Toshiba เพิ่มวงจรขับเกตมอสเฟตใหม่ 5 รายการ ที่จะช่วยลดฟุตพริ้นท์ของอุปกรณ์

Logo

– ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ TCK42xG รองรับการเชื่อมต่อแบบหลังชนหลังของมอสเฟตชนิดที่ใช้ภายนอก –

คาวาซากิ, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–07 มิถุนายน 2565

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เพิ่ม 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่ในไลน์อัพของวงจรขับเกตมอสเฟต ซีรีย์ TCK42xG สำหรับอุปกรณ์มือถือ เช่น อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ในซีรีส์นี้มาพร้อมฟังก์ชันหยุดการทำงานเมื่อแรงดันเกินและฟังก์ชันควบคุมแรงดันเกตของมอสเฟตที่ใช้ภายนอกตามแรงดันขาเข้า

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220530005063/en/

Toshiba: new MOSFET gate driver ICs "TCK42xG Series" that will help to reduce device footprints. (Graphic: Business Wire)

Toshiba: วงจรขับเกตมอสเฟตใหม่ "ซีรียส์ TCK42xG" ที่จะช่วยลดฟุตพริ้นท์ของอุปกรณ์ (กราฟิก: Business Wire)

ผลิตภัณฑ์ใหม่ประกอบด้วย “TCK420G” สำหรับสายไฟขนาด 24V; “TCK422G” และ “TCK423G” สำหรับสายไฟขนาด 12V; “TCK424G” สำหรับสายไฟขนาด 9V และ “TCK425G” สำหรับสายไฟขนาด 5V และยังมีที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้คือ “TCK421G” สำหรับสายไฟขนาด 20V ซึ่งวางจำหน่ายในขณะนี้

ด้วยผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มเข้ามา ตอนนี้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ตระกูล TCK42xG จึงสามารถเลือกแรงดันระหว่างขั้วเกต-ซอร์สได้สองประเภท คือ 10V และ 5.6V ซึ่งครอบคลุมการใช้งานกับมอสเฟตที่มากขึ้น นอกจากนี้ ไลน์อัพดังกล่าวยังมีแรงดันตรวจจับหลายระดับสำหรับฟังก์ชันหยุดการทำงานเมื่อแรงดันเกิน ซึ่งทำให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กับสายไฟขนาด 5V ถึง 24V ได้ เมื่อใช้ร่วมกับมอสเฟตแบบหลังชนหลังที่ใช้ภายนอก จึงทำให้ผลิตภัณฑ์เหมาะสำหรับใช้กำหนดค่าวงจรตัดการจ่ายไฟ (Fig.1) หรือวงจรมัลติเพลกซ์ (Fig.2) ที่มีฟังก์ชันการบล็อกกระแสย้อนกลับ ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยวงจรอัดประจุในตัวซึ่งรองรับแรงดันขาเข้าที่กว้างตั้งแต่ 2.7V ถึง 28V แรงดันระหว่างเกตและซอรส์ของมอสเฟตแบบหลังชนหลังที่ใช้ภายนอกที่มีการทำงานเป็นพัก ๆ จึงมีความเสถียร ซึ่งทำให้สามารถสลับกระแสที่มีปริมาณมากได้

ผลิตภัณฑ์ตระกูล TCK42xG จุอยู่ในแพ็คเกจ WCSP6G[1] ซึ่งเป็นหนึ่งในแพ็คเกจที่เล็กที่สุดของอุตสาหกรรม[2] และยังคำนึงถึงการติดตั้งโดยใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าในอุปกรณ์ขนาดเล็กอย่างอุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะและสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยลดค่าฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ลงด้วย

Toshiba ยังได้พัฒนา “ดีไซน์อ้างอิงสำหรับ “วงจรมัลติเพลกซ์” ซึ่งเป็นตัวอย่างดีไซน์สำหรับมัลติเพล็กเซอร์ที่ใช้ฟังก์ชันของ TCK42xG โดยสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ของ Toshiba ตั้งแต่วันนี้

หมายเหตุ :
[1] แพ็คเกจชิป 1.2มม. x 0.8มม.
[2] ในบรรดาวงจรขับเกตมอสเฟต อ้างอิงจากการสำรวจของ Toshiba เมื่อเดือนมิถุนายน 2565

การใช้งาน

  • อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Wearables)
  • สมาร์ทโฟน
  • คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, แท็บเลต
  • อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และอื่น ๆ

คุณสมบัติ

  • การตั้งค่าแรงดันระหว่างขั้วเกต-ซอร์ส (5.6V, 10V) ซึ่งขึ้นอยู่กับแรงดันขาเข้า พร้อมวงจรอัดประจุที่มีมาในตัว
  • ฟังก์ชันหยุดการทำงานเมื่อแรงดันเกินรองรับที่ 5V ถึง 24V
  • แรงดันขาเข้าเมื่อมีการตัดวงจรต่ำ: IQ(OFF)= 0.5μA (สูงสุด) @VIN=5V

คุณสมบัติจำเพาะหลัก

(นอกจากระบุให้เป็นค่าอื่น, T a=25°C)

หมายเลขชิ้นส่วน

TCK420G

TCK421G

[3]

TCK422G

TCK423G

TCK424G

TCK425G

แพ็คเกจ

ชื่อ

WCSP6G

ขนาด (มม.)

1.2×0.8 (ทั่วไป), t=0.35 (สูงสุด)

ช่วงการทำงาน

แรงดันขณะใช้งานขาเข้า

VIN_opr (V)

@Ta= -40

to 85°C

2.7 – 28

คุณสมบัติทางไฟฟ้า

VIN UVLO ขีดเริ่ม, VOUT ขณะลดลง

VIN_UVLO

ทั่วไป/สูงสุด (V)

@Ta= -40

to 85°C

2.0/2.5

VIN OVLO ขีดเริ่ม

VOUT ขณะลดลง

VIN_OVLO

ต่ำสุด/สูงสุด (V)

@Ta= -40

to 85°C

26.50

/28.50

22.34

/24.05

13.61

/14.91

10.35

/11.47

5.76

/6.87

กระแสโหมดสแตนด์บาย

(เมื่อไม่มีการใช้งาน)

IQ(OFF) สูงสุด (μA)

@VIN=5V, Ta= -40

to 85°C

0.5

แรงดันขับเกต

(VGATE1-VIN)

(VGATE2-VOUT)

VGS ทั้วไป (V)

@VIN=

12V/20V

10/10

10/10

10/-

5.6/-

-/-

-/-

แรงดันขับเกต

(VGATE1-VIN)

(VGATE2-VOUT)

VGS ทั่วไป (V)

@VIN=

5V/9V

10/10

10/10

10/10

5.6/5.6

5.6/5.6

5.6/-

VGS ON time

tON ทั่วไป (ms)

@VIN=5V,

CGATE1,2=

4000pF

2.9

VGS OFF time

tOFF ทั่วไป (μs)

@VIN=5V,

CGATE1,2=

4000pF

52

23

OVLO

VGS turn OFF time

tOVP ทั่วไป (μs)

@CGATE1,2=

4000pF

31

34

41

16

18

19

การตรวจสอบสินค้าและวางจำหน่าย

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

หมายเหตุ:
[3] ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายแล้ว

กดลิงก์ด้านล่างเพื่อดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่
TCK420G
TCK422G
TCK423G
TCK424G
TCK425G

ตรวจสอบการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านตัวแทนจำหน่ายทางออนไลน์ได้ที่
TCK420G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK420G.html

TCK422G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK422G.html

TCK423G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK423G.html

TCK424G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK424G.html

TCK425G
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/semiconductor/where-to-buy/stockcheck.TCK425G.html

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการอื่น ๆ ที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ
* ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาเกี่ยวกับบริการ และข้อมูลติดต่อมีความถูกต้องและเป็นปัจจุบันในวันที่ประกาศซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบ

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ซัพพลายเออร์ระดับแถวหน้าผู้จัดหาโซลูชันเซมิคอนดักเตอร์และการจัดเก็บที่มีความก้าวล้ำ รวบรวมประสบการณ์และนวัตกรรมที่สะสมมากว่าครึ่งศตวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของเรา

พนักงานทั้ง 23,000 คนจากทั่วโลกของ TDSC มุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าและตลาดใหม่ ๆ ร่วมกัน ด้วยยอดขายต่อปีที่สูงกว่า 8.5 แสนล้านเยน (7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในขณะนี้ TDSC หวังที่จะได้มีส่วนสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้คนทั่วโลก
ดูเพิ่มเติมที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220530005063/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-44-548-2215
Contact Us

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Chiaki Nagasawa
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



SMASH LEGENDS ของ 5minlab เปิดตัวมอลลี่ตำนานใหม่ในอัปเดตใหม่

Logo

  • ตำนานที่ 27 ตัวละครนักสู้ มอลลี่ มาแล้วกับการอัปเดต
  • เพิ่มโหมด ‘ทีมทัชดาวน์’ ใหม่ในเกม

โซล เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–8 มิถุนายน 2565

5minlab เป็นสตูดิโออิสระของ KRAFTON, Inc. (KRX: 259960) เปิดเผยว่าได้เพิ่มมอลลี่ตำนานใหม่ให้กับ SMASH LEGENDS เกมแนวแอ็กชัน PvP แบบเรียลไทม์ ในอัปเดตที่เผยแพร่ในวันที่ 7 มิถุนายน

5minlab’s SMASH LEGENDS unveiled a new legend Molly in its new update. (Graphic: Business Wire)

SMASH LEGENDS ของ 5minlab เปิดตัวมอลลี่ตำนานใหม่ในอัปเดตใหม่ (กราฟิก: Business Wire)

มอลลี่ คือตำนานที่ 27 ที่ได้เข้าร่วมรายชื่อตัวละคร ตำนานนักสู้ตัวนี้ใช้ถุงมือหุ้มโลหะเพื่อโจมตีศัตรูอย่างรุนแรงและมีทักษะระยะประชิดที่ไม่เหมือนใครรวมถึงความสามารถในการโต้กลับ ทั้งนี้สามารถซื้อมอลลี่ในร้านค้าโดยใช้เครดิตหรืออัญมณี และภารกิจพิเศษที่จะเปิดใช้งานเมื่อทำการซื้อโดยจะมอบเอฟเฟกต์แบบจำกัดเวลาและอิโมจิให้เป็นรางวัล

นอกจากนี้การอัปเดตยังแนะนำโหมด ‘ทีมทัชดาวน์’ ใหม่ โดยในโหมดใหม่นี้ ทีมที่ได้รับเป้าหมายพิทักษ์ที่ไปถึงจุดหมายปลายทางก่อนฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้ชนะ ทั้งนี้โหมด ‘ทีมทัชดาวน์’ เป็นการต่ออายุเชิงกลยุทธ์ของโหมด ‘พิทักษ์’ ที่มีให้เฉพาะในสนามประลองแล็ป แต่ด้วยความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้ใช้ โหมดนี้จึงถูกเพิ่มอย่างเป็นทางการให้เป็นโหมดที่สามารถเล่นได้ตลอดเวลา

เริ่มต้นด้วย ‘ดูโอทัชดาวน์’ ที่ออกในวันที่ 7 มิถุนายน ‘หัวรถจักรที่เสียการควบคุม’, ‘สงครามระเบิด’และ ‘ห้องทดลองกับระเบิด’ จะถูกเพิ่มอย่างต่อเนื่องในทุกวันอังคารเพื่อแนะนำโหมดทั้งหมดสี่โหมด การเพิ่มกฎพิเศษในโหมดที่มีอยู่ อย่างเช่น ‘ทีมเดธแมตช์’ ที่จะนำเสนอมิติใหม่ของความสนุกสนาน

อีเว้นต์ฮอตไทม์เครดิตเสนอเครดิตให้ถึงสองเท่าเมื่อเล่นเกมในช่วงเวลาที่กำหนด โดยจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน Smashers จะได้รับเครดิตพิเศษเป็นเวลา 24 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมเป็นสี่สัปดาห์

ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการอัปเดตสามารถพบได้บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ SMASH LEGENDSและตัวเกม

*ตารางอีเวนต์ฮอตไทม์เครดิต

สัปดาห์

วัน (ICT)

สัปดาห์ที่ 1

10 มิถุนายน (ศ.) 14:00 – 11 มิถุนายน (ส.) 14:00

สัปดาห์ที่ 2

15 มิถุนายน (พ.) 14:00 – 16 มิถุนายน (พฤ.) 14:00

สัปดาห์ที่ 3

24 มิถุนายน (ศ.) 14:00 – 25 มิถุนายน (ส.) 14:00

สัปดาห์ที่ 4

29 มิถุนายน (พ.) 14:00 – 30 มิถุนายน (พฤ.) 14:00

SMASH LEGENDS เว็บไซต์อย่างเป็นทางการhttps://smashlegends.com/

SMASH LEGENDS YouTube: https://www.youtube.com/SMASHLEGENDS

SMASH LEGENDS Discord: https://discord.com/channels/691836763890647120/694409158694273055

SMASH LEGENDS Library: https://en.smashlegendslib.com/

ดูคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52738669/en

ติดต่อ:

KRAFTON, Inc.
Hyunjin Choi
jin@krafton.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


TDCX Thailand เปิดตัวโครงการฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวแทนด้วยทักษะที่จำเป็นในปี 2025

Logo

มุ่งพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับบทบาทผู้นำ

กรุงเทพฯ–(บิสิเนส ไวร์)–06 มิ.ย. 2022

TDCX Thailand ผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ดิจิทัลแก่ลูกค้าสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพอื่นๆ ประกาศเปิดตัวโครงการฝึกอบรมความเป็นผู้นำเพื่อเพิ่มทักษะให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านประสบการณ์ลูกค้าในด้านความคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ปัญหา และความคล่องตัว ทักษะเหล่านี้เป็นทักษะอันดับต้นๆ ที่จำเป็นในปี 2025 ตามที่ระบุไว้ในรายงานของ World Economic Forum1

โปรแกรมกำลังเปิดตัวในขณะที่การนำเทคโนโลยีมาใช้เร่งความเร็วขึ้นหลังจากเกิดการระบาดใหญ่และความคาดหวังของลูกค้าในการแก้ไขปัญหาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

โปรแกรมการฝึกอบรมของ TDCX Thailand จะช่วยให้พนักงานมีทักษะและความรู้ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยเพิ่มทักษะที่จำเป็นเพื่อให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับอนาคต  นอกจากนี้ยังจะปลูกฝังทักษะความเป็นผู้นำและการจัดการเพื่อเตรียมพนักงานให้พร้อมสำหรับบทบาทของผู้อาวุโสที่สูงขึ้น

ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการจัดฝึกอบรมคือ FLASH Learn แพลตฟอร์มการเรียนรู้ดิจิทัลของ TDCX.  FLASH Learn เป็นโปรแกรมแบบโต้ตอบที่นำหลักการ gamification มาใช้ในการฝึกอบรมที่ปรับตามความต้องการและความเร็วในการเรียนรู้ของพนักงาน  สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจาก TDCX นำแนวทางการทำงานแบบไฮบริดมาใช้ จากการศึกษาพนักงาน 71 เปอร์เซ็นต์คาดหวังอยากใช้งานแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์เพื่อพัฒนาทักษะได้ตามสะดวกเมื่อต้องทำงานทางไกล  การใช้การเรียนรู้ออนไลน์ยังช่วยให้บริษัทได้วิเคราะห์ว่าพนักงานตอบสนองต่อการฝึกอบรมอย่างไร เพื่อให้สามารถปรับปรุงระบบต่อไปได้

โปรแกรมจะรวมการฝึกอบรมแบบตัวต่อตัวเพื่อพนักงานบรรลุผลการเรียนรู้ที่ต้องการและนำไปใช้ในบทบาทของพวกเขา พนักงานจะใช้เวลาทั้งหมด 40 ชั่วโมงเพื่อเสร็จสิ้นโปรแกรมการฝึกอบรม  นอกเหนือจากการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับบทบาทของพวกเขา ในปี 2021 พนักงาน TDCX Thailand ใช้เวลาฝึกอบรมโดยเฉลี่ย 59 ชั่วโมง

หลังจากเสร็จสิ้นโปรแกรมการฝึกอบรม พนักงานจะได้รับการฝึกสอน ความเป็นผู้นำ และความสามารถในการบริหารจัดการ จากนั้นพนักงานจะนำทักษะเหล่านี้ไปปฏิบัติจริงผ่านการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ โดยพวกเขายังจะมีโอกาสได้รับบทบาทระดับสูงขึ้นอีกด้วย

ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ TDCX Thailand ในการดูแลบุคลากร

ความคิดริเริ่มดังกล่าวตอกย้ำความมุ่งมั่นของ TDCX Thailand ในการเร่งการก้าวหน้าด้านอาชีพของผู้คน

ประเทศไทยมีความสำคัญในเครือข่ายศูนย์จัดส่งของ TDCX ในเอเชีย ยุโรป และละตินอเมริกา โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในขณะที่บริษัทจับตาดูประเทศ CLMV ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV)

TDCX Thailand ได้เห็นความต้องการบริการด้านประสบการณ์ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นซึ่งต้องการเจ้าของภาษาจากตลาดเหล่านั้น  ณ สิ้นปี 2021, TDCX Thailand เพิ่มจำนวนตัวแทนเป็นสองเท่าและมีรายได้เพิ่มขึ้น 32% จากปีที่แล้ว

Ms Angie Tay ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและรองประธานบริหาร สิงคโปร์ ไทย จีน และเกาหลี กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับการให้บริการลูกค้า เนื่องจากมีพนักงานที่มีทักษะและความสามารถมากมาย และเป็นประตูสู่ตลาด CLMV  ในขณะที่บริษัทจำนวนมากขึ้นมองหาโอกาสจาก CLMV และตลาดที่กำลังเติบโตของประเทศไทย เราคาดว่าความต้องการบริการของเราจะเพิ่มขึ้น  ความต้องการดังกล่าวคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากบริษัทเศรษฐกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีทรัพย์สินน้อย และต้องการการสนับสนุนจากพันธมิตร เช่น TDCX ที่สามารถมอบผลลัพธ์ประสบการณ์ลูกค้าที่มีคุณภาพและปรับขนาดได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองความต้องการในการขยายธุรกิจ

“เพื่อให้แน่ใจว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถตอบสนองความต้องการนี้ เรากำลังเพิ่มทักษะพนักงานในประเทศไทยในเชิงรุก เพื่อให้พวกเขาพร้อมที่จะทำงานที่ซับซ้อนเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น สิ่งนี้จะช่วยให้เราบรรลุวัตถุประสงค์สองประการ: เพื่อสนับสนุนลูกค้าของเราในการส่งมอบระดับความพึงพอใจของลูกค้าในระดับสูง และเพื่อให้พนักงานของเรามีอาชีพที่เติมเต็ม

หนึ่งในพนักงานของ TDCX ที่ได้รับประโยชน์จากโปรแกรมการฝึกอบรมก่อนหน้านี้คือ คุณอรณิชา ยมดี หัวหน้าทีมของทีมไทย เธอเข้าร่วมบริษัทในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิบัติการชุมชนเมื่อสองปีก่อน และปัจจุบันเป็นหัวหน้าทีม

“แม้ว่าฉันจะเพิ่งเข้าร่วม TDCX เมื่อสองปีที่แล้ว ฉันได้รับโอกาสให้มีบทบาทที่หลากหลายและได้เพิ่มพูนทักษะของฉันในทุกขั้นตอนของการทำงาน  ฉันได้รับการฝึกอบรมที่จำเป็นเพื่อมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จในบทบาทนี้

“เมื่อฉันได้รับประสบการณ์มากขึ้น ฉันได้ทราบว่ามีความแตกต่างระหว่าง 'ตัวแทนระดับสูง' ที่เชี่ยวชาญในการจัดการคำถามของลูกค้าและหัวหน้าทีม  นอกจากการมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์แล้ว ยังต้องสามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ สอนสมาชิกในทีม และแก้ปัญหาได้ด้วย การฝึกอบรมที่ฉันได้รับได้เปิดใจและแสดงให้ฉันเห็นว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานของฉัน  วันนี้ ฉันภูมิใจที่จะบอกว่าทักษะที่ฉันได้รับและการสนับสนุนจากผู้จัดการทำให้ฉันได้กลายเป็นหัวหน้าทีมแล้ว และฉันก็ตั้งตารอที่จะเป็นที่ปรึกษาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของฉันกับเพื่อนร่วมงาน”

เกี่ยวกับ TDCX Inc.

TDCX ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ ให้บริการโซลูชั่น CX ดิจิทัลเพื่อช่วยให้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกสามารถแสวงหาลูกค้าใหม่ สร้างความภักดีของลูกค้า และปกป้องชุมชนออนไลน์ของพวกเขา

TDCX ช่วยให้ลูกค้าบรรลุแรงบันดาลใจในการสร้างประสบการณ์ของลูกค้าโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ความฉลาดของมนุษย์ และเครือข่ายทั่วโลก  บริษัทให้บริการลูกค้าในด้านฟินเทค เกม เทคโนโลยี การแบ่งปันที่บ้านและการเดินทาง การโฆษณาดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย การสตรีมและอีคอมเมิร์ซ  ความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ TDCX ในเอเชียทำให้ TDCX เป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้สำหรับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทเศรษฐกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง โดยมองหาศักยภาพในการเติบโตของภูมิภาค

ความมุ่งมั่นของ TDCX ในการมอบผลลัพธ์เชิงบวกให้กับลูกค้าของเรานั้นขยายไปถึงบทบาทในฐานะพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ โครงการความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงชีวิตของประชาชน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมในเชิงบวก

TDCX มีพนักงานมากกว่า 15,000 คนในวิทยาเขต 26 แห่งทั่วโลก โดยเฉพาะสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย โรมาเนีย สเปน และโคลัมเบีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม www.tdcx.com:

1 ที่มา: The Future of Jobs Report, 2020, World Economic Forum. https://www3.weforum.org/docs/WEF_Future_of_Jobs_2020.pdf

2 ที่มา: The Future of work: From remote to hybrid, Capgemini. https://www.capgemini.com/wp-content/uploads/2020/12/Report-The-Future-of-Work.pdf

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news /home/20220605005112/th/

ติดต่อ:

สอบถามข้อมูล:
Eunice Seow, eunice.seow@tdcx.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hillstone Networks มอบความคล่องตัวทางไซเบอร์ให้กับลูกค้าผ่านผลิตภัณฑ์โซลูชันที่แข็งแกร่ง

Logo

Hillstone Networks เป็นผู้สนับสนุนงาน RSAC ที่ มอสคอน เซ็นเตอร์ ซานฟรานซิสโก วันที่ 7-9 มิถุนายน ินี้

ซานตาคลารา, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–08 มิถุนายน 2565

Hillstone Networks ผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่และสามารถเข้าถึงได้ ประกาศการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่ายทั่วโลก ซึ่งจะมอบความคล่องตัวทางไซเบอร์ ช่วยรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ที่สำคัญจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนหลากหลาย และป้องกันพื้นที่การโจมตีที่เพิ่มขึ้น

พนักงานและเวิร์กโหลดในปัจจุบันต้องการความยืดหยุ่น คุณภาพของการบริการ และเหนือสิ่งอื่นใดคือการป้องกัน โซลูชันการรักษาความปลอดภัยต้องมีความยืดหยุ่นอย่างเท่าเทียมกันและส่งมอบความสามารถในการแก้ไขและรับมือกับปัญหาทางไซเบอร์ระดับองค์กร โซลูชัน Hillstone Networks ได้พัฒนาจากแพลตฟอร์มการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไปเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพแข็งแกร่งที่มอบความคล่องตัวทางไซเบอร์ ตั้งแต่หน่วยประมวลผลที่ใกล้ต้นทางที่สุด (edge) ไปจนถึงระบบคลาวด์ ขั้นตอนทุกอย่างระหว่างทาง ไปจนถึงลูกค้ากว่า 23,000 ราย ทั่วโลก โดยโซลูชันนี้จะรวมอยู่ในรายงานประเมิน Magic Quadrant ของ Gartner สำหรับ Enterprise Firewalls เป็นเวลา 8 ปีติดต่อกัน

Hillstone จะนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายในโครงการต่าง ๆ ในงาน RSAC 2022 ในซานฟรานซิสโก ดังนี้

  • SD-WANHillstone Secure SD-WAN จะรักษาความปลอดภัยเครือข่ายไร้พรมแดนในปัจจุบันด้วยความสามารถในการมองเห็นและการบังคับใช้ที่ละเอียดไปยังการโต้ตอบทั้งหมดในทุกจุดเข้าใช้งานเครือข่าย พร้อมความสามารถในการเจาะลึกเพิ่มเติมในผู้ใช้ อุปกรณ์ และพฤติกรรมการเข้าใช้งาน
  • ZTNAโซลูชัน ZTNA ของ Hillstone จะรักษาความปลอดภัยการเข้าถึงระยะไกลสำหรับการทำงานจากทุกที่ในปัจจุบัน หรืออุตสาหกรรมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวดด้วยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยขอบเขตขอบที่กำลังพัฒนา การควบคุมการเข้าถึงแบบละเอียดจะช่วยบังคับการใช้สิทธิ์ได้อย่างแม่นยำจากทุกที่หากจำเป็น
  • MicrosegmentationHillstone CloudHive จะปกป้องแอปพลิเคชันแบบ cloud-native และ cloud-based ให้แก่ทีม dev/ops ที่พึ่งพาการพกพาแอปพลิเคชันและไมโครเซอร์วิส และผู้ให้บริการคลาวด์ที่การเช่าหลายรายการอาจมีความเสี่ยงโดยไม่มีการแบ่งกลุ่มหรือแยกการเข้าถึงเครือข่าย การสนับสนุนสำหรับทั้ง VMware และ OpenStack ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายข้ามแพลตฟอร์มบนระบบคลาวด์ได้
  • CWPPHillstone CloudArmour จะปกป้องแอปพลิเคชันระบบคลาวด์ที่ทำงานในสภาพแวดล้อมแบบสาธารณะหรือระบบคลาวด์หลายระบบ โดยผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมและกระบวนการ CI/CD และ DevOps ที่มีอยู่ พร้อมความสามารถในการมองเห็นแอปพลิเคชันแบบ full-stack ปกป้องโฮสต์ Bare Metal เครื่องจักรเสมือน คอนเทนเนอร์ และเวิร์กโหลดแบบไร้เซิร์ฟเวอร์
  • NDRHillstone sBDS จะนำเสนอการตรวจสอบเครือข่ายอย่างต่อเนื่องด้วยแพลตฟอร์มการตรวจจับและตอบโต้เครือข่ายที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งรวบรวมข้อมูลการรับส่งข้อมูลเครือข่าย ใช้การวิเคราะห์พฤติกรรมและ AI/ML และมอบข้อมูลเชิงลึกให้กับทีมรักษาความปลอดภัยจากมุมมองเดียว
  • XDRHillstone iSource จะรวบรวมกิจกรรมหลักทั้งหมด ซึ่งประกอบด้วย การตรวจจับภัยคุกคาม การสอบสวน การตอบโต้ และการค้นหาภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ในแพลตฟอร์มเดียว และรับการมองเห็นที่ครอบคลุมในข้อมูลภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากอุปกรณ์ปลายทาง แอปพลิเคชัน เครือข่าย และอุปกรณ์ความปลอดภัย รวมถึงอุปกรณ์ของบุคคลที่สาม

