Trilliant เตรียมปรับใช้ AMI ร่วมกับ SAMART Telcoms สำหรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ของประเทศไทย

Logo

AMI จะช่วยให้ กฟภ. ปรับปรุงประสิทธิภาพการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I)

ประเทศไทย และสิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–26 พ.ค. 2565

Trilliant ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นสาธารณูปโภคสำหรับการตรวจวัดขั้นสูงและระบบสมาร์ทกริด ยินดีที่จะประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ SAMART ในการติดตั้ง Advanced Metering Infrastructure (AMI) ให้กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.)  การปรับใช้นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Trilliant ในด้านระบบสาธารณูปโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Andy White ประธานและซีอีโอของ Trilliant กล่าวว่า “Trilliant ทุ่มเทเพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมแก่ลูกค้าของเราทั่วโลก  แพลตฟอร์มของเราให้สามารถปรับใช้เทคโนโลยีไร้สายแบบไฮบริดที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย ทำให้ระบบสาธารณูปโภคสามารถให้บริการระดับสูงสุดแก่ลูกค้าของพวกเขา  การเป็นพันธมิตรกับ SAMART ช่วยให้เราสามารถส่งมอบแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของเราเพื่อรองรับการปรับใช้กับหลายแบรนด์”

กฟภ. ประเทศไทย ได้ทำสัญญากับ STS Consortium ซึ่งประกอบด้วย SAMART Telcoms PCL และ SAMART Communication Services

“การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจาก Trilliant ผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก ได้เสริมความแข็งแกร่งในการนำเสนอโซลูชั่นของเราแก่กฟภ. เราตั้งตารอที่จะได้เป็นหุ้นส่วนระยะยาวและร่วมมือในอนาคตในประเทศไทย” นายสุชาติ ดวงทวี รองประธานอาวุโส SAMART Telcoms PCL กล่าว

Trilliant ได้เชื่อมต่อสมาร์ทมิเตอร์มากกว่า 3 ล้านเครื่องสำหรับลูกค้าในอินเดียและมาเลเซียแล้ว โดยมีแผนที่จะติดตั้งเพิ่มเติมอีก 7 ล้านเมตรในช่วง 3 ปีข้างหน้าผ่านความร่วมมือที่มีอยู่  ด้วยการเพิ่มกฟภ. เป็นลูกค้า เทคโนโลยีของ Trilliant จะถูกนำไปใช้ในบ้านใหม่หลายล้านหลังในเร็วๆ นี้ ซึ่งช่วยให้ระบบสาธารณูปโภคเข้าถึงไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้อย่างเสถียร

การปรับใช้อย่างต่อเนื่องใน APAC เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของ Trilliant สำหรับสาธารณูปโภคและชุมชน  เมื่อเร็วๆ นี้ Frost & Sullivan ได้รับรางวัล Asia-Pacific Smart Utility Communications Platform Company of the Year ประจำปี 2564 Trilliant ยังคงทุ่มเทให้กับเส้นทางนวัตกรรมเทคโนโลยี

Trilliant ยังคงร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านพลังงานเพื่อติดตั้งมาตรวัดอัจฉริยะ ระบบเฮดเอนด์ และฮับการสื่อสารให้เสร็จสมบูรณ์อย่างปลอดภัยและทันท่วงที  การใช้งานเหล่านี้สนับสนุนระบบสาธารณูปโภคในการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนผ่านการปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องและการจัดการบริการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® ให้อำนาจแก่อุตสาหกรรมพลังงานด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้สาธารณูปโภคและเมืองต่างๆ สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันใดๆ ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้บนเครือข่ายที่ทรงพลังเพียงเครือข่ายเดียว  ด้วยโซลูชั่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและเป็นไปตามข้อกำหนดทั่วโลก Trilliant ให้อำนาจคุณด้วยการเชื่อมต่อโลกแห่งสรรพสิ่ง ® www.trilliant.com

เกี่ยวกับ SAMART Telcoms PCL

SAMART TELCOMS GROUP ให้บริการโซลูชั่นและบริการด้าน ICT และนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งรวมถึง Network Solutions, Enhanced Technology และ Business Application ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบระบบ การติดตั้งและการใช้งาน การดำเนินงาน และการบำรุงรักษาในฐานะผู้นำและผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรสำหรับลูกค้าในภาครัฐและเอกชน

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220525006051/en/

ติดต่อ:

Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com 

Cindy Watson/Anita Wong
StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gradiant เข้าซื้อกิจการบริษัทด้าน Machine Learning อย่าง Synauta เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ในการจัดการน้ำ

Logo

แบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนของ Gradiant ที่ผสานกับ AI ของ Synauta จะสร้างแบบจำลองที่มีประสิทธิภาพสำหรับการบำบัดน้ำเสียและการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยมีการใช้พลังงานและสารเคมีในอัตราที่ต่ำ รวมถึงต้นทุนการดำเนินงานที่ลดลง

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–21 พฤษภาคม 2565

Gradiant ผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ Synauta ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการจัดการน้ำอัจฉริยะของแคนาดา เพื่อเร่งใช้เทคโนโลยีแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนสำหรับจัดการน้ำ Gradiant เป็นผู้บุกเบิกการใช้แบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนในการบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรมและการแยกเกลือออกจากน้ำทะเล รวมถึงการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ การเข้าซื้อกิจการจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของ Gradiant ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีและโซลูชันการจัดการน้ำแบบครบวงจร และเร่งการปรับใช้เทคโนโลยีแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนเพื่อการจัดการน้ำผ่านระบบดิจิทัลในอนาคต

Prakash Govindan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Gradiant กล่าวว่า “การจัดการน้ำด้วยระบบดิจิทัลเป็นหน่วยที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมน้ำทั่วโลก และการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะเป็นการนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดต่าง ๆ มารวมเข้าด้วยกัน การนำแบบจำลองดิจิทัลคู่เสมือนมาใช้ในการจัดการน้ำจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับการใช้ประโยชน์จากการสื่อสารผ่านระบบ 5G ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ การบำบัดน้ำในโรงงานอุตสาหกรรมจะอัจฉริยะขึ้น สะอาดขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผสมผสานกับแบบจำลองข้อมูลอัจฉริยะของ Synauta”

Gradiant เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยให้บริการโซลูชันน้ำแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ การดำเนินงาน และการบริหารทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สูงสุด ซึ่งรวมอยู่ในแพลตฟอร์มดิจิทัลเพียงแห่งเดียวให้แก่ลูกค้าต่าง ๆ ได้แก่ Micron, Glaxo Smith Kline, Pfizer, Rio Tinto และ Coca-Cola การจัดการโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำทั่วโลกถูกประเมินว่าจะใช้เงินประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และโซลูชันดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ การวิจัยทางการตลาดล่าสุดคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนระบบน้ำดิจิทัลแต่ละปีจะสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 โดยการลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีมูลค่า 6.3 พันล้านดอลลาร์ ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐต่างหันมาใช้แพลตฟอร์ม AI มากขึ้นในการจัดการน้ำและการบำบัดน้ำเสีย เพื่อจัดการกับความท้าทายจากแรงกดดันด้านความยั่งยืนและต้นทุน ความต่อเนื่องทางธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเหตุการณ์เกี่ยวกับสภาพอากาศ

อัลกอริทึมการเรียนรู้ด้วยเครื่องจักรของ AI อันเป็นกรรมสิทธิ์ของ Synauta จะถูกนำไปใช้ในโรงงานแยกเกลือของภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก เทคโนโลยีของ Synauta จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านการกำหนดเงื่อนไขการทำงานและโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เหมาะสมตามข้อมูลกระบวนการแบบเรียลไทม์ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำ เช่น PUB ในสิงคโปร์, Veolia, Aqualia, Engie และ GHD

Mike Dixon ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Synauta กล่าวว่า “การเข้าร่วม Gradiant จะทำให้ Synauta สามารถจัดการข้อมูลและ AI เพื่อปรับใช้งานในภาคอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าทั่วโลก การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะสร้างขุมพลังดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมการจัดการน้ำ ซึ่งจะทำให้เป้าหมายด้านความยั่งยืนทางน้ำในภาคอุตสาหกรรมเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น” 

การชำระเงินจะเป็นไปตามเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียมและคาดว่าจะปิดได้ในไตรมาสที่สองของปี 2565

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันโครงการเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลกสำหรับการจัดการน้ำและการบำบัดน้ำเสียขั้นสูง โซลูชันแบบครบวงจรและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Gradiant จะช่วยจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบน้ำที่สำคัญที่สุดของโลกได้อย่างยั่งยืนและคุ้มค่า Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการจัดการภารกิจหลักให้แก่อุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกด้วยชุดเทคโนโลยีที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gradiant และขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการจัดการน้ำ Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างและปรับใช้โซลูชันการบำบัดน้ำอย่างยั่งยืน บริษัทอยู่ในสถานะที่โดดเด่นในการจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในโลกที่เกิดจากอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของประชากร และปัญหาจากน้ำ ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 400 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานใน 10 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่ gradiant.com  

เกี่ยวกับ Synauta

Synauta ผสมผสานความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลและการเรียนรู้ของเครื่องจักรด้วย AI เพื่อบำบัดน้ำมากขึ้นโดยใช้พลังงานและสารเคมีน้อยลงเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้แก่ลูกค้าของเรา อัลกอริธึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะกำหนดสภาวะการทำงานและโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เหมาะสมให้กับแหล่งน้ำขององค์กรชั้นนำทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ synauta.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220517005044/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลติดต่อสำหรับองค์กร 
Felix Wang 
รองประธานฝ่ายการตลาดของ Gradiant 
fwang@gradiant.com 

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ 
Consort Partners 
gradiant@consortpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba ขยายความร่วมมือกับ MikroElektronika เปิดตัว Clicker 4 สำหรับบอร์ดพัฒนา TMPM4K เพื่อใช้ในการควบคุมมอเตอร์

Logo

ซึ่งจะเป็นการประเมินผลพารามิเตอร์ที่ใช้งานหลัก ๆ อย่างครอบคลุม และใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2565

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") กำลังเพิ่มการสนับสนุนที่สามารถนำเสนอให้แก่โครงการออกแบบการควบคุมมอเตอร์ให้มากขึ้นผ่านระบบนิเวศของพันธมิตรด้านเทคโนโลยี การขยายความร่วมมือไปยัง MikroElektronika (MIKROE) ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้แพลตฟอร์มประเมินผลแบบใหม่ได้ในขณะนี้

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220518005506/en/

Toshiba: A "Clicker 4 for TMPM4K" stacked on a "Clicker 4 Inverter Shield," both from MIKROE. (Photo: Business Wire)

Toshiba: "Clicker 4 สำหรับ TMPM4K" ที่วางซ้อนบน "Clicker 4 Inverter Shield" โดยทั้งคู่มาจาก MIKROE (ภาพ: Business Wire)

บอร์ดพัฒนา Clicker 4 จาก MIKROE สำหรับ M4K MCU ของ Toshiba ที่ผสานกับ Clicker 4 Inverter Shield จะเป็นโซลูชันที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่าสำหรับการทดลองใช้งานในสถานการณ์ควบคุมมอเตอร์ BLDC โดย Clicker 4 สำหรับ TMPM4K จะมีโปรแกรมตรวจแก้จุดบกพร่องที่มาพร้อมตัวบอร์ด ซึ่งไม่ต้องใช้โปรแกรมตรวจแก้จุดบกพร่องภายนอก และจะประกอบด้วยเต้ารับ mikroBUS™ 4 ช่องเพื่อเชื่อมต่อกับบอร์ด MIKROE Click™ ที่หลากหลาย ทำให้สามารถเพิ่มฟังก์ชันการทำงานเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังมีตัวเชื่อมต่อส่วนขยาย พอร์ตแก้ไขจุดบกพร่อง JTAG/SWD ไฟ LED และปุ่มกด บอร์ดนี้มาพร้อมกับ Clicker 4 Inverter Shield ซึ่งมี MOSFET 6 ตัวสำหรับใช้งานมอเตอร์ สวิตชิ่งเพาเวอร์ซัพพลายที่ใช้ควบคุมแรงดันไฟฟ้าของมอเตอร์สูงสุด 48 โวลต์ พร้อมแหล่งจ่ายไฟควบคุม 5 โวลต์ ซึ่งสามารถนำไปใช้จ่ายไฟให้กับบอร์ดควบคุมภายนอกได้ การเชื่อมต่อที่ยืดหยุ่นจะช่วยให้มีการรับข้อมูลป้อนกลับตำแหน่งจากเซ็นเซอร์ Hall และเอ็นโค้ดเดอร์แบบเพิ่มค่า และยังมีการป้องกันกระแสไฟฟ้าเกินเพื่อความมั่นใจในการใช้งาน

M4K MCU นั้นถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมเพื่อนำไปใช้ในการควบคุมมอเตอร์รุ่นต่อไป อุปกรณ์เหล่านี้ใช้แกนโปรเซสเซอร์ Arm® Cortex®-M4 ที่มีส่วนการคำนวณเลขที่เป็นจุดทศนิยม (FPU) และมีหน่วยป้องกันหน่วยความจำ (MPU) ด้วย อุปกรณ์เหล่านี้สามารถทำงานได้ที่ 160MHz และมีฟังก์ชันตัวขับมอเตอร์แบบตั้งโปรแกรมได้ขั้นสูง (A-PMD) ควบคู่ไปกับความสามารถขั้นสูงของ vector engine plus (A-VE+) เพื่อใช้ในการควบคุม vector ทรัพยากรหน่วยความจำประกอบด้วยแฟลชรหัสขนาด 256kBytes และแฟลชข้อมูลขนาด 32kBytes

Clicker 4 สำหรับ TMPM4K และ Clicker 4 Inverter Shield ได้รับการสนับสนุนโดยซอฟต์แวร์ MCU Motor Studio ซึ่งจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของ Toshiba ซอฟท์แวร์นี้เป็นซอฟต์แวร์ที่เรียบง่าย มีโครงสร้างที่ดี และใช้งานได้หลากหลาย โดยมีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน ได้แก่ Motor Control PC Tool ที่มีการกำหนดค่าพารามิเตอร์ การควบคุมไดรฟ์ และการบันทึกและการวินิจฉัยแบบเรียลไทม์ผ่าน UART ความเร็วสูง และ Motor Control Firmware ที่กำหนดค่าและจัดการได้อย่างเต็มที่สำหรับ M4K MCU

เกี่ยวกับ MIKROE

MIKROE เป็นผู้ผลิตเครื่องมือฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการพัฒนาระบบฝังตัว บริษัทผลิตบอร์ดต่าง ๆ สำหรับเชื่อมต่อไมโครคอนโทรลเลอร์กับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ เช่น เซ็นเซอร์ ไดรเวอร์มอเตอร์ และอื่น ๆ 
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ MIKROE ที่: https://www.mikroe.com/

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ M4K MCU ของ Toshiba สำหรับการควบคุมมอเตอร์ สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่: 
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/product/microcontrollers/txz4aplus-series.html

* บอร์ด mikroBUS และ Click เป็นเครื่องหมายการค้าของ MIKROE 
* Arm และ Cortex เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Arm limited (หรือบริษัทในเครือ) ในสหรัฐอเมริกาและ/หรือทั่วโลก 
* TXZ+ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation 
* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง 
* ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาด้านบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวบรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 23,000 คนจากทั่วโลกของ TDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 8.5 แสนล้านเยน (7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก 
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220518005506/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า: 
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์ MCU และอุปกรณ์ดิจิทัล 
โทร: +81-44-548-2233 
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ: 
K.Tanaka, E.Sugizaki 
กลุ่มสื่อสารองค์กรและข้อมูลการตลาด 
ฝ่ายวางแผนเชิงกลยุทธ์ 
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation 
โทร: +81-44-548-2122 
เมล: tdsc-publicrelations@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

SMART Modular เปิดตัวผลิตภัณฑ์ SMART Kestral PCIe Optane Memory AddCard เพื่อรองรับการขยายและเร่งความเร็วของหน่วยความจำ

Logo

กำหนดเป้าหมายสำหรับผู้ที่ต้องการขยายสเกลระดับที่ใหญ่มากและศูนย์ข้อมูลที่ใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่บนระบบที่ใช้ AMD, ARM และ Intel ที่ใช้ CPU

เมืองนิวไทเป, ใต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–19 พ.ค. 2565

SMART Modular Technologies, Inc. (“SMART”) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ SGH (Nasdaq: SGH) และเป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันหน่วยความจำ โซลิดสเตตไดรฟ์ และผลิตภัณฑ์สตอเรจแบบไฮบริด ได้ประกาศเปิดตัว SMART Kestral™ PCIe Optane™ Memory Add- in-Card (AIC) ซึ่งสามารถเพิ่มหน่วยความจำ Optane Memory ได้สูงสุด 2TB บนอินเทอร์เฟซ PCIe-Gen4-x16 หรือ PCIe-Gen3-x16 ที่ไม่ขึ้นกับ CPU ของเมนบอร์ด ทั้งนี้ Kestral AIC ของ SMART เร่งความเร็วอัลกอริธึมที่เลือกโดยการถ่ายโอนฟังก์ชันการจัดเก็บข้อมูลที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์จาก CPU โฮสต์ไปยัง Intel FPGA บน AIC

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220518006168/en/

SMART Modular Technologies' Kestral PCIe Optane Memory Add-in-Card (Photo: Business Wire)

เทคโนโลยี Kestral PCIe Optane Memory Add-in-Card ของ SMART Modular Technologies (รูปภาพ: Business Wire)

AIC หน่วยความจำ Kestral ของ SMART เหมาะอย่างยิ่งสำหรับศูนย์ข้อมูลที่สเกลใหญ่มาก ๆ และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันซึ่งต้องการใช้แอปพลิเคชันหน่วยความจำขนาดใหญ่ และที่สามารถได้รับประโยชน์จากการขยายหน่วยความจำหรือการเร่งความเร็วของระบบผ่านที่เก็บข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ได้

“ด้วยความก้าวหน้าของมาตรฐานการเชื่อมต่อระหว่างกัน เช่น CXL และ OpenCAPI ทำให้สมาชิกครอบครัวใหม่ของ SMART อย่าง  Kestral AIC รุ่นใหม่ สามารถตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมในด้านรูปแบบโมดูล หน่วยความจำรูปแบบใหม่ และอินเทอร์เฟซสำหรับการขยายและการเร่งความเร็วของหน่วยความจำ” Mike Rubino รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ SMART Modular กล่าว  “SMART สามารถใช้ประโยชน์จากประสบการณ์หลายปีของเราในการพัฒนาและผลิตโซลูชั่นหน่วยความจำที่ใช้คอนโทรลเลอร์ เพื่อตอบสนองความต้องการหน่วยความจำที่เกิดขึ้นใหม่แบบแอดออน และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้านเซิร์ฟเวอร์และระบบสตอเรจให้กับลูกค้า”

ประโยชน์หลัก ๆ:

  • หน่วยความจำต่อเซิร์ฟเวอร์มากขึ้นด้วยต้นทุนต่อกิกะไบต์ที่ลดลง
  • การอัปเกรดภาคสนามสำหรับอัลกอริธึมและโปรโตคอลใหม่
  • การอัพเกรดอย่างราบรื่นสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่ด้วยโซลูชันหน่วยความจำแบบกำหนดเอง
  • รองรับเทคโนโลยีหน่วยความจำและโปรโตคอลที่หลากหลาย รวมถึง Intel Optane DIMM, DDR4 RDIMM และ LRDIMM

คุณลักษณะทางเทคนิค:

  • ความสูงเต็มที่ ความยาวครึ่งหนึ่ง (FHHL) ฟอร์มแฟกเตอร์ช่องคู่
  • Thermal Design Power  (TDP) น้อยกว่า 150W โดยใช้ฮีทซิงค์แบบพาสซีฟ
  • Intel Stratix® 10 DX FPGA ใช้งานด้วยการสนับสนุน IP หลายรายการสำหรับการกำหนดโซลูชัน
  • Quad Core ARM A53 พร้อมหน่วยความจำ 2GB DDR4 ออนบอร์ดและการเร่งความเร็วการจัดเก็บ 8GB
  • สล็อต DIMM สี่ช่องพร้อมช่องสัญญาณแยกกันสองช่อง ซึ่งสามารถใส่ Optane DIMM สี่ช่องสูงสุด 512GB ต่ออัน หรือ DDR4 RDIMM สองตัวสูงสุด 256GB

ในอนาคต AIC จาก SMART จะสามารถรองรับหน่วยความจำ Optane ขนาด 4TB ในโหมด App Direct แบบถาวรผ่านการโหลด/การจัดเก็บปกติสำหรับสถาปัตยกรรม CPU ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้สล็อต DDR DIMM ที่ต่อพ่วงโดยตรงมีพื้นที่ว่างมากขึ้น การ์ดหน่วยความจำ SMART Kestral เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเซิร์ฟเวอร์การฝึกอบรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ด้วยเครื่อง (Machine Learning, ML) ซึ่งช่วยให้อัลกอริทึมขนาดใหญ่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและปราศจากความเสี่ยงที่จะเกิดความล้มเหลวระหว่างเหตุการณ์ไฟฟ้าดับ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SMART Kestral Memory AIC โปรดไปที่ หน้าผลิตภัณฑ์ และรับ บทสรุปทางเทคนิค ที่ smartm.com หรือติดต่อฝ่ายขายได้ที่ info@smartm.com.

* ตัว “S” และ “SMART” ที่ออกแบบมาด้วยสไตล์พิเศษ ซึ่งรวมถึง “SMART Modular Technologies” เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SMART Modular Technologies, Inc. เครื่องหมายการค้าและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอื่น ๆ ทั้งหมด ถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของกิจการ

เกี่ยวกับ SMART Modular Technologies

เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ SMART Modular Technologies ได้ช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการใช้งานการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านการออกแบบ การพัฒนา และการบรรจุภัณฑ์ในขั้นสูงของโซลูชันหน่วยความจำแบบพิเศษ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งของเรามีตั้งแต่เทคโนโลยีระดับแนวหน้าในปัจจุบันไปจนถึงผลิตภัณฑ์ DRAM และ Flash storage แบบมาตรฐานและแบบเดิม เราจัดหาโซลูชันหน่วยความจำและสตอเรจแบบมาตรฐาน ทนทาน และกำหนดเองได้ ที่ตอบสนองความต้องการของแอพพลิเคชั่นที่หลากหลายในตลาดที่มีการเติบโตสูง

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220518006168/en/

ติดต่อฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์

Arthur Sainio

SMART Modular Technologies

39870 Eureka Dr., Newark, CA 94583

+1 (510) 364-3647

info@smartm.com

ติดต่อสำหรับสื่อ

John Crook

SMART Modular Technologies

ฝ่ายการสื่อสารการตลาด

John.Crook@smartm.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Aqara ประกาศเปิดตัว D100 Zigbee กลอนประตูอัจฉริยะอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–19 พฤษภาคม 2565

Aqara ผู้ให้บริการชั้นนำสำหรับผลิตภัณฑ์บ้านอัจฉริยะ ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์กลอนประตูอัจฉริยะด้วยการปล่อยกลอนล็อกแบบมีตลับใหม่ รุ่น D100 Zigbee ซึ่งเป็นสมาร์ทล็อกรุ่นที่สามของแบรนด์สำหรับตลาดโลก ทั้งนี้ต่างจาก N100 Zigbee และ A100 Zigbee รุ่นก่อนหน้านี้ที่เป็นกลอนล็อกแบบมือจับดั้งเดิม โดย D100 Zigbee รุ่นใหม่เป็นกลอนล็อกแบบมีตลับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ช่วยให้ผู้ใช้เปิดประตูโดยไม่ต้องกดที่จับหรือหมุนลูกบิด กลอนล็อกรุ่นใหม่ได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับ HomeKit รวมถึงฟีเจอร์ home key ล่าสุด และยังรองรับการปลดล็อกผ่าน Google Assistant ซึ่ง D100 Zigbee ได้วางจำหน่ายแล้วในสิงคโปร์ คูเวต ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และคาดว่าจะมีวางจำหน่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าไปยังประเทศ/ภูมิภาคอื่น ๆ รวมถึงมาเลเซีย ไทย เวียดนาม ฮ่องกง ไต้หวัน คาซัคสถาน ไนจีเรีย เป็นต้น

เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ กลอนล็อก D100 Zigbee นั้นสามารถใช้ได้กับประตูที่มีความหลากหลายขึ้น โดยติดตั้งกับประตูที่มีความหนาระหว่าง 40 ถึง 120 มิลลิเมตร และแม้แต่ประตูสไตลิสต์มือจับแบบดึง นอกจากนี้ยังมีชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) ที่ทนทานขึ้น ทั้งนี้ชุดแบตเตอรี่ 2480mAh แบบถอดออกได้สามารถชาร์จใหม่ผ่านพอร์ตแบบ USB-C และแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานยาวนานถึง 12 เดือนระหว่างการชาร์จในแต่ละครั้ง ทั้งยังรองรับการเตือนเวลาแบตเตอรี่ต่ำ และแม้ว่าแบตเตอรี่จะหมด กลอนล็อกยังสามารถชาร์จจากข้างนอกผ่านพาวเวอร์แบงค์แบบ USB-C และยังมีความคล้ายคลึงกับกลอนล็อก Aqara รุ่นอื่น ๆ ที่มีกุญแจแบบกลไกซึ่งให้ผู้ใช้สามารถเปิดกลอนล็อกได้แม้ในขณะที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว

D100 Zigbee มีฟีเจอร์เครื่องสแกนลายนิ้วมือ 3 มิติ พร้อมระบบป้องกันการหลอกด้วยรูปภาพหรือวิดีโอ และเครื่องสแกนนี้มีการเคลือบแซฟไฟร์เพื่อความทนทานที่ดีขึ้น กลอนล็อกติดตั้งแผงปุ่มกดล่องหน และรองรับรหัสผ่านถาวรที่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวและแบบเป็นครั้งคราว (6-10 หลัก) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้อนุญาตและจัดการการเข้าถึงบ้านสำหรับสมาชิกในครอบครัวและผู้มาเยือนได้อย่างง่ายดาย ทั้งนี้รหัสผ่านแบบเพียงครั้งเดียวและแบบเป็นครั้งคราวสามารถสร้างและจัดการแบบระยะไกลได้* ซึ่งทำให้กลอนล็อกนี้เป็นตัวเลือกในอุดมคติสำหรับบ้านเช่า โดยการ์ด NFC ยังมีกลอนล็อกซึ่งสะดวกสำหรับสมาชิกในครอบครัวที่มีอายุน้อยและผู้สูงอายุในการปลดล็อก

และยิ่งไปกว่านั้น D100 Zigbee ยังได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับ HomeKit และรองรับฟีเจอร์ home key ใน Apple Wallet ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถแท็กอุปกรณ์ iPhone หรือ Apple Watch เพื่อปลดล็อกได้ง่าย ๆ นอกจากนี้ยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงรวมไปถึง Siri และ Google Assistant เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบกับผู้ช่วยคนโปรดว่าประตูล็อกอยู่หรือไม่ หรือขอให้ผู้ช่วยปลดล็อกประตูให้ได้

ฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงรวมอยู่ในกลอนล็อก D100 Zigbee เพื่อความปลอดภัยสำหรับบ้านและทรัพย์สิน รวมไปถึง:

  • กลอนล็อกแบบสามสลักเกลียวและกระบอกที่มีความปลอดภัยสูงทำให้กลอนล็อกทนทานต่อการพยายามเจาะทะลุ;
  • ชิปควบคุมและรักษาความปลอดภัยถูกวางไว้ที่แผงล็อกด้านใน เพื่อไม่ให้ถูกดัดแปลงแม้แผงด้านนอกจะถูกบุกรุก;
  • ลูกบิดแบบกลไกติดตั้งไว้ ช่วยให้ล็อกและปลดล็อกจากด้านในที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นเพื่อความปลอดภัยและเป็นทางออกฉุกเฉิน;
  • ระบบแจ้งเตือนการงัดแงะมีทั้งในพื้นที่และระยะไกล ซึ่งลำโพงในตัวจะส่งเสียงเตือนในขณะที่การแจ้งเตือนทางมือถือจะถูกส่งไปยังผู้ใช้ในการตรวจจับความพยายามในการงัดแงะ;
  • การล็อกอัตโนมัติหลังจากประตูถูกปิด และการแจ้งเตือนประตูเปิดทิ้งไว้จะทำงานหากประตูเปิดนานกว่า 10 วินาที;
  • สวิตช์ล็อกป้องกันเด็กถูกวางไว้เหนือปุ่มปลดล็อก และเมื่อทำการเปิดสวิตช์ไว้แล้วจะป้องกันไม่ให้เด็กเปิดประตูโดยไม่ได้ตั้งใจ;
  • ระบบการพิสูจน์ยืนยันตัวตนจะหยุดเป็นเวลา 3 นาทีหลังจากการพิสูจน์ยืนยันตัวตนนั้นล้มเหลวครบ 5 ครั้ง และการแจ้งเตือนความพยายามที่ผิดปกตินี้จะถูกส่งไปยังผู้ใช้ เพื่อให้การเดารหัสในแต่ละหลักแทบจะเป็นไปไม่ได้;
  • ความสามารถในการเพิ่มตัวเลขสุ่มก่อนและหลังรหัสผ่านเพื่อป้องกันการโจมตีจากการแอบดูและรอยนิ้วมือ;
  • กุญแจปลดล็อกระยะไกลทั้งหมดรวมถึงรหัสผ่านที่สร้างจากระยะไกลนั้นปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสแบบ end-to-end และคีย์สำหรับเข้ารหัสจะถูกเก็บไว้ในกลอนล็อกและมือถือของผู้ใช้ที่จับคู่กันในเครื่อง ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะการล็อกพิเศษนี้เท่านั้นที่จะถอดรหัสได้

ทั้ง Bluetooth 5.0 และ Zigbee 3.0 ถูกผสานรวมเข้ากับกลอนล็อก D100 Zigbee ในขณะที่การรองรับ Bluetooth ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับอุปกรณ์มือถือและเทคโนโลยีโฮมฮับของ Apple ทั้งนี้การผสานรวม Zigbee ที่ทำให้ D100 Zigbee แตกต่างจากที่มีวางจำหน่ายอยู่ในตลาด เมื่อเชื่อมต่อกับฮับ Zigbee 3.0 Aqara โดยกลอนล็อกไม่เพียงรองรับการปลดล็อกจากระยะไกลผ่านแอป Aqara Home แต่ยังเชื่อมโยงกับอุปกรณ์เสริม Aqara อื่น ๆ เพื่อเปิดใช้งานการทำงานอัตโนมัติภายในบ้าน ตัวอย่างเช่น เมื่อกดปุ่ม Away บนแผงปุ่มกดของกลอนล็อก ผู้ใช้สามารถเปิดระบบแจ้งเตือนของ Aqara Home ซึ่งกล้องรักษาความปลอดภัยและเซ็นเซอร์จะเปิดใช้งาน และปิดไฟ ระบบ AC และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอื่น ๆ ด้วยอุปกรณ์ Aqara ที่หลากหลายนี้ ผู้ใช้สามารถสร้างระบบอัตโนมัติที่ปรับแต่งให้เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมภายในบ้านที่ต้องการได้

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลอนล็อก D100 Zigbee กรุณาเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของเรา

* จำเป็นต้องใช้ฮับ Zigbee 3.0 Aqara

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220518005555/en/

ติดต่อ:

สำหรับสอบถามสื่อ:
Michell Li
มือถือ: +86 18501199430
อีเมล:  media@aqara.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกาและ ANANDA Scientific ประกาศว่า FDA ได้อนุมัติ IND สำหรับการทดลองทางคลินิกเพื่อสำรวจการรักษาความผิดปกติของโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD)

Logo

โอมาฮา เนแบรสกาและกรีนวูด วิลเลจ โคโลราโด–(บิสิเนสไวร์)–17 พฤษภาคม, 2565

ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกา (UC) และ ANANDA Scientific Inc ประกาศความร่วมมือในการทดลองทางคลินิกรอบใหม่เพื่อตรวจสอบการรักษาผู้ใหญ่ที่มีความผิดปกติจากโรคเครียดหลังผ่านเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220517005065/en/

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

การทดลองนี้นำโดยนักวิจัยหลัก Mathew Rizzo, MD, ศาสตราจารย์จาก Reynolds และประธานของ UNMC Department of Neurological Sciences และหัวหน้าแพทย์สำหรับบริการทางระบบประสาทที่ Nebraska Medicine

การศึกษาจะประเมินประสิทธิผลของ Nantheia™ ATL5 ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการวิจัยโดยใช้เทคโนโลยีการนำส่ง cannabidiol ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ ANANDA  ยาที่ใช้ในการศึกษาวิจัยใหม่ (investigational new drug – IND) ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

(Clinical Trials.gov Identifier NCT05269459)

“นี่เป็นการทดลองทางคลินิกครั้งที่สองของเราที่กำหนดเป้าหมายไปที่ PTSD เรารู้สึกตื่นเต้นที่ทีมวิจัยของ UNMC ได้ร่วมมือกับเราเพื่อประเมินยาของเราสำหรับโรคที่ย่ำแย่โรคนี้” Sohail R. Zaidi ซีอีโอของ ANANDA กล่าว "นี่เป็นขั้นตอนสำคัญในความพยายามของเราในการจัดหาทางเลือกในการรักษาที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วย PTSD"

"เป้าหมายหลักสำหรับทีมวิจัยของเราคือการวิจัยการรักษาแบบใหม่ตามหลักฐานเพื่อให้ประชากรผู้ป่วย PTSD จำนวนมากมีตัวเลือกการรักษาใหม่" Dr. Rizzo กล่าว “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ANANDA Scientific ในการทดลองครั้งนี้”

Dr. Rizzo ยังเป็นผู้อำนวยการเครือข่ายการวิจัยทางคลินิกของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ Great Plains เขาเป็นประธานคณะกรรมการบริหารของ American Brain Coalition ซึ่งสนับสนุนการวิจัยขั้นสูงสำหรับการรักษาทางระบบประสาท

ทีมวิจัยของ Dr. Rizzo ได้แก่ Jennifer Merickel, Ph.D., นักประสาทวิทยาทางปัญญาและผู้ช่วยศาสตราจารย์ใน UNMC Department of Neurological Sciences และ Brigette Vaughan พยาบาลวิชาชีพขั้นสูง แพทย์และนักวิจัยใน UNMC Department of Psychiatry

การศึกษาทางคลินิกแบบสุ่มตัวอย่างแบบ double-blind ควบคุมด้วยยาหลอกระยะที่ 2 นี้ กำลังวางแผนที่จะลงทะเบียนผู้เข้าร่วม 240 คน เพื่อให้การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ Nantheia™ ATL5 อย่างเข้มงวด

เกี่ยวกับ NANTHEIA™ ATL5

Nantheia™ ATL5 เป็นยาที่ใช้ในการวิจัยซึ่งใช้เทคโนโลยีการนำส่ง cannabidiol ในโครงสร้างของเหลวของ ANANDA  การศึกษาทางคลินิกเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีการนำส่ง Liquid Structure™ ของ ANANDA (ได้รับอนุญาตจาก Lyotropic Delivery Systems (LDS) Ltd ในกรุงเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรของ cannabidiol.  Nantheia ™ ATL5 เป็นผลิตภัณฑ์รับประทานทางช่องปากที่มี cannabidiol 100 มก. ต่อแคปซูลซอฟเจล

เกี่ยวกับศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกา

UNMC เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพเชิงวิชาการเพียงแห่งเดียวของเนบราสก้า  UNMC มุ่งมั่นที่จะให้การศึกษาแก่บุคลากรทางการแพทย์ในศตวรรษที่ 21 เพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคร้ายแรง  การดูแลผู้ป่วยอย่างดีที่สุด และให้บริการรัฐและชุมชนผ่านการขยายงานที่ได้รับรางวัล  UNMC มีวิทยาลัยหกแห่งและสองสถาบัน ให้บริการนักศึกษามากกว่า 4,200 คนในกว่าสิบสองโปรแกรม  นักวิจัยที่ UNMC ดำเนินการวิจัยที่ล้ำสมัยในด้านวิทยาศาสตร์ระบบประสาท มะเร็งวิทยา โรคติดเชื้อ และพื้นที่สำคัญอื่นๆ

เกี่ยวกับ ANANDA SCIENTIFIC

อนันดาเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำที่มุ่งเน้นการวิจัย โดยบุกเบิกการศึกษาทางคลินิกที่มีความสามารถสูงเพื่อประเมินข้อบ่งชี้ในการรักษาโรค เช่น PTSD, Radiculopathic โรควิตกกังวล และ ความผิดปกติของการใช้ Opioid (Mt. Sinai และ UCLA) บริษัทใช้เทคโนโลยีการจัดส่งที่ได้รับการจดสิทธิบัตรในการผลิต cannabinoids และสารประกอบที่ได้จากพืชอื่นๆ มีความสามารถในการย่อยสลายทางชีวภาพสูง ละลายน้ำได้ มีอายุการเก็บรักษาที่เสถียร และมุ่งเน้นไปที่การผลิตผลิตภัณฑ์ยาที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม บริษัทกำลังขยายฐานการวิจัยผ่านการสนับสนุนหลายฉบับกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อกระจายพอร์ตโฟลิโอทางคลินิกให้สอดคล้องกับข้อมูลการวิจัยที่แข็งแกร่ง  บริษัทมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ANANDA ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร โดยขยายไปสู่ตลาดอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป จีน แอฟริกา และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220517005065/en/

ติดต่อ:

ANANDA Scientific Media Relations | Christopher Moore | 813 326 4265 | media@anandascientific.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Celmatix ประกาศความสำเร็จก้าวสำคัญในขั้นก่อนศึกษาทางคลินิกของโครงการพัฒนายาป้องกันภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร

Logo

สารกระตุ้นกลไกตอบสนองยีน AMHR2 ที่สามารถพัฒนาเป็นตัวยาได้แสดงให้เห็นถึงฤทธิ์ที่มีความเฉพาะสูงในการทดสอบทางชีวภาพ รวมถึงคุณสมบัติทางเภสัชจลนศาสตร์ที่ต้องการในการศึกษากับสัตว์ในขั้นก่อนการศึกษาทางคลินิก

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2565

วันนี้ Celmatix Inc. บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพที่มุ่งเน้นด้านชีววิทยาของรังไข่ ประกาศถึงการจำแนกสารกระตุ้นกลไกตอบสนองยีน AMHR2 ตัวใหม่ที่สามารถนำไปพัฒนาเป็นยาได้ โดยแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์ทางชีวภาพที่เข้มข้นในการทดสอบในขั้นก่อนการศึกษาทางคลินิก (พรีคลินิก) ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาหลาย ๆ ครั้ง รวมถึงคุณสมบัติทางเภสัชจลนศาสตร์ที่สอดคล้องกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสำหรับยาแบบฉีด โครงการดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากความมุ่งเน้นทางด้านการค้นหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพตัวใหม่และเป้าหมายทางยาเพื่อสุขภาพของผู้หญิงของ Celmatix ที่ยาวนานนับทศวรรษ มีข้อบ่งชี้ทางคลินิกที่กำหนดไว้ในตอนแรกเพื่อป้องกันภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควรในผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด โดยในทุก ๆ เดือนที่ผู้หญิงเข้ารับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด การสูญเสียการทำงานของรังไข่และภาวะหมดประจำเดือนถูกกระตุ้นให้เกิดเร็วขึ้นโดยเฉลี่ย 1.5 ปี

Dr. Piraye Yurttas Beim ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Celmatix กล่าวว่า “หากพูดในแง่ของลักษณะประชากรแล้ว ภาวะหมดประจำเดือนเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างใหม่ และเป็นผลจากการค้นพบทางการแพทย์ที่ทำให้ผู้หญิงในปัจจุบันมีอายุยืนยาวเหนืออายุการทำงานของรังไข่ ในศตวรรษที่ผ่านมาอายุขัยเฉลี่ยของผู้หญิงทั่วโลกอยู่ที่ต่ำกว่า 50 ปี ดังนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงไม่ได้มีชีวิตยาวนานพอที่จะเจอกับภาวะหมดประจำเดือน ปัจจุบัน อายุขัยเป็นตัวเร่งเดี่ยวที่มีนัยสำคัญมากที่สุดของการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับอายุในผู้หญิง เช่น โรคกระดูกพรุนและโรคหัวใจ ความเสี่ยงในการก่อตัวของโรคเรื้อรังเหล่านี้ก่อนอายุ 70 ปี เพิ่มขึ้น 300% สำหรับผู้หญิงที่ประสบกับภาวะการสูญเสียการทำงานของรังไข่และภาวะหมดประจำเดือนก่อนเวลา ที่ Celmatix เรามุ่งมั่นที่จะช่วยผู้หญิงให้สามารถสร้างสุขภาพที่ดีได้สูงสุดด้วยการปรับและยืดการทำงานของรังไข่ ทีมของเราทำงานมากว่าทศวรรษเพื่อค้นหาตัวกระตุ้นโมเลกุลที่เกี่ยวกับสุขภาพของรังไข่และภาวะความเจ็บป่วยที่เกี่ยข้องอย่างภาวะการมีบุตรยาก ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) และภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ จากการทำงาน เราพบความกระจ่างว่าฮอร์โมนแอนตี้มูลเลอเรียน (AMH) ซึ่งเป็นลิแกนด์โดยธรรมชาติของยีน AMHR2 คือตัวควบคุมการทำงานของรังไข่ที่เป็นตัวหลัก เช่นเดียวกับเอสโตรเจน แต่ที่ต่างจากเอสโตรเจนก็คือเราไม่สามารถสร้าง AMH บริสุทธิ์ได้จากแหล่งธรรมชาติอย่างปัสสาวะ หรือไม่สามารถสังเคราะห์ได้ทางเคมี และความพยายามก่อนหน้านี้ก็ไม่สามารถสร้างการตัดต่อทางพันธุกรรมของ AMH ที่มีความเฉพาะสูง หรือความเสถียรทางเภสัชจลนศาสตร์ที่จำเป็นสำหรับการนำไปรักษาได้”

Dr. Stephen Palmer ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านวิทยาศาสตร์ของ Celmatix อธิบายว่า "หนึ่งในสิ่งที่ดึงดูดผมในฐานะผู้พัฒนายาให้กับ Celmatix ก็คือศักยภาพของโครงการสารกระตุ้นกลไกตอบสนองยีน AMHR2 ในการชี้ให้เห็นถึงความต้องการด้านสุขภาพของผู้หญิงที่สำคัญซี่งยังไม่ได้รับการตอบสนอง ผมได้ประจักษ์แล้วว่าโครงการสารกระตุ้นกลไกตอบสนองยีน AMHR2 ของ Celmatix นั้นเดินมาถูกทางแล้วกับการเป็นการค้นพบแห่งศตวรรษที่ 21 เทียบเท่ากับการพัฒนายาคุมกำเนิดและยาสำหรับรักษาการมีบุตรยากในศตวรรษที่ผ่านมา ตัวบ่งชี้นำของเราคือการการรักษาด้วยเคมีบำบัดกระตุ้นให้เกิดการเสื่อมของรังไข่ (CIOF) แต่เราก็เชื่อว่าสารกระตุ้นกลไกลตอบสนองของยีน AMHR2 อาจสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตัวบ่งชี้ด้านสุขภาพอื่น ๆ ของผู้หญิงได้ในวงกว้าง ผลจากการทำงานของเราแสดงให้เห็นว่าแอนะล็อก AMH ของเรามีพารามิเตอร์ทางเภสัชจลนศาสตร์จากการศึกษาในสัตว์ทดลองตามที่ต้องการ และทำให้เกิดการส่งสัญญาณเข้าสู่เซลล์ตามที่ต้องการในการทดสอบเซลล์ฟอลลิเคิลของรังไข่แบบดั้งเดิม และการเสื่อมของท่อ Müllerian ในระบบของยูโรเจนิทาลริดจ์จากการศึกษาในหลอดทดลอง โดยการแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์ที่มีความจำเพาะสูงในทั้งเนื้อเยื่อเป้าหมาย (รังไข่) และการทดสอบการทำงานของ AMH ที่ดีที่สุด ทำให้เรามั่นใจที่จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อให้เข้าใกล้ขั้นตอนการศึกษาทางคลินิกไปอีกขั้น”

การประกาศนี้เกิดขึ้นไม่นานหลัง Celmatix ประกาศก้าวแห่งความสำเร็จครั้งที่สามในช่วงเวลาห้าปีของการเป็นพันธมิตรที่มีจุดมุ่งหมายในหลาย ๆ ด้านกับ Evotec ในเดือนมกราคม ความสำเร็จนั้นเกิดขึ้นจากการที่ Evotec และ Bayer AG เร่งพัฒนาโครงการยาที่ให้ความสำคัญกับเป้าหมายยาใหม่ที่ค้นพบโดย Celmatix สู่กระบวนการ hit-identification

เกี่ยวกับ Celmatix

Celmatix Inc. เป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านสุขภาพของผู้หญิงที่ทำงานในขั้นก่อนการศึกษาทางคลินิกโดยมุ่งเน้นทางด้านชีววิทยาของรังไข่ โครงการสารกระตุ้นกลไกตอบสนองยีน AMHR2 เพื่อ “นำไปสู่การผลิตยา” ที่มุ่งเน้นทางด้านความเสื่อมสภาพของรังไข่ และความร่วมมือด้าน PCOS และการคุมกำเนิดที่ไม่ใช้ฮอร์โมนกับผู้นำอุตสาหกรรม ทำให้ Celmatix สามารถชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองและมีความต้องการสูง ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาการยับยั้งและการบุกเบิกด้านสุขภาพรังไข่ในเจเนอเรชันใหม่ แพลตฟอร์มด้านสุขภาพรังไข่แบบ multi-omic ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่ง Celmatix เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เป็นรากฐานที่นำไปสู่การพัฒนาการรักษาใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมของบริษัท สำหรับข้อมเพิ่มเติม ดูได้ที่เว็บไซต์ของบริษัท www.celmatix.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220516005290/en/

ติดต่อ:

Jasmine Newby
celmatix@mww.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NielsenIQ เปิดตัวโซลูชันสื่อค้าปลีกเพื่อสร้างรายได้จากสินทรัพย์และการวัดค่าแบบ ROI สำหรับผู้ค้าปลีก

Logo

NielsenIQ Activate ช่วยให้ผู้ค้าปลีกใช้ประโยชน์จากข้อมูลของตนเองเพื่อเร่งกระแสรายได้ใหม่

ชิคาโก–(BUSINESS WIRE)–16 พฤษภาคม 2565

วันนี้ NielsenIQ บริษัทผู้ให้บริการด้านข้อมูลระดับโลก ประกาศเปิดตัว NielsenIQ Activate โซลูชันการให้บริการทางด้านซอฟต์แวร์ (SaaS) ที่ช่วยให้ผู้ค้าปลีกเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ผ่านสื่อการค้าปลีกและข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าที่ครอบคลุมซึ่งกระตุ้นนักช้อปด้วยข้อเสนอโปรโมชันเฉพาะบุคคล

NielsenIQ Activate ประกอบด้วยแอปพลิเคชันเฉพาะสำหรับการสร้างผู้ชมที่กำหนดเป้าหมายแบบไฮเปอร์ การจัดการข้อเสนอและการโฆษณา และการวัดผลแบบ end-to-end เครื่องมือการให้บริการแบบ SaaS เป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม NielsenIQ Connect ที่จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกสร้างรายได้ที่ยั่งยืนโดยสร้างรายได้จากสินทรัพย์สื่อการค้าปลีกผ่านช่องทางจริงและทางดิจิทัล นอกจากนี้ผู้ค้าปลีกจะสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือกับแบรนด์และแจ้งให้พวกเขาทราบถึงข้อมูลเชิงลึกที่พวกเขาต้องการเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า ดำเนินการตามข้อมูลเชิงลึกเหล่านั้น และวัดค่าแบบ ROI ในกิจกรรมของพวกเขาในทุกช่องทาง

“เรามุ่งมั่นที่จะสานต่อสิ่งที่เราทำไว้โดยกำหนดศตวรรษหน้าของการวัดผลผู้บริโภคและการค้าปลีก” Xavier Facon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อค้าปลีกระดับโลกของ NielsenIQ กล่าว “NielsenIQ Activate รวบรวมความสามารถในการบรรลุมุมมองที่ละเอียดของลูกค้าในทุกช่องทาง และรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงและโอกาสสำหรับการโฆษณาไว้ในแพลตฟอร์มเดียว วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ค้าปลีกเปิดตัวแคมเปญได้อย่างง่ายดายโดยอิงจากการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คาดการณ์ได้ และรวบรวมการวัดผลเกี่ยวกับผลกระทบของโฆษณาในทุกช่องทางในขณะที่สอดคล้องกับแบรนด์พันธมิตร”

NielsenIQ Activate ตระหนักดีว่าผู้ค้าปลีกทุกรายมีความแตกต่างกัน โดยช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถนำสื่อค้าปลีกมาใช้เองและมีความยืดหยุ่นในการผสานรวมเข้ากับระบบนิเวศส่วนบุคคลของตน นอกจากนี้ผู้ค้าปลีกจะสามารถสร้างบุคลิกและผู้ชมที่แม่นยำจากคุณลักษณะของลูกค้านับพันราย รับข้อมูลเชิงลึกจากทุกช่องทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางเพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้น ลดเวลาในการเปิดตัวและวัดผลการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลในแบบเรียลไทม์ ทั้งในสื่อที่เป็นเจ้าของเองและสื่อภายนอก และปรับให้สอดคล้องกับแบรนด์ที่ลูกค้าต้องการเพื่อเพิ่มการสร้างรายได้จากสื่อและข้อมูล

“NielsenIQ กำลังขยายการเติบโตในระดับโลก และสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับศตวรรษหน้าของการวัดผลผู้บริโภคและการค้าปลีกที่รวดเร็ว คล่องแคล่วว่องไว และเชื่อมโยงถึงกัน” David Johnson ประธานฝ่ายค้าปลีกระดับโลกของ NielsenIQ กล่าว “ตลาดกำลังพัฒนา และเป็นงานของเราที่จะทำให้แน่ใจว่าอุตสาหกรรมการวัดผลมีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา ในฐานะบริษัทผู้ให้บริการด้านข้อมูลชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมนี้ เรามีความแข็งขันในการนำเสนอแนวค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าของเราได้อย่างแม่นยำ”

การรวมความสามารถจากการเข้าซื้อกิจการล่าสุด Precima และ CiValue ทำให้ NielsenIQ Activate รองรับความสามารถในการปรับแต่งเฉพาะบุคคลที่เพิ่มมากขึ้นจากความสามารถหลักของ NielsenIQ ซึ่งอุตสาหกรรมค้าปลีกต้องพึ่งพาการตัดสินใจที่สำคัญและประสบการณ์เฉพาะบุคคล NielsenIQ ยังคงเป็นผู้ชนะเลิศในด้านการเปลี่ยนแปลงผ่านผลิตภัณฑ์ค้าปลีกและโปรแกรมการทำงานร่วมกัน ทำให้ผู้ค้าปลีกและแบรนด์ต่าง ๆ เพิ่มส่วนแบ่งในกระเป๋าเงินของพวกเขาโดยใช้ข้อมูลลูกค้าและข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ และเสริมอำนาจพวกเขาด้วยชุดการเปิดใช้งานที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการและวัดค่า

“โซลูชันที่เรียบง่ายและใช้งานง่ายของ CiValue และ Precima ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและวิทยาศาสตร์ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อรวมกับการวัดประสิทธิภาพทั่วโลกของ NielsenIQ จะเชื่อมโยงผู้ค้าปลีกเข้ากับผู้ผลิต CPG อย่างแท้จริง” Beni Basel ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ CiValue กล่าว “ไม่มีแพลตฟอร์มอื่นใดที่สามารถช่วยให้ผู้ค้าปลีกและแบรนด์ทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มมูลค่าของลูกค้าด้วยแพลตฟอร์มแบบ AI ที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย ซึ่งวางลูกค้าให้เป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NielsenIQ Activate กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ https://nielseniq.com/global/en/solutions/nielseniq-activate/.

เกี่ยวกับ NielsenIQ

NielsenIQ เป็นผู้นำในด้านการให้บริการมุมมองที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลก NielsenIQ ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มข้อมูลผู้บริโภคที่ก้าวล้ำและความสามารถในการวิเคราะห์ที่หลากหลาย ทำให้บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคและผู้ค้าปลีกชั้นนำของโลกสามารถตัดสินใจได้อย่างกล้าหาญและมั่นใจ

NielsenIQ ใช้ชุดข้อมูลที่ครอบคลุมและการวัดผลธุรกรรมทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน ช่วยให้ลูกค้ามีมุมมองเชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในแพลตฟอร์มการค้าปลีกทั่วทั้งหมด ระบบปรัชญาเปิดของเราในการรวมข้อมูลนั้นยังช่วยให้ชุดข้อมูลผู้บริโภคมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก NielsenIQ มอบความจริงที่สมบูรณ์

NielsenIQ เป็นบริษัทในเครือ Advent International มีการดำเนินงานในเกือบ 100 ตลาด ครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ NielsenIQ.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220516005072/en/

ติดต่อ:

Gillian Mosher
VP, Communication
647-282-9714
Gillian.Mosher@nielseniq.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hytera เปิดตัววิทยุ PDC680 แบบ Dual-mode รุ่นใหม่ที่ทนทานเพื่อเร่งให้เกิดประสบการณ์อัจฉริยะด้านความปลอดภัยสาธารณะ

Logo

เซินเจิ้น จีน–(BUSINESS WIRE)–12 พฤษภาคม 2565

Hytera ประกาศเปิดตัววิทยุ PDC680 แบบ Dual-mode รุ่นใหม่ที่ทนทาน ซึ่ง PDC680 รวมวิทยุสื่อสาร DMR ที่สำคัญต่อภารกิจเข้าด้วยกันกับสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบแอนดรอยด์ไว้ในอุปกรณ์เครื่องเดียว โดยใช้ประโยชน์จากพลังของเทคโนโลยีแนร์โรว์แบนด์และบรอดแบนด์เพื่อให้บริการการโทรด้วยเสียง การส่งวิดีโอ และการกำหนดตำแหน่งที่สำคัญต่อภารกิจ ชุดวิทยุที่ทนทานแบบ dual-mode นี้มีระบบแอนดรอยด์ 10 และประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ขั้นสูงเพื่อปรับประสบการณ์ผู้ใช้ให้เหมาะสมที่สุด

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220502005534/en/

Hytera Launches the New Dual-mode Rugged Radio PDC680 to Accelerate the Public Safety Intelligent Experience (Graphic: Business Wire)

Hytera เปิดตัววิทยุ PDC680 แบบ Dual-mode ที่ทนทานเพื่อเร่งให้เกิดประสบการณ์อัจฉริยะด้านความปลอดภัยสาธารณะ (กราฟิก: Business Wire)

PDC680 เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์วิทยุที่ทนทานแบบ dual-mode ของ Hytera ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์บนปุ่มกดและปุ่มอัจฉริยะ และการออกแบบโมดูลาร์บน Ul ทำให้ผู้เผชิญเหตุคนแรกทำงานด้วยมือเดียวได้ง่ายขึ้น อัตรา IP68 ของวิทยุ (จมอยู่ใต้น้ำลึก 2 เมตรเป็นเวลา 4 ชั่วโมง) และการรับรอง ESD IEC Level 4 ทำให้มั่นใจได้ว่าเครื่องจะทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง

วิทยุมืออาชีพที่ทนทานนี้ถูกสร้างมาเพื่อให้การสื่อสารทางวิทยุแบบ push-to-talk ที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายและคาดเดาไม่ได้ ทั้งยังให้เสียงที่คมชัดอย่างไม่เคยมีมาก่อนด้วยการตัดเสียงรบกวนแบบ Al-based แม้อยู่ในตัวเมืองที่มีเสียงดังที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถสลับระหว่างเครือข่าย DMR และเครือข่าย LTE ได้โดยอัตโนมัติ การลงทะเบียนกับทั้งสองเครือข่ายโดยใช้ ID เดียวกัน PDC680 สามารถสลับไปยังเครือข่ายที่เหมาะสมที่สุดได้โดยอัตโนมัติ เพื่อมอบการสื่อสารด้วยเสียงที่ราบรื่นและเชื่อถือได้ทุกที่ทั้งในสถานที่ร่มและกลางแจ้ง

PDC680 รวมการสื่อสารที่สำคัญต่อภารกิจที่เชื่อถือได้เข้าด้วยกันกับความสามารถบรอดแบนด์สำหรับแอปพลิเคชันที่ให้ข้อมูลที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ในด้านความปลอดภัยสาธารณะตอบสนองต่อสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจับภาพและวิดีโอในสถานที่แล้วส่งไปยังวิทยุหรือศูนย์บัญชาการอื่นในแบบเรียลไทม์เพื่อปรับปรุงแก้ไขการรับรู้สถานการณ์ อุปกรณ์นี้ยังมีคุณสมบัติ Smart MDM ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการวิทยุเป็นกลุ่มหมู่ได้

PDC680 เป็นวิทยุอัจฉริยะ ใช้งานง่าย และทนทาน ทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือ แม้ในสภาวะที่ท้าทายที่สุด โดยช่วยให้ผู้เผชิญเหตุคนแรกทำงานอย่างปลอดภัยและปกป้องชีวิต

ด้วยการเปิดตัว PDC680 สู่ตลาดโลก Hytera มุ่งมั่นที่จะเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการหลอมรวมของตลาดด้านวิทยุสื่อสาร

กลุ่มผลิตภัณฑ์วิทยุที่ทนทานแบบ dual-mode ของ Hytera ขณะนี้รวมถึงวิทยุแบบ hand-held รุ่น PDC680, PTC680, PTC760 และ PDM680 วิทยุที่ทนทานแบบ dual-mode ทั้งหมดได้รับการอัปเดตเป็นแอนดรอยด์ 10 แล้ว ช่วยให้ผู้ใช้มีวิธีใหม่ในการควบคุมความเป็นส่วนตัว ปรับแต่งวิทยุ และทำงานให้เสร็จลุล่วงได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิทยุที่ทนทานแบบ dual-mode ของ Hytera สามารถเยี่ยมชมได้ที่: https://bit.ly/3vUNvuw

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220502005534/en/

ติดต่อ:

Lingran Tao
Lingran.Tao@hytera.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Onapsis ประกาศข้อเสนอใหม่เพื่อเริ่มต้นการรักษาความปลอดภัยอย่างรวดเร็วสำหรับลูกค้า SAP

Logo

บริษัทมอบข้อเสนอการจัดการช่องโหว่ใหม่เพื่อช่วยให้องค์กรที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากรต่อสู้กับการโจมตีที่กำลังเพิ่มขึ้นในแอปพลิเคชัน SAP ที่มีความสำคัญต่อภารกิจ

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–10 พ.ค. 2565

Onapsis, ผู้นำด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจและการปฏิบัติตามข้อกำหนด ประกาศเปิดตัว Onapsis Assess Baseline  โดยในโลกที่แอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจถูกโจมตีทุกวัน ๆ ข้อเสนอใหม่นี้จะช่วยเร่งความสามารถขององค์กรในการเริ่มต้นโปรแกรมการจัดการช่องโหว่ SAP โดยปรับให้สอดคล้องกับ SAP Security Baseline

การเติบโตแบบทวีคูณของแรนซัมแวร์แบบกำหนดเป้าหมายและการคุกคามที่เพิ่มขึ้นของสงครามไซเบอร์ อันเนื่องมาจากความขัดแย้งระดับโลกหมายความว่า องค์กรต่าง ๆ ต้องประเมินอีกครั้งว่าพวกเขาสามารถรักษาความปลอดภัยให้กับระบบที่สำคัญที่สุดของพวกเขาได้อย่างไร ท่ามกลางแนวโน้มของภัยคุกคามที่มีการพัฒนาต่อเนื่องและที่รุนแรงมากขึ้น บริษัทต่าง ๆ ต่างพยายามตามให้ทันกับการแก้ไขช่องโหว่จำนวนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ผู้คุกคามใช้เพื่อเข้าถึงแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ  การใช้ Onapsis Assess Baseline ช่วยให้บริษัททุกขนาดสามารถเร่งให้เกิดมูลค่าที่คุ้มค่ากับเวลา โดยการปรับใช้งานง่ายขึ้นด้วยโมเดล SaaS ใหม่แบบ zero-footprint และมุ่งเน้นไปที่ชุดช่องโหว่ที่สำคัญที่เป็นเป้าหมายหลักเป็นอันดับแรกในความพยายามที่จะให้การรับรองด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ตลอดจนถึงด้านความสอดคล้องและความพร้อมใช้งานของแอปพลิเคชัน SAP เมื่อใดที่องค์กรพร้อมที่จะดำเนินการมากกว่านี้ Onapsis Assess Baseline สามารถเสนอการขยายขอบเขตเพิ่มเติมสำหรับการจัดการช่องโหว่ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งรวมไปถึงการขยายความสามารถในการตรวจสอบภัยคุกคามอย่างต่อเนื่องและการทดสอบความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน อีกด้วย

ประโยชน์ที่สำคัญขององค์กรจากการใช้ Onapsis Assess Baseline

  • ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการด้วยการปรับใช้แบบเร่งรัด: ไม่ว่าจะในระบบคลาวด์  ณ สถานที่ หรือผ่านแพลตฟอร์ม SaaS ของ Onapsis ก็ตาม Assess Baseline นำเสนอการปรับใช้และการใช้งานที่รวดเร็วด้วยการสแกนแบบไม่ทิ้งร่องรอย zero footprint scanning
  • ร่นระยะเวลาในการจัดการช่องโหว่ของ SAP: ผู้ใช้ Onapsis SaaS สามารถสแกนด้วย Assess Baseline เทียบกับข้อกำหนดพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่ SAP แนะนำสำหรับระบบ SAP ขององค์กรภายไม่กี่ชั่วโมง การสแกนนำเสนอบริบทที่มีประสิทธิภาพเกี่ยวกับจุดอ่อนที่สำคัญ คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการบรรเทาจุดอ่อน และได้รับความมั่นใจว่าจะมีการอุดช่องโหว่ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาอันมีค่าของทรัพยากร.
  • เทคโนโลยีที่ขยายและเติบโตได้เรื่อย ๆ พร้อมไปกับคุณ: ปรับใช้ในที่ที่คุณต้องการ สแกนทั่วทั้งแนว SAP เริ่มต้นจากขนาดเล็กและกำหนดเป้าหมายระบบที่สำคัญที่สุดก่อน จากนั้นจึงขยายขอบเขตการรักษาความปลอดภัยทั่วทั้งองค์กรตามเงื่อนไขของคุณ

Mariano Nunez ซีอีโอของ Onapsis กล่าวว่า "การรักษาความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญทางธุรกิจต่อองค์กรนั้นเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่เสมอ แต่ปัจจุบันองค์กรเหล่านี้ยิ่งเผชิญกับภัยมากขึ้นไปอีก มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต เนื่องจากภัยคุกคามที่ซับซ้อนมุ่งเป้าไปที่ระบบ Enterprise Resource Planning (ERP)  เราประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือองค์กรที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดในโลกในการรวมแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจเข้ากับโปรแกรมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปฏิบัติตามข้อกำหนด ตอนนี้ Assess Baseline ช่วยให้ลูกค้าที่เริ่มต้นใช้งานโปรแกรมรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชัน SAP สามารถเริ่มต้นการปกป้องแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ”

แพลตฟอร์ม Onapsis ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชัน SAP ที่สำคัญ ๆ ที่ช่วยให้เศรษฐกิจโลกดำเนินต่อไป แพลตฟอร์มนี้สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อมอบการจัดการช่องโหว่ให้ได้ผล การตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง การตรวจสอบโค้ดที่กำหนดเอง และการปฏิบัติตามข้อกำหนดอัตโนมัติที่ช่วยให้องค์กรระดับโลกสามารถเร่งการริเริ่มทางธุรกิจและการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้ แพลตฟอร์ม Onapsis ได้รับการออกแบบอย่างลึกซึ้งจากการใช้ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคามและคำแนะนำด้านความปลอดภัยล่าสุดจาก Onapsis Research Labs ซึ่งเป็นทีมชั้นนำในตลาดนี้ ซึ่งได้ค้นพบช่องโหว่สำหรับการโจมตีแบบซีโร่เดย์มากกว่า 800 รายการ และมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งเตือน CERT ที่สำคัญทั่วโลกหลายรายการ

Steve Biskie ผู้นำด้านความเสี่ยงด้าน ERP และระบบอัตโนมัติของ RSM US LLP กล่าวว่า "ภูมิทัศน์ภัยคุกคามในปัจจุบันต้องใช้แนวทางแบบองค์รวมในการรักษาความปลอดภัยแอปพลิเคชัน SAP ที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ อย่างเช่น ซอฟต์แวร์ ERP เป็นต้น เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่ได้เห็น Onapsis เดินหน้าสร้างสรรค์โซลูชั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือบริษัทต่าง ๆ ในเส้นทางแห่งการเติบโตด้านการรักษาความปลอดภัย การใช้ Baseline ใหม่สามารถช่วยปูทางให้องค์กรจำนวนมากขึ้นมีจุดเริ่มต้นในการจัดการช่องโหว่สำหรับแอปพลิเคชัน SAP ที่สามารถช่วยรักษาข้อมูลที่สำคัญและรักษาแอปพลิเคชันของพวกเขาให้ปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนด”

ท่านจะเข้าร่วมการประชุม SAP Sapphire หรือเปล่า โปรดเยี่ยมชมบูธ Onapsis เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม: #PA219

หากต้องการนัดเวลาพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ Onapsis ขณะอยู่ที่งาน Sapphire โปรดไปที่: https://onapsis.com/sapphire-22

เกี่ยวกับ Onapsis

Onapsis ปกป้องแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจซึ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ตั้งแต่คอร์ไปจนถึงคลาวด์ โซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์และการปฏิบัติตามข้อกำหนดของบริษัท The Onapsis Platform นำเสนอการจัดการช่องโหว่ การตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคาม การรับประกันการเปลี่ยนแปลง และการปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างต่อเนื่องสำหรับแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจจากผู้ขายชั้นนำ เช่น SAP, Oracle, Salesforce และแพลตฟอร์ม SaaS อื่น ๆ

Onapsis มีสำนักงานใหญ่ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ โดยมีสำนักงานสาขาอยู่ที่ ไฮเดลเบิร์ก เยอรมนี และบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา บริษัทภูมิใจให้บริการแบรนด์ชั้นนำของโลกมากกว่า 300 แบรนด์ รวมถึงบริษัทร้อยละ 20 ของ Fortune 100, บริษัท 6 ใน 10 บริษัทยานยนต์ชั้นนำ,บริษัทเคมี  5 จาก 10 อันดับแรก, บริษัทเทคโนโลยี 10 อันดับแรก 4 แห่ง และบริษัทน้ำมันและก๊าซ 3 บริษัทจาก 10 อันดับแรก

แพลตฟอร์ม Onapsis ขับเคลื่อนโดย Onapsis Research Labs ซึ่งเป็นทีมที่รับผิดชอบในการค้นพบและบรรเทาช่องโหว่การโจมตีจากซีโร่เดย์มากกว่า 800 รายการในแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ การวิจัยและแพลตฟอร์มภัยคุกคามของเราขยายวงกว้างผ่านบริษัทที่ปรึกษาและตรวจสอบชั้นนำ เช่น Accenture, Deloitte, IBM, PwC และ KPMG จึงทำให้โซลูชัน Onapsis เป็นมาตรฐานในการช่วยให้องค์กรปกป้องคลาวด์ ไฮบริด และข้อมูลภายในองค์กรที่มีความสำคัญต่อธุรกิจ ตลอดจนถึงข้อมูลและกระบวนการต่าง ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เชื่อมต่อกับเราได้ที่ Twitter หรือ LinkedIn, หรือเยี่ยมชมเราได้ที่ https://onapsis.com/.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220510005214/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสาร 10Fold สำหรับ Onapsis

Mariah Simank, 512-971-3702

Onapsis@10fold.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter