HappyFresh พลิกโฉมความสามารถของคลังสินค้าให้เป็นดิจิทัลด้วย Blue Yonder

Logo

บริษัทขายของชำออนไลน์ชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขับเคลื่อนโดย WMS ของ Blue Yonder

จาการ์ตา อินโดนีเซีย และสก็อตต์เดล รัฐแอริโซนา–(บิสิเนสไวร์)–16 พฤษภาคม 2565

พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปอันเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยหลายคนเลือกที่จะจัดส่งแทน  เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริการ HappyFresh ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านร้านขายของชำออนไลน์ได้เปลี่ยนการดำเนินงานคลังสินค้าด้วยระบบดิจิทัลด้วยระบบการจัดการคลับสินค้า warehouse management system (WMS) ของ Blue Yonder

HappyFresh ตั้งเป้าที่จะทำให้การช็อปปิ้งสะดวกยิ่งขึ้นด้วยการส่งมอบทั้งของชำและของสดรอบเมืองในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง บริษัทมีกองขนส่งสินค้าของตนเองและพนักงานเลือกของชำจากศูนย์ที่อยู่ใกล้เคียงที่อยู่จัดส่งของลูกค้า  HappyFresh มีพนักงาน 544 คนทั่วประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

HappyFresh กำลังมองหาการเร่งการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมทางดิจิทัลโดยปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าในเชิงรุก ซึ่งรวมถึงระยะเวลาในการจัดส่งที่ยืดหยุ่น การจัดการคำสั่งซื้อที่กำหนดเอง และการตอบสนองแบบเรียลไทม์ และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของสังคมมากขึ้น หุ้นส่วนการดำเนินงานของเราคือ Super Globalindo Viktoria (SGV) ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม eGrocery ที่นำประสบการณ์ เทคนิค การดำเนินงาน นวัตกรรม และการบูรณาการมาสู่การใช้งานด้วยทรัพยากรทีมในท้องถิ่นและบริการผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม

HappyFresh เปิดตัว WMS ของ Blue Yonder ที่ศูนย์ร้านค้าแห่งแรกในปี 2564 และได้เริ่มเปิดตัวที่ศูนย์ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  HappyFresh จะเปิดตัวศูนย์เพิ่มเติมในปี 2022 รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าเพื่อรองรับศูนย์ในอินโดนีเซีย

ด้วย Blue Yonder นั้น HappyFresh สามารถ:

  • วัดผลอย่างต่อเนื่องและเพิ่มประสิทธิภาพรายการสั่งซื้อ ประหยัดเวลาสำหรับคำสั่งซื้อทั้งหมดและกระบวนการปฏิบัติตามเพื่อให้แน่ใจว่าตรงตามกรอบเวลาการจัดส่งหนึ่งชั่วโมง
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพในการรับสินค้าสำหรับผู้ปฏิบัติงานโดยปรับขั้นตอนการทำงานให้เหมาะสมเพื่อขจัดเวลาที่เสียไปและขั้นตอนที่ไม่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
  • ลดเวลาการเดินทางระหว่างงานโดให้ผู้ปฏิบัติงานเริ่มงานครั้งถัดไปเมื่อการมอบหมายงานก่อนหน้านี้สิ้นสุดลง แทนที่จะเดินกลับไปที่เริ่มต้น

“การสร้างกลยุทธ์ในการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้กลายเป็นจุดสนใจที่สำคัญมากขึ้นสำหรับเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความต้องการในการจัดส่งภายในหนึ่งชั่วโมง  นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในปัจจุบันและความท้าทายในการจ้างงานได้เพิ่มความจำเป็นในการปรับปรุงรายการสั่งซื้อในการรับสินค้า  Blue Yonder WMS ช่วยให้เราสามารถเรียกใช้วิธีการรับสินค้าที่หลากหลาย เช่นการรับสินค้าชิ้นด้วยและการรับสินค้าตามโซน ซึ่งช่วยให้เราเพิ่มความเร็วในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและประสิทธิผลสูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ท้าทายเหล่านี้” Mesut Keleş รองประธานอาวุโสฝ่ายซัพพลาย HappyFresh กล่าว

WMS ของ Blue Yonder ช่วยให้ HappyFresh จัดการการดำเนินการจัดการคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการจัดตารางและการรายงานแรงงานที่ดีขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานและการดำเนินงานสิ่งอำนวยความสะดวกให้สูงสุด ตลอดจนความสามารถในการวางแผนและดำเนินการตามกระบวนการจัดการคลังสินค้าขายปลีก ทำให้พนักงานคลังสินค้าสามารถมองเห็นสินค้าคงคลังได้ดีขึ้น

“WMS ของเราทำให้ HappyFresh ได้เปรียบในการแข่งขันเพื่อการขยายส่วนแบ่งการตลาดโดยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะทำให้พวกเขามีกำลังซื้อที่ดีขึ้นกับซัพพลายเออร์เนื่องจากปริมาณการสั่งซื้อที่มากขึ้นจะทำให้ราคาดีขึ้น  นอกจากนี้ การปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกพนักงานยังช่วยรักษาและดึงดูดผู้มีความสามารถที่ต้องการเพื่อให้เติบโต” Antonio Boccalandro ประธาน Blue Yonder ของ APAC กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม:

Blue Yonder เกี่ยวกับ Blue Yonder

Blue Yonder เป็นผู้นำระดับโลกในห่วงโซ่อุปทานดิจิทัลและการปฏิบัติตามการค้าแบบ Omni-channel  แพลตฟอร์มอัจฉริยะแบบ end-to-end ของเราช่วยให้ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิต และผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์สามารถคาดการณ์ เปลี่ยนแปลง และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างราบรื่น  ด้วย Blue Yonder คุณสามารถทำการตัดสินใจทางธุรกิจที่ทำกำไรได้โดยอัตโนมัติและให้ผลกำไรมากขึ้น ซึ่งให้การเติบโตที่มากขึ้นและประสบการณ์ของลูกค้า  Blue Yonder – เติมเต็มศักยภาพของคุณ blueyonder.com

“Blue Yonder” เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Blue Yonder Group, Inc. ชื่อการค้า ผลิตภัณฑ์ หรือบริการใดๆ ที่อ้างถึงในเอกสารนี้โดยใช้ชื่อ “Blue Yonder” เป็นเครื่องหมายการค้าและ หรือทรัพย์สินของ Blue Yonder Group Inc. ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการค้าจดทะเบียน หรือเครื่องหมายบริการของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220515005030/en/

ติดต่อ:

Marina Renneke, APR, Corporate Communications Director (ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสาร)

Tel: +1 480-308-3037, marina.renneke@blueyonder.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

CWT แต่งตั้ง Patrick Andersen เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

Logo

มินนีแอโพลิส–(BUSINESS WIRE)–25 เมษายน 2565

CWT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการการเดินทางแบบการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกันสำหรับพนักงาน (B2B4E) ประกาศว่า Michelle McKinney Frymire ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในบริษัทแล้ว ในส่วนของกระบวนการวางแผนวางตำแหน่งระยะยาวของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้ง Patrick Andersen ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ให้เป็นประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนต่อไป ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นอกจากนี้เขาจะดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทอีกด้วย

McKinney Frymire กล่าวว่า “การนำ CWT ผ่านช่วงวิกฤตดังกล่าวในการวิวัฒนาการถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” “เราประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดานี้ และดิฉันรู้สึกขอบคุณทีมงานทั่วโลกและลูกค้าของเราสำหรับความไว้วางใจและการเป็นพันธมิตรที่ให้การสนับสนุน ด้วยรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง CWT อยู่ในตำแหน่งที่จะเร่งแผนการเติบโต และดิฉันยินดีที่จะส่งงานต่อให้ Patrick”

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ Patrick จะทำหน้าที่เป็นซีอีโอคนต่อไปของเรา ด้วยผลงานที่โดดเด่นของเขาในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ และบทบาทความเป็นผู้นำระดับนานาชาติที่ CWT เป็นเวลา 13 ปี เขามีความสัมพันธ์ที่หยั่งรากลึกกับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา และได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมผ่านการดูแลลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเรา การขยาย RoomIt และเปิดตัวแพลตฟอร์มเทคโนโลยี myCWT China ที่ก้าวล้ำของเรา” Jim Abrahamson ประธานคณะกรรมการของ CWT กล่าว “ในนามของคณะกรรมการและเพื่อนร่วมงานทั่วโลกของเรา เราขอขอบคุณ Michelle สำหรับความช่วยเหลือมากมายของเธอตั้งแต่เธอเข้าร่วมบริษัทในปี 2562และขอให้เธอโชคดีในความพยายามครั้งต่อไป”

“ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้นำ CWT ไปสู่การเติบโตขั้นต่อไป” Patrick Andersen กล่าว “เมื่อความต้องการเดินทางเพิ่มขึ้น CWT ก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะลงทุนและขยายความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและความสัมพันธ์ระดับโลก และที่สำคัญผมจะยังคงยึดมั่นในแกนหลักของเรา และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการบริหารของเราและทีมงาน CWT เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีของเรา และเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการการเดินทางและงานอีเวนต์ที่เรามอบให้กับลูกค้าทั่วโลก”

ก่อนดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ Mr. Andersen เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และก่อนหน้านั้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งอเมริกา นับตั้งแต่ร่วมงานกับบริษัทในปี 2551 Mr. Andersen ได้จัดการและดูแลการริเริ่มที่กำหนดอุตสาหกรรมหลายอย่าง รวมถึงการเปิดตัว myCWT China การขยาย RoomIt โดย CWT และการพัฒนาข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยี GDS ระยะยาวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เขามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในด้านการเดินทางและโลจิสติกส์ทั่วโลก โดยมีบทบาทเป็นผู้นำระดับนานาชาติหลายตำแหน่งที่ Deutsche Post Worldwide และ DHL โดย Andersen ยังดำรงตำแหน่งสมาชิกที่ไม่ใช่ผู้บริหารของคณะกรรมการที่ Global Minnesota และ MNSNAP และอยู่ในคณะกรรมการผู้กำกับดูแลของ Carlson School of Management เขาศึกษาการจัดการที่ London Business School

เกี่ยวกับ CWT

CWT คือแพลตฟอร์มการจัดการการเดินทางแบบการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกันสำหรับพนักงาน (B2B4E) ซึ่งบริษัทและรัฐบาลต่างไว้วางใจให้ผู้คนเชื่อมต่อกัน ในทุกที่ ทุกเวลา ทุกเส้นทาง – ใน 6 ทวีป – บริษัทให้บริการลูกค้าและพนักงานด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีและประสบการณ์การเดินทางที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และไร้กังวัล

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220424005089/en/

ติดต่อ:

Julian Walker
CorePr@mycwt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

การประกวดออกแบบโลโก้และคำวลีสำหรับครบรอบ 50 ปี แห่งมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น

Logo

ปิดการรับสมัคร: 15 มิถุนายน 2565

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 เมษายน 2565

ศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น (AJC) ได้เปิดตัวแบบฟอร์มใบสมัครออนไลน์บนเว็บไซต์เพื่อรับใบสมัครสำหรับการประกวดการออกแบบโลโก้และคำวลีสำหรับฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์อาเซียน – ญี่ปุ่น ซึ่งจัดโดยรัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น (Governments of ASEAN Member States and Japan) โดยความร่วมมือกับสำนักเลขาธิการอาเซียน (ASEAN Secretariat) และ AJC การประกวดนี้เปิดให้ทุกชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น ทั้งนี้ปิดการรับสมัครในวันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220401005161/en/

The 50th Year of ASEAN-Japan Logo design and catchphrase contest flyer (Graphic: Business Wire)

ใบปลิวการประกวดการออกแบบโลโก้และคำวลีอาเซียน-ญี่ปุ่น ครบรอบ 50 ปี (กราฟิก: Business Wire)

ในปี 2566 นับเป็นการฉลองเพื่อเป็นการระลึกถึงครบรอบ 50 ปี ของความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น รัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่นจะเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นกับกิจกรรมฉลองและโครงการแลกเปลี่ยนที่หลากหลายในปี 2566 และยังสนับสนุนให้พลเมืองของตนเข้าร่วมในการเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งนี้ด้วย

ด้วยเหตุนี้การประกวดจึงจัดขึ้นเพื่อเชิญชวนให้ประชาชนเสนอแนวคิดในการออกแบบโลโก้และคำวลีที่สะท้อนถึงมิตรภาพและความร่วมมือครบรอบ 50 ปี

1. ภาพรวม – การประกวดการออกแบบโลโก้และคำวลี

(1)

คุณสมบัติ: การประกวดนี้เปิดให้ทุกชาติในประเทศสมาชิกอาเซียนและญี่ปุ่น

(2)

วิธีสมัคร: ส่งแบบฟอร์มใบสมัครออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ AJC ตามลิงก์ด้านล่าง

https://www.asean.or.jp/en/ajc/50th-logo-catchphrase/

(3)

ปิดการรับสมัคร: วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565

(4)

การคัดเลือก: ผลงานจะได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบจากผู้จัดการประกวด ผู้ชนะเลิศจำนวนหนึ่งท่านและรองชนะเลิศจำนวนสองท่านสำหรับโลโก้และคำวลีจะถูกคัดเลือก

(5)

การประกาศผล: ผลการประกวดจะประกาศในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Post-Ministerial Conference) กับญี่ปุ่น และหลังจากนั้นจะเผยแพร่บนเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการอาเซียนและ AJC ตามลำดับ

2. เงื่อนไขที่จำเป็น

  • ผู้สมัครแต่ละท่านอาจสมัครทั้งโลโก้และวลีหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
  • ผู้สมัครแต่ละท่านสามารถส่งได้เพียงหนึ่งผลงานและถ้าปรากฎมีหลายผลงานจากผู้เข้าประกวดคนเดียวกันจะไม่ได้รับการพิจารณา
  • ผลงานจะไม่ถูกส่งกลับไปยังผู้สมัคร

3. สิ่งสำคัญที่ควรทราบ

ผลงานควรเป็นผลงานที่ใหม่และยังไม่มีการเผยแพร่มาก่อน และเป็นต้นฉบับสำหรับการประกวดครบรอบ 50 ปีแห่งมิตรภาพและความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่นเท่านั้น สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาตรวจสอบแนวทางการสมัครที่มีอยู่ในหน้าเพจแบบฟอร์มใบสมัครออนไลน์ได้ที่: https://www.asean.or.jp/en/ajc/50th-logo-catchphrase/

4. การติดต่อสอบถาม

ศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น (ASEAN-Japan Centre)
inquiries50th@asean.or.jp

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220401005161/en/

ติดต่อ:

ASEAN-Japan Centre (AJC) PR Unit
Tomoko Miyauchi (MS)
URL: https://www.asean.or.jp/en/
TEL: +81-3-5402-8118
E-mail: toiawase_ga@asean.or.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SōRSE Technology เข้าสู่ตลาด CBD ของประเทศไทยด้วยการเป็นพันธมิตรพิเศษกับ Hempagoda

Logo

  • อิมัลชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE Technology ที่ผลิตขึ้นสินค้าบรรจุภัณฑ์ของผู้บริโภคมีวางจำหน่ายในประเทศไทยผ่าน Hempagoda
  • SōRSE จะเป็นเทคโนโลยีอิมัลชัน cannabinoid และกัญชงที่ละลายน้ำได้จากสหรัฐฯตัวแรกของประเทศไทย
  • ความร่วมมือของ SōRSE/Hempogoda เป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้นสำหรับผู้ผลิตชาวไทยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มีคุณภาพสูง และรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE
  • แบรนด์ในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE สามารถจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตนในประเทศไทยโดยร่วมมือกับ Hempagoda

ซีแอตเทิล–(บิสิเนสไวร์)–05 เม.ย. 2565

SōRSE Technology Corporation บริษัทเทคโนโลยีอิมัลชันชั้นนำที่ละลายน้ำได้สำหรับสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค ประกาศว่าบริษัทได้เข้าสู่ตลาดกัญชงและกัญชาในประเทศไทย  ปัจจุบัน SōRSE ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ในตลาดกว่า 100 รายการ  SōRSE ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Hempagoda เพื่อให้แพลตฟอร์ม SōRSE Technology พร้อมใช้งานในตลาดไทย  ในปี 2562 ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ออกกฎหมายกัญชาสำหรับใช้ทางการแพทย์และการวิจัย เช่นเดียวกับกัญชงเพื่อการผลิตสิ่งทอ เสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์อื่นๆ  ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประเทศไทยออกกฎหมายให้ใช้กัญชงและ CBD ในอาหารและเครื่องสำอาง และเมื่อต้นปีนี้ รัฐบาลได้นำกัญชงและกัญชาออกจากรายการสารควบคุม  ขั้นตอนเหล่านี้ได้สร้างโอกาสสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงและกัญชาในปี 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220405005298/en/

SōRSE VP of International Markets, Tim O'Neill; Hempagoda CEO, Vaughn Graham; SōRSE CEO, Howard Lee; and SōRSE EVP of Research & Technical Business Development, Michael Flemmens, at Cannabis Business Asia 2022. (Photo: Business Wire)

SōRSE VP of International Markets, Tim O'Neill; Hempagoda CEO, Vaughn Graham; SōRSE CEO, Howard Lee; และ SōRSE EVP of Research & Technical Business Development, Michael Flemmens, ที่ Cannabis Business Asia 2022. (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา SōRSE ได้ขยายธุรกิจไปทั่วโลกในออสเตรเลีย แคนาดา สหภาพยุโรป ละตินอเมริกา สหราชอาณาจักร เอเชีย และแอฟริกาใต้  ข้อตกลงนี้ถือเป็นการที่ SōRSE ได้เข้าสู่ตลาดประเทศไทยและตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  อิมัลชันจะถูกผลิตขึ้นที่โรงงาน 12,000 ตารางเมตรของ Hempagoda ในกรุงเทพฯ

Vaughn Graham ซีอีโอของ Hempagoda ให้ความเห็นว่า: “เนื่องจากประเทศไทยออกกฎหมายให้ใช้กัญชงและ CBD ในอาหารและเครื่องสำอาง จึงได้รับความสนใจมากมายจากทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มสำหรับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผสมกัญชา  เราเคยเห็นชาสมุนไพรพื้นฐานและผลิตภัณฑ์ 'ตลาดเริ่มต้น' อื่นๆ ในตลาดไทยมาแล้ว  ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ SōRSE เรากำลังเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้ประกอบการและความคิดสร้างสรรค์ของผู้ผลิตชาวไทยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมือนใครที่น่าตื่นเต้นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่ขับเคลื่อนโดย SōRSE”

โซลูชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE เปิดตัวที่ Cannabis Business Asia 2022 เมื่อวันที่ 23 และ 24 มีนาคมที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นงานชั้นนำด้านการพัฒนาตลาดกัญชงและกัญชาทางการแพทย์ในเอเชีย  Tim O'Neill รองประธานฝ่ายตลาดต่างประเทศของ SōRSE และ Vaughn Graham ซีอีโอของ Hempagoda ได้นำเสนอในการประชุมเมื่อวันที่ 23 มีนาคมในหัวข้อ “วิธีการรวม Cannabinoids เข้ากับผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคปลายทาง”

Howard Lee ซีอีโอของ SōRSE ให้ความเห็นว่า "การเป็นหุ้นส่วนครั้งนี้เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมสำหรับทั้งบริษัทและพันธมิตรของเราในการขยายเข้าสู่ตลาดระดับภูมิภาคสำหรับผลิตภัณฑ์ผสมกัญชงและกัญชา ประเทศไทยกำลังปูทางให้ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียได้พิจารณาถึงประโยชน์ของการมีผลิตภัณฑ์กัญชงและกัญชาสำหรับผู้บริโภค  เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะเป็นบริษัทอเมริกันแห่งแรกที่มีสินค้าออกสู่ตลาดไทย โดยเป็นข้อพิสูจน์ถึงการทำงานหนักทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติดีและปลอดภัย”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดในประเทศไทย ติดต่อ SōRSE ได้ที่นี่

เกี่ยวกับ SōRSE Technology

SōRSE Technology เป็นเทคโนโลยีอิมัลชันที่ละลายน้ำได้ชั้นนำสำหรับการผสมส่วนผสมที่มีประโยชน์ในเครื่องดื่ม อาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์สำอาง  SōRSE ออกแบบมาเพื่อสร้างส่วนผสมที่ทำงานจากน้ำมันที่ละลายน้ำได้เพื่อการผสานที่เรียบง่ายและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ยังให้ประสบการณ์ที่สม่ำเสมอ ปลอดภัย และสนุกสนานแก่ผู้บริโภค  ด้วยทีม R&D และทีมปฏิบัติการกว่า 30 คน SōRSE เป็นผู้ขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ชั้นนำมากกว่า 100 รายการ รวมถึง Cann, Jones Soda, Mad Tasty, Aprch และ Major.  SōRSE Technology มีจำหน่ายในอเมริกาเหนือ แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย ยุโรป และเอเชีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ www.sorsetech.com

เกี่ยวกับ HEMPAGODA

บริษัท Hempagoda ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นธุรกิจกัญชาแบบบูรณาการในแนวตั้ง  กิจกรรมทางธุรกิจ ได้แก่ การเพาะปลูก สกัด การผลิตส่วนผสม CPG ที่มีมูลค่าเพิ่ม และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่น่าตื่นเต้น ตลอดจนการขายและการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ  การเพาะปลูกรวมถึงสัญญาการทำฟาร์มร่วมกับเกษตรกรชาวไทย ตลอดจนพื้นที่ปลูกและผลิตในที่ร่มขนาด 12,000 ตารางเมตรในกรุงเทพฯ  ผลิตภัณฑ์โดย Hempagoda ที่จะวางจำหน่ายในปี 2565 ได้แก่

  • เครื่องดื่ม อาหาร และยาทาที่ผสมกัญชาและรูปแบบอื่นๆ
  • แป้ง
  • ชีวมวล
  • สารสกัดคุณภาพสูง
  • อิมัลชันที่ละลายน้ำได้ของ SōRSE

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ www.hempagoda.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220405005298/en/

ติดต่อ:

SōRSE Technology
Tim O'Neill
VP of International Markets
Tim@sorsetech.com

Hempagoda
Vaughn Graham
CEO และผู้ก่อตั้ง Hempagoda
vaughn@hempagoda.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Texas Chicken™ Malaysia ได้รับรางวัล Silver Putra Brand Award เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

Logo

แบรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วภาคภูมิใจในการยอมรับจากผู้บริโภคด้านบริการคุณภาพสูงที่ไม่สิ้นสุด

แอตแลนตา–(บิสิเนสไวร์)–30 มี.ค. 2565

Texas Chicken™ หนึ่งในเครือข่ายร้านอาหารขายไก่จานด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความภูมิใจที่จะประกาศว่า Texas Chicken (Malaysia) SDN BHD ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Envictus International Holdings Limited ได้รับรางวัล Silver Award ในมาเลเซีย ในหมวด "ร้านอาหารและฟาสต์ฟู้ด" ในงาน ประกาศรางวัล Putra Brand Awards ซึ่งเป็นองค์กรอุตสาหกรรมที่ยกย่องแบรนด์สำหรับความมุ่งมั่นอันยอดเยี่ยมของลูกค้า เป็นปีที่สองติดต่อกัน หรือที่เรียกว่า “รางวัล People's Choice”  ผู้ชนะจะถูกกำหนดโดยผู้บริโภคชาวมาเลเซียที่โหวตให้แบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบผ่านการสำรวจออนไลน์  การได้รับการยอมรับอันทรงเกียรตินี้เป็นแรงผลักดันที่ดีให้กับแบรนด์ในขณะที่พยายามยกระดับประสบการณ์ร้านอาหารที่ให้บริการรวดเร็วและเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งสำคัญที่ 100 ของ Texas Chicken™ ก่อนสิ้นปี 2022 และวันครบรอบ 10 ปีในมาเลเซียที่จะมีขึ้นในเดือนมกราคมปีหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220323005007/en/

โดยก้าวไปข้างหน้าในช่วงการฟื้นตัวทั่วโลก Texas Chicken™ ได้รับคำชมอย่างกระตือรือร้นจากผู้บริโภคสำหรับบริการที่สม่ำเสมอและไม่มีใครเทียบได้  อาหารคุณภาพเสิร์ฟในร้านอาหาร 85 แห่งทั่วมาเลเซีย ความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันสิ้นสุดในการจัดหาอาหารรสชาติเยี่ยมและประสบการณ์การรับประทานอาหารอย่างรวดเร็วในบรรยากาศสบาย ๆ และเพื่อได้รับการชื่นชมจากแขกที่มาใช้บริการบ่อยๆ เช่น Tender Strips®  ปิ้งมือและห่อขนมปัง  ไก่ดั้งเดิมและรสเผ็ดที่สดและกรอบ Mexicana Burger and Wrap บิสกิตเนยน้ำผึ้งที่ทำจากมือและเครื่องเคียงที่อร่อยมากมาย

“ถือเป็นเกียรติอย่างเหลือเชื่อสำหรับ Texas Chicken™ ที่จะได้รับรางวัล Silver Putra Brand Award และเราขอยกย่อง Envictus ในความมุ่งมั่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” Russ Sumrall รองประธานอาวุโสฝ่ายการพัฒนายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ กล่าว “ในขณะที่เราขยายธุรกิจไปทั่วโลก เราจะยังคงรับฟังลูกค้าของเราและมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ทั้งที่นี่และทั่วโลก”

ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการเติบโตและเพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังของผู้บริโภคต่อไป แบรนด์จึงได้ริเริ่มโครงการริเริ่มหลายอย่าง เช่น การเพิ่มจำนวนร้านอาหารที่ขับรถรับออเดอร์ได้ ขยายบริการจัดส่งอาหาร และเสนอข้อเสนอพิเศษตลอดจนการเพิ่มนวัตกรรมในเมนู เช่น Fire Dragon Burger ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากและรวบรวมกระแสโซเชียลและทำลายประมาณการยอดขายเบื้องต้น

“ในฐานะแบรนด์ที่ค่อนข้างใหม่ในกลุ่มร้านอาหารที่มีการแข่งขันสูงในมาเลเซีย การได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในร้านอาหารชั้นนำในประเทศถือเป็นความสำเร็จที่เหลือเชื่ออย่างแท้จริง สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่ารสชาติเท็กซัสในตำนานนั้นโดนใจผู้บริโภคในท้องถิ่น เนื่องจากพวกเขาได้ให้คะแนนความเชื่อมั่นแก่เรา” Dato' Jaya Tan ประธานกรรมการบริหารของ Envictus กล่าว “เราน้อมรับความท้าทายในการสร้างความตื่นเต้นสำหรับแขกที่กระหายความหลากหลายและประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร ในขณะที่พึ่งพามรดกอันล้ำลึกของแบรนด์ Texas Chicken ซึ่งบ่งบอกถึงบริการแท้จริงและรสชาติที่เข้มข้น”

Texas Chicken™ แห่งแรกของมาเลเซีย เปิดตัวในปี 2013 และแบรนด์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะนำรสชาติเท็กซัสในตำนานมาสู่สถานที่ใหม่ๆ มากขึ้น ขณะเดียวกันก็มอบโอกาสในการเติบโตในสายงานและอาชีพ Sumrall กล่าวเสริมว่า “ธุรกิจ Texas Chicken ของเราในมาเลเซียเป็นตัวแทนที่ยอดเยี่ยมสำหรับแบรนด์ของเราในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะทำหน้าที่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการขยาย Texas Chicken ไปยังจีน ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และอีกมากมาย!”

เกี่ยวกับ Church's Texas Chicken® / Texas Chicken™

ก่อตั้งขึ้นใน San Antonio, TX ในปี 1952 โดย George W. Church, Church's Chicken พร้อมด้วยแบรนด์ในเครือของ Texas Chicken และ Church’s Texas Chicken นอกสหรัฐอเมริกา เป็นหนึ่งในเครือข่ายร้านอาหารไก่จานด่วนที่ใหญ่ที่สุดในโลก  แบรนด์ที่เชี่ยวชาญด้านไก่ออริจินัลและสไปซี่ที่ปรุงสดใหม่ตลอดทั้งวันและขนมปังสองชั้น Tender Strips® แซนวิช บิสกิตเนยน้ำผึ้งที่ทำขึ้นเองและอบสดใหม่ และสไตล์โฮมเมดคลาสสิก ทั้งหมดในราคาที่คุ้มค่า  Church’s Chicken, Texas Chicken และ Church’s Texas Chicken มีสถานที่ตั้งมากกว่า 1,500 แห่งใน 26 ประเทศและตลาดทั่วโลกและยอดขายทั้งระบบมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์  สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับ  Texas Chicken® หรือ Church’s Texas Chicken โปรดไปที่ churchstexaschicken.com และ texaschicken.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220323005007/en/

สื่อ:
Marie Espinel
+1 917-846-9456
mespinel@lakpr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

โครงการ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ครั้งที่ 4 เรียกร้องให้ผู้ประกอบการทางสังคมเร่งสร้างการยอมรับความแตกต่างในวงการแฟชัน

Logo

โครงการนี้เชิญชวนผู้ประกอบการทางสังคมจากชุมชนที่ถูกมองข้ามในอดีตมาแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์เพื่อรับโอกาสการสนับสนุนด้านเงินทุนและคำปรึกษา

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–28 มีนาคม 2565

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] มีความยินดีที่จะประกาศเปิดรับสมัครผู้เข้าแข่งขันใน โครงการ Tommy HilfigerFashion Frontier Challenge ครั้งที่ 4 โครงการระดับโลกนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ในเรื่องการไม่สูญเสียโดยเปล่าประโยชน์และการเปิดรับทุกคน หรือ Waste Nothing and Welcome All โดยขยายและสนับสนุนเสียงจากผู้คนใหม่ ๆ ในวงการผู้ประกอบการทางสังคมที่กำลังสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนชีวิตและปรับใช้งานได้เพื่อสร้างอนาคตของแฟชันที่ยอมรับความแตกต่างมากขึ้น

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220328005210/en/

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge 3rd Edition Finale Event (Photo: Business Wire)

งานรอบสุดท้ายของโครงการ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ครั้งที่ 3 (ภาพ: Business Wire)

เพื่อให้สอดคล้องกับพันธะสัญญาของ Tommy Hilfiger ที่มีต่อความแตกต่าง ความหลากหลาย และการรับรู้ถึงช่องว่างด้านความเสมอภาคและโอกาสที่เท่าเทียมกัน ผู้คนจากชุมชนที่ถูกมองข้ามในอดีต ได้แก่ คนผิวสี ชนพื้นเมือง ผู้คนผิวหลากสี (BIPOC) ผู้ทุพพลภาพ และผู้หญิง จึงได้รับการแนะนำให้สมัครโครงการในปีนี้ โดยสามารถส่งใบสมัครได้ภายในวันที่ 29 เมษายน 2565 ผ่านเว็บไซต์ https://platform.younoodle.com/competition/th_fashion_frontier_challenge_2022

Tommy Hilfiger กล่าวว่า “โครงการ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมผู้ประกอบการจากทุกสาขาอาชีพ ความรู้ด้านการลงทุน และทรัพยากรเพื่อให้พวกเขาได้ปลดล็อกพลังพิเศษด้านนวัตกรรม ในฐานะผู้ประกอบการ ผมต้องการสร้างแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่รวมความแตกต่างของทุกคนไว้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นปรัชญาที่จะถ่ายทอดสดผ่านโครงการนี้ ผมเชื่อจริง ๆ ว่าการร่วมมือกันจะทำให้เราสามารถขับเคลื่อนอนาคตของการเปลี่ยนแปลงที่มีคุณค่าและยั่งยืนได้”

รางวัลต่อไปนี้จะมอบให้กับผู้ชนะเพื่อสนับสนุนแนวคิดทางธุรกิจของพวกเขา:

  • เงินรางวัลรวม 200,000 ยูโร โดยแบ่งระหว่างผู้ชนะสองคน
  • เงินรางวัลเพิ่มเติม 15,000 ยูโรสำหรับผู้ที่ได้รับเลือกจากการโหวตของผู้ชม หรือ Audience's Favorite Vote
  • คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกของ Tommy Hilfiger
  • คำปรึกษาและหลักสูตร INSEAD ตลอดทั้งปี

Tommy Hilfiger กำลังเชิญชวนแฟน ๆ ของแบรนด์ให้เข้าร่วมโครงการในช่วงแรกในฐานะผู้ตัดสินผ่านทางดิจิทัล โดยพวกเขาจะช่วยคัดเลือกใบสมัครให้เหลือเพียง 50 อันดับแรก ผู้สมัครที่สนใจสามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 20 เมษายน 2565 ผ่านเว็บไซต์ https://platform.younoodle.com/competition/consumer_vote_tommy_hilfiger_fashion_frontier_challenge_2022.

ผู้สมัคร 50 อันดับแรกจะถูกคัดเลือกให้เหลือผู้เข้ารอบ 6 คนผ่านขั้นตอนภายใน ผู้เข้ารอบสุดท้ายแต่ละคนจะได้รับเชิญให้พัฒนาแผนธุรกิจของตนต่อไปด้วยการสนับสนุนจาก Tommy Hilfiger และผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกก่อนการแข่งขันรอบสุดท้าย ด้วยการฝึกอบรมจากโค้ชสนามที่มีประสบการณ์ ผู้เข้ารอบสุดท้ายแต่ละคนจะนำเสนอแนวคิดต่อคณะกรรมการตัดสินและผู้ชมที่เป็นพนักงานของ Tommy Hilfiger ที่งาน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รอบสุดท้ายทั่วโลกในช่วงต้นปี 2566

Martijn Hagman ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าวว่า “ที่ Tommy Hilfiger เราต้องการทำงานร่วมกับชุมชนต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม การยอมรับความแตกต่าง และความหลากหลายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ในการจัดการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ครั้งที่ 4 นี้ เราตั้งตารอที่จะได้เห็นแนวคิดที่จะออกมาสนับสนุนชุมชนและช่วยสร้างอนาคตของแฟชัน”

นับตั้งแต่การริเริ่มโครงการในปี 2018, Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้มอบรางวัลมูลค่า 550,000 ยูโร เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการทั่วโลกในการนำความคิดสร้างสรรค์มาสู่ชีวิต เพื่อให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงชุมชนได้อย่างแท้จริง ผู้ชนะรุ่นที่ 3 ได้แก่ Lalaland ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจากประเทศเนเธอร์แลนด์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างแบบจำลองสังเคราะห์ที่ปรับแต่งและรวบรวมความแตกต่างของชาติพันธุ์ต่าง ๆ และ UZURI K&Y ซึ่งเป็นแบรนด์รองเท้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากประเทศรวันดาซึ่งใช้ยางรถยนต์รีไซเคิลจากภูมิภาคในทวีปแอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายสะฮารา และจ้างงานเยาวชนในท้องถิ่น Clothes to Good ซึ่งเป็นกิจการเพื่อสังคมในแอฟริกาใต้ที่สร้างงานและโอกาสทางธุรกิจขนาดเล็กสำหรับคนพิการผ่านการรีไซเคิลเสื้อผ้าสิ่งทอได้รับการโหวตจากผู้ชม หรือ Audience Favorite ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ซึ่งขับเคลื่อนผ่านกลยุทธ์ Forward Fashion ของ PVH สามารถดูได้ที่ https://global.tommy.com/en_int/about-us-corporate-sustainability.