“Tim Liu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีและผู้ร่วมก่อตั้ง Hillstone Networks กล่าวว่า “ความคล่องตัวทางไซเบอร์คือความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานในการฝ่าฟันปัญหาจากการโจมตีได้อย่างทันท่วงทีและกลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว โครงสร้างพื้นฐานทางไซเบอร์ที่คล่องตัวจะเปลี่ยนการรักษาความปลอดภัยแบบดั้งเดิมซึ่งไม่ยืดหยุ่น คงที่ และใช้งานไม่ได้ ให้กลายเป็นแผนการรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยและคล่องตัว ซึ่งจะปรับเปลี่ยน เคลื่อนที่ และใช้งานได้จริง นี่คือวิสัยทัศน์ของ Hillstone และสะท้อนให้เห็นในโซลูชันที่เรานำเสนอสู่ตลาด”

"Will Townsend รองประธานและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ด้านนโยบายปฏิบัติด้านเครือข่ายและความปลอดภัย ของ Moor Insights & Strategy กล่าวว่า "สภาพแวดล้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วไปในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีการแยกส่วนอยู่แล้ว และนำเสนอความท้าทายที่ซับซ้อนในแง่ของความปลอดภัย ผมเชื่อว่า Hillstone Networks นำเสนอชุดโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ได้รับการปรับปรุงด้วย AI/ML ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้มีความสามารถในการมองเห็น ง่ายต่อการปรับใช้ และลดความซับซ้อนในการจัดการอย่างต่อเนื่องผ่านการบูรณาการเข้ากับกรอบการทำงาน SecOps ปัจจุบัน"

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชันนวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้าถึงได้ของ Hillstone Networks ได้เปลี่ยนรูปแบบการรักษาความปลอดภัยขององค์กร สร้างความคล่องตัวทางไซเบอร์พร้อมลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ ด้วยการมอบความสามารถในการมองเห็นอย่างครอบคลุม ความอัจฉริยะที่เหนือกว่า และการป้องกันที่รวดเร็วในตรวจดู ทำความเข้าใจ และดำเนินการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบหลายชั้นและหลายขั้นตอน Hillstone ได้รับการจัดอันดับอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความเชื่อถือจากบริษัทระดับโลก ศึกษาเพิ่มเติมที่ www.hillstonenet.com

ติดต่อ:

สื่อ 
Zeyao Hu 
+1 4085086750 
inquiry@hillstonenet.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ยอมรับความท้าด้านแฟชั่น: Step & Repeat กลับมาสู่ TikTok อีกครั้งกับพิธีกรชื่อดัง Zadrian Smith

Logo

Glamhive และ Mary Kay Global Design Studio ประกาศซีซั่นที่ 2 ของการแข่งขันแฟชั่นที่รวบรวมผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นจากทั่วโลก

ซีแอตเทิล และลอสแอนเจลิส–(บิสิเนสไวร์)–03 มิ.ย. 2022

ประกาศแก่นายและนางแบบทุกคน รันเวย์เสมือนจริงของคุณรออยู่!  Step & Repeat การแข่งขันด้านสไตล์และแฟชั่นครั้งแรกที่เปิดตัวบน TikTok กลับมาในซีซั่นที่สองในวันที่ 7 มิถุนายน  ปีที่แล้ว Glamhive และ Mary Kay Global Design Studio ได้เปิดตัวการประกวดแฟชั่นเรียลลิตี้ที่มีผู้ใช้หลายล้านคนทั่วโลก ตอนนี้ ความท้าทายแฟนชั่นสี่สัปดาห์กลับมาแล้วและสัญญาว่าจะเป็นมหกรรมแฟชั่นที่เราทุกคนรอคอย

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220602005868/en/

Zadrian Smith, Celebrity Stylist (Photo: Mary Kay Inc.)

Zadrian Smith, สไตลิสต์เซเลบ (ภาพ: Mary Kay Inc.)

สไตลิสต์เซเลบ Zadrian Smith (ลูกค้า ได้แก่Ariana DeBose, Naama Preis, Naomi Scott) เป็นเจ้าภาพ Step & Repeat กับกรรมการสามคนและผู้ทรงอิทธิพลในวงการ ได้แก่ สไตลิสต์คนดัง Tara Swennen (ลูกค้า ได้แก่ Kristen Stewart, Matthew McConaughey), สไตลิสต์คนดัง Nicole Chavez (ลูกค้า ได้แก่ Kristen Bell, Jessica Simpson) และช่างทำผมชื่อดัง Larry Sims (ลูกค้าได้แก่ Victoria Beckham, Queen Latifah)

ในแต่ละสัปดาห์ พิธีกร Zadrian Smith จะประกาศความท้าทายตามธีมสำหรับผู้ใช้ TikTok เพื่อแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่านตู้เสื้อผ้า การแต่งหน้า และทรงผม ผู้ตัดสินคนดังของรายการจะจับคู่กับลุคที่ดีที่สุดจากทั่วโลกและโหวตให้ผู้ชนะในแต่ละประเภท ขอให้ผู้เข้าร่วมใช้เสียงประจำรายการ “Step & Repeat” และแฮชแท็ก #stepandrepeat #glamhive และ #marykay เพื่อส่งวิดีโอเข้าสู่การแข่งขัน สำหรับแต่ละความท้าทายจะมีผู้ชนะสามคนซึ่งคัดเลือกโดยผู้ตัดสินซึ่งจะได้รับรางวัลเงินสดพร้อมการพบกันแบบตัวต่อตัวหนึ่งชั่วโมงกับที่ปรึกษาในอุตสาหกรรม

เมื่อสิ้นสุดสี่สัปดาห์ Step & Repeat จะประกาศผู้ชนะโดยรวมหนึ่งคนสำหรับแต่ละหมวดหมู่ มอบตู้เสื้อผ้า เครื่องสำอาง และทรงผมที่ดีที่สุดตามผลงานจากทั่วทุกมุมโลก  TikTok เป็นสถานที่สำหรับทุกคนที่มีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ในการแบ่งปันของขวัญของพวกเขาในระดับโลก  Step & Repeat เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้คุณได้เห็นและชื่นชม

Zadrian Smith, Celebrity Stylist (เจ้าภาพ)

“ในขณะที่อาชีพการงานของผมก้าวหน้าไปมากในฐานะ Global Fashion Director และนักข่าว ผมต้องการจัดลำดับความสำคัญของการทำงานเพื่อสร้างอุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีความเท่าเทียมมากขึ้น ซึ่งมันไม่ใช่งานง่ายหรือสบายเสมอไป แต่ทุกโอกาสที่ผมสามารถช่วยผู้อื่นที่สนใจในอุตสาหกรรมให้ได้ก้าวหน้าขึ้น – นั่นคือสิ่งที่ผมอยากมีส่วนร่วม”

Tara Swennen, สไตลิสต์เซเลบ (ผู้ตัดสิน)

“มีผู้คนมากมายที่มีพรสวรรค์ในการสร้างสรรค์ที่น่าทึ่ง และ Step & Repeat ทำให้พวกเขาสามารถเปล่งประกาย ฉันตื่นเต้นมากที่ได้เห็นรูปลักษณ์ที่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกที่จะเปิดตัวบนรันเวย์โซเชียลมีเดียของเรา!”

Nicole Chavez สไตลิสต์คนดัง (ผู้ตัดสิน)

“ซีซั่นหนึ่งของ 'Step & Repeat' เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันจริงๆ ฉันรู้สึกตื่นเต้นทุกสัปดาห์ที่จะได้เห็นสิ่งที่ผู้เข้าแข่งขันสร้างและทึ่งไปกับความสามารถที่หลากหลาย ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นผลลัพธ์ของการท้าทายของเราในซีซั่นที่สอง!”

Larry Sims ช่างทำผมชื่อดัง (ผู้ตัดสิน)

“ต้องใช้ความกล้าหาญ ความมั่นใจ และความคิดสร้างสรรค์เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่าคุณเป็นศิลปินที่น่าทึ่ง  ผมตื่นเต้นที่จะได้เห็นผู้เข้าแข่งขันเหล่านี้!”

Stephanie Sprangers ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Glamhive

“วิสัยทัศน์ของเราสำหรับ 'Step & Repeat' คือการสร้างการแข่งขันในรูปแบบที่รวดเร็วซึ่งครอบคลุมถึงความคิดสร้างสรรค์ การรวมกลุ่ม การเชื่อมต่อ และการยอมรับ และ Season One ได้รับการยอมรับที่หน้าทึ่ง  ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่สุดยอดแห่งวงการมารวมตัวกันเพื่อต้อนรับและสนับสนุนผู้มีความสามารถด้านสไตล์จากทั่วโลก เราตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในซีซันที่สอง”

ที่ปรึกษา Step & Repeat:

  • Claire Sulmers, CEO และผู้ก่อตั้ง Fashion Bomb Daily
  • Adam Drawas, เจ้าของ, Walker Drawas PR
  • Quentin Thrash, นักออกแบบสั่งตัดและช่างตัดผมชื่อดัง
  • Brian Underwood, ผู้อำนวยการด้านแฟชั่น, Women's Health
  • Mandi Line, ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย (The Bold Type, Pretty Little Liars, Shameless)
  • Pandora Amoratis ผู้อำนวยการด้านสไตล์ US Daily Mail
  • Sheridan Ward ช่างทำผมชื่อดัง
  • Shatora Adrell นักออกแบบแฟชั่นและ Stylist
  • Carrie Colbert ผู้ก่อตั้งและหุ้นส่วนทั่วไป Curate Capital
  • Quinn Murphy ช่างแต่งหน้าผู้มีชื่อเสียง
  • Alexis Bennett บรรณาธิการ Vogue
  • Gilda Koral ฟลอร่า ผู้ก่อตั้ง Koral Communications
  • Christian Wood ช่างทำผมผู้มีชื่อเสียง

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.glamhive.com/tiktok

เกี่ยวกับ Glamhive: Glamhive ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ประกอบการ Stephanie Sprangers ในปี 2560 โดยมีวิสัยทัศน์ในการให้ผู้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงสไตล์ และเชื่อว่า ความมั่นใจที่มาพร้อมกับความเย้ายวนใจไม่ควรมีเฉพาะคนรวยและคนดังเท่านั้น ประสบการณ์การจัดแต่งทรงผมออนไลน์ช่วยให้ทุกคนที่มีการเชื่อมต่อ WiFi สามารถเข้าถึงสไตลิสต์ที่จะให้การสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อให้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตนเอง  สำหรับสไตลิสต์ แพลตฟอร์มนี้เป็นแพลตฟอร์มแบบ end-to-end ที่ไร้รอยต่อเพื่อช่วยให้พวกเขาขยายเครือข่ายและธุรกิจของพวกเขาได้แบบเสมือนจริง 100%

เกี่ยวกับ Mary Kay

หนึ่งในผู้บุกเบิกฝ้าเพดานแก้วดั้งเดิม Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามในฝันของเธอในปี 1963 โดยมีเป้าหมายเดียว: การทำให้ชีวิตของผู้หญิงสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ความฝันนั้นได้เบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่มีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอมที่ทันสมัย Mary Kay เชื่อในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการทารุณกรรมในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็กๆ ทำตามความฝัน เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบเราบน Facebook, Instagram และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220602005868/en/

ติดต่อ:

Stephanie Sprangers
CEO, Glamhive
stephanie@glamhive.com 
+1.206.851.0446

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

















Mary Kay Inc. ค้นหาความหวังผ่านแนวปะการังสายพันธุ์อึด Super Reefs ในภารกิจกอบกู้มหาสมุทร

Logo

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)–2 มิถุนายน 2565

มากกว่าร้อยละ 25 ของสัตว์ทะเลทุกสายพันธุ์ได้รับการเกื้อหนุนจากแนวปะการัง โดยพวกมันเอื้ออำนวยชีวิตและความเป็นอยู่ให้ผู้คนทั่วโลก แต่อนาคตของพวกมันนั้นยังไม่แน่นอน Mary Kay ผู้สนับสนุนด้านความยั่งยืนระดับโลก เฉลิมฉลองวันแนวปะการังโลก หรือ World Reef Day โดยสนับสนุนช่วยเหลืองโครงการริเริ่มในการปกป้องและฟื้นฟูแนวปะการัง ซึ่งรวมถึงโครงการ Super Reefs ของ Nature Conservancy

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220601005317/en/

logo of Mary Kay

โลโก้ Mary Kay

แนวปะการังเป็นโครงสร้างที่สวยงามและมีส่วนทำให้มหาสมุทรไม่มีอะไรที่เปรียบได้ พวกมันไม่เพียงแค่เป็นแหล่งอาหารและแหล่งที่อยู่อาศัยสำหรับสัตว์ทะเลหลายสายพันธุ์เท่านั้น แต่ยังเป็นป้อมปราการที่มีชีวิตซึ่งปกป้องแนวชายฝั่งของเราจากคลื่นทะเลและพลังงานคลื่น แนวปะการังที่มีสุขภาพดีสามารถลดพลังงานคลื่นได้ถึง 97% ดังนั้นพวกมันจึงทำหน้าที่เป็นเขื่อนกันคลื่นที่มีชีวิต ปกป้องชายฝั่งหลายหมื่นกิโลเมตรจากน้ำท่วมตามฤดูกาลและการกัดเซาะ

แม้ว่าจะมีความสำคัญต่อระบบนิเวศของเรา แต่แนวปะการังก็เสื่อมโทรมลงเนื่องจากมลภาวะ การทำประมงแบบทำลายล้าง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิของมหาสมุทรที่เพิ่มสูงขึ้นคุกคามการอาศัยของพวกมันและทำให้การสูญพันธุ์เป็นไปได้อย่างแท้จริง

“หน้าต่างแห่งโอกาสในการกอบกู้แนวปะการังของโลกกำลังจะปิดตัวลง” Dr. Lizzie Mcleod, Global Reef Systems Lead ของ The Nature Conservancy กล่าว “เราต้องลงมือทำทันทีเพื่อรักษาแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญเหล่านี้”

และความหวังอยู่ที่นี่แล้ว แนวปะการัง Super Reefs มีความยืดหยุ่นและสามารถอยู่รอดได้ในน่านน้ำทะเลที่อุ่นกว่าเนื่องจากมีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิที่สูงขึ้น แนวปะการังที่ยืดหยุ่นเหล่านี้บางส่วนยังอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับการปกป้องจากความร้อนตามธรรมชาติ ศักยภาพในการอยู่รอดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดความหวังสำหรับอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ซึ่งน่านน้ำเขตร้อนเต็มไปด้วยปะการังที่สร้างแนวปะการังอย่างน้อย 500 สายพันธุ์ ทีมงาน Super Reef ของ Nature Conservancy ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และการอนุรักษ์มหาสมุทร เพื่อสร้างเครือข่ายแนวปะการัง super reefs ทั่วโลกผ่านพันธุวิศวกรรม การฟื้นฟูแนวปะการัง และการทำฟาร์มปะการัง

เราสามารถช่วยแนวปะการังให้มีชีวิตอยู่ได้ แต่ต้องมีการลงมือทำอย่างจริงจังเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันจะอยู่รอด ขั้นตอนแรกคือการระบุชื่อและการปกป้องแนวปะการัง Super Reefs และเมื่อได้รับการปกป้องแล้ว พวกมันก็สามารถผสมพันธุ์ตัวอ่อนที่แข็งแรงและสร้างปะการังที่ยืดหยุ่นรุ่นใหม่ได้ ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องและการสนับสนุนช่วยเหลือจาก Mary Kay เรายังคงมีโอกาสสำหรับแนวปะการังนี้

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220601005317/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย





ICCPP ODM+ เปิดตัวโซลูชันขดลวดเซรามิกแบบใช้แล้วทิ้งและใช้งานหลายประเภท ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์การวิจัยและพัฒนาดิจิทัล

Logo

เบอร์มิงแฮม, อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2565

ICCPP เปิดตัวโซลูชันขดลวดเซรามิกเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบด้วย ขดลวดเซรามิกแบบใช้แล้วทิ้งที่งาน Vaper Expo UK ในเบอร์มิงแฮมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านกลยุทธ์ "Digital Transformation" หรือการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220528005017/en/

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

เป็นครั้งแรกที่ ICCPP ร่วมจัดแสดงสินค้าเป็นกลุ่มและนำเสนอโซลูชันแบรนด์ ODM+ และโซลูชันขดลวดเซรามิกเต็มรูปแบบ ขดลวดเซรามิกของ ICCPP จะถูกผสานเข้ากับธุรกิจ ODM+ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่มากขึ้นในอุตสาหกรรมผ่านการนำเทคโนโลยี Gene Tree มาใช้งาน ขดลวดเซรามิก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ ICCPP ตั้งแต่การเปิดตัวกลยุทธ์ดิจิทัลร่วมกับ SAP และ PwC จะกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ กับ โซลูชันขดลวดเซรามิกสำหรับใช้แล้วทิ้งและใช้งานได้ในหลายหมวดหมู่

ในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า เทคโนโลยีขดลวดเซรามิกเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัท ICCPP เริ่มมีส่วนร่วมในเทคโนโลยีขดลวดเซรามิกในปี 2562 โดยจัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนาที่นำโดยผู้มีความสามารถจากโครงการชื่อว่า "Peacock Program" โดยมุ่งหวังที่จะประสบผลสำเร็จในระดับอุตสาหกรรมชั้นนำด้วยขดลวดเซรามิกรุ่นที่ 3 หรือ 4 และแซงหน้าคู่แข่งด้วยรุ่นที่ 5 หรือรุ่นที่ 6

ICCPP มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการทำให้เกิดละออง โดยนำประสบการณ์การสูบที่เป็นธรรมชาติและพึงพอใจมาสู่ลูกค้าด้วยวัสดุนาโนคริสตัลไลน์ (NC) และนวัตกรรมทางเทคนิค เทคโนโลยีการทำให้เกิดละอองเซรามิกด้วยวัสดุนาโนคริสตัลไลน์ของ ICCPP มีการปรับรูปแบบข้อมูลของขดลวดให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาของทีมเพื่อแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมขดลวดสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งแต่ฟิล์มหนาไปจนถึงฟิล์มบาง จากการให้ความร้อนด้วยลวดและการให้ความร้อนที่พื้นผิว ไปจนถึงการให้ความร้อนผ่านของแข็ง เทคโนโลยีฟิล์มบางของ Gene Tree ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่มีข้อดีทางเทคนิค 5 ประการ ได้แก่ ปราศจากผง ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น การแยกเป็นละอองละเอียดยิ่งขึ้น อายุการใช้งานยาวนานขึ้น และรสชาติดีขึ้น

จากความพยายามอย่างต่อเนื่องของทีมวิจัยและพัฒนา ICCPP จึงเปิดตัวเทคโนโลยีฟิล์ม Gene Tree รุ่นใหม่ และมีการขออนุญาตใช้งานผลิตภัณฑ์ ซึ่งเมื่อเทียบกับขดลวดเซรามิกรุ่นที่ 3 ขดลวดรุ่นใหม่นี้ได้ปรับปรุงรสชาติ เพิ่มอายุการใช้งานของขดลวด และเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การสูบที่เป็นธรรมชาติและน่าพึงพอใจ

ICCPP จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แบบใช้แล้วทิ้งซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีเซรามิกของ Gene Tree และคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น รสชาติที่ติดทนนาน สูบได้นานมากขึ้น รสชาติที่ดีขึ้น และความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น โดยจะปฏิวัติประสบการณ์การใช้งาน กระตุ้นการปฏิวัติในอุตสาหกรรม และทำให้กลายเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม

"นวัตกรรมดิจิทัล + เทคโนโลยี" เพื่อให้บริการโซลูชันดิจิทัล ODM +

ข้อดีหลัก ๆ ของ ICCPP ในระดับเทคนิคมาจากการลงทุนมหาศาลในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ICCPP ได้ประกาศเปิดตัวโครงการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจ หรือ "Digital Transformation Project" อย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ในเซินเจิ้น กลายเป็นบริษัทรายใหญ่รายแรกของโลกในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าที่ร่วมมือกับ SAP และ PwC ความพยายามนี้ชี้ให้เห็นว่า ICCPP จะนำพาอุตสาหกรรมไปสู่ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

กลยุทธ์ดิจิทัลหมายถึงนวัตกรรมด้านดิจิทัลทั้งหมดของบริษัทที่ผสานรวมกับการวิจัยและพัฒนา การผลิต การส่งออก การตลาดในต่างประเทศ ฯลฯ ในอนาคต ICCPP จะสร้าง "ระบบควบคุมวงปิดแบบดิจิทัล" ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลแบบใหม่ผ่านการสร้างสรรค์งานวิจัยและพัฒนาด้านดิจิทัล การผลิตแบบดิจิทัล การตลาดแบบดิจิทัล และประสบการณ์การสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคผ่านทางดิจิทัล โหมด "นวัตกรรมดิจิทัล + เทคโนโลยี" จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของ ICCPP ซึ่งประกอบด้วย การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + ชิป, การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + กลิ่น และการเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + การผลิตอัจฉริยะ "บริษัทจะขับเคลื่อนการพัฒนาผ่านระบบดิจิทัล และสร้างมูลค่าใหม่ผ่านระบบดิจิทัล" ผ่านการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบดิจิทัล โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะนำคุณูปการที่มากขึ้นมาสู่อุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั่วโลก

เพื่อพัฒนาขดลวดเซรามิก ICCPP ได้จำลองเอฟเฟกต์การทำให้เกิดละอองอย่างรวดเร็วโดยการตั้งค่าแบบจำลองข้อมูลและการป้อนพารามิเตอร์ เช่น อินเทอร์เฟสและขนาด เพื่อค้นหาการกำหนดค่าที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่ต้องมีการผลิตตัวอย่างสินค้า ซึ่งจะช่วยเร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการส่งมอบ ปัจจุบัน ICCPP มีแผนระยะยาวสำหรับผลิตภัณฑ์ขดลวดเซรามิกแบบรีฟิลและแบบใช้แล้วทิ้ง และได้บรรลุความตั้งใจในการร่วมมือกับลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศอย่างน้อย 5 รายแล้ว

พันธกิจของบริษัทที่กำลังดำเนินการอยู่คือการส่งเสริมลูกค้าทั่วโลกด้วยนวัตกรรมทางเทคนิค

ICCPP ทราบดีว่าลูกค้าในยุคนี้ไม่ต้องการ ODM แบบเดิม ๆ อีกต่อไป แต่ต้องใช้แบรนด์ ODM+ ดังนั้น บริษัทจึงได้ริเริ่มความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ใหม่ที่มีการผสมผสานประเด็นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ได้แก่ ตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ ข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขาย เพื่อเป็นแนวทางให้ลูกค้าเปิดรับการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในยุคใหม่

ประการแรก ICCPP สัญญาว่าจะให้บริการลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และมอบเทคโนโลยีที่เหมือนกันหรือดีกว่าให้กับลูกค้าภายใต้แบรนด์ของ ICCPP ประการที่สอง ICCPP จะแบ่งปันเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งหมดให้กับห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ซึ่งได้แก่ ห้องแล็บและสถาบัน โรงงานระบบอัตโนมัติ ข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้ในต่างประเทศ และบริการการตลาดทั่วโลก ความเชื่อมั่นของ ICCPP มาจากประสบการณ์ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย และความสามารถในการให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้า ICCPP มุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มระดับโลก 2 แพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้า ได้แก่ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้าที่คล้ายกับ Android ซึ่งเปิดให้เข้าถึงอย่างกว้างขวาง และแพลตฟอร์มโลกาภิวัตน์จากประสบการณ์ในต่างประเทศหลายปี

ในฐานะที่เป็นหมวดหมู่ด้านกลยุทธ์แรกหลังการอัปเกรดเป็นระบบดิจิทัล โซลูชันขดลวดเซรามิกสามารถปรับให้เข้ากับกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้ โดยถูกออกแบบให้สร้างหมวดหมู่ใหม่สำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน และนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โครงสร้างตลาดผ่านการใช้งานเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม ในอีกด้านหนึ่ง ธุรกิจ ICCPP ODM+ จะได้รับการอัปเกรดแบบดิจิทัลและอัปเกรดประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการทั้งหมดที่ผสานรวมกับการสำรวจตลาด การวิจัยและพัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์ การสั่งซื้อ การส่งมอบ และบริการหลังการขาย ในทางกลับกัน แพลตฟอร์มนี้จะสร้างความร่วมมือเชิงลึกกับลูกค้าทั่วโลกในการแก้ปัญหาขดลวดเซรามิก กระทั่งตอนนี้ ICCPP ได้บรรลุถึงความตั้งใจที่จะร่วมมือในเทคโนโลยีขดลวดเซรามิกนี้กับลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศจำนวนมาก ICCPP คาดว่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับลูกค้าทั่วโลกและปรับโครงสร้างการตลาดในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220528005017/en/

ติดต่อ:

สื่อมวลชนสัมพันธ์: Tingkai Xu, ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์
มือถือ: 15957944779
อีเมล: kai@voopootech.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Liminal ระดมทุนรอบต้น หรือ Seed Round ได้ที่ 4.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดย Elevation Capital

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–1 มิ.ย. 2565

โครงสร้างพื้นฐานการดำเนินงานกระเป๋าสตางค์ที่รักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยวิธีที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ได้ระดมทุน 4.7 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนเริ่มต้น seed funding ซึ่งนำโดย Elevation Capital โดยในรอบนี้ยังมีส่วนร่วมจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงเช่น LD Capital, Woodstock, Nexus Ventures และการลงทุนด้านคริปโต จากเช่น CoinDCX, Hashed, Cadenza Ventures, Vauld, Better Capital และ Sparrow Capital นอกจากนี้ยังมีการลงทุนจากนักลงทุนอิสระที่มาลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ angel investor อาทิเช่น Andreas Antonopoulos, Balaji Srinivasan, Sandeep Nailwal, Jaynti Kanani, Ajeet Khurana เป็นต้น

Liminal เป็นสถาปัตยกรรมกระเป๋าเงินตัวแรกที่ใช้ MPC และ MultiSig เพื่อรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัลในบล็อกเชนต่าง ๆ ซึ่งแพลตฟอร์ม Plug-and-play นี้ ให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยขจัดการดำเนินการแบบแมนวลลงไปร้อยละ 90 พร้อมทั้งประหยัดเวลาในการเติมแบบแมนวล การดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยเป็นความท้าทายหลักที่เหล่าธุรกิจและนักลงทุนสถาบันต้องเผชิญ และบริษัทอย่าง Liminal จะมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลและ Web3 ไปใช้ในวงกว้าง

บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2564 โดย Mahin Gupta เป็นผู้ประกอบการรายแรก ๆ ที่สร้าง BuySellBitco.in บริษัทบล็อกเชนแห่งแรกของอินเดีย ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาได้ร่วมก่อตั้ง ZebPay ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทแลกเปลี่ยน crypto ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย  เขาได้เริ่มต้นการเดินทางกับ Liminal เพื่อลดความซับซ้อนและทำให้การดำเนินการกระเป๋าเงินเป็นอัตโนมัติ และการดูแลทรัพย์สินดิจิทัลด้วยตนเองสำหรับธุรกิจและนักลงทุนสถาบัน

ในหนึ่งปีของการดำเนินงาน Liminal ได้ประมวลผลธุรกรรมมูลค่ากว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ ธุรกรรมอัตโนมัติมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ และมีทรัพย์สินประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ภายใต้การคุ้มครอง จุดประสงค์หลักของ Liminal คือการให้การรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์และความสะดวกในการทำธุรกรรม โซลูชันกระเป๋าเงินอัตโนมัติของ Liminal ช่วยให้การดำเนินการธุรกิจคริปโต SMEs และสตาร์ทอัพ Web3 ซึ่งจัดการเวิร์กโฟลว์ผ่านโปรโตคอลบล็อกเชนต่าง ๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาที่สำคัญ ๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้บริการต่าง ๆ แก่ลูกค้า เช่น การแลกเปลี่ยน ผู้รับฝากทรัพย์สิน ธนาคาร โต๊ะซื้อขาย และกองทุนป้องกันความเสี่ยง เพื่อช่วยให้พวกเขาปรับขนาดการดำเนินงานสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย

ความกังวลหลักเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัลคือการรักษาความปลอดภัยของคีย์ในขณะที่ปฏิบัติตามการปฏิบัติตาม หากคีย์ถูกใส่ผิด หรือสูญหายไป อาจหมายถึงการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือธุรกิจ นี่คือเหตุผลที่การดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่ามหาศาล เมื่อนักลงทุนมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของคีย์ของพวกเขา ก็จะหมายความว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นได้รับความไว้วางใจในสกุลเงินดิจิตอลและแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การค้าผ่าน Web3, DeFi เป็นต้น Liminal Key ทำประกันกับบริษัทประกันระดับโลกที่น่าเชื่อถือที่สุดรายหนึ่งทำให้เป็นบริษัทที่พร้อมสำหรับอนาคต

บริษัทมี ZebPay, DIFX และ Flitpay เป็นลูกค้า และขณะนี้บริษัทกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก และ ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือโดยการหาทางเป็นหนึ่งในพื้นที่เหล่านี้เพื่อดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานกระเป๋าเงินอัตโนมัติ ทีมงานของ Liminal มีประสบการณ์มากกว่าสิบปีในการดำเนินการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล และเข้าใจถึงความยากลำบากของธุรกิจที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานของกระเป๋าสตางค์

“เราจะใช้เงินทุนเพื่อลงทุนในการจ้างงานและพัฒนาผลิตภัณฑ์” Gupta กล่าว “ด้วย Liminal เราแก้ปัญหาที่แท้จริงในการรักษาความปลอดภัยและการปรับขนาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งผู้ใช้ต้องใช้กระเป๋าเงินและโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกันสำหรับโปรโตคอลที่แตกต่างกัน เลเยอร์สามชั้นของเรามาพร้อมกับการจัดการคีย์ ระบบอัตโนมัติในการปฏิบัติงาน และการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับองค์กร” เขากล่าวเสริม Gupta ได้รับคำแนะนำจาก Andreas Antonopoulos ผู้นำทางความคิดชั้นนำ ซึ่งคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ได้ช่วยกำหนดทิศทางของธุรกิจให้กับ Liminal “ทีมงานที่ Liminal มีประวัติที่น่าประทับใจและมีประสบการณ์ในการดูแล การจัดการคีย์ และความปลอดภัยในโลกแห่งความเป็นจริง เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาใส่ใจในการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้อง” Antonopoulos กล่าว

Vaas Bhaskar หัวหน้าใหญ่ของ Elevation Capital กล่าวว่า “การนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้อย่างรวดเร็วจะได้รับแรงผลักดันมาจากธุรกิจคริปโตและสถาบันคริปโตยุคใหม่หลายแห่ง ธุรกิจเหล่านี้มีความต้องการโซลูชันการดูแลแบบพลักแอนด์เพลย์ซึ่งสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความต้องการเฉพาะของพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรวมถึงด้านความปลอดภัย ความพร้อมด้านกฎระเบียบ และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เราประทับใจมากกับความใส่ใจลูกค้าและความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ของ Mahin และทีมงานของเขา เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Liminal ในการเดินทางครั้งนี้”

"ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ที่สร้างกระแสในด้าน Web3 มาในอดีต Liminal กำลังนำความปลอดภัยและความสะดวกสบายมาสู่การดูแลด้วยตนเองของบุคคลและสถาบันด้วยโซลูชันการดูแลทรัพย์สินดิจิทัล เรายินดีที่จะสนับสนุนพวกเขาในการก้าวไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวแห่งการมีชื่อเสียงโดดเด่นที่สุดในภาคส่วนการรักษาความปลอดภัยและการดูแล” Himanshu Yadav หุ้นส่วนผู้ก่อตั้งของ Woodstock กล่าว

Balaji Srinivas กล่าวเสริมว่า "อย่างที่พวกเขาพูดว่า 'หากไม่ใช่คีย์คุณเองก็ไม่ใช่คริปโตของคุณ' Liminal กำลังกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการถือคริปโตของคุณ"

เกี่ยวกับ Liminal

Liminal เป็นแพลตฟอร์มระดับองค์กรที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล Liminal ช่วยให้บริษัทคริปโตสามารถปรับขนาดการดำเนินงานสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยผ่านโครงสร้างพื้นฐานกระเป๋าเงินแบบ Plug-and-play อัตโนมัติ แนวทางการให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยเป็นอันดับแรกของ Liminal ช่วยให้โครงการสามารถกำหนดนโยบายที่กำหนดเองและกำหนดบทบาทให้กับผู้ใช้ตามความรับผิดชอบของพวกเขา กรอบการทำงานที่เป็นเลิศในการดำเนินงานของ Liminal มอบการจัดการค่าธรรมเนียมที่มีประสิทธิภาพ การรับประกันการยืนยันด้านธุรกรรม การออนบอร์ดที่ราบรื่น และการดำเนินการอื่น ๆ ของกระเป๋าเงิน อินเทอร์เฟซแบบรวมของเราช่วยให้มั่นใจถึงประสบการณ์การจัดการกระเป๋าเงินเดียวกันสำหรับบล็อคเชนหลายอัน

เกี่ยวกับ Elevation Capital

Elevation Capital เป็นบริษัทร่วมทุนชั้นนำที่ให้บริการเงินทุนขั้นต้นและระยะเริ่มต้นสำหรับบริษัทเกิดใหม่ในอินเดีย Elevation Capital ลงทุนในอินเดียมาตั้งแต่ปี 2545 โดยใช้เงินทุนเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ในกว่า 150 บริษัท บริษัทประกาศทุนที่รวมได้ครั้งที่แปดที่มูลค่า 670 ล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 บริษัทนี้นำโดยผู้ร่วมจัดการ Ravi Adusumalli และ Mukul Arora พร้อมด้วยกรรมการผู้จัดการสามคน Mridul Arora, Deepak Gaur และ Mayank Khanduja บริษัทได้ลงทุนในบริษัทมากกว่า 150 แห่งทั่ว Consumer Internet, SaaS, Fintech, Consumer Brands, Edtech, Healthtech และ Web3/Crypto และมีสำนักงานในเบงกาลูรู คุร์เคาน์ และซอลต์เลกซิตี้

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220531006014/en/

ติดต่อ:

Olivia Troisi

Wachsman

อีเมล: liminal@wachsman.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Finema ร่วมมือกับ iProov เพื่อยกระดับความสามารถในการตรวจจับใบหน้าให้กับโซลูชันการระบุตัวตน

Logo

ลอนดอนและกรุงเทพฯ–(บิสิเนสไวร์)–31 พฤษภาคม 2565

iProov ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการตรวจสอบใบหน้าด้วยไบโอเมตริกซ์ประกาศว่า Finema ได้เลือกเทคโนโลยี Liveness Assurance™ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ขององค์กร (Enterprise Decentralized Identity Platform)

Finema นำเสนอเทคโนโลยี ID ยุคใหมสำหรับองค์กรและหน่วยงานภาครัฐที่สามารถทำงานร่วมกันได้ง่าย และยังสามารถรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการระบุตัวตนที่มีอยู่ ทำให้สามารถนำไปใช้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้เปรียบทางการแข่งขัน

Liveness Assurance ของ iProov ช่วยให้ Finema สามารถยืนยันได้อย่างปลอดภัยว่าผู้ใช้ออนไลน์คือบุคคลที่ถูกต้อง (ไม่ใช่ผู้แอบอ้าง) และบุคคลจริง (ไม่ใช่ภาพถ่ายหรือหน้ากาก)  ในการทำเช่นนั้น Finema สามารถปกป้องตัวเองและผู้ใช้โดยป้องกันข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมยหรือข้อมูลปลอมที่ใช้สำหรับการฉ้อโกงบัญชี

“Finema กำลังก้าวหน้าครั้งใหญ่ในด้านข้อมูลประจำตัวที่ตรวจสอบได้ ซึ่งส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้กับการฉ้อโกงทางออนไลน์และอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต” Andrew Bud ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ iProov กล่าว “เพื่อช่วยต่อต้านการปลอมแปลงและขโมยข้อมูลระบุตัวตนออนไลน์ เราต้องหยุดการกระทำก่อนที่จะเริ่มในขั้นตอนการลงทะเบียนบัญชี เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเทคโนโลยีที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ iProov มาใช้กับความพยายามของ Finema ในการพิสูจน์ตัวตนของผู้บริโภค”

แพลตฟอร์มที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางและมีความปลอดภัยสูงของ Finema ได้รวบรวมหลักการ Self-Sovereign Identity (SSI) ไว้ด้วยกัน เพื่อมอบโซลูชันที่เหนือกว่าสำหรับการจัดการข้อมูลประจำตัวและการเข้าถึง ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์แบบไม่มีรหัสผ่าน การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย ลายเซ็นดิจิทัล การยินยอมดิจิทัล บัตรประจำตัวดิจิทัล และข้อมูลประจำตัว

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะปรับปรุงชุดผลิตภัณฑ์การระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ด้วยเทคโนโลยี Liveness Assurance ที่ล้ำสมัยของ iProov” ปกรณ์ ลี้สกุล ซีอีโอของ Finema กล่าว “เนื่องจากการปลอมแปลงข้อมูลประจำตัวทำให้เกิดการขาดทุนเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐทุกปี จึงจำเป็นต้องสร้างพันธมิตรและลงทุนในเทคโนโลยียืนยันตัวตนที่ดีที่สุดเพื่อจัดการกับปัญหาที่ต้นทาง”

เกี่ยวกับ Finema

โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2560 Finema เป็นบริษัทด้านข้อมูลประจำตัวดิจิทัลแบบกระจายศูนย์แห่งแรกในประเทศไทย  บริษัทมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงโลกโดยใช้เทคโนโลยีการระบุตัวตนดิจิทัลแบบกระจายศูนย์  Finema ช่วยองค์กรและหน่วยงานของรัฐในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลประจำตัวดิจิทัลโดยการจัดหาโซลูชันการระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ที่ประกอบด้วยบล็อคเชน แมปข้อมูลประจำตัว กระเป๋าเงิน e-ID และแพลตฟอร์มพิสูจน์ตัวตน บริษัทเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาเอกลักษณ์ดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://finema.co หรือติดตามเราที่ LinkedIn หรือ Twitter

เกี่ยวกับ iProov

โดยเปิดตัวในปี 2556 iProov เป็นผู้นำระดับโลกด้านการตรวจสอบใบหน้าแบบไบโอเมตริกซ์ออนไลน์ โดยทำงานร่วมกับรัฐบาล ธนาคาร และองค์กรอื่นๆ เพื่อยืนยันตัวตนของลูกค้าอย่างปลอดภัย  โปรแกรมของเราใช้สำหรับการลงทะเบียนและรับรองความถูกต้องอย่างง่ายดาย  ลูกค้าของเรารวมได้แก่ U.S. Department of Homeland Security, the UK Home Office, the UK National Health Service (NHS), the Australian Taxation Office, GovTech Singapore, Rabobank, ING, และอื่นๆ เทคโนโลยีของ iProov ได้แก่ Liveness Assurance™ และ Genuine Presence Assurance® ซึ่งใช้ยืนยันว่าลูกค้าออนไลน์คือบุคคลที่เหมาะสม บุคคลจริง และเป็นผู้กำลังตรวจสอบสิทธิ์อยู่ในขณะนี้ สิ่งนี้ป้องกันการโจมตีจากการปลอมแปลงภาพถ่าย วิดีโอ มาสก์ และการโจมตีดิจิทัล และภัยคุกคามจาก Deepfakes ที่อุบัติขึ้น  iProov ได้รับการยอมรับว่าเป็น Gartner Cool Vendor 2020 ในการจัดการการเข้าถึงข้อมูลประจำตัวและการตรวจจับการฉ้อโกง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู ที่ www.iproov.com หรือติดตามเราบน LinkedIn หรือ Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220531005311/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Rob Tacey
rob.tacey@iproov.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

จุงหวา เทเลคอม ร่วมกับ โรงพยาบาลธนบุรี สร้างบทบาทใหม่ของการบริการ “โรงพยาบาลอัจฉริยะ” ในประเทศไทย

Logo

ไทเป ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2565

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 จุงหวา เทเลคอม หรือ Chunghwa Telecom Co., Ltd. (CHT) และโรงพยาบาลธนบุรี (TH) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วย “โรงพยาบาลอัจฉริยะ” เมื่อพิจารณาถึงกลยุทธ์ “ศูนย์กลางการแพทย์แห่งเอเชีย หรือ Medical Hub of Asia” ของรัฐบาลไทยในปี 2547 และเป้าหมายในการเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพระดับนานาชาติ โดยทั้งสองฝ่าย CHT และ TH จะดำเนินการความร่วมมือการสร้างหอผู้ป่วยอัจฉริยะ POC ต่อไปและบรรลุก้าวใหม่ของแอปพลิเคชันโรงพยาบาลอัจฉริยะในประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220531005438/en/

Hsueh-Lan Wu, President of Chunghwa Telecom International Business Group and Chairman of Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd, and Dr. Siripong Luengvarinkul, Chief Executive Officer of Thonburi Hospital. (Photo: Business Wire)

Hsueh-Lan Wu ประธานคณะกรรมการบริหารของ Chunghwa Telecom International Business Group และประธานคณะกรรมการบริษัท Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd และ นพ. ศิริพงศ์ เหลืองวารินกุล กรรมการบริหารของโรงพยาบาลธนบุรี (ภาพ: Business Wire)

โรงพยาบาลธนบุรีเป็นโรงพยาบาลในเครือ ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ในประเทศไทย ที่ยังคงยกระดับและขยายอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความมุ่งมั่นอย่างเป็นเลิศในทุกด้านด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์มากกว่า 350 คน โดยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุด และวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในความการุณย์และการดูแลเอาใจใส่

โดยร่วมกับพันธมิตรที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพรวมถึง imedtac จากไต้หวันและ MD Healthcare จากประเทศไทย ทั้งนี้ Chunghwa Telecom ได้แนะนำโซลูชันหอผู้ป่วยอัจฉริยะให้แก่โรงพยาบาลธนบุรีรวมถึงเคาน์เตอร์พยาบาลอัจฉริยะ เครื่องมือวัดสัญญาณชีพแบบ all-in-one ตู้จ่ายอัตโนมัติ Epaper ที่แสดงข้อมูลข้างเตียง และระบบตรวจจับพฤติกรรมของผู้ป่วย ซึ่งโซลูชันเหล่านี้ช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ ปรับปรุงคุณภาพการบริการทางการแพทย์ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน โดย Chunghwa Telecom ยังคงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยใช้เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันของ ICT

นพ. ศิริพงศ์ กรรมการบริหารของโรงพยาบาลธนบุรี กล่าวย้ำว่า “เราเชื่อว่าในการรวบรวม การจัดระเบียบ และการแจกจ่ายข้อมูลที่ดียิ่งขึ้นมีความสำคัญที่สุดต่อการรักษาที่แม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์และพยาบาลสามารถดูแลรักษาสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล เราให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความเป็นมิตร และการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมในเทคโนโลยีสารสนเทศของเรามากกว่าระบบที่ซับซ้อนและแปลกใหม่ ซึ่งเบี่ยงเบนความสนใจจากการรักษาพยาบาลที่เรามอบให้ผู้ป่วยของเรา”

“เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการบรรลุการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ โรงพยาบาลจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการให้บริการด้านนวัตกรรมที่มีสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” Hsueh-Lan Wu ประธานคณะกรรมการบริหารของ Chunghwa Telecom International Business Group และประธานคณะกรรมการบริษัท Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd. กล่าว โดยโซลูชันโรงพยาบาลอัจฉริยะที่ Chunghwa Telecom จัดหาให้นั้นครอบคลุมไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ของเทคโนโลยีคลาวด์ (cloudization) เทคโนโลยีดิจิทัล (digitalization) เทคโนโลยีสารสนเทศ (informationization) และ เทคโนโลยีชาญฉลาด (intelligentization) ซึ่งตอบสนองความต้องการทางตลาดอย่างแท้จริง และการพัฒนาบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในระยะยาว ด้วยความร่วมมือกับโรงพยาบาล ทั้งนี้ Chunghwa Telecom คาดว่าจะพลิกโฉมหน้าใหม่ของการบริการแอปพลิเคชันโรงพยาบาลอัจฉริยะในตลาด

【เกี่ยวกับ โรงพยาบาลธนบุรี

โรงพยาบาลธนบุรีเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่ให้บริการทางการแพทย์และศัลยกรรมที่มีคุณภาพสูงอย่างหลากหลาย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2520 และได้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยมทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่มีความสะดวกสบาย ด้วยเครือข่ายโรงพยาบาล 18 แห่งทั่วประเทศ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย

เกี่ยวกับ Chunghwa Telecom

Chunghwa Telecom (TAIEX 2412, NYSE: CHT) (“จุงหวา” หรือ “บริษัท”) เป็นบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของไต้หวันที่ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์ และอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแก่ลูกค้าองค์กร และกำลังขยายบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Chunghwa มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร และได้รับรางวัลและการยกย่องทั้งในและต่างประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ www.cht.com.tw

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220531005438/en/

ติดต่อ:

สื่อ:
Angela Tsai
โทร: +886 2 2344 3252
อีเมล: chofen@cht.com.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter