ICCPP ODM+ เปิดตัวโซลูชันขดลวดเซรามิกแบบใช้แล้วทิ้งและใช้งานหลายประเภท ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์การวิจัยและพัฒนาดิจิทัล

Logo

เบอร์มิงแฮม, อังกฤษ–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2565

ICCPP เปิดตัวโซลูชันขดลวดเซรามิกเต็มรูปแบบ ซึ่งประกอบด้วย ขดลวดเซรามิกแบบใช้แล้วทิ้งที่งาน Vaper Expo UK ในเบอร์มิงแฮมเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2565 ผลิตภัณฑ์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ในหมวดหมู่ใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านกลยุทธ์ "Digital Transformation" หรือการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220528005017/en/

(Photo: Business Wire)

(ภาพ: Business Wire)

เป็นครั้งแรกที่ ICCPP ร่วมจัดแสดงสินค้าเป็นกลุ่มและนำเสนอโซลูชันแบรนด์ ODM+ และโซลูชันขดลวดเซรามิกเต็มรูปแบบ ขดลวดเซรามิกของ ICCPP จะถูกผสานเข้ากับธุรกิจ ODM+ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่มากขึ้นในอุตสาหกรรมผ่านการนำเทคโนโลยี Gene Tree มาใช้งาน ขดลวดเซรามิก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แรกของ ICCPP ตั้งแต่การเปิดตัวกลยุทธ์ดิจิทัลร่วมกับ SAP และ PwC จะกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลก

ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ กับ โซลูชันขดลวดเซรามิกสำหรับใช้แล้วทิ้งและใช้งานได้ในหลายหมวดหมู่

ในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้า เทคโนโลยีขดลวดเซรามิกเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของบริษัท ICCPP เริ่มมีส่วนร่วมในเทคโนโลยีขดลวดเซรามิกในปี 2562 โดยจัดตั้งทีมวิจัยและพัฒนาที่นำโดยผู้มีความสามารถจากโครงการชื่อว่า "Peacock Program" โดยมุ่งหวังที่จะประสบผลสำเร็จในระดับอุตสาหกรรมชั้นนำด้วยขดลวดเซรามิกรุ่นที่ 3 หรือ 4 และแซงหน้าคู่แข่งด้วยรุ่นที่ 5 หรือรุ่นที่ 6

ICCPP มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการทำให้เกิดละออง โดยนำประสบการณ์การสูบที่เป็นธรรมชาติและพึงพอใจมาสู่ลูกค้าด้วยวัสดุนาโนคริสตัลไลน์ (NC) และนวัตกรรมทางเทคนิค เทคโนโลยีการทำให้เกิดละอองเซรามิกด้วยวัสดุนาโนคริสตัลไลน์ของ ICCPP มีการปรับรูปแบบข้อมูลของขดลวดให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาของทีมเพื่อแก้ไขปัญหาในอุตสาหกรรมขดลวดสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ตั้งแต่ฟิล์มหนาไปจนถึงฟิล์มบาง จากการให้ความร้อนด้วยลวดและการให้ความร้อนที่พื้นผิว ไปจนถึงการให้ความร้อนผ่านของแข็ง เทคโนโลยีฟิล์มบางของ Gene Tree ที่เพิ่งเปิดตัวใหม่มีข้อดีทางเทคนิค 5 ประการ ได้แก่ ปราศจากผง ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น การแยกเป็นละอองละเอียดยิ่งขึ้น อายุการใช้งานยาวนานขึ้น และรสชาติดีขึ้น

จากความพยายามอย่างต่อเนื่องของทีมวิจัยและพัฒนา ICCPP จึงเปิดตัวเทคโนโลยีฟิล์ม Gene Tree รุ่นใหม่ และมีการขออนุญาตใช้งานผลิตภัณฑ์ ซึ่งเมื่อเทียบกับขดลวดเซรามิกรุ่นที่ 3 ขดลวดรุ่นใหม่นี้ได้ปรับปรุงรสชาติ เพิ่มอายุการใช้งานของขดลวด และเพิ่มความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การสูบที่เป็นธรรมชาติและน่าพึงพอใจ

ICCPP จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์แบบใช้แล้วทิ้งซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีเซรามิกของ Gene Tree และคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น รสชาติที่ติดทนนาน สูบได้นานมากขึ้น รสชาติที่ดีขึ้น และความน่าเชื่อถือที่สูงขึ้น โดยจะปฏิวัติประสบการณ์การใช้งาน กระตุ้นการปฏิวัติในอุตสาหกรรม และทำให้กลายเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรม

"นวัตกรรมดิจิทัล + เทคโนโลยี" เพื่อให้บริการโซลูชันดิจิทัล ODM +

ข้อดีหลัก ๆ ของ ICCPP ในระดับเทคนิคมาจากการลงทุนมหาศาลในด้านนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ICCPP ได้ประกาศเปิดตัวโครงการนำเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางดิจิทัลเข้ามาใช้ในธุรกิจ หรือ "Digital Transformation Project" อย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ในเซินเจิ้น กลายเป็นบริษัทรายใหญ่รายแรกของโลกในอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าที่ร่วมมือกับ SAP และ PwC ความพยายามนี้ชี้ให้เห็นว่า ICCPP จะนำพาอุตสาหกรรมไปสู่ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล

กลยุทธ์ดิจิทัลหมายถึงนวัตกรรมด้านดิจิทัลทั้งหมดของบริษัทที่ผสานรวมกับการวิจัยและพัฒนา การผลิต การส่งออก การตลาดในต่างประเทศ ฯลฯ ในอนาคต ICCPP จะสร้าง "ระบบควบคุมวงปิดแบบดิจิทัล" ที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลแบบใหม่ผ่านการสร้างสรรค์งานวิจัยและพัฒนาด้านดิจิทัล การผลิตแบบดิจิทัล การตลาดแบบดิจิทัล และประสบการณ์การสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคผ่านทางดิจิทัล โหมด "นวัตกรรมดิจิทัล + เทคโนโลยี" จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันของ ICCPP ซึ่งประกอบด้วย การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + ชิป, การเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + กลิ่น และการเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล + การผลิตอัจฉริยะ "บริษัทจะขับเคลื่อนการพัฒนาผ่านระบบดิจิทัล และสร้างมูลค่าใหม่ผ่านระบบดิจิทัล" ผ่านการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบดิจิทัล โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะนำคุณูปการที่มากขึ้นมาสู่อุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั่วโลก

เพื่อพัฒนาขดลวดเซรามิก ICCPP ได้จำลองเอฟเฟกต์การทำให้เกิดละอองอย่างรวดเร็วโดยการตั้งค่าแบบจำลองข้อมูลและการป้อนพารามิเตอร์ เช่น อินเทอร์เฟสและขนาด เพื่อค้นหาการกำหนดค่าที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่ต้องมีการผลิตตัวอย่างสินค้า ซึ่งจะช่วยเร่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการส่งมอบ ปัจจุบัน ICCPP มีแผนระยะยาวสำหรับผลิตภัณฑ์ขดลวดเซรามิกแบบรีฟิลและแบบใช้แล้วทิ้ง และได้บรรลุความตั้งใจในการร่วมมือกับลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศอย่างน้อย 5 รายแล้ว

พันธกิจของบริษัทที่กำลังดำเนินการอยู่คือการส่งเสริมลูกค้าทั่วโลกด้วยนวัตกรรมทางเทคนิค

ICCPP ทราบดีว่าลูกค้าในยุคนี้ไม่ต้องการ ODM แบบเดิม ๆ อีกต่อไป แต่ต้องใช้แบรนด์ ODM+ ดังนั้น บริษัทจึงได้ริเริ่มความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ใหม่ที่มีการผสมผสานประเด็นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ได้แก่ ตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ ข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการหลังการขาย เพื่อเป็นแนวทางให้ลูกค้าเปิดรับการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในยุคใหม่

ประการแรก ICCPP สัญญาว่าจะให้บริการลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และมอบเทคโนโลยีที่เหมือนกันหรือดีกว่าให้กับลูกค้าภายใต้แบรนด์ของ ICCPP ประการที่สอง ICCPP จะแบ่งปันเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งหมดให้กับห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั้งหมดผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ซึ่งได้แก่ ห้องแล็บและสถาบัน โรงงานระบบอัตโนมัติ ข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้ในต่างประเทศ และบริการการตลาดทั่วโลก ความเชื่อมั่นของ ICCPP มาจากประสบการณ์ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย และความสามารถในการให้บริการแบบครบวงจรแก่ลูกค้า ICCPP มุ่งมั่นที่จะสร้างแพลตฟอร์มระดับโลก 2 แพลตฟอร์มเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับลูกค้า ได้แก่ แพลตฟอร์มเทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้าที่คล้ายกับ Android ซึ่งเปิดให้เข้าถึงอย่างกว้างขวาง และแพลตฟอร์มโลกาภิวัตน์จากประสบการณ์ในต่างประเทศหลายปี

ในฐานะที่เป็นหมวดหมู่ด้านกลยุทธ์แรกหลังการอัปเกรดเป็นระบบดิจิทัล โซลูชันขดลวดเซรามิกสามารถปรับให้เข้ากับกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้ โดยถูกออกแบบให้สร้างหมวดหมู่ใหม่สำหรับบุหรี่ไฟฟ้า ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน และนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่โครงสร้างตลาดผ่านการใช้งานเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม ในอีกด้านหนึ่ง ธุรกิจ ICCPP ODM+ จะได้รับการอัปเกรดแบบดิจิทัลและอัปเกรดประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการทั้งหมดที่ผสานรวมกับการสำรวจตลาด การวิจัยและพัฒนา การออกแบบผลิตภัณฑ์ การสั่งซื้อ การส่งมอบ และบริการหลังการขาย ในทางกลับกัน แพลตฟอร์มนี้จะสร้างความร่วมมือเชิงลึกกับลูกค้าทั่วโลกในการแก้ปัญหาขดลวดเซรามิก กระทั่งตอนนี้ ICCPP ได้บรรลุถึงความตั้งใจที่จะร่วมมือในเทคโนโลยีขดลวดเซรามิกนี้กับลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศจำนวนมาก ICCPP คาดว่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับลูกค้าทั่วโลกและปรับโครงสร้างการตลาดในอนาคต

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220528005017/en/

ติดต่อ:

สื่อมวลชนสัมพันธ์: Tingkai Xu, ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์
มือถือ: 15957944779
อีเมล: kai@voopootech.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Liminal ระดมทุนรอบต้น หรือ Seed Round ได้ที่ 4.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนำโดย Elevation Capital

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–1 มิ.ย. 2565

โครงสร้างพื้นฐานการดำเนินงานกระเป๋าสตางค์ที่รักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยวิธีที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ ได้ระดมทุน 4.7 ล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนเริ่มต้น seed funding ซึ่งนำโดย Elevation Capital โดยในรอบนี้ยังมีส่วนร่วมจากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงเช่น LD Capital, Woodstock, Nexus Ventures และการลงทุนด้านคริปโต จากเช่น CoinDCX, Hashed, Cadenza Ventures, Vauld, Better Capital และ Sparrow Capital นอกจากนี้ยังมีการลงทุนจากนักลงทุนอิสระที่มาลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ angel investor อาทิเช่น Andreas Antonopoulos, Balaji Srinivasan, Sandeep Nailwal, Jaynti Kanani, Ajeet Khurana เป็นต้น

Liminal เป็นสถาปัตยกรรมกระเป๋าเงินตัวแรกที่ใช้ MPC และ MultiSig เพื่อรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัลในบล็อกเชนต่าง ๆ ซึ่งแพลตฟอร์ม Plug-and-play นี้ ให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยขจัดการดำเนินการแบบแมนวลลงไปร้อยละ 90 พร้อมทั้งประหยัดเวลาในการเติมแบบแมนวล การดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัยเป็นความท้าทายหลักที่เหล่าธุรกิจและนักลงทุนสถาบันต้องเผชิญ และบริษัทอย่าง Liminal จะมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลและ Web3 ไปใช้ในวงกว้าง

บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2564 โดย Mahin Gupta เป็นผู้ประกอบการรายแรก ๆ ที่สร้าง BuySellBitco.in บริษัทบล็อกเชนแห่งแรกของอินเดีย ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาได้ร่วมก่อตั้ง ZebPay ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทแลกเปลี่ยน crypto ที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย  เขาได้เริ่มต้นการเดินทางกับ Liminal เพื่อลดความซับซ้อนและทำให้การดำเนินการกระเป๋าเงินเป็นอัตโนมัติ และการดูแลทรัพย์สินดิจิทัลด้วยตนเองสำหรับธุรกิจและนักลงทุนสถาบัน

ในหนึ่งปีของการดำเนินงาน Liminal ได้ประมวลผลธุรกรรมมูลค่ากว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ ธุรกรรมอัตโนมัติมูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ และมีทรัพย์สินประมาณ 50 ล้านดอลลาร์ภายใต้การคุ้มครอง จุดประสงค์หลักของ Liminal คือการให้การรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์และความสะดวกในการทำธุรกรรม โซลูชันกระเป๋าเงินอัตโนมัติของ Liminal ช่วยให้การดำเนินการธุรกิจคริปโต SMEs และสตาร์ทอัพ Web3 ซึ่งจัดการเวิร์กโฟลว์ผ่านโปรโตคอลบล็อกเชนต่าง ๆ เป็นไปได้ง่ายขึ้น ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาที่สำคัญ ๆ นอกจากนี้ยังช่วยให้บริการต่าง ๆ แก่ลูกค้า เช่น การแลกเปลี่ยน ผู้รับฝากทรัพย์สิน ธนาคาร โต๊ะซื้อขาย และกองทุนป้องกันความเสี่ยง เพื่อช่วยให้พวกเขาปรับขนาดการดำเนินงานสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างปลอดภัย

ความกังวลหลักเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัลคือการรักษาความปลอดภัยของคีย์ในขณะที่ปฏิบัติตามการปฏิบัติตาม หากคีย์ถูกใส่ผิด หรือสูญหายไป อาจหมายถึงการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลหรือธุรกิจ นี่คือเหตุผลที่การดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลมีมูลค่ามหาศาล เมื่อนักลงทุนมั่นใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของคีย์ของพวกเขา ก็จะหมายความว่าผู้คนจำนวนมากขึ้นได้รับความไว้วางใจในสกุลเงินดิจิตอลและแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวข้อง เช่น การค้าผ่าน Web3, DeFi เป็นต้น Liminal Key ทำประกันกับบริษัทประกันระดับโลกที่น่าเชื่อถือที่สุดรายหนึ่งทำให้เป็นบริษัทที่พร้อมสำหรับอนาคต

บริษัทมี ZebPay, DIFX และ Flitpay เป็นลูกค้า และขณะนี้บริษัทกำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก และ ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือโดยการหาทางเป็นหนึ่งในพื้นที่เหล่านี้เพื่อดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานกระเป๋าเงินอัตโนมัติ ทีมงานของ Liminal มีประสบการณ์มากกว่าสิบปีในการดำเนินการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล และเข้าใจถึงความยากลำบากของธุรกิจที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานของกระเป๋าสตางค์

“เราจะใช้เงินทุนเพื่อลงทุนในการจ้างงานและพัฒนาผลิตภัณฑ์” Gupta กล่าว “ด้วย Liminal เราแก้ปัญหาที่แท้จริงในการรักษาความปลอดภัยและการปรับขนาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งผู้ใช้ต้องใช้กระเป๋าเงินและโครงสร้างพื้นฐานที่แตกต่างกันสำหรับโปรโตคอลที่แตกต่างกัน เลเยอร์สามชั้นของเรามาพร้อมกับการจัดการคีย์ ระบบอัตโนมัติในการปฏิบัติงาน และการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับองค์กร” เขากล่าวเสริม Gupta ได้รับคำแนะนำจาก Andreas Antonopoulos ผู้นำทางความคิดชั้นนำ ซึ่งคำแนะนำเชิงกลยุทธ์ได้ช่วยกำหนดทิศทางของธุรกิจให้กับ Liminal “ทีมงานที่ Liminal มีประวัติที่น่าประทับใจและมีประสบการณ์ในการดูแล การจัดการคีย์ และความปลอดภัยในโลกแห่งความเป็นจริง เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาใส่ใจในการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้อง” Antonopoulos กล่าว

Vaas Bhaskar หัวหน้าใหญ่ของ Elevation Capital กล่าวว่า “การนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้อย่างรวดเร็วจะได้รับแรงผลักดันมาจากธุรกิจคริปโตและสถาบันคริปโตยุคใหม่หลายแห่ง ธุรกิจเหล่านี้มีความต้องการโซลูชันการดูแลแบบพลักแอนด์เพลย์ซึ่งสร้างขึ้นโดยคำนึงถึงความต้องการเฉพาะของพวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งรวมถึงด้านความปลอดภัย ความพร้อมด้านกฎระเบียบ และประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เราประทับใจมากกับความใส่ใจลูกค้าและความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ของ Mahin และทีมงานของเขา เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Liminal ในการเดินทางครั้งนี้”

"ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ที่สร้างกระแสในด้าน Web3 มาในอดีต Liminal กำลังนำความปลอดภัยและความสะดวกสบายมาสู่การดูแลด้วยตนเองของบุคคลและสถาบันด้วยโซลูชันการดูแลทรัพย์สินดิจิทัล เรายินดีที่จะสนับสนุนพวกเขาในการก้าวไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวแห่งการมีชื่อเสียงโดดเด่นที่สุดในภาคส่วนการรักษาความปลอดภัยและการดูแล” Himanshu Yadav หุ้นส่วนผู้ก่อตั้งของ Woodstock กล่าว

Balaji Srinivas กล่าวเสริมว่า "อย่างที่พวกเขาพูดว่า 'หากไม่ใช่คีย์คุณเองก็ไม่ใช่คริปโตของคุณ' Liminal กำลังกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการถือคริปโตของคุณ"

เกี่ยวกับ Liminal

Liminal เป็นแพลตฟอร์มระดับองค์กรที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในการรักษาความปลอดภัยสินทรัพย์ดิจิทัล Liminal ช่วยให้บริษัทคริปโตสามารถปรับขนาดการดำเนินงานสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างปลอดภัยผ่านโครงสร้างพื้นฐานกระเป๋าเงินแบบ Plug-and-play อัตโนมัติ แนวทางการให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยเป็นอันดับแรกของ Liminal ช่วยให้โครงการสามารถกำหนดนโยบายที่กำหนดเองและกำหนดบทบาทให้กับผู้ใช้ตามความรับผิดชอบของพวกเขา กรอบการทำงานที่เป็นเลิศในการดำเนินงานของ Liminal มอบการจัดการค่าธรรมเนียมที่มีประสิทธิภาพ การรับประกันการยืนยันด้านธุรกรรม การออนบอร์ดที่ราบรื่น และการดำเนินการอื่น ๆ ของกระเป๋าเงิน อินเทอร์เฟซแบบรวมของเราช่วยให้มั่นใจถึงประสบการณ์การจัดการกระเป๋าเงินเดียวกันสำหรับบล็อคเชนหลายอัน

เกี่ยวกับ Elevation Capital

Elevation Capital เป็นบริษัทร่วมทุนชั้นนำที่ให้บริการเงินทุนขั้นต้นและระยะเริ่มต้นสำหรับบริษัทเกิดใหม่ในอินเดีย Elevation Capital ลงทุนในอินเดียมาตั้งแต่ปี 2545 โดยใช้เงินทุนเกือบ 2 พันล้านดอลลาร์ในกว่า 150 บริษัท บริษัทประกาศทุนที่รวมได้ครั้งที่แปดที่มูลค่า 670 ล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 บริษัทนี้นำโดยผู้ร่วมจัดการ Ravi Adusumalli และ Mukul Arora พร้อมด้วยกรรมการผู้จัดการสามคน Mridul Arora, Deepak Gaur และ Mayank Khanduja บริษัทได้ลงทุนในบริษัทมากกว่า 150 แห่งทั่ว Consumer Internet, SaaS, Fintech, Consumer Brands, Edtech, Healthtech และ Web3/Crypto และมีสำนักงานในเบงกาลูรู คุร์เคาน์ และซอลต์เลกซิตี้

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220531006014/en/

ติดต่อ:

Olivia Troisi

Wachsman

อีเมล: liminal@wachsman.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Finema ร่วมมือกับ iProov เพื่อยกระดับความสามารถในการตรวจจับใบหน้าให้กับโซลูชันการระบุตัวตน

Logo

ลอนดอนและกรุงเทพฯ–(บิสิเนสไวร์)–31 พฤษภาคม 2565

iProov ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการตรวจสอบใบหน้าด้วยไบโอเมตริกซ์ประกาศว่า Finema ได้เลือกเทคโนโลยี Liveness Assurance™ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ขององค์กร (Enterprise Decentralized Identity Platform)

Finema นำเสนอเทคโนโลยี ID ยุคใหมสำหรับองค์กรและหน่วยงานภาครัฐที่สามารถทำงานร่วมกันได้ง่าย และยังสามารถรวมเข้ากับแพลตฟอร์มการระบุตัวตนที่มีอยู่ ทำให้สามารถนำไปใช้อย่างรวดเร็วเพื่อให้ได้เปรียบทางการแข่งขัน

Liveness Assurance ของ iProov ช่วยให้ Finema สามารถยืนยันได้อย่างปลอดภัยว่าผู้ใช้ออนไลน์คือบุคคลที่ถูกต้อง (ไม่ใช่ผู้แอบอ้าง) และบุคคลจริง (ไม่ใช่ภาพถ่ายหรือหน้ากาก)  ในการทำเช่นนั้น Finema สามารถปกป้องตัวเองและผู้ใช้โดยป้องกันข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมยหรือข้อมูลปลอมที่ใช้สำหรับการฉ้อโกงบัญชี

“Finema กำลังก้าวหน้าครั้งใหญ่ในด้านข้อมูลประจำตัวที่ตรวจสอบได้ ซึ่งส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งในการต่อสู้กับการฉ้อโกงทางออนไลน์และอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต” Andrew Bud ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ iProov กล่าว “เพื่อช่วยต่อต้านการปลอมแปลงและขโมยข้อมูลระบุตัวตนออนไลน์ เราต้องหยุดการกระทำก่อนที่จะเริ่มในขั้นตอนการลงทะเบียนบัญชี เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเทคโนโลยีที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ iProov มาใช้กับความพยายามของ Finema ในการพิสูจน์ตัวตนของผู้บริโภค”

แพลตฟอร์มที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางและมีความปลอดภัยสูงของ Finema ได้รวบรวมหลักการ Self-Sovereign Identity (SSI) ไว้ด้วยกัน เพื่อมอบโซลูชันที่เหนือกว่าสำหรับการจัดการข้อมูลประจำตัวและการเข้าถึง ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์แบบไม่มีรหัสผ่าน การตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัย ลายเซ็นดิจิทัล การยินยอมดิจิทัล บัตรประจำตัวดิจิทัล และข้อมูลประจำตัว

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะปรับปรุงชุดผลิตภัณฑ์การระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ด้วยเทคโนโลยี Liveness Assurance ที่ล้ำสมัยของ iProov” ปกรณ์ ลี้สกุล ซีอีโอของ Finema กล่าว “เนื่องจากการปลอมแปลงข้อมูลประจำตัวทำให้เกิดการขาดทุนเกือบ 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐทุกปี จึงจำเป็นต้องสร้างพันธมิตรและลงทุนในเทคโนโลยียืนยันตัวตนที่ดีที่สุดเพื่อจัดการกับปัญหาที่ต้นทาง”

เกี่ยวกับ Finema

โดยก่อตั้งขึ้นในปี 2560 Finema เป็นบริษัทด้านข้อมูลประจำตัวดิจิทัลแบบกระจายศูนย์แห่งแรกในประเทศไทย  บริษัทมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงโลกโดยใช้เทคโนโลยีการระบุตัวตนดิจิทัลแบบกระจายศูนย์  Finema ช่วยองค์กรและหน่วยงานของรัฐในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลประจำตัวดิจิทัลโดยการจัดหาโซลูชันการระบุตัวตนแบบกระจายศูนย์ที่ประกอบด้วยบล็อคเชน แมปข้อมูลประจำตัว กระเป๋าเงิน e-ID และแพลตฟอร์มพิสูจน์ตัวตน บริษัทเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาเอกลักษณ์ดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ https://finema.co หรือติดตามเราที่ LinkedIn หรือ Twitter

เกี่ยวกับ iProov

โดยเปิดตัวในปี 2556 iProov เป็นผู้นำระดับโลกด้านการตรวจสอบใบหน้าแบบไบโอเมตริกซ์ออนไลน์ โดยทำงานร่วมกับรัฐบาล ธนาคาร และองค์กรอื่นๆ เพื่อยืนยันตัวตนของลูกค้าอย่างปลอดภัย  โปรแกรมของเราใช้สำหรับการลงทะเบียนและรับรองความถูกต้องอย่างง่ายดาย  ลูกค้าของเรารวมได้แก่ U.S. Department of Homeland Security, the UK Home Office, the UK National Health Service (NHS), the Australian Taxation Office, GovTech Singapore, Rabobank, ING, และอื่นๆ เทคโนโลยีของ iProov ได้แก่ Liveness Assurance™ และ Genuine Presence Assurance® ซึ่งใช้ยืนยันว่าลูกค้าออนไลน์คือบุคคลที่เหมาะสม บุคคลจริง และเป็นผู้กำลังตรวจสอบสิทธิ์อยู่ในขณะนี้ สิ่งนี้ป้องกันการโจมตีจากการปลอมแปลงภาพถ่าย วิดีโอ มาสก์ และการโจมตีดิจิทัล และภัยคุกคามจาก Deepfakes ที่อุบัติขึ้น  iProov ได้รับการยอมรับว่าเป็น Gartner Cool Vendor 2020 ในการจัดการการเข้าถึงข้อมูลประจำตัวและการตรวจจับการฉ้อโกง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู ที่ www.iproov.com หรือติดตามเราบน LinkedIn หรือ Twitter

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220531005311/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Rob Tacey
rob.tacey@iproov.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

จุงหวา เทเลคอม ร่วมกับ โรงพยาบาลธนบุรี สร้างบทบาทใหม่ของการบริการ “โรงพยาบาลอัจฉริยะ” ในประเทศไทย

Logo

ไทเป ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–31 พฤษภาคม 2565

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 จุงหวา เทเลคอม หรือ Chunghwa Telecom Co., Ltd. (CHT) และโรงพยาบาลธนบุรี (TH) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วย “โรงพยาบาลอัจฉริยะ” เมื่อพิจารณาถึงกลยุทธ์ “ศูนย์กลางการแพทย์แห่งเอเชีย หรือ Medical Hub of Asia” ของรัฐบาลไทยในปี 2547 และเป้าหมายในการเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพระดับนานาชาติ โดยทั้งสองฝ่าย CHT และ TH จะดำเนินการความร่วมมือการสร้างหอผู้ป่วยอัจฉริยะ POC ต่อไปและบรรลุก้าวใหม่ของแอปพลิเคชันโรงพยาบาลอัจฉริยะในประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220531005438/en/

Hsueh-Lan Wu, President of Chunghwa Telecom International Business Group and Chairman of Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd, and Dr. Siripong Luengvarinkul, Chief Executive Officer of Thonburi Hospital. (Photo: Business Wire)

Hsueh-Lan Wu ประธานคณะกรรมการบริหารของ Chunghwa Telecom International Business Group และประธานคณะกรรมการบริษัท Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd และ นพ. ศิริพงศ์ เหลืองวารินกุล กรรมการบริหารของโรงพยาบาลธนบุรี (ภาพ: Business Wire)

โรงพยาบาลธนบุรีเป็นโรงพยาบาลในเครือ ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ในประเทศไทย ที่ยังคงยกระดับและขยายอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความมุ่งมั่นอย่างเป็นเลิศในทุกด้านด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์มากกว่า 350 คน โดยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุด และวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในความการุณย์และการดูแลเอาใจใส่

โดยร่วมกับพันธมิตรที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพรวมถึง imedtac จากไต้หวันและ MD Healthcare จากประเทศไทย ทั้งนี้ Chunghwa Telecom ได้แนะนำโซลูชันหอผู้ป่วยอัจฉริยะให้แก่โรงพยาบาลธนบุรีรวมถึงเคาน์เตอร์พยาบาลอัจฉริยะ เครื่องมือวัดสัญญาณชีพแบบ all-in-one ตู้จ่ายอัตโนมัติ Epaper ที่แสดงข้อมูลข้างเตียง และระบบตรวจจับพฤติกรรมของผู้ป่วย ซึ่งโซลูชันเหล่านี้ช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ ปรับปรุงคุณภาพการบริการทางการแพทย์ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน โดย Chunghwa Telecom ยังคงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยใช้เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันของ ICT

นพ. ศิริพงศ์ กรรมการบริหารของโรงพยาบาลธนบุรี กล่าวย้ำว่า “เราเชื่อว่าในการรวบรวม การจัดระเบียบ และการแจกจ่ายข้อมูลที่ดียิ่งขึ้นมีความสำคัญที่สุดต่อการรักษาที่แม่นยำ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์และพยาบาลสามารถดูแลรักษาสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นทั้งภายในและภายนอกโรงพยาบาล เราให้ความสำคัญกับความเรียบง่าย ความเป็นมิตร และการเชื่อมต่อที่ครอบคลุมในเทคโนโลยีสารสนเทศของเรามากกว่าระบบที่ซับซ้อนและแปลกใหม่ ซึ่งเบี่ยงเบนความสนใจจากการรักษาพยาบาลที่เรามอบให้ผู้ป่วยของเรา”

“เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการบรรลุการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ โรงพยาบาลจึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนในการให้บริการด้านนวัตกรรมที่มีสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” Hsueh-Lan Wu ประธานคณะกรรมการบริหารของ Chunghwa Telecom International Business Group และประธานคณะกรรมการบริษัท Chunghwa Telecom (Thailand) Co., Ltd. กล่าว โดยโซลูชันโรงพยาบาลอัจฉริยะที่ Chunghwa Telecom จัดหาให้นั้นครอบคลุมไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ ของเทคโนโลยีคลาวด์ (cloudization) เทคโนโลยีดิจิทัล (digitalization) เทคโนโลยีสารสนเทศ (informationization) และ เทคโนโลยีชาญฉลาด (intelligentization) ซึ่งตอบสนองความต้องการทางตลาดอย่างแท้จริง และการพัฒนาบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในระยะยาว ด้วยความร่วมมือกับโรงพยาบาล ทั้งนี้ Chunghwa Telecom คาดว่าจะพลิกโฉมหน้าใหม่ของการบริการแอปพลิเคชันโรงพยาบาลอัจฉริยะในตลาด

【เกี่ยวกับ โรงพยาบาลธนบุรี

โรงพยาบาลธนบุรีเป็นโรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่ให้บริการทางการแพทย์และศัลยกรรมที่มีคุณภาพสูงอย่างหลากหลาย ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2520 และได้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพที่ดีเยี่ยมทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่มีความสะดวกสบาย ด้วยเครือข่ายโรงพยาบาล 18 แห่งทั่วประเทศ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย

เกี่ยวกับ Chunghwa Telecom

Chunghwa Telecom (TAIEX 2412, NYSE: CHT) (“จุงหวา” หรือ “บริษัท”) เป็นบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคมครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของไต้หวันที่ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ บรอดแบนด์ และอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้บริษัทยังให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแก่ลูกค้าองค์กร และกำลังขยายบริการคลาวด์คอมพิวติ้ง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Chunghwa มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในด้านความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร และได้รับรางวัลและการยกย่องทั้งในและต่างประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ www.cht.com.tw

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220531005438/en/

ติดต่อ:

สื่อ:
Angela Tsai
โทร: +886 2 2344 3252
อีเมล: chofen@cht.com.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

FPT Software ร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจใหม่ กับ Landing AI เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการตรวจสอบด้วยภาพ

Logo

ฮานอย เวียดนาม–(BUSINESS WIRE)–1 มิถุนายน 2565

FPT Software บริษัทไอทีชั้นนำของเวียดนาม ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับ Silicon Valley AI และผู้นำด้านแมชชีนวิชัน Landing AI โดยทั้งสองบริษัทจะใช้ความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปรับใช้โซลูชันการตรวจสอบด้วยภาพแบบสำเร็จจบในขั้นตอนเดียว และส่งเสริมการนำคอมพิวเตอร์วิทัศน์ไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220529005093/en/

FPT Software announces partnership with Landing AI (Graphic: Business Wire)

FPT Software ประกาศความร่วมมือกับ Landing AI (กราฟิก: Business Wire)

FPT Software จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์เรือธงของ Landing AI นั่นคือ LandingLens™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Machine Learning Model Operationalization Management (MLOps) ระดับองค์กรที่สร้าง จัดทำซ้ำ และดำเนินการโซลูชันการตรวจสอบด้วยภาพด้วย AI โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก แพลตฟอร์มนี้ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถวิเคราะห์ขั้นตอนการตรวจสอบ ประเมินสภาพผลิตภัณฑ์ กำจัดผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่อง และอื่น ๆ อีกมากมาย ผู้ใช้จะได้รับความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นและกระบวนการที่ง่ายขึ้นเพื่อให้สามารถปรับขนาดการใช้อย่างรวดเร็ว ไปพร้อม ๆ กับการช่วยปรับต้นทุนการดำเนินงานให้มีความเหมาะสม

นาย Pham Minh Tuan ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ FPT Software กล่าวว่าพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์นี้ขยายขีดความสามารถด้าน AI ของบริษัทและให้ประโยชน์กับฐานลูกค้าขนาดใหญ่ทั่วโลก “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับ Landing AI เพื่อนำเสนอโซลูชั่นการตรวจสอบด้วยภาพระดับโลกให้กับลูกค้าของเราทั่วโลก” Tuan กล่าว “ไม่ว่าจะเป็นการผลิต ยานยนต์ ยา หรืออาหารและเครื่องดื่ม ทุกภาคส่วนต้องการความสม่ำเสมอในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ผมมั่นใจว่าการเป็นหุ้นส่วนของเราสามารถช่วยบริษัทในอุตสาหกรรมเหล่านั้นพัฒนาด้านการควบคุมคุณภาพด้วยการมีข้อมูลที่ดีขึ้น”

“AI กำลังแพร่หลายมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม โดยนำเสนอประโยชน์มากมายที่ไม่อาจโต้แย้งได้เลยสำหรับองค์กร” นาย Nguyen Xuan Phong หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปัญญาประดิษฐ์ของ FPT Software กล่าว “ศูนย์ AI ของเราแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยการเปลี่ยนการวิจัย AI ที่ล้ำสมัยให้เป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างผลกระทบเชิงบวก การเป็นพันธมิตรกับ Landing AI ถือเป็นก้าวแรกในบรรดาโครงการริเริ่มต่าง ๆ มากมายที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายดังกล่าว” Phong กล่าวเสริม

Mr. Carl Lewis ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพันธมิตรและความสำเร็จของลูกค้าของ Landing AI แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับงานในพิธีลงนามเสมือนจริงว่า "ในขณะที่เราเปิดตัว LandingLens™ ไปทั่วโลก เราคาดหวังให้พันธมิตรของเราเป็นผู้นำตลาดด้วยการได้รับการสนับสนุนทางเทคนิคในระดับสูงด้านความเชี่ยวชาญ ทีมงานของ FPT ตอบโจทย์เหล่านี้เป็นอย่างดี เนื่องจากพวกเขาเข้าใจถึงคุณค่าที่ LandingLens™ สามารถนำไปสู่ผู้ผลิตในด้านการตรวจสอบคุณภาพ”

FPT Software ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล 50 อันดับแรกภายในปี 2573 บริษัทได้ดำเนินการขยายขนาดเทคโนโลยีขั้นสูงหลัก ๆ เช่น AI, Cloud, Hyper-automation, Blockchain และอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน AI บริษัทมีความพยายามหลายอย่าง รวมถึงการเป็นหุ้นส่วนกับ Mila สถาบันการเรียนรู้เชิงลึกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญด้าน AI และการจัดตั้งศูนย์ AI ในเมืองบินห์ดินห์ ประเทศเวียดนาม FPT Software ตั้งเป้าที่จะพัฒนาพื้นที่ยุทธศาสตร์นี้ให้กลายเป็นหุบเขา AI แห่งแรกของประเทศในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เกี่ยวกับ FPT Software

FPT Software เป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีและไอทีระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่ในเวียดนาม โดยมีรายได้มากกว่า 632.5 ล้านดอลลาร์ และพนักงาน 22,500 คนใน 26 ประเทศ ในฐานะผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล บริษัทให้บริการระดับโลกในโรงงานอัจฉริยะ, แพลตฟอร์มดิจิทัล, RPA, AI, IoT, คลาวด์, AR/VR, BPO และอื่น ๆ โดยให้บริการลูกค้ากว่า 700 รายทั่วโลก โดยหลายร้อยแห่งเป็นบริษัทในเครือ Fortune Global 500 ในด้านยานยนต์ การธนาคารและการเงิน โลจิสติกส์และการขนส่ง สาธารณูปโภค และอีกมากมาย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.fpt-software.com

เกี่ยวกับ Landing AI

Landing AI™ เป็นผู้บุกเบิกยุคใหม่ของ AI ที่ช่วยให้บริษัทที่มีชุดข้อมูลจำกัดสามารถสร้างธุรกิจและมูลค่าการดำเนินงานด้วย AI จนสำเร็จ ด้วยแนวทาง AI ที่เน้นข้อมูลเป็นหลัก ผลิตภัณฑ์เรือธงของ Landing AI คือ LandingLens™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม MLOps ระดับองค์กรที่สร้าง ทำซ้ำ และดำเนินการโซลูชันการตรวจสอบด้วยภาพที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับผู้ผลิต ด้วยการใช้คุณภาพข้อมูลเป็นหนทางสู่ความสำเร็จของระบบ AI ทำให้ LandingLens™ ช่วยให้ข้อมูลมีความแม่นยำและความสม่ำเสมอสูงสุด บริษัทก่อตั้งโดย Andrew Ng ผู้ร่วมก่อตั้ง Coursera อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ Baidu และหัวหน้าผู้ก่อตั้ง Google Brain โดย Landing AI อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการเป็นผู้ทำให้ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เคยเป็นประโยชน์ต่อคนจำนวนน้อย กลายเป็นเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนทั้งหมด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Landing.ai.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220529005093/en/

ติดต่อ:

Mai Duong (Ms.)

FPT Software

PR Manager

Email: MCP.PR@fsoft.com.vn

Website: https://www.fpt-software.com/newsroom/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

กิจการร่วมค้านำโดย Todd Boehly และ Clearlake Capital เสร็จสิ้นการซื้อกิจการสโมสรฟุตบอล Chelsea Football Club

Logo

เจ้าของร่วมใหม่มุ่งมั่นที่จะเติบโตและสานต่อประเพณีแห่งความเป็นเลิศด้านฟุตบอลที่ไม่มีใครเทียบได้

ลอนดอน–(บิสิเนส ไวร์)–30 พฤษภาคม 2022

กิจการร่วมค้าที่นำโดย Todd Boehly ประธานและซีอีโอของ Eldridge และ Clearlake Capital Group, LP (ร่วมกับบริษัทในเครือ "Clearlake") ประกาศการโอนความเป็นเจ้าของ สโมสรฟุตบอล Chelsea (“Chelsea FC” หรือ "สโมสร")  กลุ่มนี้ยังรวมถึง Hansjörg Wyss ผู้ก่อตั้ง Wyss Foundation และ Mark Walter ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Guggenheim Capital Walter และ Boehly เป็นเจ้าของทีม Los Angeles Dodgers, Los Angeles Lakers และ Los Angeles Sparks การซื้อกิจการดังกล่าวได้รับการอนุมัติที่จำเป็นทั้งหมดจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร พรีเมียร์ลีก และหน่วยงานอื่นๆ

ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง Boehly และ Clearlake จะบริหารและกำกับดูแลสโมสรอย่างเท่าเทียมกัน โดย Boehly จะดำรงตำแหน่งประธานบริษัทโฮลดิ้ง

Boehly และ Clearlake มุ่งมั่นที่จะลงทุนในด้านสำคัญเพื่อขยายและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ Chelsea รวมถึงการพัฒนา Stamford Bridge ใหม่ การลงทุนเพิ่มเติมใน Academy, ทีมหญิง และสนามกีฬา Kingsmeadow เจ้าของจะยังคงทำงานสำคัญของมูลนิธิ Chelsea Foundation ต่อไป

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นผู้บริหารคนใหม่ของสโมสรฟุตบอลเชลซี” Boehly กล่าว “พวกเราจะทุ่ม 100% ทุกนาทีของทุกนัด  วิสัยทัศน์ของเราในฐานะเจ้าของนั้นชัดเจน: เราต้องการทำให้แฟนๆ ภาคภูมิใจ  นอกเหนือจากความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาทีมเยาวชนและการได้มาซึ่งพรสวรรค์ที่ดีที่สุด แผนการดำเนินงานของเราคือการลงทุนในสโมสรในระยะยาว และสร้างประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งของความสำเร็จของเชลซี  โดยส่วนตัวแล้วผมอยากขอบคุณรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลอังกฤษ และพรีเมียร์ลีก สำหรับงานทั้งหมดของพวกเขาที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น”

Behdad Eghbali และ José E. Feliciano ผู้ร่วมก่อตั้งและหุ้นส่วนผู้จัดการของ Clearlake กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทุ่มเททรัพยากรเพื่อสานต่อบทบาทนำของ Chelsea ในวงการฟุตบอลอังกฤษและระดับโลก และเป็นเครื่องมือในการพัฒนาพรสวรรค์ด้านฟุตบอล เราต้องการขอบคุณเจ้าหน้าที่สำหรับการทำงานทั้งหมดตลอดกระบวนการ ในฐานะผู้บุกเบิกการลงทุนด้านกีฬาและสื่อ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นพันธมิตรกับท็อดด์และกลุ่มอื่น ๆ ในกลุ่มเพื่อพัฒนาสโมสรให้เติบโตอย่างมีความหมายในฐานะแพลตฟอร์มระดับโลก เราจะขยายการลงทุนของสโมสรในโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อสนับสนุนทีมฟุตบอลและการค้าของ Chelsea ที่น่าทึ่ง  ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายในการใช้ประโยชน์จากการเติบโตนี้เพื่อขับเคลื่อนความสำเร็จในสนามให้มากยิ่งขึ้น”

กลุ่มเจ้าของใหม่ตระหนักถึงความทุ่มเทและความเป็นมืออาชีพของ Department for Digital, Culture, Media and Sport, HM Treasury และ Premier League ในการทบทวนการทำธุรกรรมครั้งประวัติศาสตร์และซับซ้อนนี้

Deutsche Bank, Goldman Sachs, Moelis & Company LLC และ Robey Warshaw LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับกลุ่มเจ้าของใหม่ Latham & Watkins LLP, Paul, Weiss, Rifkind, Wharton & Garrison LLP และ Sidley Austin LLP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย

Raine Group ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับ Fordstam Limited และ Chelsea FC Northridge Law LLP, Simmons & Simmons LP และ Pillsbury, Winthrop, Shaw, Pittman LP ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมาย

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220530005307/en/

ติดต่อ:

สำหรับ Eldridge

Nadia Damouni
ndamouni@prosek.com 
+1 646 818 9217

Aidan O'Connor
aoconnor@prosek.com 
+ 1 646 818 9283

สำหรับ Clearlake
Max Cherry
max.cherry@fgh.com 
+1 201 803 3768

Winnie Lerner
Winnie.Lerner@fgh.com 
+1 917 375 5652

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Gradiant ผู้นำด้านเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำ คว้ารางวัล Coveted Global Water Awards

Logo

Gradiant ได้รับรางวัล “บริษัทเทคโนโลยีการจัดการน้ำแห่งปี” และ Synauta บริษัทการเรียนรู้ของเครื่องจักรที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้รับรางวัล “บริษัทเทคโนโลยีปฏิวัติชีวิตแห่งปี”

บอสตัน–(BUSINESS WIRE)–28 พฤษภาคม 2565

Gradiant ผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันของโครงการเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลก ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็น “บริษัทเทคโนโลยีการจัดการน้ำแห่งปี” และSynauta ธุรกิจด้าน AI ที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการได้รับรางวัล “บริษัทเทคโนโลยีปฏิวัติชีวิตแห่งปี” ที่งาน Global Water Intelligence (GWI) Global Water Awards ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน

ในแต่ละปี รางวัลอันทรงเกียรติเหล่านี้ยกย่องความสำเร็จที่สำคัญที่สุดในอุตสาหกรรมการจัดการน้ำทั่วโลก ผู้ชนะจะได้รับการคัดเลือกจากผู้นำธุรกิจ นักลงทุน และนักเทคโนโลยีจากอุตสาหกรรมการจัดการน้ำทั่วโลกทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน Gradiant ได้รับการยกย่องว่ามีส่วนสำคัญในการจัดการน้ำและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะในด้านดังต่อไปนี้:

  • เทคโนโลยี Counterflow Reverse Osmosis (CFRO) ที่ทำให้ความเข้มข้นของน้ำเกลือที่ใช้เมมเบรนเป็นจริงสำหรับผู้ใช้ในอุตสาหกรรมและเทศบาลทั่วโลก โดยสำหรับโรงงาน SWRO แห่งใหม่ ความเข้มข้นของน้ำเกลือที่ใช้เมมเบรนทำให้อัตรา recovery มีค่าอยู่ที่ >99% ที่เป็นแนวคิดกระบวนทัศน์การออกแบบที่ยาวนานและเปลี่ยนแปลงได้อย่างสิ้นเชิง
  • การปรับใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล SmartOps ระดับโลก ซึ่งนำเสนอการเพิ่มประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องของระบบที่มีการจ่ายน้ำแบบผันแปร คือหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเทคโนโลยีการปล่อยของเหลวขั้นต่ำและเป็นศูนย์ ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและเทศบาลต่างหันมาใช้แพลตฟอร์ม AI มากขึ้นสำหรับการจัดการน้ำและน้ำเสีย เพื่อจัดการกับความท้าทายจากความยั่งยืนและแรงกดดันด้านต้นทุน ความต่อเนื่องทางธุรกิจ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และเหตุการณ์เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ
  • กระบวนการพัฒนาของนวัตกรรมทางธุรกิจที่ใช้ประโยชนจากเทคโนโลยี ซึ่งส่งผลให้มีสิทธิบัตรและแอปพลิเคชันมากกว่า 250 รายการ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถจัดการกับแอปพลิเคชันที่ใช้ปลายทางที่เกิดขึ้นใหม่ได้หลากหลาย โดย GWI กล่าว ณ เวลาที่มอบรางวัลว่า “ไม่มีบริษัทใดนำเสนอโซลูชั่นเพิ่มเติมต่อความท้าทายในการบำบัดน้ำที่ยากลำบากของภาคอุตสาหกรรมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา”

“นับเป็นเกียรติที่ได้รับการยกย่องจากเพื่อนร่วมอุตสาหกรรมในการเติบโตทางธุรกิจ นวัตกรรม และการนำเทคโนโลยีไปใช้” Anurag Bajpayee ซีอีโอของ Gradiant กล่าว “ความเชี่ยวชาญของเราในการจัดการน้ำให้เป็นแบบดิจิทัลและเพิ่มประสิทธิภาพได้สร้างมูลค่าใหม่ระยะยาวให้กับลูกค้าของเราและสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน เรารู้สึกขอบคุณลูกค้าที่ไว้วางใจ Gradiant ในการแก้ปัญหาการจัดการน้ำที่ไม่เหมือนใคร”

Synauta ซึ่งเพิ่งถูกซื้อกิจการโดย Gradiant ได้รับรางวัลสำหรับความก้าวหน้าทางการค้าในด้านเทคโนโลยีการจัดการน้ำระดับโลก Synauta เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของโรงงานแยกเกลือออกจากน้ำทะเลผ่านอัลกอริทึมการเรียนรู้ด้วยเครื่องจักร ซึ่งการบริการในรูปแบบ “setpoints-as-a-service” ของ Synauta ได้เสนอการปฏิวัติแนวทางปฏิบัติของผู้ประกอบการโรงงานในการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยการขยายไปสู่ภูมิศาสตร์ใหม่ ๆ และการรักษาความปลอดภัยให้กับพันธมิตรในอุตสาหกรรมรายใหม่ ๆ นี้ได้ตรวจสอบบทบาทของข้อมูลและการเรียนรู้ด้วยเครื่องเพื่อลดพลังงาน สารเคมี และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอนาคตของการจัดการน้ำ

เกี่ยวกับ Gradiant

Gradiant เป็นผู้ให้บริการและผู้พัฒนาโซลูชันโครงการเทคโนโลยีน้ำสะอาดระดับโลก โซลูชันแบบครบวงจรและความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของ Gradiant จะช่วยจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับระบบน้ำที่สำคัญที่สุดของโลกได้อย่างยั่งยืนและคุ้มค่า Gradiant ให้บริการแก่ลูกค้าในการจัดการภารกิจหลักให้แก่อุตสาหกรรมที่สำคัญของโลกด้วยชุดเทคโนโลยีที่แตกต่างและเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gradiant และขับเคลื่อนโดยผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการจัดการน้ำ Gradiant ก่อตั้งขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) บริษัทอยู่ในสถานะที่โดดเด่นในการจัดการกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในโลกที่เกิดจากอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของประชากร และปัญหาจากน้ำ ปัจจุบัน Gradiant มีพนักงานมากกว่า 400 คน ดำเนินงานจากสำนักงานใหญ่ระดับโลกในบอสตัน สำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาค และห้องปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีระดับโลกในสิงคโปร์ และสำนักงานใน 10 ประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดเข้าไปที่ gradiant.com  

เกี่ยวกับ Synauta

Synauta ผสมผสานความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลและการเรียนรู้ของเครื่องจักรด้วยปัญญาประดิษฐ์ เพื่อบำบัดน้ำให้มากขึ้นโดยใช้พลังงานและสารเคมีที่น้อยลงเพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้แก่ลูกค้าของเรา อัลกอริธึมที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทจะกำหนดสภาวะการทำงานและโปรแกรมการบำรุงรักษาที่เหมาะสมให้กับแหล่งการจัดการน้ำขององค์กรชั้นนำทั่วโลก ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ synauta.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220520005460/en/

ติดต่อ:

ข้อมูลติดต่อสำหรับองค์กร
Felix Wang
รองประธานฝ่ายการตลาดของ Gradiant 
fwang@gradiant.com

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ 
Consort Partners
gradiant@consortpartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

จินตนาการถึงอนาคตและสัมผัสพลังแห่งระบบคอมพิวติ้งไปกับ GIGABYTE ที่งาน COMPUTEX 2565

Logo

ไทเป–(BUSINESS WIRE)–26 พ.ค. 2565

GIGABYTE ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จะนำเสนอ "พลังแห่งคอมพิวติ้ง หรือ Power of Computing" ซึ่งเป็นธีมแห่งปี และจะจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นชั้นนำที่ออกแบบมาสำหรับอุตสาหกรรมและสาขาต่าง ๆ ในงาน COMPUTEX Taipei ที่กำลังจะมาถึง

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220519005640/en/

Envision the Future and Take on the Power of Computing with GIGABYTE at COMPUTEX 2022

จินตนาการถึงอนาคตและสัมผัสพลังแห่งระบบคอมพิวติ้งกับ GIGABYTE ที่งาน COMPUTEX 2565

GIGABYTE ได้จัดเตรียมพรีเซนเตชันเกี่ยวกับหัวข้อ "พลังแห่งคอมพิวติ้ง หรือ Power of Computing" เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุก ๆ อย่าง เริ่มตั้งแต่ระบบคลาวด์ไปจนถึงระบบเอดจ์ การทำงานร่วมกันเป็นทีมไปจนถึงการทำงานรายบุคคล แอปพลิเคชันทางธุรกิจไปจนถึงการใช้งานส่วนตัว การคำนวณแบบคอมพิวติ้งที่ทำโดยเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ข้อมูลเพื่อประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และระบบฝังตัวใน IoT ไปจนถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อแสดงผลข้อมูลตามเวลาจริง เป็นกุญแจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมที่ก้าวล้ำที่ปรากฏอยู่บนพื้นที่ปัญญาประดิษฐ์ การปรับใช้บนคลาวด์ เทคโนโลยีอัจฉริยะ และการสร้างเนื้อหาดิจิทัล เป็นต้น

ศูนย์ข้อมูล เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่ง GIGABYTE เป็นผู้บุกเบิกที่เชื่อถือได้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ใหม่สำหรับนักพัฒนา และทำงานเกี่ยวกับการผสานรวมซอฟต์แวร์เพื่อจัดหาโซลูชันผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับอนาคตของยุคดิจิทัล นอกจากนี้ GIGABYTE ยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้จำหน่ายในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาแพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ HPC เพื่อให้การรวมระบบและการเพิ่มประสิทธิภาพของ SmartNIC และ GPGPUs สามารถสร้างสถาปัตยกรรมที่แตกต่างหลากหลายในเซิร์ฟเวอร์ เพื่อที่จะเร่งการประมวลผลเฉพาะแอปพลิเคชันเพื่อการคำนวณคอมพิวติ้งและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น นอกเหนือไปจากการรองรับแอพพลิเคชั่นแบบคูณ x86 โดยใช้โปรเซสเซอร์ AMD และ Intel แล้ว GIGABYTE ยังเสนอทางเลือกในรูปแบบเซิร์ฟเวอร์ ARM ที่ให้การประมวลผลและการเข้ารหัสข้อมูลที่สอดคล้องกันจากเทอร์มินัลของผู้ใช้ไปสู่เอดจ์ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มการตอบสนองที่คล่องตัวเท่านั้น แต่ยังเร่งการพัฒนานวัตกรรมในยุคบุกเบิก 5G ที่ใช้ระบบประมวลผลแบบเอดจ์ อีกด้วย

GIGABYTE ทุ่มเทในการใช้ประสิทธิภาพการประมวลผลเพื่อเร่งนวัตกรรมและยกระดับคุณภาพชีวิต และได้ทุ่มเทความพยายามในการพัฒนาวิธีการทำความเย็นต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์โดยใช้การระบายความร้อนด้วยของเหลวโดยตรง และเทคโนโลยีการระบายความร้อนแบบ immersion cooling เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากความร้อนที่เพิ่มขึ้นที่เกิดจากการมีอยู่ของศูนย์ข้อมูล

ในยุคดิจิทัลใหม่ที่ขับเคลื่อนโดยแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานด้วย AI ทาง GIGABYTE จึงได้จับคู่เซิร์ฟเวอร์กับแพลตฟอร์ม MLSteam ของ MyelinTe เพื่อจัดคลัสเตอร์เซิร์ฟเวอร์การประมวลผล ที่เก็บข้อมูล และโหนดการจัดการทั้งหมด เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดสรรทรัพยากร การตรวจสอบและการจัดการ และเพิ่มการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด GIGABYTE ได้ขยายประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์แบบฝังตัวในแอพพลิเคชั่นในชีวิตประจำวัน เช่น รถยนต์ไร้คนขับและอินเทอร์เน็ตของยานพาหนะ โดย ADCU series ของ GIGABYTE สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และตัดสินใจควบคุมยานพาหนะได้แบบเรียลไทม์ ส่วน T-BOX สามารถจัดการข้อมูลและการสื่อสารระหว่างยานพาหนะบนท้องถนน ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการจัดการยานพาหนะเชิงพาณิชย์

พลังแห่งการคำนวณคอมพิวติ้ง เป็นตัวขับเคลื่อนสำหรับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์ส่วนตัวที่ดีอีกด้วย GIGABYTE จัดแสดงภาพจำลองการทำงานร่วมกันแบบเสมือนของ NVIDIA Omniverse™ พร้อมการตั้งค่าโฮสต์-ไคลเอนต์โดยใช้เวิร์กสเตชัน W771-Z00 ประสิทธิภาพสูงและมินิพีซี BRIX แบบภาพ ซึ่งเป็นการแสดงเกมที่น่าประทับใจของโซลูชั่นการเล่นเกมระดับเรือธงที่ขับเคลื่อนโดยโปรเซสเซอร์ Intel เจนเนอเรชั่นที่ 12  ซึ่งเป็นมาเธอร์บอร์ดและจอภาพที่ได้รับรางวัล iF Design และมาเธอร์บอร์ด AMD Socket AM5 ที่มีการออกแบบขั้นสูงและคุณสมบัติมากมายของสล็อตกราฟิก PCIe 5.0 และอินเทอร์เฟซ m.2 Gen5 และแล็ปท็อปสำหรับครีเอเตอร์/เกมมิ่งของ GIGABYTE ให้ประสิทธิภาพที่สูงพร้อมประสบการณ์ด้านภาพระดับพรีเมียม แล็ปท็อปสำหรับเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ i9 HX ซีรีส์ เจนเนอเรชั่น 12 นำเสนอโอกาสของสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อีกมากจาก Metaverse

ตั้งแต่วันที่ 24 ถึง 27 พฤษภาคม GIGABYTE ได้รับการจัดเตรียมผลิตภัณฑ์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ และพร้อมที่จะแสดงความเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์และความรู้ด้านเทคโนโลยี ซึ่งมีประสิทธิภาพในการประมวลผลเพื่อเร่งให้เกิดนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและรักษาวิสัยทัศน์ในการ "อัปเกรดชีวิตของคุณ" ”

GIGABYTE @ COMPUTEX 2565 – https://gbte.tech/CX22

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กร GIGABYTE: https://www.gigabyte.com/enterprise

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220519005640/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ: Michael Pao brand@gigabyte.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

CR Asia Group ประกาศการรีแบรนด์และเปลี่ยนชื่อเป็น CR3

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–26 พ.ค. 2565

CR Asia Group ประกาศเปลี่ยนชื่อแบรนด์เป็น CR3 พร้อมกับเปลี่ยนโลโก้ขององค์กรใหม่ ซึ่งสะท้อนถึงการเน้นยำด้านยุทธศาสตร์ของเราในด้านความยั่งยืนและพลังงานสะอาด โดย CR3 จะยังคงมุ่งมั่นเพื่อความเป็นเลิศในการแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมพลังงานต่อไป พร้อม ๆ ไปกับการแสวงหาโอกาสในอนาคตในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

แบรนด์และโลโก้ CR3 จะถูกนำมาแทนที่ชื่อ CR Asia ที่เคยใช้สำหรับองค์กร การดำเนินงาน และโลโก้ของเราในอดีต  CR3 เป็นธุรกิจโซลูชั่นวิศวกรรมพลังงานชั้นนำที่ดำเนินงานทั่วเอเชีย ด้วยประวัติที่ยาวนาน 30 ปี และให้บริการลูกค้าใน 18 ประเทศทั่วเอเชีย ณ ที่ตั้งหลักถาวรในสิงคโปร์  ไทย อินเดีย และมาเลเซีย แบรนด์ใหม่ CR3 ของเรา  มุ่งมั่นที่จะขยายฐานที่ตั้งเพิ่มเติมนอกเหนือจากตลาดดั้งเดิมของเราในเอเชียเพื่อให้บริการลูกค้าของเราได้ดียิ่งขึ้น

แบรนด์ CR3 ใหม่ของเรา เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญ เนื่องจากลูกค้าของเราที่ทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานและการลดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง โลโก้ใหม่เชื่อมโยงประสบการณ์ในอดีตของ CR3 กับโอกาสในอนาคต หมายเลข “3” ของ CR3 หมายถึงการตั้งชื่อใหม่ครั้งที่ 3 จากชื่อเดิมของ Contract Resources และ CR Asia พร้อมไปกับการเน้นย้ำการดำเนินงาน 3 ทศวรรษของเราในทักษะหลัก 3 ประการของเราในด้านประสิทธิภาพพลังงาน ความเป็นเลิศทางวิศวกรรม และโซลูชันที่ยั่งยืน โลโก้สีเขียวสดใสของ CR3 เน้นย้ำถึงความสำคัญของความยั่งยืนต่อตลาดของเรา การผสมผสานระหว่างการออกแบบตัวอักษรที่ดูเป็นระบบกลไกและที่ถูกขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เป็นการนำเสนอความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาและขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในภาคพลังงานนอกเอเชีย รวมถึงการมุ่งเน้นที่การเพิ่มโซลูชันทางวิศวกรรมที่เป็นนวัตกรรมและที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

“การเปลี่ยนชื่อองค์กรถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเรา เนื่องจากเป็นการเสนอข้อความที่มุ่งเน้นการจัดหาโซลูชั่นประหยัดพลังงานเพื่อตอบสนองความท้าทายด้านคาร์บอนในปัจจุบันมากขึ้น แบรนด์ใหม่ของเราทำให้ภาพลักษณ์ทางการตลาดของเราชัดเจนขึ้นว่าเราเป็นใคร และอะไรที่ทำให้ CR3 ไม่เหมือนใคร เราเชื่อว่าสัญลักษณ์ที่โดดเด่นนี้จะชี้นำและเร่งการเติบโตและวิวัฒนาการทางธุรกิจของเรา” Mark Stansfield ซีอีโอของ CR3 กล่าว “สัญลักษณใหม่ถูกออกแบบมาเพื่อการเริ่มบทใหม่สำหรับ CR3 Group และเพื่อสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนในตลาดของ CR3 สำหรับลูกค้าของเรา”

สัญลักษณ์ CR3 จะปรากฏในสินทรัพย์ทางธุรกิจ ชื่อบริษัท และการสื่อสารทั้งหมด และจะถูกนำมาใช้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า การสร้างแบรนด์และการส่งข้อความของ CR3 จะตอกย้ำตำแหน่งของตนในฐานะผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันวิศวกรรมพลังงานที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้คาร์บอนในระดับที่ต่ำสำหรับลูกค้าใหม่และลูกค้าเดิม

David Young ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของและผู้ขับเคลื่อนหลักในกลยุทธ์การรีแบรนด์ของ CR3 กล่าวว่า "สัญลักษณ์ใหม่ของ CR3 จะทำให้ CR3 โดดเด่นในด้านพลังงานสำหรับคู่ค้าและลูกค้าของเรา เว็บไซต์ใหม่ โลโก้ใหม่ การสร้างแบรนด์ เครื่องมือ และทรัพยากรเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อ CR3 ในการทำให้สอดคล้องกับแผนในอนาคตของเรา และเราจะนำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมด้วยแนวทางที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้น จังหวะเวลานั้นสมบูรณ์แบบเพราะเกิดขึ้นได้ไม่นานหลังจากการเข้าซื้อกิจการของ ShawKwei & Partners และจะช่วยให้ CR3 โดดเด่นออกมาจากหมู่คู่แข่ง”

โลโก้ใหม่ของ CR3 มีผลบังคับใช้ทันที และจะนำไปใช้กับบริษัท โซลูชั่น สินทรัพย์ บริการ ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ของ CSR Group

เกี่ยวกับ CR3 Group

CR3 Group ก่อตั้งขึ้นในปี 2534 (เดิมชื่อ CR Asia Group) ให้บริการโซลูชั่นด้านวิศวกรรมพลังงานแก่ลูกค้าผ่านโรงงานหลักในประเทศไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินเดีย CR3 Group มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชันวิศวกรรมพลังงานทั่วเอเชีย โดยให้บริการลูกค้าระดับโลกในอุตสาหกรรมที่เน้นให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ เช่น การผลิตพลังงาน การแปรรูปทางเคมี และกระแสไฟฟ้า

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220503005118/en/

ติดต่อ:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:

CR3 Group

Zee Noor

ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรกลุ่ม

อีเมล: cocom@cr3.group

โทร: +65 6268 0255

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Trilliant เตรียมปรับใช้ AMI ร่วมกับ SAMART Telcoms สำหรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ของประเทศไทย

Logo

AMI จะช่วยให้ กฟภ. ปรับปรุงประสิทธิภาพการรวบรวมข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับลูกค้าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม (C&I)

ประเทศไทย และสิงคโปร์–(บิสิเนสไวร์)–26 พ.ค. 2565

Trilliant ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโซลูชั่นสาธารณูปโภคสำหรับการตรวจวัดขั้นสูงและระบบสมาร์ทกริด ยินดีที่จะประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับ SAMART ในการติดตั้ง Advanced Metering Infrastructure (AMI) ให้กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.)  การปรับใช้นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ Trilliant ในด้านระบบสาธารณูปโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

Andy White ประธานและซีอีโอของ Trilliant กล่าวว่า “Trilliant ทุ่มเทเพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมแก่ลูกค้าของเราทั่วโลก  แพลตฟอร์มของเราให้สามารถปรับใช้เทคโนโลยีไร้สายแบบไฮบริดที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย ทำให้ระบบสาธารณูปโภคสามารถให้บริการระดับสูงสุดแก่ลูกค้าของพวกเขา  การเป็นพันธมิตรกับ SAMART ช่วยให้เราสามารถส่งมอบแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ของเราเพื่อรองรับการปรับใช้กับหลายแบรนด์”

กฟภ. ประเทศไทย ได้ทำสัญญากับ STS Consortium ซึ่งประกอบด้วย SAMART Telcoms PCL และ SAMART Communication Services

“การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจาก Trilliant ผู้ให้บริการเทคโนโลยีระดับโลก ได้เสริมความแข็งแกร่งในการนำเสนอโซลูชั่นของเราแก่กฟภ. เราตั้งตารอที่จะได้เป็นหุ้นส่วนระยะยาวและร่วมมือในอนาคตในประเทศไทย” นายสุชาติ ดวงทวี รองประธานอาวุโส SAMART Telcoms PCL กล่าว

Trilliant ได้เชื่อมต่อสมาร์ทมิเตอร์มากกว่า 3 ล้านเครื่องสำหรับลูกค้าในอินเดียและมาเลเซียแล้ว โดยมีแผนที่จะติดตั้งเพิ่มเติมอีก 7 ล้านเมตรในช่วง 3 ปีข้างหน้าผ่านความร่วมมือที่มีอยู่  ด้วยการเพิ่มกฟภ. เป็นลูกค้า เทคโนโลยีของ Trilliant จะถูกนำไปใช้ในบ้านใหม่หลายล้านหลังในเร็วๆ นี้ ซึ่งช่วยให้ระบบสาธารณูปโภคเข้าถึงไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้อย่างเสถียร

การปรับใช้อย่างต่อเนื่องใน APAC เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ของ Trilliant สำหรับสาธารณูปโภคและชุมชน  เมื่อเร็วๆ นี้ Frost & Sullivan ได้รับรางวัล Asia-Pacific Smart Utility Communications Platform Company of the Year ประจำปี 2564 Trilliant ยังคงทุ่มเทให้กับเส้นทางนวัตกรรมเทคโนโลยี

Trilliant ยังคงร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านพลังงานเพื่อติดตั้งมาตรวัดอัจฉริยะ ระบบเฮดเอนด์ และฮับการสื่อสารให้เสร็จสมบูรณ์อย่างปลอดภัยและทันท่วงที  การใช้งานเหล่านี้สนับสนุนระบบสาธารณูปโภคในการบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนผ่านการปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่องและการจัดการบริการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น

เกี่ยวกับ Trilliant

Trilliant® ให้อำนาจแก่อุตสาหกรรมพลังงานด้วยแพลตฟอร์มการสื่อสารที่สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้สาธารณูปโภคและเมืองต่างๆ สามารถปรับใช้แอปพลิเคชันใดๆ ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้บนเครือข่ายที่ทรงพลังเพียงเครือข่ายเดียว  ด้วยโซลูชั่นที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและเป็นไปตามข้อกำหนดทั่วโลก Trilliant ให้อำนาจคุณด้วยการเชื่อมต่อโลกแห่งสรรพสิ่ง ® www.trilliant.com

เกี่ยวกับ SAMART Telcoms PCL

SAMART TELCOMS GROUP ให้บริการโซลูชั่นและบริการด้าน ICT และนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งรวมถึง Network Solutions, Enhanced Technology และ Business Application ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การออกแบบระบบ การติดตั้งและการใช้งาน การดำเนินงาน และการบำรุงรักษาในฐานะผู้นำและผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรสำหรับลูกค้าในภาครัฐและเอกชน

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220525006051/en/

ติดต่อ:

Tracey Mitchell
tracey.mitchell@trilliant.com 

Cindy Watson/Anita Wong
StrategicAmpersand Inc.
TrilliantPR@stratamp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter