Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รุ่นที่สามเน้นที่ผู้ประกอบการระดับโลกหกรายเร่งการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมแฟชั่น

Logo

Changemaker Yara Shahidi และ Tommy Hilfiger จะทำหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินการแข่งขัน ตามที่ผู้ประกอบการได้นำเสนอแนวคิดทางธุรกิจด้วยเงินรางวัล 200,000 ยูโรที่จะแบ่งให้ระหว่างผู้ชนะสองคน

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Tommy Hilfiger ซึ่งเป็นเจ้าของโดย PVH Corp. [NYSE: PVH] ยินดีที่จะประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบสุดท้ายจำนวนหกคนของการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ปี 2021 ซึ่งได้รับการคัดเลือกมาอย่างดีจากแอปพลิเคชันกว่า 430 รายการที่ได้รับจากบริษัทสตาร์ทอัพและสเกลอัพทั่วโลก โดยสร้างจากวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ในการไม่สูญเปล่าและยินดีต้อนรับทุกคน หรือ Waste Nothing and Welcome All โปรแกรมรุ่นที่สามมุ่งมั่นที่จะขยายและสนับสนุนผู้ประกอบการคนผิวดำ ชนพื้นเมือง และคนผิวสี (BIPOC) ที่กำลังพัฒนาชุมชนของตน ในขณะที่ส่งเสริมอนาคตของแฟชั่นที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยความจำเป็นในการขับเคลื่อนผลกระทบในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิม ปีที่สามของการแข่งขัน Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้ดำเนินการในรูปแบบเสมือนอย่างสมบูรณ์เพื่อเอาชนะข้อจำกัดและความท้าทายของการระบาดใหญ่ของโควิด-19

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211213005214/en/

ในกระบวนการที่มีหลายขั้นตอนตลอดทั้งปี แอปพลิเคชันได้ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญภายในและภายนอกโดยอิงตามเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งรวมถึงผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นและการเติบโตของตลาด ผู้เข้ารอบหกคนสุดท้ายจะนำเสนอแนวคิดทางธุรกิจของตนต่อคณะกรรมการตัดสินที่ประกอบด้วยผู้นำทางธุรกิจและความยั่งยืนที่งานรอบชิงชนะเลิศ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ระดับโลกเสมือนในวันที่ 12-13 มกราคม พ.ศ. 2565

Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge รวบรวมภารกิจที่มีมาอย่างยาวนานของเราในการควบคุมพลังของแฟชั่นที่ส่งเสริมการรวมตัว การเป็นตัวแทน และการเปลี่ยนแปลง” Tommy Hilfiger กล่าว “อุตสาหกรรมของเราจะก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยแนวคิดใหม่ ๆ ที่ท้าทายวิธีการคิด สร้างและรังสรรค์ของเรา ในฐานะแบรนด์สิ่งสำคัญคือเราใช้แพลตฟอร์มของเราเพื่อให้ผู้ประกอบการอย่างเช่นผู้เข้ารอบสุดท้ายของเราได้มีเสียงและโอกาสในการสร้างผลกระทบที่แท้จริงและยาวนาน”

ผู้เข้ารอบ 6 คนสุดท้ายได้แก่:

  • Clothes to Good: กิจการเพื่อสังคมจากแอฟริกาใต้ที่สร้างโอกาสและงานในธุรกิจขนาดเล็กสำหรับคนพิการและครอบครัวของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เป็นมารดาผ่านการรีไซเคิลสิ่งทอ
  • Haelixa: เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับผลิตภัณฑ์จากสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกไปสู่ห่วงโซ่อุปทานสินค้าอุปโภคบริโภคที่โปร่งใส
  • MAFI MAFI: แบรนด์แฟชั่นที่ยั่งยืนจากเอธิโอเปียที่รังสรรค์คอลเลกชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูป อนุรักษ์ประเพณีโบราณ และส่งเสริมช่างฝีมือที่ถูกลดสำคัญลง
  • Lalaland: แพลตฟอร์มจากเนเธอร์แลนด์ซึ่งใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างแบบจำลองสังเคราะห์ที่ปรับแต่งและครอบคลุมสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ อายุ และขนาดที่แตกต่าง ทั้งหมดด้วยรูปแบบท่าทางต่าง ๆ มากกว่า 35 แบบ
  • SOKO: ธุรกิจเครื่องประดับจากเคนยาแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีมือถือเพื่อเชื่อมต่อช่างฝีมือชาวเคนยาที่ถูกลดความสำคัญลงให้เข้ากับตลาดโลกโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มมือถือ
  • UZURI K&Y: แบรนด์รองเท้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจากรวันดาแห่งนี้ใช้ยางรถยนต์รีไซเคิลจากแอฟริกาใต้สะฮารา และจ้างงานเยาวชนในท้องถิ่นเพื่อเตรียมความพร้อมให้พวกเขามีทักษะและความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ

กรรมการตัดสินการแข่งขันในรอบสุดท้ายได้แก่:

  • Mr. Tommy Hilfiger
  • Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Yara Shahidi นักแสดงหญิงที่ได้รับรางวัล โปรดิวเซอร์ และผู้นำการเปลี่ยนแปลงในองค์กร
  • Esther Verburg, รองกรรมการผู้จัดการ (EVP) ธุรกิจและนวัตกรรมที่ยั่งยืนของTommy Hilfiger Global และ PVH Europe
  • Adrian Johnson, Entrepreneur ผู้ประกอบการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเป็นผู้ประกอบการ เทคโนโลยีและสื่อที่ INSEAD
  • Katrin Ley กรรมการผู้จัดการของ Fashion for Good และผู้ก่อตั้ง Curator of the Amsterdam Global Shapers Hub
  • Yvonne Bajela สมาชิกผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทการลงทุน Impact X Capital

ด้วยการสนับสนุนจาก Tommy Hilfiger และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านของ INSEAD ผู้เข้ารอบทั้ง 6 คนสุดท้ายได้พัฒนาและปรับปรุงแผนธุรกิจ ซึ่งพวกเขาจะนำเสนอในการแข่งขันรอบสุดท้าย Arooj Aftab ผู้สร้างเนื้อหา นักวาดภาพประกอบ นักเขียนและผู้ก่อตั้งของ #DonewithDiversity จะจัดงานแข่งขันรอบสุดท้ายซึ่งกรรมการตัดสินจะมอบเงินรางวัล 200,000 ยูโร โดยแบ่งให้ระหว่างผู้ชนะสองคนที่ได้รับเลือกตามลำดบเพื่อสนับสนุนการลงทุนของพวกเขา ผู้ชนะยังจะได้รับคำปรึกษาเป็นเวลาหนึ่งปีกับผู้เชี่ยวชาญของ Tommy Hilfiger และ INSEAD ทั้งสองตลอดจนได้รับตำแหน่งในโปรแกรม INSEAD Social Entrepreneurship Program (ISEP) นอกจากนี้จะมีการมอบรางวัลเพิ่มเติมอีก 15,000 ยูโรให้กับผู้เข้ารอบสุดท้ายที่ Tommy Hilfiger ร่วมเลือกการโหวต 'Audience Favorite' ของพวกเขา

“ในฐานะผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมแฟชั่น ทั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของเราในการสนับสนุน เพิ่มขีดความสามารถ และส่งเสริมการรวมกลุ่ม Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีความหมายและยั่งยืนต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นที่ดีขึ้น” Martijn Hagman ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าว “เป็นธรรมชาติของเราที่จะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด เราภูมิใจที่ได้ขยายแนวคิดของผู้ประกอบการที่กำลังสร้างภูมิทัศน์ด้านแฟชั่นที่เราต้องการและจำเป็นต้องเห็นต่อไป”

พันธกิจของ Tommy Hilfiger คือการเป็นบริษัทด้านไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ที่ยั่งยืนชั้นนำ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ Wastes Nothing and Welcomes All ผ่านวิธีการสร้างผลิตภัณฑ์ จัดการการดำเนินงาน และเชื่อมต่อกับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางสู่ความยั่งยืนของ Tommy Hilfiger ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลยุทธ์ Forward Fashion ของ PVH ได้ที่ https://global.tommy.com/en_int/about-us-corporate-responsibility

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Tommy Hilfiger Fashion Frontier Challenge ได้ที่นี่: https://responsibility.pvh.com/tommy/fashion-frontier-challenge/ ขอเชิญเพื่อน ๆ และผู้ติดตามของแบรนด์เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

TOMMY HILFIGER ประกอบด้วยแบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ดีไซน์เนอร์ระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลก มุ่งเน้นการออกแบบและจำหน่ายเสื้อผ้าและชุดกีฬาคุณภาพสูงสำหรับบุรุษ คอลเลกชันเครื่องแต่งกายและชุดกีฬาสตรี เครื่องแต่งกายเด็ก คอลเลกชันเสื้อผ้าเดนิม ชุดชั้นใน (รวมถึงชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลองสำหรับใส่ในบ้าน) รองเท้าและเครื่องประดับ Tommy Hilfiger ยังเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม ชุดว่ายน้ำ ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงกระเป๋าเดินทาง ไลน์ผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยชุดยีนและรองเท้าสำหรับบุรุษและสตรี เครื่องประดับและน้ำหอม ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเลือกซื้อสินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER  และ TOMMY JEANS ได้ที่เครือข่ายร้านค้าปลีกของTOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ที่มีอยู่มากมาย รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ร้านค้าปลีกออนไลน์ และที่ tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH เป็นหนึ่งในบริษัทแฟชั่นที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกที่เชื่อมต่อกับผู้บริโภคในกว่า 40 ประเทศ แบรนด์ที่เป็นสัญลักษณ์ระดับโลกของเรา ได้แก่ Calvin Klein และ TOMMY HILFIGER  ประวัติความเป็นมาเวลา 140 ปีของเราได้สร้างขึ้นจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทีมงานของเรา และความมุ่งมั่นของเราในการขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้าได้ตลอดไป และทั้งหมดนี้คือพลังของเรา คือพลังของ PVH

ติดตามเราบน FacebookInstagramTwitter และ LinkedIn.

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211213005214/en/

ติดต่อ:

สื่อ Tommy Hilfiger
Virginia Ritchie
รองประธานฝ่ายสื่อสารระดับโลก (Vice President, Global Communications)
อีเมล: virginia.ritchie@tommy.com
โทร: +31 6 4318 4870

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

แบรนด์ ZOVOO ประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายการขาย 1 ล้านชิ้น!

Logo

เซินเจิ้น จีน–(BUSINESS WIRE)–14 ธ.ค. 2564

ZOVOO, ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2019 และกลายมาเป็นม้ามืดในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Dragbar ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชิ้นล่าสุด ไม่นานมานี้ และได้บรรลุยอดขายมากกว่า 1,000,000 ชิ้นในตลาดโลกภายในเวลาน้อยกว่าหนึ่งเดือน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของ ZOVOO.

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211210005123/en/

(Graphic: Business Wire)

(กราฟิก: Business Wire)

มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับผู้ใช้และการสร้างความแตกต่างเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด

จากการวิเคราะห์การขายทั่วโลกของ ZOVOO พบว่า ZOVOO มีผลงานที่น่าประทับใจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาเหนือ และยุโรป ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะเพียงความสามารถที่ยอดเยี่ยมของ Dragbar เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์ตลาดในเชิงลึกและโดยละเอียดของทีม ZOVOO ในภูมิภาคต่าง ๆ ด้วย

ทีมวิจัยและนวัตกรรมของ Dragbar ใช้เส้นใยโพลีเมอร์และการออกแบบเพื่อความรู้สึกตามหลักสรีรศาสตร์ของริมฝีปากเพื่อจัดการกับปัญหาที่ผู้บริโภคกังวลมากที่สุด เช่น การรั่วซึมของน้ำมันและการมีกลิ่นไหม้ ในขณะเดียวกันก็รับประกันรสชาติและการคืนสภาพของผลิตภัณฑ์ ด้วยการใช้กระบวนการฉีดขึ้นรูปคู่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและการผสานกันของสีที่สดใสอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจึงสวยงามน่าดึงดูดและมีรสนิยม และในไม่ช้าก็ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค

ในแต่ละตลาด ความชอบในผลิตภัณฑ์ก็จะแตกต่างกันออกไป ดังนั้นทีมจึงทำการตรวจสอบในเชิงลึกเกี่ยวกับลักษณะและขนาดของผลิตภัณฑ์ และจัดหา Dragbar ซีรีส์ต่าง ๆ เพื่อรองรับผู้ใช้ในภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งในที่สุดก็บรรลุผลการขายที่สอดคล้องกับเป้าหมายของทีม ZOVOO

สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่น่าทึ่งด้วยฝีมือขั้นสุดยอด

ทีมออกแบบของ ZOVOO ซึ่งมีประวัติยาวนานนับทศวรรษ ประกอบด้วยกลุ่มนักสร้างสรรค์ระดับสูง ศิลปินที่ทำงานแนวความคิด (concept artists) นักออกแบบภาพ และวิศวกรด้านเทคนิค ในฐานะผลิตภัณฑ์แรกของ ZOVOO สำหรับตลาดต่างประเทศ ทีมออกแบบต้องใช้จ่ายเวลาตลอดทั้งปี เพื่อทำ Dragbar  แม้หลังจากการปรับเปลี่ยน การทดสอบ และการปรับปรุงรูปลักษณ์นับพันครั้ง ทีมงานก็ไม่ได้เริ่มการผลิตจำนวนมาก จนกระทั่งมีความมั่นใจได้ 100% ในผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย

นอกจากนี้ นับตั้งแต่ก่อตั้งมา ZOVOO มา ทีมงานได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี ทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและแสวงหาสิทธิบัตรและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในระหว่างกระบวนการที่ยาวนานตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาไปจนถึงการออกแบบ การผลิต และการทดสอบก่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์แต่ละรายการ ทีมนวัตกรรมและการวิจัยมีความเฉพาะเจาะจงในทุกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ เพื่อนำประสบการณ์ที่สะดวกสบายและปลอดภัยมาสู่ผู้บริโภค

ปริมาณการขาย 1,000,000 ชิ้นของ Dragbar ที่ทำได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทีม ZOVOO มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความต้องการของผู้ใช้ ความสามารถในการวิจัยและพัฒนาที่ยอดเยี่ยม ตลอดจนความแข็งแกร่งของการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มองไปข้างหน้า ด้วยประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของ Dragbar ทำให้ ZOVOO ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดในกว่า 50 ประเทศและภูมิภาคในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในอนาคต ทีมงาน ZOVOO จะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ของผู้ใช้

เกี่ยวกับ ZOVOO

ZOVOO ได้จัดตั้งพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับผู้ผลิต ICCPP บนพื้นฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ZOVOO  ช่วยให้สามารถจัดการห่วงโซ่อุปทานได้อย่างยั่งยืนโดยสนับสนุนมาตรฐานความปลอดภัย ค่านิยมทางสังคม และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยคำขวัญที่ว่า "การสร้างสรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด" ZOVOO  มุ่งมั่นที่จะเพิ่มแรงบันดาลใจให้กับชีวิตที่มีสีสันของผู้คนด้วยเทคโนโลยี และแสวงหาพันธมิตรทั่วโลกเพื่อให้บริการผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น

คำเตือน: ผลิตภัณฑ์นี้อาจใช้กับผลิตภัณฑ์ของเหลวอิเล็กทรอนิกส์ที่มีนิโคติน นิโคตินเป็นสารเคมีที่เสพติด ผลิตภัณฑ์นี้มีไว้สำหรับผู้ใหญ่ที่สูบบุหรี่ในวัยที่ซื้อได้ตามกฎหมายเท่านั้น

เว็บอย่างเป็นทางการ ZOVOO: https://www.izovoo.com/

IG: https://www.instagram.com/zovoo_tech/

Facebook: https://www.facebook.com/zovootechofficial

VK: https://vk.com/zovootech

ข้อความต้นฉบับภาษาต้นฉบับของประกาศนี้เป็นฉบับที่เป็นทางการและเชื่อถือได้ การแปลจัดทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรมีการอ้างอิงโยงกับข้อความภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นข้อความเวอร์ชันเดียวที่มีจุดประสงค์เพื่อให้มีผลทางกฎหมาย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211210005123/en/

ติดต่อ:

สำหรับธุรกิจ:

sales@voopoo.com

สำหรับสื่อ:

Ke Zhang

เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์อาวุโส

nical.zhang@voopootech.com

16635003093

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

KOREA PACK & ICPI WEEK (Int’l Cosmetic and Pharmaceutical Industry Week) 2022 จัดหาบริการ O2O Service เพื่อให้เชื่อมต่อนิทรรศการออฟไลน์กับแพลตฟอร์มธุรกิจออนไลน์

Logo

โกยาง เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–13 ธันวาคม 2564

KOREA PACK และ ICPI WEEK หรือ สัปดาห์อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและเภสัชกรรมนานาชาติ (Int'l Cosmetic and Pharmaceutical Industry Week) ที่จะจัดขึ้นพร้อมกันเป็นงานไฮบริดในปี 2565

KOREA PACK and ICPI WEEK นิทรรศการบรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอาง และเภสัชกรรมที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี จะจัดขึ้นที่ KINTEX ตั้งแต่วันที่ 14 ถึง 17 มิถุนายน โดยงานนี้ Kyungyon Exhibition Corp. เป็นเจ้าภาพ

img

KOREA PACK และ ICPI WEEK (International Cosmetic and Pharmaceutical Industry Week) นิทรรศการบรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอาง และเภสัชกรรมที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ที่จะจัดขึ้นเป็นงานไฮบริดในปี 2565 ที่ KINTEX ตั้งแต่วันที่ 14 ถึง 17 มิถุนายน โดยงานนี้ Kyungyon Exhibition Corp. เป็นเจ้าภาพ และแพลตฟอร์มธุรกิจออนไลน์ก็จะเปิดขึ้นด้วยเช่นกัน KOREA PACK & ICPI WEEK จัดขึ้นเพื่อการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจที่มีความเคลื่อนไหวด้วยแพลตฟอร์มออนไลน์ระดับพรีเมียม ซึ่งเทคโนโลยี AI ได้เชื่อมโยงผู้ซื้อและผู้แสดงสินค้าที่แนะนำ เพื่อให้สามารถหาพันธมิตรที่เหมาะสมและเชื่อมต่อธุรกิจของพวกเขาได้ KOREA PACK 2022 ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เช่น เครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ วัสดุและภาชนะบรรจุภัณฑ์ เครื่องพิมพ์บรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์แปรรูปบรรจุภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การบริการ เครื่องจักรแปรรูปอาหาร ระบบและอุปกรณ์โลจิสติกส์ ICPI WEEK ประกอบด้วย 6 งานที่จัดพร้อมกันอันได้แก่: KOREA MAT ครั้งที่ 12, COPHEX ครั้งที่ 17, KOREA CHEM, KOREA PHARM & BIO ครั้งที่ 12, KOREA LAB ครั้งที่ 16 และ CI KOREA

KOREA PACK 2022 จะครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เช่น เครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ วัสดุและภาชนะบรรจุภัณฑ์ เครื่องพิมพ์บรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์ตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ เครื่องจักรและอุปกรณ์แปรรูปบรรจุภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การบริการ เครื่องจักรแปรรูปอาหาร ระบบและอุปกรณ์โลจิสติกส์ KOREA PACK มีความโดดเด่นด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นเอกลักษณ์ และความเป็นสากลที่ไม่มีใครเทียบได้ของผู้แสดงสินค้าและผู้เยี่ยมชมที่เหมือน ๆ กัน

ICPI WEEK หรือ สัปดาห์อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและเภสัชกรรมนานาชาติ ประกอบด้วย 6 งานที่จัดพร้อมกัน: นิทรรศการการจัดการวัสดุและโลจิสติกส์ครั้งที่ 12 (KOREA MAT) นิทรรศการเครื่องสำอาง เภสัชกรรม กระบวนการและเทคโนโลยีชีวภาพครั้งที่ 17 (COPHEX) นิทรรศการนานาชาติเพื่อการแปรรูปทางเคมีภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์ขั้นปลาย (KOREA CHEM), นิทรรศการเภสัชกรรมและไบโอฟาร์มาของเกาหลีครั้งที่ 12 (KOREA PHARM & BIO), นิทรรศการนิทรรศการห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์วิเคราะห์ และเทคโนโลยีชีวภาพครั้งที่ 16 (KOREA LAB) และนิทรรศการ ส่วนผสมและเทคโนโลยีเครื่องสำอาง (CI KOREA) ทั้งนี้ผู้เยี่ยมชมสามารถเห็นทุกอย่างตั้งแต่การพัฒนาการ แผนกวิจัยและพัฒนา ไปจนถึงการผลิต การบรรจุภัณฑ์ การขนส่ง และการจัดจำหน่ายของผลิตภัณฑ์ผ่านกิจกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมกันเหล่านี้

ด้วยขนาดของบริษัทจำนวน 1,500 แห่ง และซุ้มงาน 3,500 แห่ง บนพื้นที่ 80,000 ตร.ม. (ตามกำหนดการ) KOREA PACK & ICPI WEEK เป็นนิทรรศการธุรกิจแบบ B2B ในด้านบรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอาง และเภสัชกรรมที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี

เปิดตัวแพลตฟอร์มธุรกิจ O2O ระดับโลกของ KOREA PACK & ICPI WEEK

แพลตฟอร์มออนไลน์ระดับพรีเมียมของ KOREA PACK & ICPI WEEK จะจัดขึ้นเพื่อการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจ ในการเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน ผู้จัดงานจะสนับสนุนการเชื่อมโยงซัพพลายเออร์และผู้บริโภคในลักษณะที่ไม่เผชิญหน้ากันเพื่อธุรกิจที่ต่อเนื่อง แพลตฟอร์มนี้มีขึ้นเพื่อแสดงผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของผู้แสดงสินค้า การจัดการประชุมธุรกิจออนไลน์ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มล่าสุดผ่านการสัมมนาและการประชุมออนไลน์

ทั้งนี้ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เทคโนโลยี AI จะเชื่อมต่อผู้ซื้อและผู้แสดงสินค้าที่แนะนำ เพื่อให้สามารถหาพันธมิตรที่เหมาะสมและเชื่อมต่อธุรกิจของพวกเขาได้

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิทรรศการมีอยู่ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (ออฟไลน์: https://www.koreapack.org/eng/main.asp ออนไลน์: online.pack-icpi.com)

สามารถรับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52547769/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Kyungyon Exhibition Corp.
Erica Lee
+82-2-785-4771
hylee@kyungyon.co.kr

Prestige BioPharma และ Dr. Reddy’s ประกาศความร่วมมือเพื่อจำหน่ายยา trastuzumab biosimilar ในบางประเทศในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

สิงคโปร์และไฮเดอราบาด อินเดีย–(BUSINESS WIRE)–9 ธ.ค. 2564

Prestige BioPharma Ltd. (KRX: 950210) และ Dr. Reddy's Laboratories Ltd. (BSE: 500124, NSE: DRREDDY, NYSE: RDY, NSEIFSC: DRREDDY ซึ่งต่อจากนี้จะเรียกว่า “Dr. Reddy's”) ประกาศว่าทั้งสองบริษัทได้ ได้ทำข้อตกลงที่มีผลผูกพันสำหรับการเป็นหุ้นส่วนพิเศษในการจัดหาและการจำหน่ายยา trastuzumab biosimilar ที่เสนอโดย Prestige BioPharma ในบางประเทศในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 trastuzumab (HD201) ของ Prestige BioPharma เป็นยาชีววัตถุคล้ายคลึง (biosimilar) ที่เสนอให้ Herceptin® ของ Roche และสามารถกำหนดให้ใช้รักษาHER2 เต้านมบวกและมะเร็งกระเพาะอาหารระยะลุกลาม Trastuzumab ตั้งเป้าไปที่ปัจจัยการเจริญเติบโตของผิวหนังชั้นนอกแฟคเตอร์ 2 (HER2) ในเซลล์มะเร็งบางชนิด HER2 แสดงออกมากเกินไปและกระตุ้นการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดย Trastuzumab ทำงานโดยการไปจับกับ HER2 เฉพาะ เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเหล่านี้

ข้อตกลงด้านใบอนุญาตให้สิทธิ์ Dr. Reddy แต่เพียงผู้เดียวในการทำการค้า biosimilar ที่เสนอในบางประเทศในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ Prestige BioPharma จะรับผิดชอบในการจัดหา HD201 ในเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืนจากโรงงานผลิตในเมือง Osong ประเทศเกาหลีใต้ ในขณะที่ Dr. Reddy's จะรับผิดชอบการขึ้นทะเบียน การตลาด และการขายในพื้นที่ที่ได้รับใบอนุญาต

Lisa S. Park ซีอีโอของ Prestige BioPharma กล่าวว่า "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ก่อตั้งความร่วมมือกับ Dr. Reddy's สำหรับตลาดสำคัญในละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Dr. Reddy's เป็นหุ้นส่วนในอุดมคติในการทำการค้าตะกั่วของ biosimilar ของเราในพื้นที่เหล่านี้ ด้วยความร่วมมือนี้ เราตั้งตารอที่จะเสริมสร้างคุณค่าของโครงการ biosimilar ของเราในตลาดโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

M.V. Ramana, ซีอีโอ – Branded Markets (อินเดียและตลาดเกิดใหม่) ของ Dr. Reddy's กล่าวว่า "เพื่อให้เป็นไปตามจุดประสงค์ของเราในการเร่งการเข้าถึงยาที่ราคาไม่แพงและเป็นนวัตกรรมใหม่ เรายินดีที่จะนำยาที่ช่วยชีวิตผู้คนนี้ไปใช้กับผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ ความร่วมมือของเรากับ Prestige BioPharma จะช่วยให้เราผสมผสานความเชี่ยวชาญที่จัดตั้งขึ้นในด้านชีววัตถุคล้ายคลึงเข้ากับจุดแข็งทางการค้าและความทะเยอทะยานในการเติบโตในตลาดเหล่านี้ ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจที่ระบุไว้ของเราในการสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านเนื้องอกวิทยาและขยายการนำเสนอ biosimilar ของเราในตลาดเกิดใหม่”

เกี่ยวกับ Prestige BioPharma Limited:

PRESTIGE BIOPHARMA LTD (PBP) เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ในสิงคโปร์ที่มีการดำเนินงานในสหรัฐอเมริกาและเกาหลี เชี่ยวชาญในการค้นคว้าและพัฒนาไบโอซิมิลาร์ แอนติบอดีและวัคซีนชนิดใหม่ ๆ PBP มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ริเริ่มระดับโลกผ่านการพัฒนา mAbs ระดับชั้นนำ ซึ่งรวมถึง PBP1510 anti-PAUF mAb สำหรับมะเร็งตับอ่อนที่เพิ่งได้รับการกำหนดมาตรฐานจาก FDA, EMA และ MFDS กลุ่มผลิตภัณฑ์ไบโอซิมิลาร์ที่หลากหลายของ PBP ในระยะต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง HD204 บีวาซิซูแมบในระยะที่ 3 ทั่วโลก, PBP1502 adalimumab ในระยะที่ 1 และอื่นๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหายาที่มีคุณภาพราคาไม่แพงให้กับผู้ที่ต้องการ ธุรกิจของ PBP ยังรวมถึงการพัฒนาและผลิตวัคซีนพันธมิตร โดยเริ่มจากความร่วมมือในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในเชิงพาณิชย์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.prestigebiopharma.com.

เกี่ยวกับ Dr. Reddy’s:

Dr. Reddy's Laboratories Ltd. (BSE: 500124, NSE: DRREDDY, NYSE: RDY, NSEIFSC: DRREDDY) เป็นบริษัทเภสัชกรรมแบบบูรณาการที่มุ่งมั่นในการจัดหายานวัตกรรมราคาไม่แพงสำหรับชีวิตที่มีสุขภาพดีขึ้น Dr. Reddy's นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ผ่านทางธุรกิจต่างๆ ซึ่งรวมถึง API บริการด้านเภสัชกรรมตามสั่ง ยาสามัญ ยาชีววัตถุคล้ายคลึง และสูตรที่แตกต่าง จุดเน้นการรักษาหลักของเราคือ ระบบทางเดินอาหาร หลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน เนื้องอก การจัดการความเจ็บปวด และโรคผิวหนัง Dr. Reddy's ดำเนินงานในตลาดทั่วโลก ตลาดหลักของเราได้แก่ – ประเทศสหรัฐอเมริกา อินเดีย รัสเซียและ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช และยุโรป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าสู่ระบบ: www.drreddys.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211208006176/en/

ติดต่อ:

Prestige BioPharma Limited

นักลงทุนสัมพันธ์

Bumjoon Kim

Bumjoon.kim@pbpsg.com

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

Yujin Suh

yujin.suh@pgpsg.com

Dr. Reddy’s Laboratories Ltd.

นักลงทุนสัมพันธ์

Amit Agarwal

amita@drreddys.com

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

Usha Iyer

ushaiyer@drreddys.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Toshiba เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ NAS ซีรีส์ MN09 รุ่นใหม่ ขนาดความจุ 18TB

Logo

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–09 ธันวาคม 2564

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation (“Toshiba”) ประกาศเปิดตัว MN09 ผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์กลุ่ม NAS รุ่นใหม่ที่มีความจุมหาศาลขนาด 18TB [1] เพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์กลุ่ม NAS HDD

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211208006148/en/

Toshiba: 18TB NAS HDD MN09 Series, a 9-disk helium-sealed conventional magnetic recording (CMR) drive. (Photo: Business Wire)

Toshiba: ฮาร์ดดิสก์ NAS ซีรีส์ MN09 ขนาด 18TB ฮาร์ดดิสก์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกและนวัตกรรมการบันทึกที่นำพลังงานเข้ามาช่วยไดรฟ์บันทึกแม่เหล็ก (CMR) (รูปภาพ: Business Wire)

การสร้างข้อมูลที่มีการเติบโตสูงได้กระตุ้นความต้องการความจุในการจัดเก็บข้อมูลที่สูงขึ้น และลูกค้าที่ทำงานจากที่บ้านต่างก็ต้องการการเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว รวมถึงความสามารถในการจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูลในสภาพแวดล้อมที่เป็นคลาวด์แบบส่วนตัว MN09 ขนาดความจุ 18TB จะมอบความจุและการประหยัดพลังงานที่มากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านการจัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า

MN09 เป็นฮาร์ดดิสก์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึกและนวัตกรรมการบันทึกที่นำพลังงานเข้ามาช่วยไดรฟ์บันทึกแม่เหล็ก (CMR) ซึ่งช่วยสนับสนุนการบันทึกข้อมูลด้วยเทคโนโลยีใหม่ของ Toshiba อย่าง Flux Control Microwave-Assisted Magnetic Recording (FC-MAMR™), FC-MAMR™ เพิ่มความจุ CMR ไปเป็น 18TB และเพิ่มความหนาแน่นต่อจานมากกว่าดีไซน์ก่อนหน้า MN09 เป็นเจเนอเรชันที่ 3 ที่ดีไซน์แบบ 9 ดิสก์ที่ใช้ฮีเลียมปิดผนึก ซึ่งเป็นนวัตกรรมบุกเบิกของ Toshiba

เทคโนโลยี MAMR เป็นโซลูชันหนึ่งที่เพิ่มขนาดความจุข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ ประสิทธิภาพของฮาร์ดดิสก์โดยใช้หัว MAMR ชนิดใหม่เพื่อปรับปรุงความสามารถในการเขียนของเอฟเฟกต์ Microwave Assisted Switching (MAS) ได้รับการพัฒนาเมื่อเร็ว ๆ นี้ Toshiba จะยังคงตอบสนองความต้องการของตลาดและพัฒนาความหนาแน่นของข้อมูลไดรฟ์ CMR ด้วยเทคโนโลยี MAMR

MN09 ได้รับการออกแบบมาเพื่อการทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันและมีอัตราปริมาณงานอยู่ที่ 180TB/ปี [2] รองรับช่องใส่ไดรฟ์ NAS ขนาด 3.5 นิ้ว [3] สูงสุด 8 ช่อง

ไดรฟ์ NAS 7200RPM ขนาด 18TB ได้รับการออกแบบด้วยบัฟเฟอร์ขนาด 512MB และมอบประสิทธิภาพระดับสูงตลอดด้วยอัตราการอ่านเขียนอย่างต่อเนื่องที่ 268 MiB/s[4] ทำให้เป็นตัวเลือกที่โฮมออฟฟิศและธุรกิจขนาดเล็กต้องการ MN09 ขนาดความจุ 18TB มีวางจำหน่ายแล้วขณะนี้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ โปรดดูที่:
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/storage/product/internal-specialty/nas/articles/mn-series.html

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่บวกับผลิตภัณฑ์ฮาร์ดดิสก์สำหรับจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดของ Toshiba โปรดดูที่: https://toshiba.semicon-storage.com

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันจัดเก็บข้อมูล โปรดดูบล็อกเรื่องการจัดเก็บข้อมูลที่ https://storage.toshiba.com/corporateblog/

[1] คำจำกัดความของความจุ: หนึ่งเทราไบต์ (TB) = หนึ่งล้านล้านไบต์ แต่ความจุที่จัดเก็บได้จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมการทำงานและการจัดรูปแบบ ความจุที่ใช้งานได้ (รวมถึงตัวอย่างไฟล์มีเดียต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การจัดรูปแบบ การตั้งค่า ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า หรือเนื้อหาสื่อ ความจุที่จัดรูปแบบจริงอาจแตกต่างกันไป
[2] ปริมาณงานคือการวัดปริมาณการรับส่งข้อมูลในหนึ่งปี และถูกกำหนดให้เป็นปริมาณของข้อมูลที่เขียน อ่าน หรือตรวจสอบโดยคำสั่งจากระบบโฮสต์
[3] "3.5 นิ้ว" หมายถึงปัจจัยรูปแบบของฮาร์ดดิสก์ ไม่ได้ระบุขนาดจริงของไดรฟ์
[4] เมบิไบต์ (MiB) เท่ากับ 220 หรือ 1 048 576 ไบต์ และกิบิไบต์ (GiB) เท่ากับ 230 หรือ 1 073 741 824 ไบต์

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์:
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
ฝ่ายผลิตภัณฑ์จัดเก็บข้อมูล
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

* FC-MAMRTM เป็นเครื่องหมายการค้าของ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ ที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ

* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาเกี่ยวกับบริการ และข้อมูลติดต่อมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันในวันที่ประกาศซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวบรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา
พนักงานทั้ง 22,000 คนจากทั่วโลกของ TDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 7.1 แสนล้านเยน (6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211208006148/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
โทร: +81- 44-549-8361
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gautam Mukharya ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความเสี่ยงของธนาคาร HSBC สิงคโปร์ เข้าร่วมคณะกรรมการที่ปรึกษาของ SPIN Analytics

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–08 ธันวาคม 2564

SPIN Analytics ผู้ให้บริการด้าน FinTech ที่ทันสมัย ผู้นำเสนอกระบวนทัศน์ใหม่ให้กับการทำแบบจําลองความเสี่ยงด้านเครดิต ประกาศในวันนี้ว่า Gautam Mukharya ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความเสี่ยงแห่งธนาคาร HSBC สิงคโปร์ ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคณะกรรมการที่ปรึกษาของบริษัท

Gautam คร่ำหวอดอยู่ในวงการธนาคารและความเสี่ยงด้วยประสบการณ์ 25 ปีทางด้านการเงิน โดยมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเครดิตและความเสี่ยงภายในองค์กร และยังเป็นผู้สนับสนุนตัวยงทางด้านนวัตกรรม ฟินเทค และเทคโนโลยีใหม่อื่น ๆ กว่าตลอด 20 ปีที่ผ่านมากับ HSBC Group, Gautam ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งทั้งระดับประเทศและภูมิภาคมากมาย รวมถึงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านความเสี่ยงของธนาคาร HSBC ในออสเตรเลีย หัวหน้าด้านความเสี่ยงเครดิตสำหรับธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และประธานเจ้าหน้าที่ธนาคาร HSBC ในมอริเชียส

Panos Skliamis ซีอีโอแห่ง SPIN Analytics กล่าวว่า “ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Gautam สู่คณะกรรมการที่ปรึกษาของเรา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับผู้นำในด้านความเสี่ยง Gautam เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับอุตสาหกรรมของเราระหว่างการจัดกิจกรรม Global Hackcelerator Programme ในงาน FinTech Festival 2018 ของสิงคโปร์ และหลังจากนั้น ก็ได้ร่วมงานกันเพื่อช่วยสานต่อความพยายามของเราในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เราตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับ Gautam เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกท่านต่อไป”

Gautam กล่าวว่า “ผมยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการที่ปรึกษาของบริษัทที่สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างมากให้กับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธนาคาร ที่ผ่านมา SPIN Analytics คือผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน เป็นผู้บุกเบิกทางด้านระบบอัตโนมัติปัญญาประดิษฐ์ที่อธิบายได้ (Explainable AI) ในการทำแบบจําลองความเสี่ยงด้านเครดิตตามข้อบังคับ ผมมั่นใจว่าด้วยความร่วมมือจากเพื่อนสมาชิกในคณะกรรมการที่ปรึกษาและทีมผู้บริหาร เราจะช่วยให้ SPIN Analytics สามารถทำให้ธนาคารทั่วโลกและธนาคารดิจิทัลต่าง ๆ นำ RISKROBOTTM มาใช้ได้เร็วขึ้น”

ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานด้านความเสี่ยงของทั้งประเทศ หน้าที่รับผิดชอบของ Gautam คือการบริหารจัดการความเสี่ยงใน ๆ ทุกด้านของการดำเนินงานของธนาคาร HSBC ในสิงคโปร์ และยังเป็นสมาชิกของคณะกรรมการสมาคมบริหารจัดการความเสี่ยงของ Singapore Chapter รวมถึงวิทยากรระดับนานาชาติให้กับงานประชุมและการสัมมนาทางออนไลน์ของรัฐบาล

Gautam ฝากผลงานมากมายไว้ในโครงการ National KYC Utility และการสร้างระบบนิเวศสีเขียว (Green eco-system) นับตั้งแต่ปี 2562 เขาได้ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน Demo Day ในกิจกรรม Global Hackcelerator และคณะกรรมการคัดเลือกผู้รับรางวัล FinTech Awards ในงาน Singapore FinTech Festival นอกจากนี้เขายังให้ความสนใจอย่างมากในเรื่องความยั่งยืนและความเสี่ยงทางด้านสภาพภูมิอากาศด้วย ปัจจุบัน Gautam ยังเป็นประธานวางขั้นตอนการทำงานด้านการบริหารความเสี่ยงให้กับกลุ่มงาน Green Finance Industry และยังเป็นประธานร่วมในการวางขั้นตอนการทำงานเพื่อร่างมาตรฐานการเปลี่ยนแปลงด้วย

ปีนี้ SPIN Analytics และ สมาคมบริหารจัดการความเสี่ยงของ Singapore Chapter ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการเสวนาโต๊ะกลมการเป็นผู้นำทางความคิดในหัวข้อ Model Risk Management in COVID-19 ซึ่ง Gautam ในฐานะสมาชิกคณะกรรมการของ RMA เข้าร่วมในการเสวนาด้วย

– สิ้นสุดเนื้อหา –

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211208005490/en/

ติดต่อ:

Panos Skliamis, panos.skliamis@spin-analytics.com, +447778284864

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ผู้เล่น OTT ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกาศสนับสนุน Unified ID 2.0

Logo

โซลูชันการระบุตัวตนแบบใหม่ได้ขยายตัวในภูมิภาคด้วยการสนับสนุนจากแพลตฟอร์ม OTT ที่สำคัญ

สิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–09 ธ.ค. 2564

ผู้นำด้านการโฆษณาระดับโลก The Trade Desk (NASDAQ: TTD) ประกาศว่าโครงการ Unified ID 2.0 ได้ขยายไปสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เนื่องจากผู้เล่นชั้นนำ (OTT) ชั้นนำประกาศการสนับสนุน  Unified ID 2.0 ได้รับการพัฒนาครั้งแรกโดย The Trade Desk เป็นตัวระบุใหม่ที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวซึ่งสร้างขึ้นจากอีเมลที่แฮชและเข้ารหัส โดยได้รับการออกแบบจากมุมมองของผู้บริโภค  Unified ID 2.0 เป็นแนวทางใหม่ทั่วทั้งอุตสาหกรรมในการระบุตัวตนทางอินเทอร์เน็ตที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาคุณค่าของการโฆษณาที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ให้การควบคุมผู้บริโภคและความเป็นส่วนตัวอยู่ในระดับแนวหน้า

ผู้เล่น OTT ชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ให้ความสำคัญกับการใช้ Unified ID 2.0 เพื่อรักษากระแสเนื้อหาอย่างเสรีเพื่อแลกกับการโฆษณาที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแพลตฟอร์ม OTT ระดับภูมิภาค iQiyi, TrueID, WeTV/iflix; FPT Play และ VTV Giai Tri (VTVE) ในเวียดนาม; และ Vidio ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม OTT ในพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย  Unified ID 2.0 ช่วยให้ผู้เผยแพร่โฆษณาใช้นามแฝงของข้อมูลบุคคลที่หนึ่ง และอนุญาตให้ผู้โฆษณาเพิ่มประสิทธิภาพข้อมูลลูกค้าบุคคลที่หนึ่งและวัดการลงทุนด้านสื่อโดยไม่ต้องใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม

Unified ID 2.0 ได้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก รวมถึงจากบริษัทข้อมูลและบริษัทโฮลดิ้งโฆษณารายใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับแรงผลักดันจากผู้เผยแพร่โฆษณาด้วยการให้โอกาสพวกเขาในการพิสูจน์การแลกเปลี่ยนมูลค่าของอินเทอร์เน็ตแบบเปิดเพิ่มเติม ประโยชน์หลักสำหรับผู้เผยแพร่โฆษณาอาจรวมถึง:

  • กลยุทธ์ – ผู้เผยแพร่โฆษณาสามารถจับคู่ผู้ชมกับผู้ลงโฆษณาได้ต่อไป จัดการความถี่และการวัดผลลัพธ์ เพื่อรักษากลยุทธ์ที่ยั่งยืน
  • ความเป็นอิสระ – ตัวระบุแบบเปิดหมายความว่าการสร้างรายได้ของผู้เผยแพร่โฆษณาจะพึ่งพาการกระทำของเบราว์เซอร์และอุปกรณ์แต่ละตัวน้อยลง
  • ประสบการณ์ผู้บริโภคที่ดีขึ้น – การควบคุมของผู้บริโภคจะทำให้ผู้เผยแพร่โฆษณาสร้างและรักษาความไว้วางใจกับผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น การกำหนดเป้าหมายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจะช่วยให้โหลดโฆษณาน้อยลงและประสบการณ์ของผู้บริโภคโดยรวมดีขึ้น

“การทำงานร่วมกันเกี่ยวกับ Unified ID 2.0 ช่วยให้ผู้เผยแพร่ดิจิทัลสามารถเข้าร่วมในโครงการริเริ่มทั่วทั้งอุตสาหกรรมนี้เพื่อบุกเบิกแนวทางใหม่ในการระบุตัวตน เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษที่ได้เห็นการสนับสนุนจากผู้เล่น OTT ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” Bihao Pan หัวหน้าผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายคู่ค้าฝ่ายสื่อของ The Trade Desk กล่าว “เราทุกคนร่วมมือกันสร้างอินเทอร์เน็ตแบบเปิดที่ดีกว่าและคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้นในอุปกรณ์และแพลตฟอร์มต่างๆ เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้รับการนำไปใช้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ ID ขยายและเติบโตต่อไป ในขณะที่ตั้งเป้าที่จะให้ผู้บริโภคมีความโปร่งใสและการควบคุมมากขึ้น”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Unified ID 2.0 กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์

เกี่ยวกับ Unified ID 2.0

Unified ID 2.0 เป็นโซลูชันการระบุตัวตนยุคหน้าซึ่งเป็นกรอบงานดิจิทัลแบบโอเพนซอร์ส ด้วยการพัฒนาเบื้องต้นที่นำโดย The Trade Desk ทำให้ Unified ID 2.0 เป็นผลจากการทำงานร่วมกันอย่างกว้างขวางของผู้เผยแพร่ ผู้ซื้อ และผู้ให้บริการเทคโนโลยีทั่วทั้งอุตสาหกรรม โดยทำหน้าที่เป็นทางเลือกแทนคุกกี้ของบุคคลที่สามที่มีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงความโปร่งใส ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมของผู้บริโภค ในขณะเดียวกันก็รักษาการแลกเปลี่ยนมูลค่าของโฆษณาที่เกี่ยวข้องในช่องทางและอุปกรณ์ต่างๆ

Prebid.org องค์กรอิสระที่ออกแบบมาเพื่อรับรองและส่งเสริมตลาดกลางที่ยุติธรรมและโปร่งใสทั่วทั้งอุตสาหกรรม ได้ตกลงที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ Unified ID 2.0

เกี่ยว The Trade Desk

The Trade Desk™ เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ซื้อโฆษณาสามารถสร้าง จัดการ และเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาดิจิทัลผ่านรูปแบบโฆษณาและอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มแบบบริการตนเองที่ใช้ระบบคลาวด์ การผสานรวมกับข้อมูลหลัก สินค้าคงคลัง และพันธมิตรผู้เผยแพร่โฆษณาช่วยให้มั่นใจถึงความสามารถในการเข้าถึงและการตัดสินใจสูงสุด และ API ระดับองค์กรช่วยให้สามารถพัฒนาแบบกำหนดเองได้บนแพลตฟอร์ม  The Trade Desk มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง เวนทูรา รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสำนักงานอยู่ทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม thetradedesk.com หรือติดตามเราบน Facebook, Twitter, และ LinkedIn

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211208005804/en/

ติดต่อสื่อ

Shaw Wun Lim

The Trade Desk

shawwun.lim@thetradedesk.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Interactive Brokers เปิดตัวแพลตฟอร์มการซื้อขายบนมือถือ ‘IMPACT’ สำหรับนักลงทุนที่ใส่ใจต่อสังคมทั่วโลก

Logo

IMPACT ให้ผู้ใช้ลงทุนตามค่านิยมและสร้างโลกที่พวกเขาต้องการเห็น

กรีนิช คอนเนตทิคัต–(BUSINESS WIRE)–08 ธันวาคม 2564

Interactive Brokers Group (Nasdaq: IBKR) บริษัทโบรกเกอร์ระดับโลกเปิดตัว IMPACT ให้กับนักลงทุนทั่วโลกในวันนี้ IMPACT เป็นแอปพลิเคชันซื้อขายบนมือถือที่อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร ทั้งนี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักลงทุนจัดพอร์ตโฟลิโอให้เข้ากับค่านิยมได้อย่างง่ายดาย และช่วยกำหนดอนาคตที่พวกเขาต้องการเห็น ในการขยายขอบเขตจากความคิดริเริ่มในการซื้อขายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของเรา IMPACT โดย Interactive Brokers นำเสนอการออกแบบแอปที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย ซึ่งช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับกระบวนการลงทุนที่ยั่งยืนสำหรับนักลงทุนทุกราย ตามด้วยการเปิดตัว IMPACT แก่นักลงทุนในสหรัฐฯ การเปิดตัวทั่วโลกเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่การพิจารณา ESG ได้มีความสำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนในระดับโลก เครือข่าย Global Impact Investor Network ประมาณการขนาดตลาดรวมที่ 715 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บริหารจัดการโดย 1,720 องค์กร

“IMPACT นำคุณประโยชน์และค่านิยมที่เสนอโดย Impact Dashboard ของเรามาวางไว้ในมือของนักลงทุน” Will Peterffy ผู้อำนวยการ ESG ของ Interactive Brokers กล่าว “เรากำลังเป็นผู้นำนักลงทุนรุ่นใหม่ในการลงทุนตามมูลค่าโดยช่วยให้พวกเขาพัฒนาแผนการลงทุนที่มีสติสัมปชัญญะตามค่านิยมส่วนบุคคลที่ให้ความรับผิดชอบและความโปร่งใส”

IMPACT เปิดโอกาสให้นักลงทุนเลือกเกณฑ์การลงทุนส่วนบุคคลจากมูลค่าผลกระทบและหลักการ 13 ประการ ได้แก่ อากาศอันบริสุทธิ์ น้ำอันบริสุทธิ์ ชีวิตในมหาสมุทร สุขภาพของแผ่นดิน ความปลอดภัยของผู้บริโภค ความเป็นผู้นำทางจริยธรรม ความเสมอภาคทางเพศ ความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติ การรวมกลุ่ม LGBTQ ความโปร่งใสของบริษัท วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน โมเดลธุรกิจที่ใส่ใจ และแรงงานที่เป็นธรรมและชุมชนที่เจริญรุ่งเรือง นักลงทุนยังสามารถกันการลงทุนออกไปตาม 10 หมวดหมู่: การทดสอบในสัตว์, การโต้เถียงด้านจริยธรรมทางธุรกิจ, การใช้จ่ายและการล็อบบี้ทางการเมืองขององค์กร, การใช้พลังงานอย่างเข้มข้น, เชื้อเพลิงฟอสซิล, การปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ของเสียอันตราย, การใช้น้ำสูง, ยาสูบ, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการพนัน, ผู้ผลิตอาวุธและปืน

จากการเลือกเหล่านี้ แอปจะให้คะแนนผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนและการถือครองที่มีอยู่ และระบุบริษัทที่สอดคล้องกับเกณฑ์ที่นักลงทุนเลือก (Interactive Brokers ใช้ข้อมูล ESG ที่ได้รับจากผู้ขายที่เป็นบุคคลภายนอก และรวมเข้ากับการตั้งค่ามูลค่าของลูกค้าเพื่อสร้างคะแนนผลกระทบ) โดยสิ่งนี้ควบคู่ไปกับความสามารถในการตรวจสอบตัวชี้วัดทางการเงินสำหรับหุ้น และตรวจสอบคะแนนผลกระทบของบริษัท ทำให้นักลงทุนมีโอกาสในการปรับปรุงคะแนนผ่านการคัดเลือกบริษัททางเลือกในลักษณะที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ

IMPACT ยังมีฟีเจอร์ “Swap” ซึ่งเป็นข้อเสนอเฉพาะที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสลับตำแหน่งในสกุลเงินดอลลาร์เดียวกันจากหุ้นหนึ่งไปยังอีกหุ้นหนึ่งได้ ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียวนักลงทุนสามารถซื้อและขายหุ้นได้พร้อมกันตามคะแนนผลกระทบเปรียบเทียบของบริษัทหนึ่งกับอีกบริษัทหนึ่ง คุณลักษณะนี้มีให้สำหรับหุ้นสหรัฐฯ เท่านั้น

"ฟังก์ชัน 'Swap' ของ IMPACT ก้าวไปไกลกว่าคู่แข่งของเรา เพื่อให้ลูกค้าสามารถจัดตำแหน่งพอร์ตโฟลิโอใหม่ได้อย่างง่ายดายด้วยสิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุด ซึ่งเราภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง" Edward Soffer ผู้จัดการ ESG ของ Interactive Brokers กล่าว “แอปนี้ออกแบบมาสำหรับนักลงทุนยุคใหม่ที่เข้าใจว่าการลงทุนของพวกเขาสร้างผลกระทบและกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง”

พร้อมกับการเปิดตัว Interactive Brokers ได้ร่วมมือกับ One Tree Planted บนโครงการ IMPACT Plant a Forest ที่มีให้สำหรับลูกค้า 30,000 คนแรกที่ลงทะเบียนกับ IMPACT,โครงการ Plant a Forest เปิดโอกาสให้นักลงทุนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ในทุก ๆ 1,000 ดอลลาร์ที่นักลงทุนฝากเข้าบัญชี IMPACT จะปลูกต้นไม้ให้ 25 ต้น สำหรับต้นไม้ 1 ต้นต่อเงินฝาก 40 ดอลลาร์ ลูกค้า IBKR ที่ใช้แอป IMPACT สามารถช่วยเหลือความพยายามในการปลูกป่าและนำ IMPACT ไปปลูกต้นไม้ในพื้นที่ที่มีความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น แคลิฟอร์เนีย เม็กซิโก โกตดิวัวร์ หรืออินเดีย One Tree Planted เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ปลูกต้นไม้ทั่วโลกเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการตัดไม้ทำลายป่า และร่วมมือกับองค์กรปลูกป่าที่คัดเลือกมาอย่างดีในอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชีย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลและดาวน์โหลดแอป IMPACT สามารถเยี่ยมชมได้ที่:

สหราชอาณาจักร: https://impact.interactivebrokers.co.uk/
ยุโรปตะวันตก: https://impact.interactivebrokers.ie/
ยุโรปกลาง: https://impact.interactivebrokers.hu/
ออสเตรเลีย: https://impact.interactivebrokers.com.au/
ฮ่องกง: https://impact.interactivebrokers.com.hk/
สิงคโปร์: https://impact.interactivebrokers.com.sg/
แคนาดา: https://impact.interactivebrokers.ca/
ประเทศอื่น ๆ: https://impact.interactivebrokers.com

IMPACT ไม่มีให้บริการสำหรับผู้ที่พำนักอยู่ในอินเดียหรือญี่ปุ่น

เกี่ยวกับ Interactive Brokers Group, Inc .:

บริษัทในเครือ Interactive Brokers Group ให้บริการดำเนินการซื้อขายอัตโนมัติและการดูแลหลักทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ และการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตลอดเวลาในตลาดกว่า 135 แห่งในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน ตั้งแต่บัญชีการลงทุนแบบบูรณาการ IBKR บัญชีเดียวไปจนถึงลูกค้าทั่วโลก เราให้บริการแก่นักลงทุนรายย่อย กองทุนป้องกันความเสี่ยง กลุ่มการค้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ ที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้แนะนำโบรกเกอร์ การมุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติตลอดสี่ทศวรรษที่ทำให้เราสามารถจัดเตรียมแพลตฟอร์มที่มีความล้ำหน้าสลับซับซ้อนเฉพาะตัวแก่ลูกค้าเพื่อจัดการพอร์ตการลงทุนของพวกเขา เรามุ่งมั่นที่จะมอบราคาดำเนินการและการซื้อขายที่ได้เปรียบ เครื่องมือจัดการความเสี่ยงและพอร์ตโฟลิโอ สิ่งอำนวยความสะดวกในด้านการวิจัยและผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าของเรา โดยมีค่าใช้จ่ายต่ำหรือไม่มีเลย วางตำแหน่งเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหนือกว่า Barron ได้จัดอันดับ Interactive Brokers #1 ด้วยคะแนน 5 จาก 5 ดาว ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นรีวิวโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ดีที่สุด

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211208005630/en/

ติดต่อ

สื่อ: Katherine Ewert, media@ibkr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

NielsenIQ รับคำท้าการวัดผลผ่านหลายช่องทาง

Logo

การลงทุนของ NielsenIQ ในโซลูชันอีคอมเมิร์ซมอบมุมมองชั้นนำเกี่ยวกับตลาดรวมทั้งหมด

ชิคาโก–(บิสิเนสไวร์)– 08 ธ.ค. 2564

เส้นทางนักช้อปมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคสามารถควบคุมสิ่งที่พวกเขาทำ ดู และได้ยินได้มากขึ้น  นั่นหมายความว่าเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและวิเคราะห์การขาย ส่วนแบ่งการตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภคจะต้องเปลี่ยนแปลงไปด้วย  ในสภาพแวดล้อมที่ยังคงประสบกับการเปลี่ยนแปลง การวัดเวลา สถานที่ และวิธีที่ผู้บริโภคซื้อเป็นสิ่งสำคัญ  ซึ่งช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวเร็ว (FMCG) สามารถคาดการณ์แนวโน้มและตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภคได้เร็วขึ้น

แม้ว่าช่องทางออนไลน์ที่เติบโตเร็วที่สุดในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือจะเป็นโลกออนไลน์ แต่เครื่องมือวัดอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่กระจัดกระจาย  ผู้ใช้ต้องรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อให้ได้ภาพรวมของตลาด  NielsenIQ กำลังเปลี่ยนแปลง FMCG และอุตสาหกรรมค้าปลีกด้วยโซลูชันที่เป็นนวัตกรรมและข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำซึ่งนำเสนอมุมมองตลาดออฟไลน์และออนไลน์แบบบูรณาการ ถูกต้อง สมบูรณ์ และละเอียดยิ่งขึ้น ทำให้วิเคราะห์แนวโน้มผ่านช่องทางต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

การเข้าซื้อกิจการ Foxintelligence จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับข้อเสนอของเราทั่วโลก

Foxintelligence เป็นบริษัทด้านการวัดผลอีคอมเมิร์ซและวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป  บริษัทดำเนินการกลุ่มผู้บริโภคที่สอดคล้องกับ GDPR ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีผู้ซื้อออนไลน์ที่ใช้งานอยู่กว่า 600,000 รายในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน และสหราชอาณาจักร และจะสามารถขยายความครอบคลุมและเสนอตลาดเพิ่มเติมในฐานะบริษัทที่ขับเคลื่อนโดย NielsenIQ

แปดเดือนหลังจากกลายเป็นบริษัทเดี่ยว NielsenIQ ได้เข้าซื้อกิจการที่สำคัญหลายครั้ง และเพิ่มการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญเพื่อเร่งการส่งมอบผลิตภัณฑ์และสร้างโซลูชันที่ครอบคลุม พลิกโฉมแนวทางการวัดผลและการวิเคราะห์ที่มีให้สำหรับ FMCG และอุตสาหกรรมค้าปลีกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

“เป้าหมายของเราคือเปลี่ยนวิธีดำเนินการและให้บริการลูกค้า ช่วยให้พวกเขาเติบโตได้รวดเร็วขึ้น การลงทุนที่เราทำมาจนถึงตอนนี้กำลังสร้างรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงของ NielsenIQ และนำความสามารถหลักมาใช้ในองค์กรเพื่อจัดการกับปัญหาที่สำคัญที่สุดที่ลูกค้าของเราเผชิญในวันนี้และจะเผชิญในอนาคต” Lorena Elizondo ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ NielsenIQ กล่าว

“เป้าหมาย NielsenIQ คือการเข้าถึงอีคอมเมิร์ซแบบองค์รวม Foxintelligence เป็นเครื่องมือในกลยุทธ์นี้ โดยขยายขอบเขตของโซลูชันการวัดผลการค้าปลีกที่ไม่มีใครเทียบได้ของเรา  พวกเขาเปิดเผยจุดบอดทางออนไลน์ เช่น ตลาดกลาง ผู้เชี่ยวชาญด้านหมวดหมู่ ผู้บริโภคโดยตรง การค้าขายด่วน และไมล์สุดท้าย เป็นต้น ซึ่งครอบคลุมตลาดอย่างเต็มรูปแบบ” Clément Colin หัวหน้าฝ่ายการวัดอีคอมเมิร์ซระหว่างประเทศของ NielsenIQ กล่าว

Foxintelligence รวบรวมใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างไม่ต้องระบุชื่อ เพื่อสร้างข้อมูลธุรกรรมที่ละเอียด ครอบคลุม และเป็นกรรมสิทธิ์  ข้อมูลนี้เป็นรากฐานที่สำคัญของความอัจฉริยะด้านการตลาดในยุคการบริโภคดิจิทัลในปัจจุบัน และ NielsenIQ จะผลักดันข้อมูลดังกล่าวให้ก้าวไปข้างหน้า

“เราภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมครอบครัว NielsenIQ  เราได้ทำงานมานานกว่าหนึ่งปีเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้าของเรา และตอนนี้เราจะมอบวิสัยทัศน์ของตลาดออนไลน์และออฟไลน์ที่ครอบคลุมและบูรณาการมากขึ้น” Edouard Nattée ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Foxintelligence กล่าว

การเข้าซื้อกิจการ Foxintelligence ถือเป็นก้าวล่าสุดที่ NielsenIQ กำลังดำเนินการในการให้ข้อมูลอีคอมเมิร์ซที่ก้าวล้ำและครอบคลุม  ในเดือนกันยายน 2564 NielsenIQ ได้ซื้อ Rakuten Intelligence และ Data Impact เพื่อปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอโซลูชันอีคอมเมิร์ซและขยายไปทั่วโลก

เกี่ยวกับ NielsenIQ

NielsenIQ เป็นผู้นำในการให้บริการมุมมองพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่สมบูรณ์ที่สุด  NielsenIQ ขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มข้อมูลผู้บริโภคที่ก้าวล้ำและขับเคลื่อนด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ที่หลากหลาย ทำให้บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคและผู้ค้าปลีกชั้นนำของโลกสามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดและมั่นใจ

ด้วยการใช้ชุดข้อมูลที่ครอบคลุมและการวัดผลธุรกรรมทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน NielsenIQ ช่วยให้ลูกค้ามีมุมมองเชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในแพลตฟอร์มการค้าปลีกทั้งหมด ปรัชญาเปิดของเราในการรวมข้อมูลช่วยให้มีชุดข้อมูลผู้บริโภคที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก  NielsenIQ มอบความจริงที่สมบูรณ์

NielsenIQ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Advent International มีการดำเนินงานในเกือบ 100 ตลาด ครอบคลุมมากกว่า 90% ของประชากรโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม NielsenIQ.com

เกี่ยวกับ Foxintelligence

ภารกิจของ Foxintelligence คือการมอบอำนาจให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้วยข้อมูล เพื่อปรับปรุงวิธีการทำงานของสังคมและบริษัท บริษัทนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ดีที่สุดเกี่ยวกับแนวโน้มล่าสุดของอีคอมเมิร์ซในยุโรป โดยปลดล็อกข่าวกรองจากผู้ค้าหลายร้อยรายและใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ของแบรนด์นับพัน  เพราะเหตุนี้ Foxintelligence รวบรวมข้อมูลเชิงพาณิชย์เกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซจากอีเมล (เช่น ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์): ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา Foxintelligence สามารถจัดโครงสร้างข้อมูลจำนวนมหาศาลนี้เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึกที่มองไม่เห็นมาก่อนในตลาดและทำให้พร้อมใช้งานบน SaaS ของพวกเขา แพลตฟอร์ม: Foxapp.

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211208005244/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสัมพันธ์

สำหรับสื่อในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก

Fernanda Paredes, fernanda.paredes@nielseniq.com, +1 917-291- 1196

Alex Tekip, alexandra.tekip@nielseniq.com, +1 517-249-2588

สำหรับสหภาพยุโรป

ฝรั่งเศส: Sebastien Monard, sebastien.monard@nielseniq.com, +33 6 85 32 94 61

เยอรมนี: Julia Mayer, julia.mayer@nielseniq.com  

สเปน: Marta Correia da Silva, marta.correia@nielseniq.com 

อิตาลี: Lara Clementi, lara.clementi@nielseniq.com, +39 344 0164721

สหราชอาณาจักร: Mikolaj Piotrowski, mikolaj.piotrowski@nielseniq.com, +48661950246

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คิดเป็น 74% ของการลงทุนของกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ในตลาดอาเซียนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

Logo

ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์–(BUSINESS WIR)–7 ธ.ค. 2564

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีส่วนร่วมคิดเป็นร้อยละ 74 ของการลงทุนของกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ GCC ในตลาดอาเซียนในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ตามรายงานของเอกสารฉบับใหม่ที่เผยแพร่โดย Dubai Chamber ก่อนการประชุม Global Business Forum (GBF) อาเซียนครั้งแรกในดูไบ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211207005565/en/

H.E. Hamad Buamim, President and CEO, Dubai Chamber (Photo: AETOSWire)

H.E. Hamad Buamim ประธานและ CEO หอการค้าดูไบ (ภาพ: AETOSWire)

ดำเนินการโดย Economist Intelligence Unit (EIU) และได้รับมอบหมายจากหอการค้าดูไบ รายงานในชื่อเรื่อง Uncharted Territory: การค้าและการลงทุนที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างอาเซียนและ GCC เป็นการตรวจสอบสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนและประเมินโอกาสในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การดำเนินงานระหว่างสองภูมิภาคในยุคหลังโรคระบาด

ตามรายงานจากเอกสารนำเสนอข้อมูล มูลค่ารวมของการลงทุนจาก GCC ในภูมิภาคอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 13.4 พันล้านดอลลาร์ระหว่างมกราคม 2559 ถึงกันยายน 2564 โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับรายงานนี้โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภาครัฐและเอกชน เมื่อพวกเขารวมตัวกันที่งาน Expo 2563 Dubai เพื่อการเปิดตัว GBF ASEAN ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8-9 ธันวาคม พ.ศ. 256

เอกสารให้ข้อมูล ระบุว่ายังคงมีศักยภาพมากมายสำหรับบริษัทในกลุ่มอาเซียนและ GCC ในการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร และการแบ่งปันความรู้ในภาคส่วนสำคัญ ๆ ที่สามารถสร้างกรอบการทำงานสำหรับความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ข้อมูลแสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างสองภูมิภาค โดยมีเพียง 2% ของการนำเข้าทั้งหมดของอาเซียนระหว่างปี 2559 ถึง 2563 เท่านั้น ที่มาจาก GCC ในทางกลับกัน ภูมิภาคอาเซียนก็รวมคิดเป็นเพียง 4% ของการส่งออกทั้งหมดของ GCC เท่านั้น ในช่วงระยะเวลาห้าปี ซึ่งมีมูลค่าถึง 126 พันล้านดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำมันดิบ (43%) และโพลีเมอร์พลาสติก (20%)

H.E.  Hamad Buamim ประธานและซีอีโอของ Dubai Chamber กล่าวว่ารายงานดังกล่าวให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับศักยภาพที่มีอยู่ระหว่างสองภูมิภาค ซึ่งช่วยให้ธุรกิจทั้งสองฝ่ายตัดสินใจอย่างชาญฉลาด มีการสำรวจโอกาสการเติบโตในต่างประเทศ และหลอมรวมพันธมิตรข้ามพรมแดนที่ขับเคลื่อนความยั่งยืน การเจริญเติบโต

สามารถหาอ่านรายงานได้ ที่นี่

สำหรับบรรณาธิการ:

ภารกิจของ หอการค้าดูไบคือ การนำเสนอ สนับสนุน และปกป้องผลประโยชน์ของชุมชนธุรกิจในดูไบ โดยการสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจ และส่งเสริมดูไบให้เป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ นับตั้งแต่ก่อตั้งหอการค้า หอการค้าได้มีส่วนช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับดูไบในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกในด้านการเงิน ธุรกิจ และการลงทุน

*แหล่งที่มา: AETOSWire

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211207005565/en/

ติดต่อ:

Ruba Abdel Halim

หอการค้าและอุตสาหกรรมดูไบ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร

โทร: +97142028450

อีเมล: ruba.halim@dubaichamber.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย