Azbil เริ่มขายเซ็นเซอร์อุณหภูมิเพดานในต่างประเทศสำหรับอาคารสำนักงาน

Logo

– เซ็นเซอร์กลมมีความกลืนกับสภาพแวดล้อม ติดตั้งง่าย และมีความแม่นยำสูง –

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)– 20 พ.ย. 2562

Azbil Corporation (โตเกียว: 6845) ประกาศว่าได้เริ่มขายเซ็นเซอร์อุณหภูมิติดเพดาน (ชนิดกลม) ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิสำหรับพื้นที่ภายในสำหรับใช้กับระบบอาคารสำนักงาน HVAC  ไปยังที่อื่น ๆ นอกประเทศญี่ปุ่น

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191120005393/en/

Ceiling-mounted temperature sensor (round type) (Photo: Business Wire)

เซ็นเซอร์อุณหภูมิแบบติดตั้งกับเพดาน (แบบกลม) (ภาพ: Business Wire)

ในปีที่ผ่านมาอาคารสำนักงานมีเสาและกำแพงน้อยลงทำให้จำเป็นต้องติดตั้งเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิบนเพดาน เนื่องจากเซ็นเซอร์อุณหภูมิที่ติดตั้งบนเพดานของ Azbil มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 40 มม. และหนา 5 มม. และด้วยโทนสีที่ช่วยให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของห้องได้จึงไม่ลดความงามของห้อง ด้านการติดตั้งก็ง่ายขึ้นด้วยการใช้สปริงเพื่อล็อคเซ็นเซอร์ให้เข้าที่ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้สกรู การปรับปรุงโครงสร้างภายในของเซ็นเซอร์ทำให้เวลาตอบสนองเร็วขึ้นและเพิ่มความแม่นยำทำให้เซ็นเซอร์สามารถช่วยรักษาสภาพแวดล้อมในร่มที่สบายเอาไว้ได้ ทั้งนี้นับตั้งแต่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 มีการติดตั้งไปมากกว่า 20,000 เครื่องในอาคารสำนักงานและโครงสร้างอื่น ๆ และเซ็นเซอร์ได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากการออกแบบที่ไม่กระทบบดบังดีไซน์ การติดตั้งที่ง่าย และความแม่นยำสูง

การเปิดตัวเซ็นเซอร์ในต่างประเทศของ Azbil นั้นจะเน้นทำการตลาดกับอาคารสำนักงานและโครงสร้างอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออก โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายผลิตภัณฑ์เอาไว้ที่ 100 ล้านเยนในปีแรก นอกจากนี้เซ็นเซอร์ยังสอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เช่น ข้อกำหนด CE Marking1, REACH2, และ China RoHS3.

1 ต้องมีการรับรองสำหรับผลิตภัณฑ์บางอย่างเพื่อจำหน่ายในยุโรป มันบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย สุขภาพและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของสหภาพยุโรป

2 การลงทะเบียน การประเมินผล การอนุญาตและข้อจำกัดของสารเคมี ข้อบังคับของสหภาพยุโรปเกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมี

3 ข้อจำกัดของสารอันตราย; กฎระเบียบในประเทศจีนและภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อ จำกัดปริมาณของสารอันตรายที่สามารถบรรจุในอุปกรณ์ไฟฟ้า / อิเล็กทรอนิกส์

ภายใต้ปรัชญาของ azbil Group“ ระบบอัตโนมัติที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง” Azbil จะยังคงพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์และระบบที่ให้ความปลอดภัยและความสะดวกสบายแก่ผู้คน

เกี่ยวกับ Azbil Corporation

Azbil Corporation เดิมชื่อ Yamatake Corporation เป็นบริษัทชั้นนำในการก่อสร้างและระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรมโดยใช้เทคโนโลยีการวัดและการควบคุมเพื่อมอบโซลูชั่นมูลค่าเพิ่มสูงให้แก่ลูกค้า เพื่อให้การดำเนินงานของพวกเขามีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น Azbil ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2449 ได้ให้บริการลูกค้าทั่วโลกในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในด้านความปลอดภัย ความสะดวกสบาย การเติมเต็ม และการรักษาสิ่งแวดล้อมทั่วโลก โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2562 Azbil มีพนักงานกว่า 9,600 คนทั่วโลกและสร้างรายได้ 262,000 ล้านเยน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม https://www.azbil.com/.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191120005393/en/

ติดต่อสอบถามสำหรับสื่อ

Robert Jones / Masayoshi Kogai

ฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัท Azbil Corporation

โทรศัพท์: +81-3-6810-1006

อีเมล: publicity@azbil.com

Sojitz NTT Com NEC NEC Networks & System Integration เตรียมยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารในพม่า

Logo

—เพิ่มความจุขึ้นสามเท่าและปูทางสู่ 5G—

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–20 พ.ย. 2562

Sojitz Corporation, NTT Communications Corporation (NTT Com), NEC Corporation และ NEC Networks & System Integration Corporation (NESIC) ร่วมกันประกาศแผนการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่เชื่อมต่อเมืองหลักเนปยีดอ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์ และเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา (SEZ) ภายใต้คำสั่งอย่างเป็นทางการจาก Myanma Posts and Telecommunications ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ที่สุดของประเทศ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีฟีเจอร์มัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191119006175/en/

โครงการปรับปรุงเครือข่ายการสื่อสารที่มีมูลค่าประมาณ 7 พันล้านเยน (ราว 62 ล้านเหรียญสหรัฐ) จะเป็นโครงการเงินกู้ ODA แรกในสาขาการสื่อสารของพม่าที่ดำเนินการภายใต้การอุปถัมภ์ของรัฐบาลญี่ปุ่น  สี่บริษัทที่เข้าร่วมวางแผนที่จะสร้างระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศและโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่เชื่อมต่อทั้งสามเมืองและเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวาภายในปี 2564  เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ความสามารถในการสื่อสารจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า  โครงการนี้ยังจะสนับสนุนบริการ 5G ที่คาดว่าจะเปิดตัวในอนาคตอันใกล้

เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในพม่า อัตราการบุกเบิกของโทรศัพท์มือถือที่เคยอยู่ที่ประมาณ 10% ในปี 2557 ได้มีเกิน 90% ในปัจจุบัน  อย่างไรก็ตาม ความไม่พร้อมด้านความสามารถในการสื่อสารและที่อยู่ IP ทำให้จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานการสื่อสารที่เข้มแข็ง

NTT Com และ NEC ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารที่ใช้งานอยู่ในพม่าเช่นสถานีฐาน LTE ระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ และเครือข่ายการสื่อสารหลักที่เชื่อมต่อเนปยีดอ ย่างกุ้ง มัณฑะเลย์  นอกจากนี้ Sojitz ได้มีส่วนร่วมในโครงการโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานในประเทศ โดยได้มีสำนักงานในย่างกุ้งตั้งแต่ปี 2461

บทบาทของแต่ละบริษัท

Sojitz

ในฐานะผู้รับเหมาหลักของโครงการ Sojitz จะทำการบริหารโดยรวมโดยใช้ความรู้ที่ได้มาในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก

NTT Com

NTT Com ผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นจะนำความสามารถด้านเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญไปใช้ในการยกระดับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศเป็นความจุสูงสุด 800 Gbps  นอกจากนี้จะแก้ไขปัญหาการขาดที่อยู่ IP ด้วยเทคโนโลยี IPv6

NEC

NEC จะจัดหาอุปกรณ์การสื่อสารทางแสงที่ทันสมัยสำหรับเครือข่ายการสื่อสารหลักเพื่อขยายความสามารถในการส่งข้อมูลเป็น 1 Tbps ซึ่งมากกว่าระดับปัจจุบันสามเท่า  อุปกรณ์การสื่อสารด้วยแสงจะทวีคูณหลายสัญญาณที่มีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันและส่งสัญญาณเหล่านั้นผ่านใยแก้ว

NESIC

NESIC โดยทำงานร่วมกับบริษัทย่อยบริษัท เนสิค (ประเทศไทย) จำกัดจะติดตั้งอุปกรณ์ DWDM (dense wavelength division multiplexing) ซึ่งจัดหาโดย NEC และดำเนินการออกแบบงานโยธาและงานติดตั้งของโรงงานภายนอก (เครือข่ายสายเคเบิลใยแก้ว) ความยาวรวม 180km ในย่างกุ้งและเขตเศรษฐกิจพิเศษติละวา  นอกจากนี้ บริษัทจะจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์จ่ายไฟและอุปกรณ์เครื่องปรับอากาศ

ภายใต้โครงการนี้ ทั้งสี่บริษัทตั้งตารอที่จะมีส่วนร่วมในการยกระดับมาตรฐานการเป็นอยู่ของพม่าและการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนผ่านการสื่อสารที่เสถียรและมีประสิทธิภาพ

เกี่ยวกับ Sojitz Corporation

Sojitz Corporation ก่อตั้งขึ้นจากการรวมตัวกันของ Nichimen Corporation และ Nissho Iwai Corporation สองบริษัท ที่มีประวัติอันยาวนาน  กว่า 150 ปีที่ธุรกิจของเราได้ช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศและภูมิภาคนับไม่ถ้วน  วันนี้กลุ่ม Sojitz ประกอบด้วยบริษัทย่อยและบริษัทในเครือราว 400 บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่นและทั่วโลกเพื่อพัฒนาการดำเนินงานของบริษัทการค้าทั่วไปในหลากหลายประเทศและภูมิภาค

ในฐานะบริษัทการค้าทั่วไปกลุ่ม Sojitz ดำเนินธุรกิจหลากหลายประเภททั่วโลก รวมถึงการซื้อ การขาย นำเข้า และส่งออกสินค้า การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การให้บริการ และการวางแผนและประสานงานโครงการในญี่ปุ่นและต่างประเทศ  กลุ่มบริษัทยังลงทุนในภาคต่างๆ และดำเนินกิจกรรมทางการเงิน  ธุรกิจที่หลากหลายของ Sojitz รวมถึงที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ พืช พลังงาน ทรัพยากรแร่ สารเคมี ทรัพยากรอาหาร ทรัพยากรการเกษตรและป่าไม้ สินค้าอุปโภคบริโภค และนิคมอุตสาหกรรม

เกี่ยวกับ NTT Communications Corporation

NTT NTT Communications แก้ปัญหาความท้าทายทางเทคโนโลยีของโลกโดยการช่วยองค์กรต่างเอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมด้าน ICT ด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีการจัดการ  โซลูชั่นเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของเรา รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเอกชนชั้น 1 ระดับโลกที่เป็นแนวหน้าในอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมกว่า 190 ประเทศ/ภูมิภาคพร้อมศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดในโลกกว่า 450,000m2  ทีมบริการอาชีพระดับโลกของเราให้คำปรึกษาและบริการสถาปัตยกรรมเพื่อความยืดหยุ่นและความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จของธุรกิจของคุณ ขนาดและความสามารถระดับโลกของเราในโลกเทคโนโลยีนั้นไม่มีที่ไหนเทียบได้  เมื่อรวมกับ NTT Ltd., NTT Data และ NTT DOCOMO เราคือ NTT Group (TOKYO: 9432)

www.ntt.com | Twitter @ NTT Com | Facebook @ NTT Com | LinkedIn @ NTT Com

เกี่ยวกับ NEC Corporation

NEC Corporation เป็นผู้นำในการบูรณาการเทคโนโลยีด้านไอทีและเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและผู้คนทั่วโลก  NEC Group มอบ "โซลูชั่นเพื่อสังคม" ทั่วโลกที่ส่งเสริมความปลอดภัย ความมั่นคง ประสิทธิภาพ และความเท่าเทียมกันของสังคม  ภายใต้สาส์นของบริษัทเรื่อง "การสร้างโลกที่สดใส" NEC มีเป้าหมายที่จะช่วยแก้ไขปัญหาที่ท้าทายและสร้างคุณค่าทางสังคมใหม่สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ชมเว็บไซต์ของ NEC ที่ https://www.nec.com

เกี่ยวกับ NEC Networks & System Integration Corporation

NEC Networks & System Integration Corporation (TSE: 1973; NESIC) ให้บริการการสื่อสารแบบบูรณาการที่รวมจุดแข็งของการรวมระบบและบริการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวิศวกรรมที่ซับซ้อนและความสามารถในการจัดการระบบต่างๆ ของลูกค้า รวมถึงผู้ให้บริการโทรคมนาคม องค์กรและหน่วยงานภาครัฐ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ไปที่ https://www.nesic.co.jp/english/

ดูฉบับที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191119006175/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Sojitz Corporation
ฝ่ายฝ่ายประชาสัมพันธ์
โทร: +81-3-6871-3404

NTT Communications
Tadashi Takayama
ประชาสัมพันธ์
โทร: +81-3-6700-4010

NEC Corporation
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
โทร: +81-3-3798-6511

NEC Networks & System Integration Corporation
การโปรโมท CSR และฝ่ายสื่อสารองค์กร
E-mail: contact@dm.nesic.com

Toshiba เปิดตัวฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์หรือ eFuse ที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้เป็นครั้งแรก

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2562

Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation ("Toshiba") ได้เปิดตัววงจรรวม (IC) ที่มาพร้อมฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์ (eFuse) เป็นครั้งแรกในซีรีส์ “TCKE8xx” ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์หกรุ่นสำหรับป้องกันวงจรเมื่อกระแสไฟฟ้าเกิน ซึ่งรองรับการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป โดยวันนี้จะเริ่มมีการจัดส่งผลิตภัณฑ์สองรุ่น

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูเนื้อหาแบบเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191119005455/en/

Toshiba's first-ever eFuse ICs "TCKE8xx series" (Photo: Business Wire)

"TCKE8xx series" วงจรรวมรุ่นแรกของ Toshiba ที่มาพร้อมฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์ (รูปภาพ: Business Wire)

คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของวงจรรวมแบบ eFuse คือการที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ ฟิวส์ที่ใช้กันโดยทั่วไปซึ่งมีลักษณะเป็นหลอดแก้วและฟิวส์ที่มีแผ่นวงจรหรือชิพ จะป้องกันวงจรด้วยการตัดไฟเมื่อมีการใช้ไฟเกิน และจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่เมื่อเสียหาย ขณะที่วงจรแบบ eFuse จะใช้วงจรในตัวของมันเองตัดการจำหน่ายไฟเมื่อเกิดความผิดปกติ และสามารถทำการรีเซ็ตและนำกลับมาใช้ใหม่ได้

ข้อดีอีกอย่างคือ วงจรแบบ eFuse สามารถลดความซับซ้อนของการออกแบบวงจรและจำนวนส่วนประกอบที่ใช้ ทำให้การออกแบบวงจรมีความง่ายมากขึ้น ใช้วัสดุน้อยลง และใช้พื้นที่น้อยกว่าอุปกรณ์ที่ผลิตจากวัสดุแบบแยกส่วนจากกัน

ผลิตภัณฑ์ซีรีส์ TCKE8xx ใหม่ มีวงจรที่มีความทนทานสูงจากการที่เพิ่มความแม่นยำในการตรวจกระแสไฟฟ้าเกินสู่ระดับที่สูงกว่าในฟิวส์แบบทั่วไป เนื่องจากวงจรแบบ eFuse มีแคลมป์วัดกระแสไฟและแคลมป์วัดแรงดันไฟเพื่อป้องกันกระแสไฟและแรงดันไฟเกิน จึงสามารถป้องกันวงจรและรักษาระดับการจ่ายไฟด้วยการใช้แคลมป์วัดกระแสไฟและแคลมป์วัดแรงดันไฟ แม้เมื่อมีกระแสไฟหรือแรงดันเกินก็ตาม ฟังก์ชันป้องกันเมื่ออุณหภูมิสูงเกินและเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจร จะป้องกันวงจรด้วยการตัดกระแสไฟแบบทันทีเมื่อความร้อนสูงเกินหรือเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดลวงจร

คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เซิร์ฟเวอร์และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ที่มีความทนทานต่อกระแสไฟและแรงดันไฟได้มากขึ้นมีความต้องการสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดย Toshiba ตั้งเป้าให้ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรอง IEC 62368-1 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยสากลเพื่อความปลอดภัยระดับสูง รวมถึงทำให้การทดสอบที่จำเป็นสำหรับการรับรองอุปกรณ์ของลูกค้าง่ายขึ้นด้วย

ไลน์อัปนี้ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์สองประเภท ได้แก่ ประเภท auto-retry ซึ่ง eFuse สามารถกู้คืนวงจรได้เองโดยอัตโนมัติ และประเภท latch ซึ่งสามารถกู้คืนวงจรได้จากสัญญาณจากภายนอก ลูกค้าสามารถเลือกวงจรแบบ eFuse IC ที่เหมาะสมกับความต้องการและขนาดของอุปกรณ์

การใช้งาน

  • ปกป้องวงจรจากการจำหน่ายกระแสไฟเกิน

(เซิร์ฟเวอร์ หน่วยความจำ SSDs คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก คอนโซลเกม อุปกรณ์ AR และ VR และอื่น ๆ)

คุณสมบัติ

  • วัดกระแสไฟฟ้าเกินได้อย่างแม่นยำ : ±11% @Ta=-40 ถึง +85℃, ILIM=4.38A
  • ป้องกันไฟลัดวงจรด้วยความเร็วสูง : tFastOffDly=150ns (typ.) @Ta=-40 to +85℃
  • จ่ายไฟได้สูง : IOUT=0 ถึง 5.0A
  • ขนาดบางกะทัดรัด : 3.00×3.00มม. (typ.), t=0.75มม. (สูงสุด)

คุณสมบัติจำเพาะหลัก

(@Ta=25℃ นอกจากว่ามีการระบุไว้)

หมายเลขชิ้นส่วน

TCKE800NA

[1]

TCKE800NL

[1]

TCKE805NA

TCKE805NL

TCKE812NA

[1]

TCKE812NL

[1]

แพ็คเกจ

ชื่อ

WSON10B

ประเภทขนาด (มม.)

3.00×3.00, t=0.75 สูงสุด

ช่วงกระแสไฟขณะใช้งาน

แรงดันไฟขาเข้า VIN (V)

4.4 ถึง 18

กระแสไฟขาออก IOUT (A)

0 ถึง 5.0

ความต้านทานขณะใช้งาน RON typ. (mΩ)

28

ความแม่นยำในการตัดไฟเมื่อกระแสไฟฟ้าเกิน (%)

±11[2]

แคลมป์วัดแรงดันไฟเกิน VOVC typ. (V)

6.04

15.1

ความหน่วงอุปกรณ์เปรียบเทียบวงจร

tFastOffDly typ. (ns)

@Ta=-40 ถึง +85℃

150

ประเภทการกู้คืนวงจร

Auto-retry

Latched

Auto-retry

Latched

Auto-retry

Latched

ปรับตัวควบคุมอัตราสลูวได้

ตรวจสอบสต็อก & ซื้อ

ซื้อออนไลน์

ซื้อออนไลน์

หมายเหตุ :
[1] อยู่ระหว่างการพัฒนา
[2] @Ta=-40 ถึง +85℃, ILIM=4.38A

ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับไลน์ผลิตภัณฑ์วงจรรวมที่มาพร้อมฟิวส์อิเล็กทรอนิกส์ ได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/product/linear/power-supply/efuse-ics.html

ดูแผนภาพอ้างอิงของวงจรแบบ eFuse IC ได้ที่:
Application Circuits of eFuse IC TCKE805 Series
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/design-support/referencedesign/efuse-ic_PowerManagement_RD164.html

ตรวจสอบจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีจำหน่ายทางออนไลน์ผ่านตัวแทน ได้ที่:
TCKE805NA
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TCKE805NA.html
TCKE805NL
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/buy/stockcheck.TCKE805NL.html

*ชื่อบริษัท สินค้าและบริการทั้งหมด อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้น ๆ ที่กล่าวถึง

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับลูกค้า:
ฝ่ายขายและการตลาดอุปกรณ์สัญญาณขนาดเล็ก
โทร: +81-3-3457-3411
https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/contact.html

ข้อมูลในเอกสารฉบับนี้ รวมถึงราคาและข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการ และข้อมูลการติดต่อ เป็นข้อมูล ณ ปัจจุบันในวันที่ประกาศ และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

เกี่ยวกับ Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation เป็นบริษัทใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและประสบการณ์ นับตั้งแต่แยกตัวออกจากบริษัทเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 เราได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านอุปกรณ์ทั่วไป และได้นำเสนอโซลูชันเกี่ยวกับเซมิคอนดักเตอร์ ระบบ LSIs และ ระบบ HDD อันโดดเด่นให้กับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจของเรา

เรามีพนักงานจำนวน 22,000 คนทั่วโลก ซึ่งมีความตั้งใจร่วมกันที่จะเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ของเราให้ถึงระดับสูงสุด และให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์มูลค่าและตลาดใหม่ๆ ร่วมกัน เราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มยอดขายต่อปีซึ่งปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านเยน (7 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ให้สูงขึ้น เพื่อสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเราที่ https://toshiba.semicon-storage.com/ap-en/top.html

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20191119005455/en/

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อ:
Toshiba Electronic Devices & Storage Corporation
ฝ่ายการตลาดดิจิทัล
Chiaki Nagasawa
โทร: +81-3-3457-4963
semicon-NR-mailbox@ml.toshiba.co.jp

Mary Kay เป็นผู้สนับสนุนผู้ประกอบการเสริมสร้างพลังอำนาจของผู้หญิงทั่วโลกและด้านความเสมอภาคในการประชุมผู้หญิงระดับผู้นำหลายการประชุมทั่วโลก

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–19 พ.ย. 2562

เดือนนี้ Mary Kay Inc. ยังคงให้การสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิงทั่วโลกในการเป็นผู้ประกอบการและความเสมอภาคโดยการยกประเด็นปัญหาที่สตรีเผชิญอยู่ในทุกวันนี้ในการประชุมระดับสูงของผู้หญิงทั่วโลก บริษัท Mary Kay ได้เข้าร่วมในการประชุมระดับนานาชาติที่สำคัญสองครั้งอย่างแข็งขัน ได้แก่ การประชุมผู้นำสตรีสากลระดับโลก (International Women’s Forum World Leadership Conference)ในโตรอนโต แคนาดา และฟอรัมสากลเรคยาวิก – ผู้นำสตรีในเรคยาวิก (the Reykjavik Global Forum – Women Leaders) ประเทศไอซ์แลนด์

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่:https://www.businesswire.com/news/home/20191119005354/en/

L to R: Marijana Klapcic, Manager Communications, Public Relations & Creative Marketing, MK Canada; Pat Mitchell, author Becoming a Dangerous Woman; Michelle Haurilak, Director, Public Relations, Digital & Product Marketing, MK Canada (Photo: Mary Kay Inc.)

ซ้ายไปขวา: Marijana Klapcic, ผู้จัดการฝ่ายสื่อสาร, ฝ่ายประชาสัมพันธ์และการตลาดเชิงสร้างสรรค์ จาก MK Canada; Pat Mitchell ผู้แต่ง Becoming a Dangerous Woman ; Michelle Haurilak ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์การตลาดดิจิทัลและผลิตภัณฑ์ MK Canada (ภาพ: Mary Kay Inc.)

“มากกว่า 56 ปีแล้วที่ Mary Kay Ash ได้ก่อตั้งบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำในด้านการส่งเสริมพลังอำนาจของผู้หญิง” Deb Gibbins หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay, Inc. กล่าว“ เพื่อเป็นเกียรติแก่มรดกของเธอและของผู้หญิงในทุก ๆ ที่ เรามุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับผู้นำระดับโลกเพื่อช่วยให้ผู้หญิงมีหนทางไปสู่อิสรภาพ ความมั่นคงทางการเงิน และสถานที่ทำงานที่เปิดโอกาสด้านความเท่าเทียมกันมากขึ้น”

ในระหว่างการประชุมผู้นำสตรีสากลระดับโลก หรือ World Leadership Conference ในโตรอนโต ประเทศแคนาดา ผู้นำที่เป็นสถาปนิกหญิง ผู้สนับสนุน ผู้เร่งปฏิกิริยา (catalysts) และผู้บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงจากกว่า 50 ประเทศ ได้มารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายที่ผู้หญิงเผชิญในปัจจุบัน ซึ่ง Michelle Haurilak จาก Mary Kay ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์การตลาดดิจิทัลและผลิตภัณฑ์ที่ Mary Kay Canada ได้พูดคุยและแนะนำเซสชัน "Becoming a Dangerous Woman" ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ Pat Mitchell  ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงโทรทัศน์และผู้อำนวยการกองบรรณาธิการของ TEDWomen

ที่ Reykjavik Global Forum  ใน เรคยาวิก, ไอซ์แลนด์, Julia Simon, หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและเลขานุการบริษัท Mary Kay ได้เข้าร่วมกับผู้นำสตรีคนอื่น ๆ เพื่อพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับการพัฒนาสังคมต่อไป เพื่อเพิ่มความเสมอภาคระหว่างผู้หญิงและผู้ชาย รวมไปถึงการเพิ่มจำนวนผู้หญิงในตำแหน่งผู้นำ โดยในระหว่างการประชุม Simon ยังได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันในหมู่ผู้นำซึ่งจัดโดย Concordia ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่อุทิศตนเพื่อสนับสนุนการยกระดับการเป็นหุ้นส่วนข้ามภาคเพื่อผลกระทบทางสังคม งานเลี้ยงอาหารกลางวันมีการยกประเด็นสำคัญ เช่น การลงทุนในผู้ประกอบการหญิง สุขภาพระดับโลกของผู้หญิง ความเป็นผู้นำทางการเมืองของผู้หญิง และการศึกษาของผู้หญิง

“Mary Kay เป็นมากกว่าแบรนด์ความงาม เพราะเป็นแบรนด์ที่เสริมสร้างพลังอำนาจผู้หญิงและเป็นแบรนด์ส่งเสริมผู้ประกอบการ” Gibbins กล่าวเพิ่ม “ ในขณะที่มีการก้าวย่างครั้งใหญ่เพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าของผู้หญิง แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ เพื่อทำให้มั่นใจว่าความก้าวหน้าจะดำเนินต่อไปในระดับโลก เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้อยู่แถวหน้ากับผู้นำด้านนโยบายคนอื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้”

การมีส่วนร่วมในการประชุมเหล่านี้เป็นเพียงการดำเนินงานล่าสุดที่ Mary Kay ได้ดำเนินการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิง เมื่อเร็ว ๆ นี้ Mary Kay ได้ประกาศโครงการตัวเร่งกิจการผู้ประกอบการสตรี หรือ Women’s Entrepreneurship Accelerator empowered by Mary Kay ด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ของสหประชาชาติหกแห่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดย Mary Kay ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มของพันธมิตรระยะเวลาหลายปี ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ และช่วยให้พลังอำนาจแก่ผู้ประกอบการสตรีทั่วโลก โครงการจะช่วยดำเนินการหลักสูตรดิจิทัลที่เสริมด้วยการฝึกอบรมและการให้คำปรึกษา นอกจากนี้ยังจะทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มสนับสนุนการขจัดสิ่งกีดขวางผู้ประกอบการผู้หญิง เริ่มตั้งแต่ การรู้หนังสือและการตามทันโลกดิจิทัล ไปจนถึงการปฏิรูปกฎหมายที่ช่วยให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการเติบโตของเศรษฐกิจท้องถิ่นและระดับชาติ โครงการจะสนับสนุนความพยายามระดับโลกในการสนับสนุนธุรกิจต่าง ๆ เพื่อสร้างและขยายความสัมพันธ์กับธุรกิจของผู้หญิงรวมไปถึงการจัดซื้อจัดจ้างขององค์กร การขยายตัวในอนาคตของโครงการจะรวมถึงโอกาสการระดมทุนที่เข้าถึงได้สำหรับผู้หญิงที่จบหลักสูตรนี้

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 56ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิงผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kayทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัยเครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างศักยภาพของผู้หญิงและครอบครัวด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็งการปกป้องผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงภายในครัวเรือน การทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และการส่งเสริมเด็ก ๆ ให้ทำตามความฝันของตน ดังนั้นวิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติกยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป อ่านเพิ่มเติมได้ที่ MaryKay.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191119005354/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 or media@mkcorp.com

Africa Finance Corporation ขยายการลงทุนในเอเชียอย่างต่อเนื่องด้วย Kimchi Term Loan Facility มูลค่า 140 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ

Logo

การลงทุนในเอเชียล่าสุดไปยัง AFC เป็นเงินประมาณ 1.2 พันล้านเดอลลาร์สหรัฐ

ความสำเร็จเป็นตัวบ่งบอกถึงความสนใจของนักลงทุนชาวเอเชียในการพัฒนาของแอฟริกา

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–20 พฤศจิกายน 2562

Africa Finance Corporation (“AFC” หรือ “Corporation) นักลงทุนผู้ให้บริการโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานระดับชั้นนำ วันนี้ได้ประกาศการทำสัญญาเสร็จสิ้นด้วยวงเงินกู้ระยะยาวกิมจิหรือ Kimchi Term Loan Facility จำนวน 140,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ (“วงเงิน”)

การกู้ยืมนี้เป็นการมุ่งเป้าไปที่ตลาดการลงทุนในเกาหลีเป็นครั้งแรก ตามหลังวงเงินกู้ระยะยาวซามูไรแบบสองสกุลเงินหรือ Samurai Term Loan Facility  จำนวน 233 ล้านดอลลาร์สหรัฐและ 1 พันล้านเยน การทำสัญญาเสร็จสิ้นในเดือนกันยายน 2562 และสินเชื่อ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศจีน การทำวงเงินกู้นี้ไม่รวมการซื้อของนักลงทุนชาวเอเชียอยู่ที่ 28% และการออกตราสารหนี้ระหว่างประเทศยูโรบอนด์ 16% เป็นจำนวนเงิน 500 ล้านและ 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ การลงทุนใน AFC ในตลาดเอเชียเมื่อไม่นานมานี้ (จากจีน ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย และไต้หวัน) มีมูลค่าประมาณ 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

วงเงินกู้ระยะยาวกิมจิและการลงทุนอื่น ๆ ในเอเชียทั้งหมดของ AFC เป็นตัวอย่างของความสำเร็จของบริษัทที่มีส่วนร่วมจากนักลงทุนทั่วโลกและเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างพันธมิตรของนักลงทุนเพื่อกระจายแหล่งเงินทุนในขณะเดียวกันก็อนุญาตให้สถาบันต่าง ๆ จากทั่วโลกเข้าร่วมในการพัฒนาแอฟริกา รายได้จากวงเงินกู้ระยะยาวกิมจิจะใช้ตามวัตถุประสงค์ทั่วไปของบริษัทตามข้อตกลงกับ AFC และกฎบัตร

นายซาไมลา ซุไบรุประธานและซีอีโอของ AFC กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้บรรลุเป้าหมายครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์นี้กับตลาดตราสารหนี้ของเกาหลีใต้ซึ่งเรารู้ว่าเรามีเกณฑ์การลงทุนที่คัดสรรมาอย่างดี ความสำเร็จนั้นคล้ายกันกับวงเงินกู้ซามูไรในประเทศญี่ปุ่นซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกระหายที่เพิ่มขึ้นสำหรับการลงทุนในแอฟริกาตะวันออก เราหวังว่าจะมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องกับเกาหลีใต้เช่นเดียวกับตลาดเอเชียอื่น ๆ ที่เข้าใจถึงโอกาสในการพัฒนาที่ไม่เคยมีมาก่อในแอฟริกา”

นายบานจิ เฟฮินโตลาผู้อำนวยการอาวุโสและเหรัญญิกของ AFC กล่าวเสริมว่า “ที่ AFC เราใช้วิธีการอันหลากหลายและการคาดการณ์ล่วงหน้าในการระดมทุน เอเชียเป็นภูมิภาคที่สำคัญมากสำหรับเราและการมีส่วนร่วมของนักลงทุนชาวเอเชียในการเสนอขายตราสารหนี้ของเราได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ วงเงินกู้กิมจิและซามูไรที่เราได้รับในปีนี้เป็นตัวอย่างของการเข้าถึงตลาดและนวัตกรรมอย่างกว้างขวางของ AFC ในการระดมทุนระดับโลกเพื่อดำเนินโครงการและเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนในแอฟริกา เราภูมิใจในความสำเร็จของเราในเอเชียและเราหวังว่าเราจะสามารถกระชับความเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาคนี้ให้มากยิ่งขึ้น”

ธนาคาร Shinhan Bank สาขาลอนดอนและ Nedbank Limited ของแอฟริกาใต้ สาขาลอนดอนจะทำหน้าที่เป็น Bookrunner และผู้จัดทำเอกสาร ธนาคาร KEB Hana เป็นผู้จัดทำเอกสาร ธนาคาร NongHyup เป็นผู้จัดทำเอกสาร และธนาคาร First Abu Abu Abu PJSC เป็นผู้ประสานงาน

วงเงินการกู้เริ่มต้นและมีการเผยแพร่ทั่วไปวันที่ 16 กันยายน 2562 และสัญญาข้อตกลงเงินกู้เสร็จสิ้นวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562

บทบรรณาธิการ

เกี่ยวกับ AFCwww.africafc.org

AFC เป็นสถาบันการเงินนักลงทุนแบบพหุภาคีที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยมีฐานเงินทุนจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นผู้นำภาคเอกชนที่ให้การสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในแอฟริกา มีงบดุลปัจจุบันประมาณ 5.07 พันล้านดอลลาร์สหรัฐAFC เป็นสถาบันการเงินนักลงทุนแบบพหุภาคีอันดับสองในแอฟริกาที่มีการจัดอันดับ A3/P2 (แนวโน้มความมีเสถียรภาพ) จาก Moody’s Investors Service AFC ประสบความสำเร็จในการระดมทุนกว่า 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562  500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 และ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2558  การออกตราสารหนี้ต่างประเทศผ่านการรับรองของคณะกรรมการมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายใต้โปรแกรมตราสารหนี้ระยะกลางหรือ Global Medium-Term Note (MTN) ตราสารหนี้ต่างประเทศทั้งหมดได้รับการจองซื้อเกินกว่าที่เสนอและเป็นที่ดึงดูดของนักลงทุนจากเอเชียยุโรปและสหรัฐอเมริกา

การลงทุนของ AFC นำเสนอความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนโดยเน้นที่การให้คำปรึกษาทางการเงินและทางเทคนิค การจัดทำโครงการ การพัฒนาโครงการและความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของแอฟริกาอย่างยั่งยืน AFC ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูงที่ให้บริการที่จำเป็นในภาคโครงสร้างพื้นฐานหลักด้านพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ อุตสาหกรรมหนัก การขนส่งและโทรคมนาคม ปัจจุบันบริษัทได้ลงทุนในโครงการไปแล้วกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐใน 30 ประเทศทั่วแอฟริกา

ติดตามเราบน Twitter – @africa_finance

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:

Lucy Savage

รองประธานอาวุโสฝ่ายการสื่อสาร

โทรศัพท์: + 234 1 279 9600

อีเมล: lucy.savage@africafc.org     

Buchanan Communications

Bobby Morse / Augustine Chipungu

โทรศัพท์: +44 (0) 207 466 5000

อีเมล: afc@buchanan.uk.com  

รายงาน GPCI 2019 ของมูลนิธิ Mori Memorial Foundation ระบุว่าลอนดอนกำลังชะลอตัว โตเกียวกับลังซบเซา และปารีสกำลังเทรนด์สูงขึ้น

Logo

48 เมืองใหญ่ของโลกตามการจัดอันดับโดย GPCI 2019 ของมูลนิธิ Mori Memorial Foundation

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–19 พ.ย. 2562

ลอนดอน นิวยอร์ก โตเกียว และปารีสได้รับเลือกอีกครั้งเป็นเมืองที่มีเสน่ห์อย่างครอบคลุมมากที่สุดในโลกตามลำดับ โดยดัชนีอิทธิพลเมือง Global Power City Index (GPCI) 2019 ตามรายงานที่ตีพิมพ์โดย The Mori Memorial Foundation’s Institute for Urban Strategies หน่วยงานวิจัยที่ก่อตั้งโดย Mori Building ผู้พัฒนาเมืองชั้นนำในโตเกียว  ตั้งแต่ปี 2008 รายงาน GPCI ประจำปีได้ทำการจัดอันดับ 40 กว่าเมืองใหญ่ในแง่ของ "พลังดึงดูด" หรืออำนาจโดยรวมในการดูดบุคคลที่มีความคิดสร้างสรรค์และองค์กรจากทั่วโลก  เมืองได้รับการจัดอันดับในแง่ของ 70 ตัวบ่งชี้ในหกหมวดหมู่ (ฟังก์ชั่น): เศรษฐกิจ การวิจัยและพัฒนา ปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม ความน่าอยู่ สิ่งแวดล้อม และการเข้าถึง  ในความพยายามที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมรอบเมือง GPCI ได้ปรับปรุงตัวชี้วัดและวิธีการรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีฟีเจอร์มัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191118005309/en/

Global Power City Index(GPCI) 2019 - 48 Target Cities (Graphic: Business Wire)

Global Power City Index (GPCI) 2019 – 48 เมืองเป้าหมาย (กราฟิก: บิสิเนสไวร์)

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น คะแนนโดยรวมของกรุงลอนดอนได้ลดลงหลังจากการครองตำแหน่งสูงสุดใน GPCI เป็นเวลาแปดปี  แม้ว่าคะแนนของนิวยอร์ก โตเกียว และปารีสได้ลดลงด้วยเหตุผลของตน ระดับการลดลงของโตเกียวนั้นได้เพิ่มความห่างไกลจากนิวยอร์กในขณะที่ช่องว่างระหว่างโตเกียวและปารีสได้แคบลง  ปารีสยังทำคะแนนหลังจากการประมูลที่ประสบความสำเร็จในปี 2560 เพื่อเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปี 2567 โดยได้ก้าวข้ามเทรนด์ขาลงที่ผ่านมาหลังจากเหตุก่อการร้ายในปี 2558

เหตุการณ์ท้าทายจำนวนมากในปี 2562 ได้แก่ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน การถอนตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป และการประท้วงในฮ่องกง  ผลกระทบที่เห็นได้ชัดในคะแนน GPCI 2019 คือ “อัตราการเติบโตของจีดีพี” ที่เชื่องช้าของปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ และจำนวน “500 บริษัทอันดับต้นของโลก” ที่ลดลงในกรุงลอนดอน  ฮ่องกงมีแนวโน้มที่จะเห็นผลกระทบของความไม่สงบทางการเมืองใน GPCI ปี 2563

ไฮไลต์ (เมือง #1-#10)

  • คะแนนของลอนดอน (#1) ลดลงอย่างชัดเจนในหมวด “มูลค่าจีดีพีตามราคาปัจจุบัน” และ “500 บริษัทอันดับต้นของโลก” ซึ่งอาจเกิดจากความสับสนจากการเจรจา Brexit  อย่างไรก็ตาม ลอนดอนยังคงมีจุดแข็งโดยรวมโดยมีตัวชี้วัด 12 จาก 16 ตัวในหมวดการโต้ตอบทางวัฒนธรรมติด 5 อันดับแรก
  • นิวยอร์ก (#2) ยังติดอันดับหนึ่งในหมวดกลุ่มเศรษฐกิจและการวิจัยและพัฒนา โดยได้รับคะแนนสูงในหมวด “มูลค่าจีดีพีตามราคาปัจจุบัน” และ “จำนวนนักวิจัย”  ทั้ง “ความพร้อมของทรัพยากรมนุษย์ที่มีทักษะ” และ “จำนวนชาวต่างชาติที่อยู่อาศัย” ภายใต้หมวดการปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมแสดงแนวโน้มที่ลดลงเนื่องจากบุคคลที่มีทักษะได้ย้ายไปอยู่เมืองอื่น
  • โตเกียว (#3) แม้จะมีคะแนนที่ลดลง แต่ยังคงอยู่ในอันดับที่สาม  แม้ว่าปักกิ่ง (#24) จะแซงหน้าโตเกียวเกี่ยวกับ "ความเสี่ยงทางการเมือง เศรษฐกิจ และธุรกิจ" คะแนนปฏิสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมของโตเกียวได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า  โตเกียวทำคะแนนได้ดีในเรื่อง "ความดึงดูดของตัวเลือกการรับประทานอาหาร" ในขณะที่ "จำนวนพิพิธภัณฑ์" และ "ตัวเลือกสถานบันเทิงยามค่ำคืน" อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งแสดงถึงความต้องการองค์ประกอบการท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดยิ่งขึ้น
  • ปารีส (#4) หลังจากคะแนนที่เคยลดลงหลังจากเหตุก่อการร้ายในปี 2558 ปัจจุบันได้รับคะแนนที่ดีขึ้นในหวมด “จำนวนผู้มาเยี่ยมชาวต่างชาติ” และ “จำนวนฆาตกรรม”  การแข่งขันระหว่างปารีสและโตเกียวเพื่อเพิ่มพลังในเมืองคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2567 และ 2563 ตามลำดับ
  • สิงคโปร์ (#5) ยังคงเป็นเมืองที่มีความมั่นคง โดยได้รับอันดับหนึ่งในด้าน “ความเสี่ยงทางการเมืองเศรษฐกิจและธุรกิจ” และอันดับที่ 2 ในด้าน “เสรีภาพทางเศรษฐกิจ”  สิงคโปร์ยังคงได้รับคะแนนสูงในด้าน “จำนวนผู้มาเยือนจากต่างชาติ” และ “จำนวนผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติ” ในฐานะศูนย์กลางระหว่างประเทศชั้นนำของเอเชีย
  • ความนิยมของอัมสเตอร์ดัม (#6) ในฐานะจุดหมายปลายทางเพื่อความบันเทิงได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 3 ในตัวบ่งชี้ "ทางเลือกชีวิตยามค่ำคืน" ที่เพิ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ โดยตามหลังลอนดอนและกรุงเทพ (#40)  โซล (#7) ได้คะแนนดีในการวิจัยและพัฒนา โดยติด 10 อันดับแรกในห้าของแปดตัวชี้วัด เช่นเดียวกับเมืองในเอเชียอื่นๆ เช่นไทเป (#39) และฮ่องกง (#9) แล้วโซลยังได้คะแนนสูงในเรื่อง “อัตราการรีไซเคิลขยะ”  เบอร์ลิน (#8) ทำคะแนนได้ดีในฐานะเมืองที่น่าอยู่ด้วยศิลปะและวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับมาดริด (#13) เบอร์ลินอยู่ใน 10 อันดับแรกของความน่าอยู่เนื่องจากค่าครองชีพและความง่ายในการใช้ชีวิต  ฮ่องกง (#9) ยังคงมีคะแนนดีเยี่ยมใน “อิสระทางเศรษฐกิจ” และ “ความเสี่ยงทางการเมือง เศรษฐกิจ และธุรกิจ”  ซิดนีย์ (#10) เป็นเมืองเดียวที่ติดอันดับ 10 อันดับแรกของโลกที่ทำคะแนนสูงสุดในด้านสิ่งแวดล้อม  ซิดนีย์ยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับที่ 3 ในบรรดาเมืองสำหรับ “จำนวนนักศึกษาต่างชาติ”

ไฮไลท์อื่นๆ

  • เมืองในอเมริกาเหนือลอสแองเจลิส (#12) บอสตัน (#25) ชิคาโก (#26) และซานฟรานซิสโก (#18) แข็งแกร่งในด้าน “ผู้ได้รับรางวัลในวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” โดยทั้งหมดอยู่ใน 10 อันดับแรกในการวิจัยและพัฒนา โตรอนโต (#16) และแวนคูเวอร์ (#23) ได้คะแนนสูงจากตัวชี้วัดส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน "เสรีภาพทางสังคมและความเท่าเทียม" และ "ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจจากภัยธรรมชาติ"
  • ซูริค (#15) และเจนีวา (#34) ได้รับคะแนนสูงในหมวดสิ่งแวดล้อมเช่น "เมืองเขียว" และ "การปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์" ในขณะที่สต็อกโฮล์ม (#14) และโคเปนเฮเกน (#20) ได้คะแนนดีในด้าน "คุณภาพน้ำ" และ "อัตราพลังงานทดแทน"
  • ในบรรดาเมืองใหม่ๆ ใน GPCI เมลเบิร์น (#11) และ เฮลซิงกิ (#28) ประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านสิ่งแวดล้อม ขณะที่ ดับลิน (#33) มีอัตราการเติบโตของจีดีพีสูง  เทลอาวีฟ (#38) ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีที่โดดเด่น อยู่ในอันดับที่ 7 ในด้าน “สภาพแวดล้อมสำหรับสตาร์ทอัพ”

ดูที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191118005309/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:
The Mori Memorial Foundation
Institute for Urban Strategies,
Peter Dustan, +81-3-6406-6800
แฟกซ์: +81-3-3578-7051 
iusall@mori-m-foundation.or.jp
http://mori-m-foundation.or.jp/english/ius2/gpci2/

หรือ

สำหรับสื่อต่างประเทศ
Weber Shandwick
Reina Matsushita / Kaya Tanabe,
+81-(0)80-2375-0295 / +81(0)90-7726-7027 moribldg@webershandwick.com


ธนาคารกสิกรไทยชี้แจงกรณีข่าวนางฮวย ศรีวิรัตน์ (อาม่าฮวย) ฟ้องร้องธนาคาร

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–19 พฤศจิกายน 2562

คำชี้แจง

จากกรณีนางฮวย ศรีวิรัตน์ (อาม่าฮวย) ได้ฟ้องคดีอาญาลูกสาว และพนักงานของธนาคารกสิกรไทยความผิดฐานลักทรัพย์ ทำเอกสารปลอม และใช้เอกสารปลอม เกี่ยวกับการเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าและฟ้องคดีแพ่งกับธนาคารนั้น

ธนาคารขอชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อปี 2557 และพนักงานดำเนินการไปตามความประสงค์ลูกค้าผ่านทางญาติสนิท โดยไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งนี้ในชั้นนี้มีการฟ้องร้องเป็นคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทั้งรายการที่เกิดในฝั่งธนาคาร ข้อมูลความสัมพันธ์ในทางครอบครัว และข้อมูลแวดล้อมอื่น ๆ โดยธนาคารพร้อมให้ข้อเท็จจริงและนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาล และยินดีปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรม

ส่วนบริหารเครือข่ายสื่อ ธนาคารกสิกรไทย
1 ซอยราษฎร์บูรณะ 27/1 ราษฎร์บูรณะ
กทม.10140
โทร.0 2470 2654-8

เอดีบี-กัลฟ์ พีดี ลงนามสัญญาเงินกู้สร้างโรงไฟฟ้ากำลังผลิต 2,500 เมกะวัตต์ ในประเทศไทย

Logo

ข่าวธุรกิจไทย กรุงเทพฯ ประเทศไทย ( 18 พฤศจิกายน 2562 ) – ธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี และ บริษัท กัลฟ์ พีดี จำกัด (Gulf PD Company Limited) ได้ร่วมลงนามในสัญญาเงินกู้มูลค่า 180 ล้านเหรียญสหรัฐ ในวันนี้ เพื่อลงทุนในโครงการก่อสร้างและดำเนินงานโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมจากกังหันก๊าซ (combined cycle gas turbine) กำลังการผลิต 2,500 เมกะวัตต์ ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะระยอง จังหวัดระยอง

https://www.adb.org/th/news/adb-gulf-pd-sign-deal-build-2500-mw-power-plant-thailand

INNIO ลงนามข้อตกลงกับกฟผ. พัฒนาโซลูชั่นไม่โครกริดขั้นสูงในประเทศไทย

Logo

  • ข้อตกลงจะรวมถึงการพัฒนาการสาธิตไมโครกริดที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพลังงานการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ของกฟผ. หรือ  EGAT’s zero-emissions energy excellence center ในเขตบางกรวย จ.นนทบุรี ประเทศไทย
  • การสาธิตไมโครกริดจะรวมระบบไฮโดรเจนจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
  • เป้าหมายของโครงการคือการติดตั้งเครื่องยนต์ก๊าซ INNIO Jenbacher เพื่อใช้เชื้อเพลิงทดแทน 100%

เมือง Jenbach, ประเทศอสเตรีย –(BUSINESS WIRE)–15 พ.ย. 2562

INNIO ประกาศในวันนี้ว่า บริษัท ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาของการสาธิตไมโครกริดที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพลังงานการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ของกฟผ. ประเทศไทย โดย กฟผ. กำลังวางแผนที่จะติดตั้งเครื่องยนต์ก๊าซ Jenbacher จาก INNIO ที่สามารถทำงานบนก๊าซทดแทนได้ 100% เช่น ก๊าซชีวภาพ และไฮโดรเจนสีเขียว และที่สนับสนุนการสาธิตไมโครกริดสีเขียวขนาดเล็ก พิธีการการลงบันทึกความเข้าใจนี้จัดขึ้นที่ศูนย์การเรียนรู้ของกฟผ. ในกรุงเทพฯ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191115005236/en/

From left to right: Tawatchai Sumranwanich (EGAT, Generation and Transmission System Planning Division), Patana Sangsriroujana (EGAT, Deputy Governor Strategy), Carlos Lange (INNIO, President & CEO) and Anand Anton (INNIO, General Manager Sales and Services APAC). Copyright: EGAT

จากซ้ายไปขวา: ธวัชชัย สำราญวานิช (กฟผ., ฝ่ายวางแผนและสร้างระบบส่งกำลัง), พัฒนา แสงศรีโรจน์ (กฟผ., รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์), Carlos Lange (INNIO, ประธานและ CEO) และ Anand Anton (INNIO, ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและบริการ APAC)  ลิขสิทธิ์ของ EGAT

เทคโนโลยีใหม่ที่ได้รับการพัฒนาช่วยให้ผู้ผลิตพลังงานผลิตไฟฟ้าด้วยการปล่อยคาร์บอนน้อยลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น กฟผ. ได้หันมาใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อมุ่งสู่การพัฒนานวัตกรรมพลังงานทดแทนและลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศโลก ความมั่นคงด้านพลังงาน และความเป็นอิสระ1

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมงานกับ INNIO ในโครงการนี้ ในระหว่างที่เราพัฒนาโครงการสาธิตไมโครกริดสีเขียวที่ กฟผ. แผนการของเราคือการติดตั้งโซลูชั่นดังกล่าวทั่วประเทศไทยและขยายตัวออกไปมากกว่านั้น” พัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกล่าว

บันทึกความเข้าใจกับ INNIO กำหนดกรอบการทำงานเพื่อกำหนดการใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานหมุนเวียนขั้นสูงและแสดงให้เห็นถึงโครงการไมโครกริด ที่ศูนย์การเรียนรู้ของกฟผ. ที่อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรีประเทศไทยซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2563 การบูรณาการเครื่องยนต์ก๊าซ Jenbacher พร้อมเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น ระบบแบตเตอรี่พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบอิเล็กโทรไลเซอร์ที่ผลิตไฮโดรเจนสีเขียวจะนำพาไมโครกริดสีเขียวมาสู่ประเทศไทยอย่างยั่งยืน มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่น ช่วยให้การจัดการพลังงานขั้นสูงตอบสนองความต้องการและให้โซลูชั่นการโหลดที่ลดลง

“ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านพลังงานการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ในประเทศไทยคาดว่าจะเป็นโครงการริเริ่มโครงการหนึ่งสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด และเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมลงทุนในนวัตกรรมนี้” Carlos Lange ซีอีโอและประธานบริษัท INNIO กล่าว “ เครื่องยนต์ก๊าซ Jenbacher ของ INNIO ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซอื่น ๆ เช่น ก๊าซชีวภาพ และไฮโดรเจน เครื่องยนต์ก๊าซของ INNIO ให้การใช้งานมากกว่า 68 กิกะวัตต์ในหมู่อุตสาหกรรมที่หลากหลาย และให้ความร้อนและพลังงานที่เชื่อถือได้ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายของประเทศไทยในด้านความมั่นคงและความเป็นอิสระด้านพลังงาน”

* ระบุเครื่องหมายการค้าจดทะเบียน

เกี่ยวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจภายใต้กระทรวงพลังงานซึ่งรับผิดชอบการผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้ารวมทั้งจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าจำนวนมากในประเทศไทย กฟผ. ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2512  เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีหน่วยงานทั่วประเทศด้วยกำลังการผลิตติดตั้งรวม 15,548 เมกะวัตต์

http://www.egat.co.th/en/.

เกี่ยวกับ INNIO

INNIO เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นชั้นนำสำหรับเครื่องยนต์ก๊าซ อุปกรณ์ไฟฟ้าแพลตฟอร์มดิจิทัล และบริการที่เกี่ยวข้องสำหรับการผลิตพลังงานและการบีบอัดก๊าซที่ใกล้กับจุดใช้งานหรือที่ ณ จุดการใช้งาน ด้วยแบรนด์ผลิตภัณฑ์ Jenbacher และ Waukesha ของเรา INNIO ก้าวไปไกลกว่าความเป็นไปได้ทั่วไปและมองไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญในวันพรุ่งนี้ ผลงานที่หลากหลายของเครื่องยนต์ก๊าซอุตสาหกรรมที่น่าเชื่อถือ ประหยัด และยั่งยืนนี้ สร้างพลังงาน 200 kW ถึง 10 MW สำหรับอุตสาหกรรมจำนวนมากทั่วโลก เราสามารถให้การสนับสนุนวงจรชีวิตแก่เครื่องยนต์ก๊าซที่ส่งมอบให้มากกว่าเครื่องยนต์ที่ใช้ก๊าซกว่า 50,000 แห่งทั่วโลก และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายบริการของเราในกว่า 100 ประเทศ INNIO เชื่อมต่อกับคุณในพื้นที่เพื่อตอบสนองความต้องการบริการของคุณอย่างรวดเร็ว

สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ Jenbach ประเทศออสเตรีย และมีการดำเนินงานหลักในเมือง Welland, Ontario, Canada และ Waukesha, Wisconsin, US สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ บริษัท ที่ www.innio.com. ติดตาม INNIO บน Twitter และ LinkedIn.

1 https://www.egat.co.th/en/news-announcement/news-release/moe-egat-discuss-thai-energy-in-the-disruptive-era

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191115005236/en/

ติดต่อ:

Susanne Reichelt

INNIO

+43 664 80833 2382

susanne.reichelt@ge.com

Vista Equity Partners ประกาศขยายธุรกิจในเอเชีย

Logo

Vista Consulting Group สาขาสิงคโปร์จะทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทในภูมิภาค

สิงคโปร์ & ออสติน เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–17 พฤศจิกายน 2562

วันนี้ Vista Equity Partners ประกาศเปิดตัวบริษัทในเครือ Vista Consulting Group’s (“VCG”) พร้อมทั้ง Vista Equity Partners (“Vista”) สาขาสิงคโปร์ โดย VGC จะเป็นบริษัทที่ปรึกษาในเครือของ Vista และเป็นบริษัทการลงทุนชั้นนำที่เน้นให้บริการแก่ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ระบบการวางแผนทรัพยากรขององค์กร ข้อมูล และเทคโนโลยี สำนักงานแห่งใหม่จะทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญ่ของ VCG ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะช่วยขยายกิจการของ Vista และช่วยสนับสนุนการดำเนินงานเพิ่มเติมแก่บริษัทในเครือ Vista ในภูมิภาคและพนักงานกว่า 14,000 คน

สำนักงานสิงคโปร์ซึ่งตั้งอยู่ที่อาคาร Centennial แสดงถึงการให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องต่อตลาดเอเชียของบริษัท ปัจจุบันมีบริษัทในเครือของ Vista กว่า 20 แห่งในภูมิภาค โดย 13 แห่งอยู่ในสิงคโปร์ และจากการเปิดตัวสำนักงานใหม่ครั้งนี้ บริษัทในเครือของ Vista อย่าง Apptio ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล ได้ยกให้สิงคโปร์เป็นศูนย์กลางแห่งเอเชีย เน้นการผลักดันยอดขายและมอบโอากาสทางธุรกิจต่าง ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค อีกหนึ่งบริษัทในเครือ Vista อย่าง RDC ก็ได้ประกาศไปเมื่อต้นปีว่าสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางของธุรกิจในเอเชีย

Robert F. Smith ผู้ก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอแห่ง Vista กล่าวว่า “เราเล็งเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของการตลาดระหว่างธุรกิจกับธุรกิจในเอเชีย โดยมีรากฐานจากการลงทุนด้านโครงสร้างเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ระบบการวางแผนทรัพยากรขององค์กรที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ยังสร้างโอกาสทางการค้าเพิ่มขึ้นแก่บริษัท นอกจากนี้ การตั้งบริษัทขึ้นในประเทศสิงคโปร์จะช่วยสร้างงานไปยังประเทศอินเดียและส่วนอื่น ๆ ในภูมิภาค และยังช่วยปรับปรุงความสามารถรองรับการเติบโตของบริษัทในเครือโดยการช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายของเรากับลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ นักลงทุน และผู้คิดค้นเทคโนโลยี เพื่อให้พวกเขาและ Vista ประสบความสำเร็จไปพร้อมกันต่อไปในอนาคต”

Vista เป็นหนึ่งในบริษัทแรก ๆ ที่ลงทุนพัฒนาบริษัทที่ปรึกษาของตนเอง โดยนำความเชี่ยวชาญและวิธีปฏิบัติงานที่ดีที่สุดเกือบสองทศวรรษมาลงทุนและเปิดบริษัทซอฟต์แวร์ระบบการวางแผนทรัพยากรขององค์กร และมีแผนการร่วมมือทางธุรกิจกับนักลงทุน ผู้ก่อตั้งธุรกิจ และผู้บริหารเพื่อช่วยให้บริษัทเติบโตผ่านเงินลงทุนและการช่วยเหลือสนับสนุน

พิธีเปิด Vista สาขาสิงคโปร์จัดขึ้นในวันศุกร์ โดยมีตัวแทนจากธนาคารกลางประเทศสิงคโปร์เข้าร่วม รวมทั้งพันธมิตรทางกลยุทธ์ ผู้บริหารจากบริษัทในเครือ Vista รัฐบาล และผู้นำทางธุรกิจจากทั่วภูมิภาค

เกี่ยวกับ Vista Equity Partners และ Vista Consulting Group

Vista Equity Partners เป็นบริษัทด้านการลงทุนโดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐฯ รวมทั้งสำนักงานย่อยในเมืองออสติน ชิคาโก นิวยอร์ก โอ๊คแลนด์ และซานฟรานซิสโก มีเงินทุนหมุนเวียนสะสมกว่า 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ Vista มุ่งเน้นลงทุนในการช่วยพัฒนาบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ระบบการวางแผนทรัพยากรขององค์กร ข้อมูล และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นหุ้นนอกตลาด สินเชื่อ เงินลงทุนสาธารณะ และกลยุทธ์เงินทุนถาวร ในฐานะนักลงทุนชั้นดีพร้อมวิสัยทัศน์ในระยะยาว Vista ได้ส่งมอบความเชี่ยวชาญและการสนับสนุนหลายระดับไปยังบริษัทต่าง ๆ เพื่อดึงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ พร้อมได้บริษัทในเครืออย่าง Vista Consulting Group มาช่วยสนับสนุนธุรกิจทั่วโลกอีกด้วย วิธีการลงทุนของ Vista ยึดหลักมาจากฐานเงินลงทุนระยะยาว ประสบการณ์การวางโครงสร้างการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านเทคโนโลยี และเทคนิคการจัดการที่เชื่อถือได้ ซึ่งมอบความยื่นหยุ่นและโอกาส สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ www.vistaequitypartners.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

สำหรับสื่อมวลชลติดต่อ

Alan H. Fleischmann

vista@laurelstrategies.com

+1-202-776-7776