชันสำหรับการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำที่การประชุม COP29

Logo

Greenery ในฐานะตัวแทนจากเกาหลีใต้ที่การประชุม COP29 ได้นำเสนอระบบการจัดการน้ำในนาข้าวและวิธีแปรรูปมูลสัตว์ให้เป็นถ่านชีวภาพ พร้อมเน้นย้ำให้ผู้ร่วมการประชุมทั่วโลกเห็นถึงความสำคัญของการใช้ประโยชน์จากข้อมูลด้านการเกษตร

บากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน–(BUSINESS WIRE)–13 พฤศจิกายน 2024

Greenery, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศจากเกาหลีใต้ได้นำเสนอโซลูชันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ที่การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ครั้งที่ 29 (COP29)

ในการบรรยายหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำ” Greenery ได้นำเสนอกรณีศึกษากรณีแรกของบริษัท ว่าด้วยระบบระบายน้ำในนาข้าวที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนและอนุรักษ์น้ำ โดยระบบนี้จะวัดปริมาณและติดตามการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการเฝ้าสังเกตระดับน้ำและรวบรวมข้อมูลสภาพภูมิอากาศและดิน ซึ่งจะมีการเปิดตัวโปรเจ็กต์นี้ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญด้านข้อมูลที่นำโดยกระทรวงวิทยาศาสตร์และไอซีทีของเกาหลีใต้และสำนักงานสังคมสารสนเทศแห่งชาติ (NIA) ภายในสิ้นปี การใช้ข้อมูลด้านการเกษตรของโปรเจ็กต์นี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และมีผู้เข้าร่วมสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการผสานความร่วมมือตลอดทั้งการประชุม

Wonho Lee, Director of the Climate Tech Division at Greenery, presents on the urgent need for low-carbon agriculture. (Image: Greenery)

คุณ Wonho Lee ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศของ Greenery นำเสนอเกี่ยวกับความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรแบบคาร์บอนต่ำ (ภาพ: Greenery)

สำหรับกรณีศึกษากรณีที่สอง Greenery ได้นำเสนอโปรเจ็กต์ในการนำมูลสัตว์ที่เป็นต้นตอหลักในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของฟาร์มต่างๆ มาแปรรูปเป็นถ่านชีวภาพ โดยถ่านชีวภาพสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึง 100 ปีโดยประมาณ ซึ่งนับว่ามีประสิทธิภาพในการลดคาร์บอนในระดับสูง ในการนำเสนอกรณีศึกษานี้ Greenery ได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมปศุสัตว์

การบรรยายนี้ปิดท้ายด้วยการอธิปรายกลุ่มเกี่ยวกับความจำเป็นในการใช้โซลูชันที่อาศัยเทคโนโลยีและวิธีการที่เข้มงวดในการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการเกษตร ซึ่งการอภิปรายนี้ได้เน้นย้ำถึงประเด็นสำคัญที่ว่า เนื่องจากการเกษตรมีความเกี่ยวข้องกับความมั่นคงด้านอาหารอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในภาคการเกษตรจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ คุณ Saskia Sanders ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายจากสำนักงานเกษตรกรรมแห่งสหพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ คุณ Pankaj Kumam ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของหน่วยงานประเมินและตรวจสอบ Enviance และคุณ Soojeong Myeong หัวหน้าคณะนักวิจัยจากสถาบันสิ่งแวดล้อมแห่งเกาหลีก็เข้าร่วมการอภิปรายกลุ่มด้วย

Greenery มอบโซลูชันด้านความยั่งยืนจำนวนมาก รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์, การประเมินวงจรชีวิต (Life Cycle Assessments หรือ LCA) และการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Greenery ได้เปิดตัว ENVION ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ LCA ที่ประเมินผลกระทบที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ มีต่อสภาพแวดล้อมตลอดทั้งวงจรชีวิต โดยจะติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอนของกระบวนการ

“การเปลี่ยนผ่านสู่การเกษตรและการเลี้ยงสัตว์แบบคาร์บอนต่ำจำเป็นอย่างยิ่งต่อการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” คุณ Yoosik Hwang ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ Greenery กล่าว “เรายังคงมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านที่ยั่งยืนในภาคการเกษตรผ่านโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมใหม่”

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54152074/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Greenery, Inc.
Gyeongin Park
+82-2-6274-3600
gi.park@greenery.im

ที่มา: Greenery, Inc.

Xsolla เผยแพร่รายงานประจำฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 เกี่ยวกับอนาคตของเกมมือถือและการพัฒนาเกม: การวิเคราะห์ตัวชี้วัดล่าสุดและแนวโน้มใหม่

Logo

หัวข้อสําคัญ ได้แก่ การเติบโตของร้านค้าออนไลน์ อิทธิพลของเกมเมอร์หญิง และผลกระทบของพระราชบัญญัติตลาดดิจิทัล

ลอสแองเจลิส–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

Xsolla บริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลก ประกาศเปิดตัว “The Xsolla Report: The State of Play.” ฉบับบฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 อย่างภาคภูมิใจรายงานโดยละเอียดนี้ให้ข้อมูลเชิงลึก แนวโน้ม และโอกาสที่สําคัญในการกําหนดภูมิทัศน์ของเกม ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวและเติบโตในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

(Graphic: Xsolla)

(กราฟฟิก: Xsolla)

ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 มุ่งเน้นไปที่เกมมือถือ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ 98,700 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกในปีนี้ โดยเอเชียเป็นผู้นําตลาดที่ 65,000 ล้านดอลลาร์ รายงานยังเน้นย้ำถึงความสําคัญที่เพิ่มขึ้นของร้านค้าออนไลน์ โดยผู้เล่น 77% ซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเน้นย้ำถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของช่องทางเหล่านี้

รายงานยังเน้นย้ำถึงผู้หญิงในการเล่นเกมและความเท่าเทียมกันที่เพิ่มขึ้นในการเล่นเกม โดยตั้งข้อสังเกตว่า 87% เล่นเกมมือถือทุกสัปดาห์ และ 64% ทําการซื้อสินค้าในแอป เมื่อกลุ่มประชากรนี้เติบโตขึ้น บริษัทต่างๆ ก็ตอบสนองด้วยการพัฒนาประสบการณ์การเล่นเกมที่ครอบคลุมและมีส่วนร่วมมากขึ้น

“รายงาน 'The Xsolla Report' ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 นําเสนอมุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มของมือถือ โซลูชันการชําระเงินที่เกิดขึ้นใหม่ ผลกระทบของผู้หญิงในเกม และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบอย่างต่อเนื่องที่ส่งผลต่ออนาคต” Berkley Egenes ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโตของ Xsolla กล่าว “ด้วยรายงานนี้ เรามุ่งมั่นที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่จําเป็นแก่พันธมิตรของเราเพื่อคว้าโอกาสใหม่ๆ และประสบความสําเร็จในภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมและเข้าถึง “The Xsolla Report: The State of Play” ฉบับฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 ฉบับเต็ม โปรดไปที่ xsolla.pro/txr-autumn24

เกี่ยวกับ Xsolla

Xsolla เป็นบริษัทค้าวิดีโอเกมระดับโลกที่มีชุดเครื่องมือและบริการที่แข็งแกร่งและทรงพลังซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสําหรับอุตสาหกรรมนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2005 Xsolla ได้ช่วยเหลือนักพัฒนาเกมและผู้เผยแพร่เกมหลายพันรายทุกขนาด ในการระดมทุน ทําการตลาด เปิดตัว และสร้างรายได้จากเกมของตนทั่วโลกและบนแพลตฟอร์มต่างๆ ในฐานะผู้นําด้านนวัตกรรมในการค้าเกม ภารกิจของ Xsolla คือการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนโดยธรรมชาติของการจัดจําหน่าย การตลาด และการสร้างรายได้ทั่วโลก เพื่อช่วยให้พันธมิตรของเราเข้าถึงพื้นที่ต่างๆ ได้มากขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และสร้างความสัมพันธ์กับเกมเมอร์ทั่วโลก Xsolla มีสํานักงานใหญ่และจัดตั้งขึ้นในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย โดยมีสํานักงานในลอนดอน เบอร์ลิน โซล ปักกิ่ง กัวลาลัมเปอร์ ราลี โตเกียว มอนทรีออล และเมืองต่างๆ ทั่วโลก Xsolla สนับสนุนพันธมิตรเกมชั้นนํา เช่น Valve, Twitch, Epic Games, Take-Two, KRAFTON, Nexters, NetEase, Playstudios, Playrix, miHoYo เป็นต้น

สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเรียนรู้เพิ่มเติม โปรดไปที่ xsolla.com

สามารถรับชมภาพในรูปแบบมัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/54151076/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ

ติดต่อสื่อ

Derrick Stembridge
ผู้อํานวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ระดับโลกของ Xsolla
d.stembridge@xsolla.com

ที่มา: Xsolla

รายงานของ NIQ ชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่กำหนดทิศทางการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025

Logo

นวัตกรรมในราคาที่จับต้องได้ การช้อปปิ้งที่ยกระดับด้วย AI และสินค้าที่ยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

NielsenIQ (NIQ) ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคได้เผยแพร่รายงานสถานะของสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทน (T&D) ซึ่งชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่จะกระตุ้นการเติบโตในภาคส่วนนี้ ในขณะที่แบรนด์ต่างๆ เตรียมตัวรับมือกับความต้องการของผู้บริโภคที่กำลังเปลี่ยนแปลงในช่วงหนึ่งปีข้างหน้า โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า ราคาที่จับต้องได้ ความสะดวกสบาย ความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมที่ขับเคลื่อนด้วย AI คือปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภค

ประเด็นสำคัญจากรายงานฉบับนี้

  • ผู้บริโภค 67% มีแนวโน้มที่จะลองใช้สินค้าใหม่หากมีราคาที่จับต้องได้
  • ผู้บริโภค 70% ยินดีซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานเมื่อสินค้าดังกล่าวมีราคาสมเหตุสมผล
  • หุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นที่เปียกและแห้งมียอดขายเพิ่มขึ้น 55% ในปี 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการสินค้าที่มีฟังก์ชันการทำงานหลากหลาย
  • ผู้บริโภค 40% เต็มใจที่จะทำตามคำแนะนำที่ทำงานด้วย AI ในการช้อปปิ้งในชีวิตประจำวัน
  • สมาร์ทโฟนที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงมียอดขายเพิ่มขึ้น 33% สะท้อนถึงความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ที่มีประสิทธิภาพสูง
  • รายได้รวมทั่วโลกของสินค้า T&D 36% มาจากการขายทางออนไลน์ โดยมีประเทศจีน ทวีปยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นแหล่งรายได้หลัก

แนวโน้มสำคัญที่ควรจับตามองในปี 2025

  1. ราคาที่จับต้องได้และการซื้อที่มุ่งเน้นความคุ้มค่า:
    ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับราคาที่จับต้องได้มากกว่าที่เคยเป็นมา โดยผู้บริโภค 67% ระบุว่าตนยินดีที่จะลองใช้สินค้าใหม่หากสินค้าดังกล่าวมีราคาที่จับต้องได้ นอกจากนี้ ผู้บริโภค 70% พร้อมจะซื้อสินค้าที่มีความยั่งยืนและประหยัดพลังงานในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งแนวโน้มนี้นับเป็นโอกาสทองสำหรับแบรนด์ที่สามารถนำเสนอตัวเลือกสินค้าราคาไม่แพงแต่มีความทนทาน
  2. ความสะดวกสบายและฟังก์ชันการทำงานหลากหลายกำลังเป็นที่ต้องการ:
    สินค้าที่ช่วยประหยัดเวลาและมีฟังก์ชันการทำงานหลากหลายมีส่วนสำคัญในการเติบโตของสินค้า T&D ดังจะเห็นได้จากยอดขายของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นที่ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นที่เปียกและแห้งที่เพิ่มขึ้น 55% แบรนด์สินค้า T&D ควรพิจารณาที่จะนำเสนอสินค้าที่ให้ทั้งความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
  3. เทคโนโลยีด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีกำลังมาแรง:
    เทคโนโลยีที่มุ่งเน้นสุขภาพกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีกระแสหลัก โดยอุปกรณ์แบบสวมใส่มียอดขายแบบเทียบปีต่อปีเพิ่มขึ้น 3% และเนื่องจากผู้บริโภคนำสินค้าที่เน้นด้านสุขภาพ ความเป็นอยู่ที่ดี และสุขอนามัยเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวัน แบรนด์ที่สามารถใส่คุณสมบัติเหล่านี้ลงในสินค้าของตนจะยังคงน่าดึงดูดในสายตาของผู้บริโภค สินค้าสำหรับระบบบ้านอัจฉริยะ เช่น เครื่องฟอกอากาศ เครื่องปรับอุณหภูมิ และอุปกรณ์ด้านฟิตเนสที่เชื่อมต่อได้เป็นสินค้ามาแรงสำหรับแนวโน้มนี้
  4. AI และการเชื่อมต่ออัจฉริยะในการซื้อของผู้บริโภค:
    รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นว่า AI มีบทบาทต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคมากขึ้น โดยนักช้อป 40% ยินดีรับฟังคำแนะนำแบบอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญที่แบรนด์สินค้า T&D จะใช้ AI ในการมอบประสบการณ์ด้านสินค้าที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล นอกจากนี้การเชื่อมต่อก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ดังจะเห็นได้จากยอดขายสมาร์ทโฟนที่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลสูงที่เพิ่มขึ้น 33% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ที่มีประสิทธิภาพสูงของผู้บริโภค
  5. ความยั่งยืนกลายเป็นปัจจัยสำคัญ:
    ความยั่งยืนเป็นปัจจัยในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจำนวนมาก โดยผู้บริโภคเกินครึ่งยินดีจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งความทนทาน การประหยัดพลังงาน และวัสดุที่ยั่งยืนเป็นปัจจัยในการพิจารณาซื้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งบ่งชี้ว่าแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับด้านเหล่านี้จะมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจน
  6. ความสำคัญของประสบการณ์แบบผสมผสานทุกช่องทาง:
    ปัจจุบันยอดขายออนไลน์คิดเป็น 36% ของรายได้สำหรับสินค้า T&D ทั่วโลก โดยมีประเทศจีน ทวีปยุโรป และภูมิภาคลาตินอเมริกาเป็นแหล่งรายได้หลัก เนื่องจากผู้บริโภคที่ใช้ทั้งช่องทางในการซื้อแบบดิจิทัลและการซื้อที่หน้าร้านมีจำนวนเพิ่มขึ้น บริษัทที่จำหน่ายสินค้า T&D ก็จะต้องมอบประสบการณ์แบบผสมผสานทุกช่องทางที่ราบรื่นเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ฟีเจอร์แบบโต้ตอบ เช่น Augmented Reality (AR) จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และ Gen Z ได้ดีเป็นพิเศษ โดยผู้บริโภคเหล่านี้เกิน 1 ใน 3 สนใจที่จะช้อปปิ้งแบบใช้ AR

“สำหรับแบรนด์สินค้า T&D แล้ว ปี 2025 จะเป็นปีของการมอบคุณค่าผ่านนวัตกรรมที่มีความหมาย” คุณ Julian Baldwin ประธานฝ่าย Tech & Durables ของ NIQ กล่าว “ผู้บริโภคมีความระมัดระวัง แต่ก็ยินดีซื้อสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความสะดวกสบาย ความยั่งยืน และสุขภาพ การให้ความสำคัญกับด้านเหล่านี้จะทำให้บริษัทต่างๆ มีสถานะในตลาดที่แข็งแกร่งขึ้น และจะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตได้”

ทำไมแนวโน้มเหล่านี้จึงมีความสำคัญในปี 2025

ความต้องการของผู้บริโภคเหล่านี้เผยให้เห็นช่องทางสำคัญสำหรับแบรนด์ที่มุ่งหวังจะคว้าส่วนแบ่งการตลาดในปี 2025 ซึ่งการมุ่งเน้นนวัตกรรมที่สอดคล้องกับราคาที่จับต้องได้ ความยั่งยืน และความสะดวกสบาย จะช่วยให้บริษัทผู้จำหน่ายสินค้า T&D ตอบสนองความต้องการที่กำลังเปลี่ยนแปลงและกระตุ้นการเติบโตได้ AI และฟีเจอร์อัจฉริยะจะยังคงยกระดับประสบการณ์ในการช้อปปิ้งต่อไป โดยเป็นสิ่งที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ มีโอกาสดึงดูดผู้บริโภคที่สนใจเทคโนโลยีได้มากขึ้น

ทั้งนี้ คุณสามารถดาวน์โหลดรายงาน “สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับ: การกระตุ้นการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025” เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

เกี่ยวกับ NIQ:

NielsenIQ (NIQ) เป็นบริษัทชั้นนำของโลกด้านข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภค ซึ่งให้ความเข้าใจที่ครอบคลุมที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภค และเผยให้เห็นช่องทางใหม่ๆ สำหรับการเติบโต ในปี 2023 NIQ ได้ควบรวมกับ GfK ซึ่งเป็นการรวมผู้นำในอุตสาหกรรมสองรายที่สามารถเข้าถึงข้อมูลทั่วโลกในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้เข้าด้วยกัน ปัจจุบัน NIQ ดำเนินธุรกิจในประเทศต่างๆ 95 ประเทศที่มี GDP คิดเป็น 97% ของ GDP  ทั่วโลก โดย NIQ ให้ Full View™ ที่ประกอบด้วยมุมมองด้านการค้าปลีกแบบองค์รวมและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้บริโภคที่ครอบคลุมที่สุดพร้อมด้วยการวิเคราะห์ขั้นสูงผ่านแพลตฟอร์มล้ำสมัย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.niq.com

เกี่ยวกับรายงานสถานะของ T&D:

รายงานประจำปีว่าด้วยสถานะของสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในหัวข้อ “สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อยกระดับ: การกระตุ้นการซื้อสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทนในปี 2025” ของ NIQ อาศัยการวิเคราะห์ล่าสุดและการคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของ NIQ ในด้านสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าคงทน นวัตกรรม พฤติกรรมของผู้บริโภค การตลาดแบบผสมผสานทุกช่องทาง และการวัดผลทางการตลาด ซึ่งสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้อ่านก็คือรายงานที่ให้ Full ViewTM เกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคและความต้องการในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

Sweta Patra
sweta.patra@nielseniq.com

ที่มา: NielsenIQ

คุณ Filip Filipov อดีตผู้บริหาร Skyscanner ร่วมงานกับ OAG ในตำแหน่ง Chief Operating Officer

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤศจิกายน 2024

OAG ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำของโลกสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกมีความยินดีที่จะประกาศการแต่งตั้งคุณ Filip Filipov เข้าดำรงตำแหน่ง Chief Operating Officer คนใหม่ของบริษัท

คุณ Filipov ซึ่งเป็นอดีตรองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ของ Skyscanner มีบทบาทสำคัญในการเร่งการเติบโตของบริษัทด้านการท่องเที่ยวดิจิทัลดังกล่าว และเป็นผู้นำทีมต่างๆ ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่ง เขาเป็นผู้ที่มีข้อมูลเชิงลึกจำนวนมากจากภาคส่วนการท่องเที่ยวและเทคโนโลยี พร้อมด้วยประสบการณ์ในการขยายธุรกิจอันมีค่า

ในฐานะ COO ของ OAG คุณ Filipov จะมุ่งเน้นที่การยกระดับการดำเนินธุรกิจ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานไปพร้อมๆ กับพัฒนาวิสัยทัศน์ด้านกลยุทธ์ในระยะยาวของบริษัท การแต่งตั้งในครั้งนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์เร่งการเติบโตของ OAG ซึ่งมีการเข้าซื้อกิจการ Infare เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2023 การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้เป็นการเพิ่มข้อมูลค่าตั๋วเครื่องบินให้กับแพลตฟอร์มข้อมูลของ OAG ช่วยให้บริษัทสามารถให้โซลูชันข้อมูลที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั้งในด้านอุปทาน อุปสงค์ และการกำหนดราคา

คุณ Filip เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงให้กับบริษัทร่วมทุนและบริษัทให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ อาทิเช่น บริษัท Opera Solutions ในนิวยอร์กและลอนดอน

คุณ Phil Callow  ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของ OAG กล่าวว่า “คุณ Filip มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับภาคส่วนการท่องเที่ยวและเทคโนโลยี และเนื่องจาก OAG ยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ความเชี่ยวชาญของเขาจะมีค่าอย่างยิ่งในการชี้แนะพวกเราผ่านช่วงเวลาขยายการเติบโตที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ความสนใจที่เขามีต่ออุตสาหกรรมการบินและข้อมูลทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับวัฒนธรรมของเราที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสิ่งแรกและมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง”

คุณ Filip ได้กล่าวเกี่ยวกับการแต่งตั้งในครั้งนี้ว่า:

“ผมดีใจอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับ OAG ผมรู้สึกทึ่งกับความเชี่ยวชาญที่หลากหลายและความทะเยอทะยานที่องค์กรแห่งนี้มี และความสามารถอันโดดเด่นขององค์กรในการผสมผสานข้อมูลด้านอุปทาน อุปสงค์ และการกำหนดราคาเข้าด้วยกันก็ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ต่อยอดความสำเร็จและนำประสบการณ์ในการขยายธุรกิจของผมมาปรับใช้กับการดำเนินงานทุกภาคส่วนเพื่อผลประโยชน์สำหรับลูกค้าของเรา”

การแต่งตั้งครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่คุณ Shane Corstorphine ซึ่งเป็นอดีต CFO ของSkyscanner ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง NED ในเดือนกรกฎาคม

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศด้านการบิน โดยมีเครือข่ายข้อมูลเที่ยวบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OAG ได้ที่ www.oag.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ข้อมูลติดต่อ

pressoffice@oag.com

ที่มา: OAG

The Bangkok Reporter