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รวมถึงวิธีการสมัครได้ที่นี่: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/

เชิญเพื่อนและผู้ติดตามของแบรนด์เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger 

TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก โดยยกระดับจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้บริโภคมาตั้งแต่ปี 2528 โดยผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับสิ่งใหม่เพื่อสร้างความสดใสให้กับอนาคต แบรนด์ได้ผสมผสานการแต่งตัวสไตล์เพรพพี้กับอเมริกานาเฮอริเทจด้วยมุมมองที่สดใหม่จากวัฒนธรรมป๊อปเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์และคอลเลกชันที่น่าจดจำ ภายใต้วิสัยทัศน์ของ Mr. Hilfiger นั้น TOMMY HILFIGER ได้รวบรวมการเปลี่ยนแปลงที่สนุกสนานและจำเป็นในการขับเคลื่อนประสบการณ์ผู้บริโภคที่ดื่มด่ำและสร้างสรรค์ หัวใจของแบรนด์คือวิสัยทัศน์ Waste Nothing และ Welcome All ซึ่งเป็นความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อความยั่งยืน การยอมรับความแตกต่าง ความหลากหลาย และวงจรที่ขับเคลื่อนทีมเพื่อสร้างอุตสาหกรรมแฟชันที่ดีขึ้น

ยอดขายปลีกผลิตภัณฑ์ TOMMY HILFIGER ทั่วโลกอยู่ที่เกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ประกอบด้วยคอลเลกชั่นของสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี และเด็ก รองเท้าและเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และกลุ่มผลิตภัณฑ์ลิขสิทธิ์ต่าง ๆ เช่น แว่นตา นาฬิกา และน้ำหอม Tommy Hilfiger Group ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ PVH Corp. ขับเคลื่อนจากพนักงานกว่า 16,000 คนทั่วโลก โดยมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางครอบคลุม 100 ประเทศและร้านค้าปลีกมากกว่า 2,000 แห่ง รวมถึงร้านเรือธงระดับโลกที่ใหญ่ที่สุดที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชันที่ใหญ่ที่สุดและได้รับการยกย่องมากที่สุดในโลก โดยเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในกว่า 40 ประเทศ แบรนด์ระดับโลกที่โดดเด่นของเรา ได้แก่ Calvin Klein และ TOMMY HILFIGER ประวัติ 140 ปีของเราสร้างขึ้นจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทีมงาน และความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนแฟชันไปข้างหน้าให้ดี นั่นคือพลังของเรา นั่นคือพลังของ PVH

ติดตามเราได้ทาง FacebookInstagramTwitter และ Linkedin

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220328005210/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger 
Virginia Ritchie 
รองประธานฝ่ายสื่อสารทั่วโลก
อีเมล: virginia.ritchie@tommy.com 
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Mary Kay Inc. ร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation มุ่งมั่นที่จะปลูกป่าในประเทศจีนด้วยต้นไม้ 8,000 ต้นในปี 2565

Logo

ดัลลาส–(BUSINESS WIRE)–11 มี.ค. 2565

ต้นไม้มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของเรา และก็ทำหลายอย่างเพื่อหล่อเลี้ยงโลกของเราเอาไว้ ต้นไม้ทำให้น้ำและอากาศสะอาด ส่งเสริมสุขภาพของมนุษย์ แต่ต้นไม้กลับมักถูกมองข้าม ในวันนี้  Mary Kay ผู้สนับสนุนด้านความยั่งยืนระดับโลกได้ประกาศว่า พวกเขาจะสนับสนุนงานปลูกป่าของมูลนิธิ Arbor Day Foundation ในจังหวัดเหลียวหนิงทางใต้ของประเทศจีนต่อไป โดยมีแผนปลูกต้นไม้ 8,000 ต้นในปี 2565

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่ https://www.businesswire.com/news/home/20220310005962/en/

Logo for Arbor Day Foundation (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ของ Arbor Day Foundation (ภาพ: Mary Kay Inc.)

ด้วยความพยายามในการทำงานร่วมกันของ Mary Kay และ Arbor Day Foundation ปัญหาเร่งด่วนที่โลกกำลังเผชิญกำลังได้รับการแก้ไขด้วยผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและวัดผลได้ จีนเป็นประเทศหนึ่งในโลกที่ได้รับผลกระทบจากการที่แผ่นดินกลายเป็นทะเลทรายมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา โครงการปลูกต้นไม้ของ Mary Kay ในภูมิภาคของมณฑลกานซูและทางตะวันตกของมณฑลเหลียวหนิงได้มุ่งเน้นไปที่การกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ การปรับปรุงคุณภาพของน้ำและเพิ่มปริมาณน้ำ พร้อม ๆ กับการดูดซับมลพิษทางอากาศ

ในเขต Minquin ในกานซู การแปรสภาพเป็นทะเลทรายมีสัดส่วนเกือบร้อยละ 95 ของพื้นที่ทั้งหมด ในขณะเดียวกัน ทางตะวันตกของมณฑลเหลียวหนิงก็เผชิญกับสภาพอากาศที่รุนแรง ปริมาณน้ำฝนที่ต่ำ และดินที่แห้งแล้ง การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่น่าตกใจในทั้งสองภูมิภาคนี้ไม่สามารถที่จะมองข้ามได้ อย่างไรก็ตาม การชะลออัตราการสูญพันธุ์และการปลูกพันธุ์พื้นเมืองสามารถช่วยปรับปรุงสถานการณ์นี้ให้ดีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

“การปลูกต้นไม้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ของโลกได้” Wendy Wang ประธานของ Mary Kay เอเชียแปซิฟิกกล่าว “ด้วยการมุ่งเน้นความพยายามของเราในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ที่ป่าถูกทำลาย เรากำลังปรับปรุงสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับเศรษฐกิจ เรากำลังลงทุนเพื่ออนาคตและเผยแพร่ความตระหนักรู้ว่าต้นไม้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชุมชนของเราเพื่อความเจริญรุ่งเรือง”

ไฮไลท์ผลกระทบระดับโลกและระดับท้องถิ่น:

  • Mary Kay ปลูกต้นไม้กว่า 1.2 ล้านต้นทั่วโลก โดยร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation
  • ในประเทศจีน มีการปลูกต้นไม้ 22,500 ต้นในทั้งสองภูมิภาค: มณฑลกานซูกับป่ามองโกเลียส่วนใน และในมณฑลเหลียวหนิงตะวันตก
  • ผลประโยชน์สะสมสำหรับทั้งสองภูมิภาค:
    • คาร์บอน: กักเก็บ คาร์บอนไดออกไซด์ 22,602 เมตริกตัน – เท่ากับมีรถยนต์น้อยลง 4,913 คันบนท้องถนน*
    • น้ำ: หลีกเลี่ยงการเกิดน้ำไหลบ่าปริมาณ 421,830 แกลลอน หมายความว่า มีคนจำนวน 4,794 คน ที่ได้ใช้น้ำสะอาดเพิ่มขึ้น*
    • อากาศ: กำจัดมลพิษทางอากาศ 86 ตัน – เท่ากับออกซิเจนเพียงพอสำหรับ 5,625 คน*
  • มีการปลูกต้นไม้ 15,000 ต้นในจังหวัดกานซูและป่ามองโกเลียส่วนใน
  • มณฑลเหลียวหนิงตะวันตกปลูกต้นไม้แล้ว 7,500 ต้น

*คาดการณ์ในอีก 40 ปีข้างหน้า

เกี่ยวกับ Mary Kay Inc.

ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์รูปแบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอเมื่อ 57 ปี ก่อน โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ยังทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติก ยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมที่  MaryKay.com

เกี่ยวกับ Arbor Day Foundation

มูลนิธิ Arbor Day Foundation ก่อตั้งขึ้นในปี 2515 และเติบโตขึ้นจนกลายเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ใหญ่ที่สุดที่อุทิศตนเพื่อการปลูกต้นไม้ โดยมีสมาชิก ผู้สนับสนุน และพันธมิตรที่มีคุณค่า มากกว่าหนึ่งล้านคน ตั้งแต่ปี 2515 เรื่อยมา มีการปลูกต้นไม้มากกว่า 350 ล้านต้นแล้ว ในละแวกบ้าน ชุมชน เมือง และป่าไม้ทั่วโลก วิสัยทัศน์ของเราคือการช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจและใช้ต้นไม้เพื่อแก้ปัญหาทั่วโลกที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การตัดไม้ทำลายป่า ความยากจน และความหิวโหย

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในมูลนิธิอนุรักษ์ที่ดำเนินงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลนิธิ Arbor Day Foundation ให้ความรู้และมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและชุมชนทั่วโลกผ่านทางสมาชิก พันธมิตร และโครงการต่าง ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ arborday.org.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220310005962/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


Wayback Burgers เปิดให้บริการในญี่ปุ่น

Logo

เปิดตัวการขยายธุรกิจในเอเชียด้วยเมนูเนื้อสัตว์และมังสวิรัติ

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–11 มีนาคม 2565

หนึ่งในแฟรนไชส์เบอร์เกอร์ที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอเมริกากำลังเริ่มขยายสู่เอเชียด้วยการเปิดร้านอาหารในโอโมเตะซันโดะ ประเทศญี่ปุ่น Wayback Burgers Japan วางแผนที่จะเปิดร้านอาหาร 60 แห่งในอีก 20 ปีข้างหน้า และยังมีทางเลือกในการพัฒนาสำหรับอินเดีย จีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220310006041/en/

Next Meats Burger (Photo: Business Wire)

Next Meats Burger (ภาพ: Business Wire)

Koichi Ishizuka ผู้บริหารของ WBBA และ NXMH กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะแนะนำ Wayback Burgers ให้กับลูกค้าชาวญี่ปุ่น สถานที่ตั้งแรกของเราในโอโมเตะซันโดะจะเป็นร้านอาหารสัญลักษณ์ของแบรนด์ ไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นแต่ในเอเชียที่เราวางแผนที่จะขยายธุรกิจต่อไป เมือเราแปลตรงตามชื่อ Wayback Burgers จะหมายถึงการย้อนเวลากลับไปตอนแฮมเบอร์เกอร์ถูกทำด้วยมือ ซึ่งแฮมเบอร์เกอร์ของเราทำจากเนื้อวัวบดสด 100% จากนั้นกดและย่างตามที่ลูกค้าสั่ง นอกจากนี้เรายังภูมิใจที่สามารถนำเสนอรายการอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์แสนอร่อยผ่านข้อตกลงของเรากับ Next Meats”

Wayback Burgers ยังมีแซนวิชไก่ สลัดสด และเครื่องเคียงที่หลากหลาย รวมทั้งมิลค์เชคเข้มข้นที่ทำด้วยมือโดยใช้นมสดและดิปไอศกรีมด้วยมือเท่านั้น ร้านอาหารโตเกียวตั้งอยู่ในย่านพิเศษของโอโมเตะซันโดะ มีพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งที่กว้างขวางและมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมสำหรับผู้รับประทานอาหาร

Wayback Burgers ได้เปิดตัวผ่านข้อตกลงกับ WB Burgers Asia, Inc. (WBBA) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของ WB Burgers Japan Co., Ltd. ด้วยข้อตกลงกับ Next Meats Co. (NXMH) บริษัทในโตเกียวที่อุทิศตนเพื่อสร้างสรรค์ทางเลือกที่แสนอร่อยและน่าดึงดูดสำหรับผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ ซึ่งที่ Wayback Burgers Omotesando จะรวมถึงอาหารปลอดเนื้อสัตว์ที่เย้ายวนและสร้างสรรค์ที่ลูกค้ามังสวิรัติประเภทเวจจี้และวีแกนสามารถเพลิดเพลินได้

ปัจจุบัน Wayback Burgers เปิดดำเนินการใน 34 รัฐในสหรัฐอเมริกา และมีมากกว่า 166 แห่งทั้งในและต่างประเทศได้แก่ บรูไน โมร็อกโก ซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย ปากีสถาน เนเธอร์แลนด์และแมนิโทบา แคนาดา และไอร์แลนด์ ทั้งนี้ Wayback Burgers วางแผนที่จะเปิดใน 38 จังหวัด/ประเทศ ผ่านข้อตกลงแฟรนไชส์ระหว่างประเทศที่ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งรวมถึงตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ แอฟริกาใต้ บังกลาเทศ ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เยอรมนี และแคนาดา นอกจากนี้ยังมีอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดแห่งหนึ่งในบรรดาแฟรนไชส์แฮมเบอร์เกอร์ในสหรัฐอเมริกา โดยผลรายงานยอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2564 แม้จะมีการระบาดของโควิด-19

waybackburgers.com
www.wb-burgers.jp

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220310006041/en/

ติดต่อ:

สอบถามสื่อ:
Zanete Zujeva
Custom Media
Project Manager
wayback@custom-media.com

สอบถามแฟรนไชส์ต่างประเทศ:
Mitsuru Anthony Ueno
Wayback Burgers Japan
Chief Operating Officer
aueno@waybackintl.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


ผู้ชนะการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้รับการยอมรับในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทางสังคมและการมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมแฟชั่น

Logo

คณะกรรมการตัดสินซึ่งรวมถึง changemaker Yara Shahidi และ Mr. Tommy Hilfiger ได้มอบรางวัลมูลค่า 200,000 ยูโรและแพ็คเกจรางวัลการให้คำปรึกษาแก่บริษัทสตาร์ทอัพชาวรวันดาและชาวดัตช์ เพื่อสนับสนุนความพยายามในการพลิกโฉมภูมิทัศน์แฟชั่น

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–14 มกราคม 2565

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] ยินดีที่จะประกาศให้ Lalaland และ UZURI K&Y เป็นผู้ชนะการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นโปรแกรมระดับโลกที่ออกแบบมาเพื่อค้นหาและสนับสนุนแนวคิดที่นำไปสู่ภูมิทัศน์แฟชั่นที่ครอบคลุมมากขึ้น งานเสมือนจริงรอบสุดท้ายของโปรแกรมได้จัดขึ้นในวันที่ 12-13 มกราคม โดยผู้เข้ารอบ 6 คนสุดท้ายได้นำเสนอแนวคิดของตนต่อคณะกรรมการอันทรงเกียรติ ผู้ชนะจะแบ่งปันเงินรางวัลมูลค่า 200,000 ยูโร และได้รับคำปรึกษาเป็นเวลาหนึ่งปีกับผู้เชี่ยวชาญภายในจาก Tommy Hilfiger และจาก INSEAD หนึ่งในโรงเรียนธุรกิจระดับบัณฑิตศึกษาชั้นนำและใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขายังได้รับตำแหน่งในโปรแกรม INSEAD ที่นำผู้คน วัฒนธรรม และความคิดมารวมกันเพื่อปลูกฝังผู้นำที่มีนวัตกรรม

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220113005825/en/

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge (Photo: Business Wire)

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge (ภาพ: Business Wire)

สตาร์ทอัพและสเกลอัพมากกว่า 430 รายจาก 22 ประเทศส่งแนวคิดของพวกเขาในเดือนมกราคม 2564 สำหรับความคิดริเริ่มนี้ ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ในเรื่อง Waste Nothing and Welcome All โปรแกรมในปีนี้มุ่งมั่นที่จะขยายและสนับสนุนผู้ประกอบการคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และคนผิวสี (BIPOC) ที่ทำงานเพื่อพัฒนาชุมชนของตน ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมอนาคตที่ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น นับเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ ของแบรนด์ TOMMY HILFIGER สามารถเข้าร่วมในช่วงเริ่มต้นของความท้าทาย โดยที่พวกเขาลงคะแนนเสียงแบบดิจิทัลเพื่อช่วยจำกัดการใช้งานให้แคบลงเพื่อระบุผู้เข้ารอบสุดท้าย นอกเหนือจากผู้ร่วมงานของ Tommy Hilfiger ในงานรอบชิงชนะเลิศแล้ว พวกเขายังได้รับเชิญให้ลงคะแนนเสียงสำหรับแนวคิดที่ชื่นชอบของพวกเขาเพื่อมอบรางวัลเพิ่มอีก 15,000 ยูโรให้กับหนึ่งในผู้เข้ารอบสุดท้าย

“ความท้าทายที่เพิ่มขีดความสามารถนี้นำพาผู้ที่มีความกระตือรือร้นและขยันหมั่นเพียรด้วยแนวคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับวิธีสร้างอนาคตของแฟชั่นที่เราทุกคนตั้งตารอ” Tommy Hilfiger กล่าว “ทั้งนี้เป็นงานรอบชิงชนะเลิศที่น่าประทับใจ และผมภูมิใจที่ได้เดินทางต่อร่วมกับผู้ประกอบการที่นำเสนอโซลูชั่นที่ก้าวล้ำและสร้างผลกระทบซึ่งท้าทายวิธีที่เราคิด สร้าง และรังสรรค์”

Lalaland เป็นแพลตฟอร์มจากเนเธอร์แลนด์ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อสร้างแบบจำลองสังเคราะห์ที่ปรับแต่งและครอบคลุมของชาติพันธุ์ที่แตกต่าง โดยได้รับรางวัลมูลค่า 100,000 ยูโร Michael Musandu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Lalaland กล่าวว่า “การสร้างเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้นนั้นเป็นหัวใจสำคัญของวิสัยทัศน์ของเราที่ Lalaland” “การเป็นส่วนหนึ่งของ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge นำมาซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่น่าเหลือเชื่อ และจะยกระดับโซลูชัน A.I. เพื่อเข้าถึงผู้คนมากกว่าที่เราจะจินตนาการได้ จากการมอบความสำเร็จนี้ ทีมงานของเราแทบรอไม่ไหวที่จะเพิ่มขีดความสามารถของประสบการณ์การชอปปิงออนไลน์ที่เป็นมิตร ที่ไม่มีผู้บริโภครายใดรู้สึกว่าเป็นคนกลุ่มน้อย”

UZURI K&Y แบรนด์รองเท้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากรวันดาใช้ยางรถยนต์รีไซเคิลจากจากแอฟริกาใต้สะฮารา และจ้างงานเยาวชนในท้องถิ่น โดยได้รับรางวัล 100,000 ยูโรเช่นกัน “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้ชนะการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge” Kevine Kagirimpundu ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ UZURI K&Y กล่าว “ด้วยโอกาสนี้ได้ให้คำปรึกษา คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ และทำให้เรามีเวทีในการแบ่งปันความฝันในการนำเสนอทางเลือกของรองเท้าที่ยั่งยืนจากแอฟริกาสู่ตลาดโลก เราทุ่มเทเพื่อผลักดันผลกระทบที่แท้จริงและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในวันนี้เพื่อสร้างอนาคตที่สะอาดขึ้น”

Clothes to Good เป็นกิจการเพื่อสังคมจากแอฟริกาใต้ที่สร้างโอกาสทางธุรกิจขนาดเล็กและงานสำหรับคนพิการผ่านการรีไซเคิลสิ่งทอ โดยได้รับรางวัล 15,000 ยูโร “เรารู้สึกมีความสุขที่ได้รับการยอมรับจากผู้ชม Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge มันเป็นประสบการณ์ที่เราจะไม่มีวันลืม” Tammy Greyling ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการและนักอาชีวบำบัดของ Clothes to Good กล่าว “เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รู้ว่าคนอื่นเชื่อในความฝันของเราที่จะสร้างความแตกต่างให้กับคนพิการและครอบครัวอย่างแท้จริง การได้รับรางวัลนี้จะช่วยให้ Clothes to Good สามารถสร้างธุรกิจขนาดเล็กและโอกาสในการทำงานต่อไปผ่านการรีไซเคิลสิ่งทอจากชุมชนแอฟริกาใต้"

กรรมการตัดสินที่ดูแลงาน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รอบชิงชนะเลิศได้แก่:

  • Mr. Tommy Hilfiger
  • Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Yara Shahidi นักแสดงหญิงที่ได้รับรางวัล โปรดิวเซอร์ และผู้นำการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
  • Esther Verburg, รองกรรมการผู้จัดการ (EVP) ธุรกิจและนวัตกรรมที่ยั่งยืนของTommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Adrian Johnson, Entrepreneur ผู้ประกอบการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเป็นผู้ประกอบการ เทคโนโลยีและสื่อที่ INSEAD
  • Katrin Ley กรรมการผู้จัดการของ Fashion for Good และผู้ก่อตั้ง Curator of the Amsterdam Global Shapers Hub
  • Yvonne Bajela สมาชิกผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทการลงทุน Impact X Capital

การสมัครสำหรับรอบที่สี่ของ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge จะเปิดรับในเดือนมีนาคม 2565 ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถรับข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อลงทะเบียนได้ที่นี่: https://platform.younoodle.com/competition/thffc_2022

พันธกิจของ Tommy Hilfiger คือการเป็นบริษัทด้านไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ที่ยั่งยืนชั้นนำ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ Wastes Nothing and Welcomes All ผ่านวิธีการสร้างผลิตภัณฑ์ จัดการการดำเนินงาน และเชื่อมต่อกับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์ Forward Fashion ของ PVH ได้ที่ https://responsibility.pvh.com/tommy/

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้ที่นี่: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/

ขอเชิญเพื่อน ๆ และผู้ติดตามแบรนด์เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

TOMMY HILFIGER ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมถึงชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ Tommy Hilfiger ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อกับผู้บริโภคในกว่า 40 ประเทศ แบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของเรา ได้แก่ Calvin Klein  และ  TOMMY HILFIGER  ประวัติความเป็นมาเวลา 140 ปีของเราได้สร้างขึ้นจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทีมงานของเรา และความมุ่งมั่นของเราในการขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้าได้ตลอดไป และทั้งหมดนี้คือพลังของเรา คือพลังของ PVH

ติดตามเราบน FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220113005825/en/

ติดต่อ:

สื่อ Tommy Hilfiger
Virginia Ritchie
รองประธานฝ่ายสื่อสารระดับโลก (Vice President, Global Communications)
อีเมล: virginia.ritchie@tommy.com
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






Mary Kay Inc. และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ฉลองเหตุการณ์สำคัญส่งท้ายปี 2564

Logo

แดลลัส–(BUSINESS WIRE)–8 มกราคม 2565

Mary Kay Inc. บริษัทพัฒนาผู้ประกอบการระดับโลกและผู้สนับสนุนด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนขององค์กร เปิดเผยเหตุการณ์ที่สำคัญส่งท้ายปี 2564 Mary Kay Inc. ได้สานต่อคำมั่นสัญญาที่ยาวนานหลายทศวรรษในการทำให้ชีวิตของผู้หญิงทั่วโลกให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น และสร้างชุมชนให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220107005500/en/

Mary Kay was named a Silver Globee® Winner in 3 categories at the 13th Annual 2021 Golden Bridge Business and Innovation Awards. (Photo: Mary Kay Inc.)

Mary Kay ได้รับรางวัล Silver Globee® จาก 3 หมวดหมู่ในงาน Golden Bridge Business and Innovation Awards ประจำปี 2564 ครั้งที่ 13 (ภาพ: Mary Kay Inc.)

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำเร็จในปี 2564 ของ Mary Kay ในรายงานนี้

เหตุการณ์สำคัญส่งท้ายปี 2564

ความเป็นเลิศทางธุรกิจ

  • Mary Kay ได้รับ 58 รางวัลและเกียรติยศในปี 2564 ซึ่งรวมถึง: การรับมือกับโควิด (22 รางวัล) การยกย่องจากพันธมิตรในรายงานผลกระทบทางสังคม/รายงานประจำปี (4) ผู้บริหารของ Mary Kay ได้รับการยอมรับในด้านความเป็นผู้นำ (7) ความเป็นเลิศทางธุรกิจ (10) และสารคดีที่ได้รับรางวัล (4 รางวัล; 5 เรื่องคัดเลือก) นอกจากนี้ Mary Kay และ/หรือ Mary Kay Ash ผู้ก่อตั้งที่เป็นสัญลักษณ์ของบริษัท ยังได้แสดงไว้ในหนังสือ Harvard Business Case Studies 2 ฉบับ หนังสือเรียน 3 เล่ม และรายงานการวิจัย 1 ฉบับ
  • ประกาศแต่งตั้ง Wendy Wang เป็นประธานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยร้อยละ 54 ของทีมผู้บริหารทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง
  • ฉลองครบรอบตลาดของ Mary Kay: Mary Kay ลิทัวเนีย (10 ปี) และ Mary Kay เยอรมนี (35 ปี)
  • ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งในนายจ้างขนาดกลางที่ดีที่สุดในอเมริกาประจำปี 2564 (America's Best Mid-Sized Employers 2021) โดยนิตยสาร Forbes

Mary Kay Global Design Studio & Digital Innovation เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

  • Mary Kay Global Design Studio และ Glamhive ได้ประกาศในรายการเรียลลิตี้โชว์ของ TikTok ระดับโลกครั้งแรกตามสไตล์โดย Step & Repeat การประกวดแสดงความสามารถด้านห้องเสื้อผ้า การแต่งหน้า และทรงผมจากผู้ใช้ TikTok ทั่วโลก ผู้เข้าร่วมได้แสดงความสามารถของตนจากกว่า 30 ประเทศ และแคมเปญที่เป็นนวัตกรรมดังกล่าวได้นำเสนอใน UK Daily Mail, The Daily Front Row และ Vogue Business ซึ่งเน้นย้ำถึงแนวทางที่เป็นนวัตกรรมในการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ค่อนข้างใหม่
  • เปิดตัว Suite 13 ซึ่งเป็นประสบการณ์ด้านความงามที่ใช้ความเป็นจริงเสมือนเพื่อแปลงโฉมโชว์รูมเสมือนจริงแห่งแรกของบริษัทในรูปแบบดิจิทัล Mary Kay MirrorMe™ สำหรับการแต่งหน้าเสมือนจริง และแอป Mary Kay® Skin Analyzer เพื่อสแกนใบหน้าของคุณสำหรับกิจวัตรประจำวันในการดูแลผิวที่ปรับแต่งได้
  • เฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีในการร่วมมือกับ Luis Casco แอมบาสเดอร์ความงามระดับโลก

วิทยาศาสตร์เบื้องหลังแห่งความงาม

  • เปิดตัวผลิตภัณฑ์บำรุงผิว Clinical Solutions™ ซึ่งประกอบด้วย Mary Kay Clinical Solutions™ Retinol 0.5 และ Mary Kay Clinical Solutions™ Calm + Restore Facial Milk และได้รับการรับรองของสภาแพทย์ผิวหนัง
  • Dr. Michelle Hines, Ph.D. ผู้อำนวยการด้านการกำหนดสูตรผลิตภัณฑ์ของ Mary Kay ได้รับการประกาศให้เป็นประธานเลือกของสมาคมนักเคมีเครื่องสำอาง (SCC)
  • ในความร่วมมือกับ Society for Investigative Dermatology (SID) ได้ประกาศเงินช่วยเหลือด้านสุขภาพ/โรคผิวหนัง เงินช่วยเหลือจะมอบให้กับนักวิจัยที่ทำการศึกษานวัตกรรมด้านสุขภาพผิวหนังและโรคผิวหนังที่แปลกใหม่เพื่อค้นพบมุมมองใหม่และกลยุทธ์การหนุนเสริม
  • ประกาศรายชื่อผู้ได้รับทุนสนับสนุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์หลายทุน รวมถึง Society of Cosmetic Chemists และ Mary Kay Inc. – Madam CJ Walker Scholarships เพื่อสนับสนุนนักศึกษาชนกลุ่มน้อยที่ด้อยโอกาสซึ่งกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีหรือบัณฑิตสาขาเคมี กายภาพ การแพทย์ เภสัชกรรม ชีวภาพ หรือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และมอบทุน Girls in STEAM จำนวนห้าทุนให้กับเยาวชนหญิงที่กำลังมีส่วนร่วมในการวิจัยเชิงนวัตกรรม ผู้รับปี 2564 ได้แก่ Mylana Brodovska จากยูเครน; Selin Alara Ornek จากตุรกี; Jordan Reeves จากสหรัฐอเมริกา; Ivanna Hernandez จากโคลอมเบีย; และAllie Weber จากสหรัฐอเมริกา
  • เปิดตัวงานวิจัยในการประชุมด้านวิทยาศาสตร์เสมือนจริงหลายครั้ง งานวิจัยนี้รวมถึง: แบ่งปันงานวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการปรับสภาพผิวแบบค่อยเป็นค่อยไปซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อเรตินอลที่บริสุทธิ์ที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ยังคงมอบคุณประโยชน์ต่อผิวที่สำคัญของเรตินอล นำเสนอข้อค้นพบสำหรับการใช้เฉพาะเรตินอลที่บริสุทธิ์เพื่อปรับปรุงจุดด่างดำที่เกิดจากการอักเสบของผิวในประชากรชาวเอเชีย และกลไกการปรับที่สัมพันธ์กับการทำงานของผิวชั้นนอกสุดที่ถือเป็นปราการปกป้องผิวในการช่วยบรรเทา 2 ความกังวลทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับผิวแพ้ง่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลกระทบทางสังคม/ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร (CSR)

  • ในปี 2564 Pink Changing LivesSM ทั่วโลกของ Mary Kay ได้ก่อให้เกิดโปรแกรมเสริมพลังสนับสนุนองค์กรนอกภาครัฐกว่า 15 แห่งทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2551 โปรแกรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่า 6 ล้านคนและครอบครัวโดยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ กว่า 3,000 แห่ง ด้วยเงินบริจาคกว่า 16 ล้านดอลลาร์
  • Mary Kay จีน: มณฑลเหอหนานของจีนได้รับผลกระทบจากอุทกภัยรุนแรงเนื่องจากน้ำท่วม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 ราย สูญหายอีก 8 ราย อพยพผู้คน 200,000 ราย ผู้คนที่ได้รับผลกระทบ 3 ล้านคน และการสูญเสียทางเศรษฐกิจโดยตรงอยู่ที่ประมาณ 1.22 พันล้านหยวน Mary Kay จีน บริจาคผลิตภัณฑ์มูลค่า 1 ล้านหยวนให้กับสหพันธ์การกุศลมณฑลเหอหนาน
  • Mary Kay เยอรมนี: น้ำท่วมในยุโรปส่งผลกระทบต่อเยอรมนี ออสเตรีย เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ และติดอันดับภัยอันตรายทางธรรมชาติที่ทำลายล้างมากที่สุดในยุโรปเหนือ Mary Kay เยอรมนีให้คำมั่นในการบริจาคเงิน 100,000 ยูโรเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
  • Mary Kay สเปน: ในปี 2563-64 ร่วมมือกับ Fundación Vicente Ferrer เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพแก่เด็กและครอบครัวในอินเดีย ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 (ในปี 2561) Mary Kay สเปนได้ให้เงินสนับสนุนในการสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กในหมู่บ้านปากาดาลาวาริปัลลิ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกาดิริ (อนันตปูร์) ของอินเดีย

การส่งเสริมพลังของผู้หญิง

  • ประกาศความมุ่งมั่นในการพัฒนาความเท่าเทียมทางเพศโดยเผยแพร่เอกสารแสดงจุดยืนต้อนรับกลยุทธ์ความเท่าเทียมทางเพศของคณะกรรมาธิการยุโรปสำหรับปี 2563 – 2568 และโดยการเข้าร่วมการประชุมยุคสมัยแห่งความเท่าเทียม (Generation Equality Forum) ในปารีสและ 5 แนวร่วมปฏิบัติการระดับโลกเพื่อเร่งความเท่าเทียมทางเพศภายในปี 2569
  • ในความร่วมมือกับองค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (UN Women), องค์การแรงงานระหว่างประเทศ(ILO) & WE Empower ได้มีการเผยแพร่เรื่อง “เสริมสร้างการสนับสนุนสำหรับผู้ประกอบการสตรีในการตอบสนองและการฟื้นตัวของโควิด-19 หรือ Strengthening Support for Women Entrepreneurs in COVID-19 Response and Recovery” ที่คณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (CSW65)
  • Mary Kay และมูลนิธิ Mary Kay Ash FoundationSM ได้รับการยอมรับในรายงานของหน่วยงานสหประชาชาติเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและการส่งเสริมพลังของผู้หญิงในกิจกรรมของกองทุนแห่งสหประชาชาติเพื่อสนับสนุนการดำเนินการเพื่อยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงต่อคณะกรรมาธิการว่าด้วย สถานภาพสตรี (CSW65) และสภาสิทธิมนุษยชน

ความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI)

  • ประกาศร้อยละ 100 ตำแหน่งผู้อำนวยการขึ้นไปที่ประจำในสหรัฐฯ เสร็จสิ้นการฝึกอบรมอคติใต้สำนึกภาคบังคับ
  • เปิดเผยความหลากหลายทางเพศในข้อมูลสถานที่ทำงาน: ร้อยละ 54 ของทีมผู้บริหารทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง; ร้อยละ 61 ของพนักงานทั่วโลกของ Mary Kay เป็นผู้หญิง และร้อยละ 54 ของตำแหน่งรองประธานขึ้นไปเป็นผู้หญิง; ร้อยละ 59 ของตำแหน่งผู้อำนวยการขึ้นไปเป็นผู้หญิง
  • ในความร่วมมือกับ Equal Rights Trust พันธมิตรระดับโลก ได้ประกาศเปิดตัวการวิจัยเชิงนวัตกรรมเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในอัลกอริทึมและปัญญาประดิษฐ์ที่มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับความเท่าเทียมและผลกระทบทางเพศของระบบอัลกอริทึมที่นำเสนอโดย Mary Kay

ความยั่งยืน

  • ประกาศกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลก: เติมเต็มชีวิตในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน แนวทางแบบองค์รวมของเราครอบคลุมเสาหลักสามประการของความยั่งยืน—เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม—ผ่านเสาหลัก 5 ประการ โดยกระตุ้นด้วยความมุ่งมั่น 15 ประการเพื่อส่งมอบทศวรรษแห่งการดำเนินการที่ยั่งยืน
  • เป็นผู้ลงนามในสาเหตุสำคัญสองประการในการปกป้องน่านน้ำของโลก: CEO Water Mandate และหลักการฟื้นฟูมหาสมุทรอย่างยั่งยืนภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ หรือ United Nations Global Compact’s Sustainable Ocean Principles
  • เข้าร่วมมูลนิธิ Ellen MacArthur Foundation ในฐานะสมาชิกของเครือข่าย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการเป็นธุรกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น
  • Mary Kay เปิดตัวสารคดีเรื่องที่สอง Forest of Hope ในเดือนตุลาคมระหว่างการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติปี 2564 (COP26) สารคดีดังกล่าวเน้นย้ำถึงผลงานของ Angelica นักต่อสู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในวัย 70 ​​ปี และผู้นำกลุ่มผู้ประกอบการสตรีที่มุ่งมั่นในการรักษาป่าไม้ของเมืองมอนเตร์เรย์
  • ด้วยความร่วมมือกับมูลนิธิ Arbor Day Foundation ในการริเริ่ม Time for Trees® initiative ได้ประกาศบรรลุความมุ่งมั่นในการปลูกต้นไม้ 100 ล้านต้นและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ปลูกต้นไม้รายใหม่ 5 ล้านคนภายในเดือนเมษายน 2565 ซึ่งสำเร็จลุล่วงไปหนึ่งปีก่อนกำหนด
  • Mary Kay ร่วมมือกับ Nature Conservancy มาตั้งแต่ปี 2534 ทั้งนี้ในปี 2564 Mary Kay สนับสนุนเจ็ดโครงการในหมู่เกาะโซโลมอน ออสเตรเลียตอนเหนือ นิวซีแลนด์ เขตชนบทของจีน เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และแคนาดา

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay Inc. ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกาย – และนำพาสู่ความสำเร็จไปทีละขั้น เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ www.MaryKayGlobal.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220107005500/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc.
Global Communications
newsroom.marykay.com
+1 972.687.5332
media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





The Bangkok Reporter