สิบเอ็ดแบรนด์ไทยฉลองรางวัลในการประกวดการสร้างแบรนด์ประจำปี 2019 ที่พระราชวังเค็นซิงตัน

Logo

ลอนดอน–(บิสิเนสไวร์)–14 พ.ย. 2562

รางวัลการสร้างแบรนด์อันทรงเกียรติระดับโลก (World Branding Awards) ได้ยกย่อง 318 แบรนด์จาก 41 ประเทศในฐานะ “แบรนด์แห่งปี” ในงานฉลองที่จัดขึ้นที่ State Apartments ในพระราชวังเค็นซิงตัน โดยมีผู้บริโภคทั่วโลกกว่า 230,000 รายเข้าร่วมในกระบวนการลงคะแนน

Beijing Tong Ren Tang, CHAI LI WON, CoCo, Heinz, IKEA, LEGO®, Netflix, Neutrogena®, Schwarzkopf, Spotify, และ Yakult ถูกเลือกเป็นผู้ชนะระดับโลกในปีนี้

ผู้ชนะระดับภูมิภาคได้แก่ Aramex (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์); Elkjøp (นอร์เวย์); H&M (สวีเดน), Lancôme (ฝรั่งเศส); Naturgy (สเปน); Optical 88 (ฮ่องกง); LuLu (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์); Isetan (ญี่ปุ่น); และ ZALORA (สิงคโปร์)

สิบเอ็ดแบรนด์ไทยที่คว้ารางระดับประเทศในปีนี้ ได้แก่ Aurora (อัญมณี), ธนาคารกรุงเทพ (การธนาคาร), Café Amazon (ผู้ค้าปลีก-กาแฟ), King Power (ผู้ค้าปลีก-ปลอดภาษี), M-150 (เครื่องดื่มชูกำลัง), Pruksa (ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์), สถานีปตท. (สถานีบริการน้ำมัน/ปั้มน้ำมัน), SB Square Design (เฟอร์นิเจอร์), การบินไทย (สายการบิน), ไทยประกันชีวิต (ประกัน), และ TrueOnline (บรอดแบนด์/ISP)

ผู้ชนะได้รับถูกคัดเลือกผ่านสามรูปแบบการตัดสิน: การประเมินคุณค่าตราสินค้า, การวิจัยตลาดผู้บริโภค และการโหวตออนไลน์  เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของกระบวนการให้คะแนนมาจากคะแนนโหวตของผู้บริโภค สามารถมีผู้ชนะได้เพียงหนึ่งรายเท่านั้นในแต่ละหมวด

“งานนี้เป็นการฉลองความพยายามอย่างต่อเนื่องที่สำคัญต่อการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น  แบรนด์เหล่านี้ได้สร้างการจดจำแบรนด์ที่แข็งแกร่ง การรับรู้ และความไว้วางใจสูงสุดจากผู้บริโภค” Richard Rowles ประธาน World Branding Forum กล่าว

“แบรนด์ที่ดีจำเป็นต้องนำเสนอประสบการณ์ที่มีความหมายต่อลูกค้า ในขณะที่ยังคงมีความเกี่ยวข้องและโดดเด่น  โลกนี้เต็มไปด้วยแบรนด์มากมาย แต่แบรนด์ที่ยอดเยี่ยมต้องให้ผู้คนแน่ใจถึงจุดยืนของตน  แบรนด์ที่ชนะเลิศได้ได้กำหนดมาตรฐานให้กับแบรนด์อื่นๆ ในการอยู่ในอันดับต้นๆ ของเกม” Julian Andersen กรรมการผู้จัดการ World Branding Forum กล่าว

ในปีที่หก รางวัลนี้จัดขึ้นโดย World Branding Forum องค์กรไม่แสวงผลกำไรระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อพัฒนามาตรฐานการสร้างแบรนด์  องค์กรนี้ได้จัดและสนับสนุนโครงการการศึกษาที่หลากหลาย และยังเผยแพร่ข่าวการสร้างแบรนด์บนเว็บไซต์ที่เข้าถึงผู้ชมทั่วโลกกว่า 34.4 ล้านคน

งานนี้มีเจ้าภาพเป็นเ Jemma Forte พรีเซนเตอร์ของ ITV, BBC1, BB2 และ Channel 4 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายชื่อผู้ชนะเลิศ โปรดไปที่ awards.brandingforum.org

เกี่ยวกับ World Branding Forum

World Branding Forum (WBF) เป็นองค์กรจดทะเบียนที่ไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลก เป้าหมายและกิจกรรมขององค์กรคือการยกระดับมาตรฐานในการสร้างแบรนด์เพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมและผู้บริโภค  WBF ผลิต จัดการ และสนับสนุนโปรแกรมที่หลากหลายครอบคลุมการวิจัย การพัฒนา การศึกษา การจดจำ เครือข่าย และการเข้าถึง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดไปที่ brandingforum.org

###

ดูต้นฉบับใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191114005618/en/

ติดต่อ:

Peter Michaels
editorial@brandingforum.org

KIOXIA Corporation เปิดตัวAutomotive UFS ขนาด 512GB ตัวแรกของอุตสาหกรรม

Logo

เปิดประสบการณ์การใช้งานสู่ระบบและแอพพลิเคชั่นขั้นสูงมากขึ้น เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–14 พ.ย. 2562

กำลังมีความกระหายอย่างมากในด้านระบบยานยนต์ในรุ่นต่อไปในอนาคต ทั้งความกระหายด้านข้อมูล และความบันเทิงขั้นสูงที่เพิ่มขึ้น และระบบ ADAS[2] พื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมสำหรับการบันทึกข้อมูลเหตุการณ์ การรองรับการทำแผนที่ 3D ที่มากขึ้น ซึ่งในการจะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ KIOXIA Corporation ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้เริ่มต้นลองใช้ Automotive Universal Flash Storage[3]  ขนาด 512 กิกะไบต์แรก (GB) JEDEC®เวอร์ชั่น 2.1 โซลูชั่นหน่วยความจำในตัว Automotive UFS ของ KIOXIA ที่รองรับช่วงอุณหภูมิกว้าง (-40°C ถึง + 105°C) ตรงตามข้อกำหนด AEC-Q100 Grade2[4] และมอบความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้นตามการใช้งานด้านยานยนต์ต่าง ๆ ทั้งนี้อุปกรณ์ 512GB เข้าร่วมกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ Automotive UFS ที่มีอยู่ของบริษัทซึ่งรวมถึง ผลิตภัณฑ์ที่ความจุขนาด 16GB, 32GB, 64GB, 128GB และ 256GB

นวัตกรรมต่าง ๆ เช่น ยานยนต์อัตโนมัติ ระบบข้อมูล และความบันเทิงยานยนต์ขั้นสูง, ดิจิตอลคลัสเตอร์, ระบบตรวจสอบยานพาหนะ telematics และ ADAS ไม่เพียงแต่มอบประสบการณ์ผู้ขับขี่ที่ยกระดับ แต่ยังต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลภายในยานพาหนะมากขึ้นด้วย

เพื่อตอบสนองความต้องการหน่วยความจำที่มีความจุขนาดใหญ่นี้ หน่วยความจำขนาด 512GB Automotive UFS ใหม่ของ KIOXIA ได้ถูกพัฒนาขึ้นมา ซึ่งได้รวมเอาหน่วยความจำแฟลช 3D BiCS FLASH ™ ของบริษัทและคอนโทรลเลอร์เอาไว้ในแพ็คเกจเดียวกัน โดย 512GB Automotive UFS มีฟังก์ชั่นหลายอย่างที่เหมาะสมกับความต้องการของแอพพลิเคชั่นด้านยานยนต์เช่น ฟังก์ชัน “ รีเฟรช”,“ ควบคุมความร้อน” และ “การวินิจฉัยเพิ่มเติม” ทั้งนี้ ฟังก์ชัน“ รีเฟรช” สามารถใช้เพื่อรีเฟรชข้อมูลที่เก็บไว้ใน UFS และช่วยยืดอายุการใช้งานของข้อมูล ฟังก์ชั่น“ การควบคุมความร้อน” ปกป้องอุปกรณ์จากความร้อนสูงเกินไปในสถานการณ์อุณหภูมิสูงที่อาจเกิดขึ้นในการใช้งานยานยนต์ และท้ายที่สุด ฟังก์ชั่น“ การวินิจฉัยเพิ่มเติม” ช่วยให้โปรเซสเซอร์โฮสต์เข้าใจสถานะของอุปกรณ์ได้ง่าย

หมายเหตุ

[1] ที่มา: KIOXIA Corporation ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2562

[2] ADAS ย่อมากจาก Advanced Driving Assistant System

[3] Universal Flash Storage (UFS) เป็นเครื่องหมายการค้าและหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์สำหรับคลาสของผลิตภัณฑ์หน่วยความจำแบบฝังที่สร้างขึ้นตามข้อกำหนดมาตรฐาน JEDEC UFS โดย JEDEC เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ JEDEC Solid State Technology Association

[4] ข้อกำหนดคุณสมบัติของชิ้นส่วนไฟฟ้าที่กำหนดโดย AEC (Automotive Electronics Council)

*ข้อมูลจำเพาะตัวอย่างอาจแตกต่างจากชิ้นส่วนที่มาจากการผลิตจำนวนมาก

*ในการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ KIOXIA ทุกครั้ง: การระบุความหนาแน่นของผลิตภัณฑ์ตามความหนาแน่นของชิปหน่วยความจำภายในผลิตภัณฑ์ไม่ใช่จำนวนความจุหน่วยความจำที่มีสำหรับการจัดเก็บข้อมูลโดยผู้ใช้ ความจุที่ใช้งานได้ของผู้บริโภคจะลดลงเนื่องจากพื้นที่ของ overhead data การจัดรูปแบบฟอร์แม็ต บล็อกที่ไม่ดี และข้อจำกัดอื่น ๆ และอาจแตกต่างกันไปตามอุปกรณ์โฮสต์และแอปพลิเคชัน สำหรับรายละเอียดโปรดอ้างอิงข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดย1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต และ 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์ และชื่อบริการที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

เกี่ยวกับ KIOXIA:

KIOXIA เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นหน่วยความจำที่อุทิศตนเพื่อการพัฒนาการผลิตและการขายหน่วยความจำแฟลชและโซลิดสเตตไดรฟ์ (SSD) โดยในเดือนเมษายน 2560 หน่วยความจำ Toshiba รุ่นก่อนถูกแยกออกจาก Toshiba Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่คิดค้นหน่วยความจำแฟลช NAND ในปี 2530  KIOXIA มุ่งมั่นที่จะยกระดับโลกด้วยหน่วยความจำด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์บริการและระบบที่สร้างทางเลือกสำหรับลูกค้าและคุณค่าที่อิงการใช้หน่วยความจำต่อสังคม เทคโนโลยีหน่วยความจำแฟลช 3D แบบใหม่ของ KIOXIA คือ BiCS FLASH™ กำลังสร้างอนาคตของการจัดเก็บในแอพพลิเคชั่นที่มีความหนาแน่นสูง รวมไปถึงสมาร์ทโฟนขั้นสูง, พีซี, SSD, รถยนต์ และศูนย์ข้อมูล

สอบถามสำหรับลูกค้า:

KIOXIA Corporation

ฝ่ายขายและการตลาดหน่วยความจำ

โทร: +81-3-6478-2423

https://business.kioxia.com/en-jp/contact.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาของบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191113006021/en/

สอบถามสำหรับสื่อ:

KIOXIA Corporation

กองวางแผนกลยุทธ์การขาย

Koji Takahata

โทร: +81-3-6478-2404

Michael Buckley กลับคืนสู่การเป็นซีอีโอของ True Religion Apparel

Logo

แมนฮัตตันบีช แคลิฟอร์เนีย–(บิสิเนสไวร์)–25 พ.ย. 2562

True Religion Apparel, Inc. ประกาศว่าคณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้ง Michael Buckley เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ซึ่งมีผลทันที  ก่อนหน้านี้ คุณ Buckley เคยเป็นประธานของ True Religion Apparel จากปี 2549 ถึง 2553  คุณ Buckley จะรับผิดชอบในการพัฒนาและดำเนินการวิสัยทัศน์ในอนาคตและแผนงานสำหรับ True Religion  คุณ Buckley จะรายงานต่อคณะกรรมการบริษัท

Michael Buckley เป็นผู้บริหารผลิตภัณฑ์ค้าปลีกและผู้บริโภคชั้นนำที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่ประสบความสำเร็จกว่า 30 ปีเรื่องการสร้างแบรนด์และการสร้างมูลค่าทั้งในและต่างประเทศ เมื่อไม่นานมานี้ คุณ Buckley ได้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Differential Brands Group (เปลี่ยนชื่อเป็น Centric Brands เมื่อซื้อกิจการ Global Brands Group) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียน NASDAQ.  Differential เป็นเจ้าของแบรนด์ Hudson Jeans, Robert Graham และ Swims ก่อนหน้า Differential ช่วงปี 2554-2559 คุณ Buckley ได้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Robert Graham Designs ก่อนที่จะถูกขายให้กับบริษัท Differential Brands Group ในราคา 180 ล้านดอลลาร์  ก่อน Robert Graham ในช่วงปี 2549-2553 ในตำแหน่งประธาน True Religion Apparel ได้มียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 100 ล้านดอลลาร์เป็นมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์ EBITDA จาก 30 ล้านดอลลาร์ถึง 90 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าใน NASDAQ เพิ่มขึ้นสามเท่าเป็น 850 ล้านดอลลาร์  โดยแพลตฟอร์มค้าปลีกขยายจาก 1 เป็น 100 ร้านค้า  บริษัทได้ขยายชุดผลิตภัณฑ์เพื่อรวมเสื้อยืด เสื้อทอ เสื้อถัก แจ๊กเก็ต และลิขสิทธิ์จำนวนมากรวมถึงรองเท้า น้ำหอม แว่นตา ชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์เสริม  ทั้งในปี 2551 และ 2552 True Religion ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทเครื่องแต่งกายที่มีกำไรมากที่สุดอันดับหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนมหาชนในสหรัฐอเมริกาโดยวัดจากกำไรหลังภาษี

Gene Davis ประธานกรรมการกล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ Michael Buckley กลับมาที่ True Religion Apparel  เขานำประสบการณ์มาหลายปีในวงการเดนิมและชุดกีฬาชายและหญิง รวมถึงบทบาทในอดีตในฐานะประธาน True Religion.  Michael มีความสำเร็จมากมายในอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมาและเขาจะนำทักษะและความรอบรู้มาสู่ทีมผู้นำ True Religion  เราขอขอบคุณ Farla Efros ที่ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ True Religion ชั่วคราวในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา  เรามีความยินดีที่เธอและทีมที่ปรึกษา HRC จะให้การสนับสนุน True Religion ต่อไปในเดือนข้างหน้า

คุณ Buckley กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแต่งตั้งของเขาว่า “ผมตื่นเต้นมากที่จะได้กลับมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ True Religion ในช่วงวิวัฒนาการของแบรนด์ที่น่าตื่นเต้นนี้  ผมตั้งตาที่จะได้ร่วมงานกับคณะกรรมการ ชบริษัท Farla Efros และ HRC Advisory และทีม True Religion ทั้งหมด”

เกี่ยวกับ True Religion Apparel, Inc.

ในปี 2545 True Religion ถือกำเนิดในวงการยีนส์ลอสแองเจลิสโดยปฏิวัติรูปแบบยีนส์คลาสสิกห้ากระเป๋า  ด้วยกระบวนการด้ายห้าเข็มที่สองตะเข็บต่อนิ้ว True Religion Super T ได้รับการยอมรับเป็นสไตล์ที่แตกต่างจากแบรนด์ยีนส์อื่นๆ ในโลกทันที  True Religion เข้าถึงความเป็นตัวของตัวเองของเราทุกคน แบรนด์ดังกล่าวถูกสวมใส่โดยนักกีฬา นักดนตรี และศิลปินทั่วโลกเพื่อแสดงสไตล์ของแต่ละคน โดยนำเสนอการคัดสรรสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว True Religion Brand Jeans มุ่งเน้นผลิตยีนส์พรีเมี่ยมคุณภาพสูงและชุดกีฬาสำหรับบุรุษ สตรี และเด็ก

ดูที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191112005825/en/

สำหรับ True Religion:
Carol Moniz
michele marie pr
1261 Broadway, Suite 802
New York, NY 10001
O: 646.863.3923
E: carol@michelemariepr.com

GA-ASI เตรียมทำการสาธิตขีดความสามารถในยุโรป

Logo

ร่วมกับ HAF เพื่อจัดแสดงปฏิบัติการเฝ้าระวังทางทะเลและการสนธิน่านฟ้าสำหรับ RPA

ซานดิเอโก & ฐานทัพอากาศลาริสซา, กรีซ–(BUSINESS WIRE)–11 พฤศจิกายน 2562

วันนี้ General Atomics Aeronautical Systems, Inc. (GA-ASI) ผู้นำระดับโลกด้านอากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกล (RPA) ประกาศถึงความร่วมมือกับกองทัพอากาศกรีซ (HAF) เพื่อทำการบินสาธิตให้กับประเทศในยุโรปในเดือนธันวาคม ฝูงบินจะขึ้นบินจากฐานทัพของกองทัพอากาศกรีซในเมืองลาริสซา และใช้อากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกล GA-ASI MQ-9 Guardian เพื่อทำการแสดงขีดความสามารถในปฏิบัติการเฝ้าระวังทางทะเล และระบบ Detect and Avoid (DAA) ที่พัฒนาโดย GA-ASI ซึ่งทำให้อากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกลสามารถขึ้นบินได้อย่างปลอดภัยในเขตน่านฟ้าพลเรือนควบคู่กับอากาศยานที่ใช้คนควบคุม

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหาในรูปแบบมัลติมีเดีย ดูเนื้อหาเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191111005503/en/

“We appreciate the Hellenic Air Force’s support in helping showcase the maritime surveillance and civil airspace integration capabilities of our unmanned aircraft in Europe.” - Linden Blue, CEO, GA-ASI. (Photo: Business Wire)

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศกรีซเพื่อทำการแสดงขีดความสามารถในปฏิบัติการเฝ้าระวังทางทะเล และการสนธิน่านฟ้าพลเรือนของอากาศยานไร้คนขับในยุโรปของเรา” – Linden Blue ซีอีโอ GA-ASI (รูปภาพ: Business Wire)

“เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศกรีซเพื่อทำการแสดงขีดความสามารถในปฏิบัติการเฝ้าระวังทางทะเล และการสนธิน่านฟ้าพลเรือนของอากาศยานไร้คนขับในยุโรปของเรา” Linden Blue ซีอีโอของ GA-ASI กล่าว “ปัจจุบัน ความต้องการระบบเฝ้าระวังทางอากาศที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ยาวนาน ในราคาที่สามารถจับต้องได้ เพื่อทำการตรวจการทะเลรอบ ๆ ยุโรปกำลังสูงขึ้น”

การสาธิตมีการจัดรูปแบบตามระบบ MQ-9 ที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ของสหรัฐอเมริกาใช้ในการสนับสนุนบทบาทด้านการเฝ้าระวังทางทะเล

ระบบ DAA ประกอบด้วย เรดาร์แบบอากาศสู่อากาศ (Air To Air) และระบบประมวลผลที่มีการเชื่อมเข้ากับระบบการป้องกันการชนกันกลางอากาศของเครื่องบิน (TCAS II) และระบบติดตามอากาศยานอัตโนมัติ ADS-B ระบบ DAA จาก GA-ASI เป็นระบบที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา เรดาร์ป้องกันการชนของระบบมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับการสนธิอากาศยานไร้คนขับเข้ากับน่านฟ้าพลเรือน

นอกจากนี้ ระบบ MQ-9 จะทำการสาธิตการทำงานของเรดาร์สำหรับการค้นหาระดับผิวน้ำแบบ multi-mode กับโหมด Inverse Synthetic Aperture Radar (ISAR) ตัวรับสัญญาณ Automatic Identification System (AIS) และเซ็นเซอร์ High-Definition/Full-Motion Video ที่ติดตั้งมากับกล้องระบบออปติคอลและระบบอินฟาเรด ชุดเซ็นเซอร์นี้ช่วยให้สามารถทำการค้นหาและพิสูจน์ฝ่ายยานผิวน้ำจากระยะกว่าพันไมล์ทะเลได้แบบเรียลไทม์

ระบบเรดาร์ค้นหาระดับผิวน้ำที่มีความพิเศษอย่าง Raytheon SeaVue มาพร้อมระบบติดตามเป้าหมายทางทะเลอัตโนมัติ และเครื่องส่งสัญญาณ AIS และการค้นหาของเรดาร์ที่มีความสัมพันธ์กัน

นอกจากนี้ GA-ASI จะทำงานร่วมกับ SES ผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียม (SATCOM) และบริการที่มีการจัดการแบบครบวงจรชั้นนำ รวมถึงดาวเทียมในวงโคจรค้างฟ้า (GEO) และดาวเทียมในวงโคจรระยะปานกลาง (MEO) กว่า 70 ดวง โดย SES จะเป็นผู้ให้บริการเชื่อมต่อกับดาวเทียมประเภท GEO ซึ่งจะทำให้ MQ-9 สามารถปฏิบัติการได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งมีระบบเชื่อมโยงข้อมูลประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะทำให้มีการรับส่งข้อมูลเซ็นเซอร์จากอากาศยานได้แบบเรียลไทม์ และขยายการรับส่งข้อมูลออกไปในระยะ “ไกลเกินขอบฟ้า” ได้

“ด้วยจำนวนดาวเทียมที่เรามีอยู่ทั่วโลก SES ได้ให้การสนับสนุนที่สำคัญกับ GA-ASI รวมถึงลูกค้าที่เป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ใช้อากาศยานเหล่านี้ในการปฏิบัติการมาเกือบสองทศวรรษแล้ว” Nicole Robinson รองประธานอาวุโสฝ่าย Global Government ของ SES Networks กล่าว “เรามีความภาคภูมิใจที่ได้สนับสนุนการสาธิตครั้งนี้กับกองทัพอากาศกรีซ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ที่ยาวนานของเรากับ General Atomics”

มีภาพความละเอียดสูงของ MQ-9 Guardian สำหรับสื่อมวลชนที่ได้รับการรับรองและมีชื่อในข้อมูลติดต่อจาก GA-ASI และ HAF

เกี่ยวกับ GA-ASI

General Atomics Aeronautical Systems, Inc. (GA-ASI) เป็นบริษัทในเครือ General Atomics และเป็นผู้นำด้านการออกแบบและผลิตอากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกล (RPA) ระบบเรดาร์ และระบบ electro-optic รวมถึงระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจซึ่งได้รับการยอมรับและมีความน่าเชื่อถือ รวมถึงอากาศยานที่ควบคุมการบินจากระยะไกลซีรีส์ Predator® และเรดาร์ Lynx®  แบบ multi-mode GA-ASI มีชั่วโมงบินที่สูงถึง 6 ล้านชั่วโมง เป็นผู้ให้บริการอากาศยานที่มีความสามารถในการปฏิบัติภารกิจได้ยาวนานซึ่งมีระบบเซ็นเซอร์ในตัว พร้อมระบบเชื่อมโยงข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการบินที่ต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับรู้สถานการณ์และโจมตีได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตสถานีควบคุมภาคพื้นดินและซอฟต์แวร์ควบคุมเซ็นเซอร์/วิเคราะห์ภาพ ให้บริการฝึกอบรมนักบินและบริการสนับสนุนต่าง ๆ รวมถึงเป็นผู้พัฒนาเสาอากาศจากอภิวัสดุหรือ metamaterial สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชมที่ www.ga-asi.com

Predator และ Lynx เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ General Atomics Aeronautical Systems, Inc.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20191111005503/en/

ติดต่อ:

Robert Walker
General Atomics Aeronautical Systems, Inc.
+1 (858) 524-8101
ASI-MediaRelations@ga-asi.com

NTT Com ลงทุนในสตาร์ทอัพฟินเทค M-DAQ

Logo

— เพื่อสร้างโลกที่สามารถชำระเงินหลากสกุลได้ทุกที่ทุกเวลา —

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–12 พ.ย. 2562

NTT Communications Corporation (NTT Com) โซลูชั่นไอซีทีและธุรกิจการสื่อสารระหว่างประเทศภายในกลุ่ม NTT (TOKYO: 9432) ประกาศว่าได้ลงทุนในสตาร์ทอัพฟินเทคในสิงคโปร์ M-DAQ Pte Ltd (M-DAQ)

M-DAQ และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX) มุ่งมั่นที่จะสร้างโลกไร้พรมแดน  จุดแข็งของบริษัทรวมถึงบริการที่ไม่เหมือนใครซึ่งให้การรับประกันอัตรา FX ที่สร้างขึ้นจากอัลกอริทึมคาดการณ์ที่อิงตามความต้องการ

ด้วยการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ M-DAQ นั้น NTT Com จะเปิดตัว Home Currency Anywhere (HCA) บริการธุรกรรมและข้อมูล FX ที่รับประกันอัตราแลกเปลี่ยนแห่งแรกของญี่ปุ่นประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนนี้  HCA เป็นบริการที่ช่วยแปลงสกุลเงินต่างประเทศในอัตราแลกเปลี่ยนที่รับประกันได้  บริการนี้มีให้ในสภาพแวดล้อมแพลตฟอร์มข้อมูลอัจฉริยะของ NTT Com ซึ่งรวมเข้ากับเอ็นจิน FX ของ M-DAQ  สิ่งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจถึงราคาสกุลเงินก่อนที่จะซื้อสินค้าและบริการในต่างประเทศ

NTT Com มีเป้าหมายที่จะร่วมมือกับบริษัทที่ใช้ HCA เพื่อตระหนักถึงโลกที่ผู้ให้บริการและลูกค้าสามารถทำธุรกรรมโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของค่าเงิน รวมถึงผ่านบริการแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อผู้ให้บริการ eWallet ทั่วโลกบนพื้นฐานข้ามพรมแดน

หมายเหตุ:

ชื่อบริษัทและชื่อบริการเป็นเครื่องหมายการค้า / เครื่องหมายบริการและเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของแต่ละ บริษัท

เกี่ยวกับ M-DAQ

M-DAQ สร้างแอพพลิเคชั่นแบบ over-the-top (OTT) เพื่ออำนวยความสะดวกในการแก้ปัญหาข้ามพรมแดนสำหรับบริษัทข้ามชาติ ตลาดหลักทรัพย์ ตัวกลางทางการเงิน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และเกตเวย์การชำระเงิน  ตั้งแต่ปี 2559 M-DAQ ได้ช่วยธุรกิจและลูกค้าประหยัดมากกว่า 120 ล้านเหรียญสิงคโปร์ในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน

เกี่ยวกับ NTT Communications

NTT NTT Communications แก้ปัญหาความท้าทายทางเทคโนโลยีของโลกโดยการช่วยองค์กรต่างเอาชนะความซับซ้อนและความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมด้าน ICT ด้วยโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่มีการจัดการ  โซลูชั่นเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนโดยโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกของเรา รวมถึงเครือข่ายสาธารณะและเอกชนชั้น 1 ระดับโลกที่เป็นแนวหน้าในอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมกว่า 190 ประเทศ/ภูมิภาคพร้อมศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดในโลกกว่า 450,000m2  ทีมบริการอาชีพระดับโลกของเราให้คำปรึกษาและบริการสถาปัตยกรรมเพื่อความยืดหยุ่นและความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับความสำเร็จของธุรกิจของคุณ ขนาดและความสามารถระดับโลกของเราในโลกเทคโนโลยีนั้นไม่มีที่ไหนเทียบได้  เมื่อรวมกับ NTT Ltd., NTT Data และ NTT DOCOMO เราคือ NTT Group

www.ntt.com | Twitter@NTT Com | Facebook@NTT Com | LinkedIn@NTT Com

ดูฉบับที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191111005714/en/

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
Kentaro Numa, Mitsuya Tomoda
สำนักงานธุรกิจนวัตกรรม
ฝ่ายวางแผนองค์กร
NTT Communications Corporation
อีเมล: xtech@ntt.com

ฝ่ายพัฒนาธุรกิจทั่วโลก
M-DAQ Pte Ltd
อีเมล: sales@m-daq.com 
โทร: +65 6225 8991

ผู้ร่วมสร้าง aBey Blockchain ดร. Ciprian Pungila กล่าวคำปราศรัยในวันเปิดงานการประชุมสุดยอด Blockchain ที่มอลตาปี 2562 (Malta Blockchain Summit 2019)

Logo

เมืองวาดุซ ประเทศลิกเตนสไตน์–(BUSINESS WIRE)–11 พ.ย. 2562

มูลนิธิ aBey วันนี้ได้ปล่อยข้อความและวิดีโอแบบเต็มของคำปราศรัยของดร. Ciprian Pungila ในระหว่างการเปิดการประชุมสุดยอดมอลตา blockchain 2562 โดย ดร. Pungila เป็นผู้ร่วมสร้างเทคโนโลยี aBey blockchain และทำหน้าที่เป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์มูลนิธิไม่แสวงหาผลกำไรของ aBey การประชุมสุดยอดมอลต้าบล็อคเชนเกิดขึ้น ณ วันที่ 7-8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191111005464/en/

Dr. Ciprian Pungila of the aBey Foundation delivers the keynote address on the opening day of the Malta Blockchain Summit 2019. (Photo: Business Wire)

ดร. Ciprian Pungila แห่งมูลนิธิ aBey กล่าวคำปราศรัยในวันเปิดการประชุมสุดยอดมอลตา Blockchain 2562 (ภาพ: Business Wire)

ดร. Pungila กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ทางเทคโนโลยีผ่านทางบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพสูง และแนะนำวิธีการใหม่ ๆ ในการเพิ่มขีดความสามารถของบล็อกเชนผ่านสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันและการคำนวณที่มีประสิทธิภาพสูงหัวข้อที่โดดเด่นในการพูดคุยของดร. Pungila ครอบคลุมสิ่งที่เขาเรียกว่า“ ธุรกรรมค้าปลีกที่อิงจากประสิทธิภาพ หรือ performance-based retail transactions”

ดร. Pungila ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สำคัญเกี่ยวกับ aBey blockchain โดยกล่าวว่า“ aBey ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคมปี 2561 และเมื่อครบรอบปีแรกมีผู้ใช้งานมากกว่า 100,000 ราย” อัตราการเติบโตของสูงกว่าการเติบโตของ Bitcoin ในระยะเริ่มแรกถึงแปดเท่า

ดร. Pungila กล่าวต่อไปว่า“ คุณสมบัติของ aBey blockchain นั้นรวมถึงการรองรับธุรกรรมที่สามารถขอคืนได้ปริมาณมากด้วยความเร็วที่สูงมาก  (เป็นแห่งแรกของโลก) การให้ยืมที่แท้จริง ซึ่งรวมถึงการให้ยืมตามจุดพร้อมการตรวจสอบการปฏิบัติตามทันที (รายแรกของโลก) ที่สนับสนุนการอ้างอิงการตลาดแบบพันธมิตรและการจ่ายค่าคอมมิชชั่นโดยใช้เกตเวย์การชำระเงินที่เชื่อถือได้ (รายแรกของโลก) การประมวลผลการชำระเงินในห่วงโซ่และวิธีการหลายชั้นในการทำอีคอมเมิร์ซทำให้ aBey เป็น blockchain ไฮบริดที่ซับซ้อนในแง่ของการทำงานร่วมกัน ชื่อบัญชีตัวเลือกที่สามารถแทนที่หมายเลขที่มีความยาวได้นั้นเป็นเอกลักษณ์ที่แยกไม่ขาดของ aBey และไม่ได้ให้บริการแบบชำระเงินเหมือนกับ blockchains อื่น ๆ และสิ่งนี้ช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบผู้ใช้ที่ไม่ต้องได้รับอนุญาตคนอื่น ๆ ในเครือข่ายของพวกเขา

aBeyWPP ซึ่งเป็นปลั๊กอิน WordPress ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นซึ่งจะเปิดตัวในปี 2563 จะนำเสนอฟังก์ชั่นคลิกเพื่อซื้อ หรือ click-to-buy และสถานะธุรกรรมไปยังเว็บไซต์มากกว่า 75 ล้านแห่ง นอกจากนี้มูลนิธิ aBey ยังรับรองและให้ทุนสนับสนุนสำหรับความพยายามด้านการวิจัยซึ่งสนับสนุนการพัฒนาของ aBey blockchainที่กำลังดำเนินอยู่และต่อเนื่องการวิจัยบางส่วนได้รับการเผยแพร่โดยหน่วยงานระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงเช่น Springer International

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของผู้เริ่มต้นและเป็นผู้รับใบอนุญาตระบบการชำระเงินออนไลน์ที่มีปริมาณมาก ระบบ aPay Systems แห่งมอลตาได้รวมส่วนต่างๆขององค์ประกอบหลักของ aBey ในการสนับสนุนทางเทคนิคของ aPay  โดย Philipp Sauerborna ซีอีโอของ aPay กล่าวว่า“ ในฐานะที่เป็นหน่วยประมวลผลการชำระเงินที่เน้นการใช้ blockchain ซึ่งรองรับปริมาณธุรกรรมที่สูงมากต่อวินาที ผู้ใช้ B2B และ B2C ของเราต้องการการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว การใช้เทคโนโลยี aBey ทำให้เราสามารถตอบสนองเกินความคาดหวังของพวกเขา ก่อนที่เราจะให้ใบอนุญาตและรวมเทคโนโลยี aBey เข้ากับของเราเองนั้น ธุรกรรมที่เขียนลงในบล็อกเชนอื่น ๆ นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาหลายนาที ตอนนี้เราใช้ประโยชน์จาก aBey blockchain โดยทั่วไปแล้วเราสามารถทำธุรกรรมทุกรายการให้เสร็จในหน่วยมิลลิวินาที ไม่มีบล็อคเชนอื่นใดที่สามารถมอบความเร็วและความยืดหยุ่นดังกล่าวได้ ซึ่งขณะนี้เป็นที่ต้องการอย่างสูงจากหน่วยธุรกิจและผู้บริโภค”

ที่งานประชุม Malta Blockchain ปี 2562 ระบบ aPay ได้สาธิตวิธีการทำธุรกรรมสด ๆ จาก aPay blockchain ไปยังบัญชี China UnionPay และบัตรวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด โดยมีการดำเนินการอ่านและเขียนในเสี้ยววินาทีโดยเทคโนโลยี aBey blockchain

“ aBey ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สที่ยืดหยุ่นและรวดเร็วที่สุดในโลกในขณะเดียวกันก็มอบโซลูชั่นที่จับต้องได้สำหรับการใช้งานของอีคอมเมิร์ซทั่วไป ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่มีแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในปัจจุบันดำเนินการ” ดร. Pungila กล่าว “ เห็นได้ชัดว่าอุตสาหกรรม fintech ได้รับแรงผลักจากวาระการประชุมของอุตสาหกรรมบล็อกเชน และในขณะที่มันยังไม่ชัดเจนว่าแรงผลักดันนั้นจะเปลี่ยนชีวิตผู้คนหรือวิธีการที่จะเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการเปลี่ยนกฎหมายในประเทศต่าง ๆ ผมคิดว่ามันชัดเจนว่าในจุดหนึ่ง สังคมส่วนใหญ่ของเราจะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้ "

วิดีโอไฮไลท์แบบเต็มและข้อความของคำปราศรัยสำคัญของดร. Pungila มีให้บริการแล้วในตอนนี้และสามารถดาวน์โหลดเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนได้ https://we.tl/t-Nyn2ILlzS6

มูลนิธิ aBey ไม่หวังผลกำไรซึ่งตั้งอยู่ในลิกเตนสไตน์ เป็นผู้กำกับดูแลสำหรับบล็อกเชน aBey ฟรีแบบ open-sourced

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

กรุณาเยี่ยมชม http://abey.com สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์, http://abey.org สำหรับมูลนิธิ และดาวน์โหลดชุดข้อมูลแบ็คกราวด์สำหรับสื่อ aBey เป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนจาก https://we.tl/t-Nyn2ILlzS6

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191111005464/en/

ติดต่อสำหรับสื่อ:

Simon Cousins, +1 347 850-3360

simon@allegravita.com

Nordson นำเสนอตัวควบคุมการเคลือบผง Encore® Engage ที่ FABTECH

Logo

ประสบการณ์การใช้งานใหม่ที่เข้าใจง่าย

แอมเฮิร์สต์ โอไฮโอ–(บิสิเนสไวร์)–11 พ.ย. 2562

Nordson Industrial Coating System บริษัท Nordson (NASDAQ: NDSN) และซัพพลายเออร์ชั้นนำของอุปกรณ์การใช้งานที่แม่นยำของโซลูชันการเคลือบอุตสาหกรรมนำเสนอ Encore® Engage ตัวควบคุมการเคลือบผงแบบใหม่ล่าสุด  เทคโนโลยีตัวควบคุมการเคลือบผง Nordson รุ่นใหม่นี้ให้การควบคุมที่ง่ายดายเพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นและผลผลิตสูงสุด

Encore Engage ให้ความชัดเจนและความมั่นใจแก่ลูกค้าในทุกขั้นตอนของกระบวนการเคลือบผง “ตั้งแต่เริ่มต้น เราได้ออกแบบ Encore Engage โดยคำนึงถึงการใช้ผงเคลือบ คำติชมของลูกค้า และการใช้งานที่ง่ายดายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรา” Stephen Lovass รองประธานบริหาร Nordson Industrial Coatings Systems กล่าว

โดยมีหน้าจอสัมผัสขนาด 15 นิ้วที่เข้าใจง่ายพร้อมกราฟิกที่ทันสมัยและระบบนำทางด้วยสัญลักษณ์ที่ใช้งานง่าย Encore Engage ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเพิ่มความรู้ในกระบวนการและกลายเป็นผู้เคลือบผงผู้เชี่ยวชาญ  นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์สูตรแนะนำทีละขั้นตอนพร้อมตัวเลือกที่ตั้งไว้ล่วงหน้าเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสร้างสูตรใหม่ได้อย่างมั่นใจ  วิดีโอสอนและคำแนะนำช่วยให้มองเห็นข้อมูลสำคัญได้มากขึ้นและให้การสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับงานที่สำคัญ  สำหรับผู้ให้บริการทั่วโลก Encore Engage มีตัวเลือกเจ็ดภาษาบนหน้าเพื่อกำจัดการคาดเดาและความไม่แน่นอน

Nordson มีประวัติยาวนานกว่า 65 ปีในการคิดค้นนวัตกรรมที่ช่วยให้ลูกค้ามีความสามารถในการแข่งขันและผลิตสินค้าที่ดีขึ้น  Encore Engage เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของนวัตกรรม โดยเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม Nordson Wisdom™ โซลูชั่น IIoT อัจฉริยะที่นำการเคลือบผงเข้าสู่ยุคของอุตสาหกรรม 4.0.  Encore Engage และแพลตฟอร์มเชื่อมต่ออัจฉริยะของ Wisdom รวมฮาร์ดแวร์ การควบคุม ความเชี่ยวชาญด้านแอพพลิเคชั่นของ Nordson และการสนับสนุนภาคสนามเพื่อช่วยลูกค้าปรับปรุงกระบวนการผลิต

คุณ Lovass กล่าวอีกว่า “คอนโทรลเลอร์ Encore Engage ของเราช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานเคลือบผงเป็นผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่พวกเขาทำ  เรามอบมากกว่าแค่ตัวควบคุมที่ผู้เคลือบสามารถเพลิดเพลินกับการใช้ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจในการทำงาน”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวควบคุมแอปพลิเคชันผง Encore Engage เยี่ยมชม www.nordsoncoating.com/engage

การสาธิต Encore Engage ที่ FABTECH 2019 บูธ B13018

เกี่ยวกับ Nordson Industrial Coating Systems

Nordson Industrial Coating Systems (ICS) ออกแบบและผลิตอุปกรณ์ที่มีความแม่นยำสำหรับการใช้งานและการบ่มผง สี ของเหลว กาว และสารผนึก  ICS มีห้องปฏิบัติการและโรงงานผลิตในอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียเพื่อสนับสนุนฐานลูกค้าทั่วโลกของเราในตลาดที่หลากหลายรวมถึงยานยนต์ อากาศยาน อิเล็กทรอนิกส์ การเกษตรและการก่อสร้าง เครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องดื่ม และตลาดอุตสาหกรรมอื่นๆ  Nordson ICS ประสิทธิภาพโดยการออกแบบ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.nordson.com/industrial-coating-systems

เกี่ยวกับ Nordson Corporation

วิศวกรของ Nordson Corporation (Nasdaq: NDSN) ผลิตและทำการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์และระบบที่แตกต่างซึ่งใช้สำหรับการจัดจ่ายและการประมวลผลที่แม่นยำสำหรับกาว สารเคลือบ โพลิเมอร์และพลาสติก วัสดุผนึก วัสดุชีวภาพ และวัสดุอื่นๆ สำหรับการควบคุมของเหลาว การตรวจสอบ การบ่ม UV และการรักษาพื้นผิวพลาสม่า โดยทั้งหมดนี้ได้รับการสนับสนุนโดยความเชี่ยวชาญด้านแอพพลิเคชั่นและการขายและบริการทั่วโลกโดยตรง  Nordson ให้บริการตลาดผลิตภัณฑ์คงทน ไม่คงทน และเทคโนโลยีรวมถึงบรรจุภัณฑ์ ผ้าไม่ถักทอ อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ เครื่องใช้ไฟฟ้า พลังงาน การขนส่ง การก่อสร้าง และการประกอบและการตกแต่งผลิตภัณฑ์ทั่วไป   บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2497 และมีสำนักงานใหญ่ในเวสต์เลก โอไฮโอ โดยมีสำนักงานปฏิบัติการและการสนับสนุนในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

ดูเวอร์ต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191110005055/en/

ติดต่อ:

Christina Mahlenkamp

+1.440.414.5186

Christina.Mahlenkamp@nordson.com

Mary Kay ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนางานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ผิวหนังอย่างต่อเนื่อง ณ การประชุมวิชาการของสมาคมโรคผิวหนังแห่งญี่ปุ่น (the Japanese Society of Investigative Dermatology)

Logo

บริษัทเครื่องสำอางระดับโลกแห่งนี้ได้ให้การสนับสนุนการประชุมวิชาการในหมู่แพทย์ผิวหนังที่มีชื่อเสียง เกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคที่ผิวหนังเผชิญและอาการผื่นแดงที่ผิวหนัง

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–11 พ.ย. 2562

ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ดูแลผิวทั่วโลก Mary Kay Inc. ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ผิวหนังในฐานะผู้สนับสนุนการประชุมวิชาการในการประชุมประจำปีครั้งที่ 44 ของสมาคมโรคผิวหนังแห่งญี่ปุ่น (JSID) ซึ่งในการประชุมที่จัดขึ้นในวันที่ 8 – 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในเมืองอาโอโมริ ประเทศญี่ปุ่น มีการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับอุปสรรคผิวและผื่นแดงบนผิว การประชุมเป็นการทำงานร่วมกันเพื่อแบ่งปันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความก้าวหน้าด้านสุขภาพผิว

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติด้านมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191110005047/en/

Dr. Lucy Gildea, Senior Vice President - Chief Scientific Officer (Photo: Mary Kay Inc.)

Dr. Lucy Gildea รองประธานอาวุโส – หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ (ภาพ: Mary Kay Inc.)

ภารกิจของ JSID ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2524  คือการสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มพลังให้กับแพทย์ผิวหนังรุ่นต่อไป โดยการสนับสนุนการทำงานร่วมกันและการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์ระหว่างองค์กรที่ทำงานด้านผิวหนังทั้งหมด องค์กรยังมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนับสนุนสถานะความสำคัญของโรคผิวหนังในสหวิทยาการโดยการยกระดับคุณภาพของวิทยาศาสตร์และการวิจัยเพื่อรักษาผิวที่มีสุขภาพดีและส่งเสริมการรักษาโรคผิวหนังต่อไป JSID เป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดและโดดเด่นที่สุดในสาขาการวิจัยโรคผิวหนังในประเทศญี่ปุ่น และสนับสนุนนักวิชาการรุ่นเยาว์ด้วยการจัดสัมมนาเพื่อส่งเสริมให้แพทย์รุ่นเยาว์มีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นนักวิจัยด้านผิวหนัง

ณ งานประชุมวิชาการที่ได้รับการสนับสนุนโดย Mary Kay เกี่ยวกับปัญหาผิวหนังและรอยแดงที่ผิวหนัง ผู้ร่วมสนทนาประกอบด้วย Dr. Lucy Gildea หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ Mary Kay Inc. ในฐานะผู้ดำเนินรายการ โดยผู้เข้าร่วมสนทนาได้ทำการสำรวจกลยุทธ์การปกป้องจากสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับการเสื่อมสภาพของผิวคนเอเชีย การตอบสนองของโปรตีนต่อการอักเสบของผิวหนัง และข้อบกพร่องของผิวหนัง

“ผิวบอบบางแพ้ง่ายส่งผลกระทบต่อผู้หญิงประมาณครึ่งหนึ่งทั่วโลก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการเพิ่มขึ้นของการใช้คีย์เวิร์ด 'สำหรับผิวแพ้ง่าย' และ 'การบรรเทารอยแดง' ในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ขายในเอเชียเพิ่มขึ้น "ดร. Gildea กล่าว “ ปราการของผิวหนังถูกทำลายอยู่ตลอดเวลาโดยการสัมผัสกับรังสียูวีฝุ่นควัน และหมอกควันที่มีมลพิษ เช่น คาร์บอนดำ (black carbon) สารเคมี และโลหะหนัก มลพิษเหล่านี้สามารถสะสมบนผิวหนังและส่งผลให้เกิดผื่นหรือผื่นแดงบนใบหน้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นผู้บริโภคจึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่ทำงานเพื่อบรรเทาและช่วยปกป้องผิวหน้าที่เปราะบาง”

ผู้ร่วมสนทนาในงานประชุมยังรวมไปถึงด้วยแพทย์ผิวหนังที่มีชื่อเสียงสามคน:

  • ดร. Akimichi Morita, MD Ph.D., ภาควิชาอายุรศาสตร์โรคผิวหนังและสิ่งแวดล้อมที่ Nagoya City University บัณฑิตวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์
  • ดร. Sang Eun Lee, MD Ph.D. , ภาควิชาโรคผิวหนัง, โรงพยาบาล Gangnam Severance, สถาบันวิจัยชีววิทยาผิวหนัง, วิทยาลัยแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยยอนเซในกรุงโซล, เกาหลี
  • ดร. Gyohei Egawa, MD Ph.D., ภาควิชาโรคผิวหนังมหาวิทยาลัยเกียวโตบัณฑิตวิทยาลัยแพทยศาสตร์

“ในฐานะบริษัทระดับโลก เป็นเรื่องสำคัญที่เรามีจะพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่ตอบสนองความต้องการที่หลายรูปแบบของผู้หญิงทั่วโลกและที่สามารถเติบโตและพัฒนาตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลง” ดร. Gildea กล่าว “ ด้วยการเข้าร่วมกิจกรรม เช่นที่ JSID เราสามารถเรียนรู้และแบ่งปันการวิจัยที่เกี่ยวข้องในขณะที่ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ก้าวล้ำด้วยผลประโยชน์ที่ทรงพลังที่ส่งมอบให้แก่การดูแลผิวที่ผู้หญิงต้องการ”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ JSID คลิก ที่นี่

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ฉีกกฎเกณฑ์แบบเดิม ได้ก่อตั้งบริษัทด้านความงามของเธอมานานกว่า 55 ปี โดยมีเป้าหมายสามประการ คือ มอบโอกาสที่คุ้มค่าให้แก่ผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และการทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความฝันดังกล่าวได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีพนักงานขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ Mary Kay ทุ่มเทให้กับการค้นคว้าวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความงามและเพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทันสมัย เครื่องสำอางค์สี น้ำหอม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทั้งนี้ มูลนิธิ Mary Kay FoundationSM ของบริษัทได้มอบเงินมากกว่า 78 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับการวิจัยโรคมะเร็งและในด้านที่พักอาศัยสำหรับผู้เผชิญความรุนแรงในครอบครัว จึงกล่าวได้ว่า วิสัยทัศน์อันดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในคอนเซปท์ ก้าวไปด้วยกันทีละลิปสติก ยังคงส่องสว่างนำทางต่อไป

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191110005047/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายการสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com


Tommy Hilfiger มุ่งมั่นที่จะออกแบบแบบ 3 มิติ หรือ 3D Design เพื่อให้การเดินทางสู่โลกดิจิตอลเกิดขึ้นได้จริง

Logo

Tommy Hilfiger กำลังนำความสามารถด้านการเรียนรู้และเทคโนโลยีใหม่มาใช้สำหรับทีมออกแบบทั่วโลกที่สำนักงานใหญ่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม เพื่อให้ได้การออกแบบเครื่องนุ่งห่ม 3 มิติทั้งหมด 100% ก่อนคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ 2565

อัมสเตอร์ดัม–(BUSINESS WIRE)–7 พ.ย. 2562

Tommy Hilfiger ซึ่งมี PVH Corp. [NYSE: PVH] เป็นเจ้าของ  ประกาศว่าเทคโนโลยีการออกแบบ 3 มิติ จะถูกรวมเข้ากับทีมออกแบบเครื่องแต่งกายระดับโลกทั้งหมดที่สำนักงานใหญ่ในอัมสเตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์ คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิ 2565 จะเป็นครั้งแรกที่ได้รับการออกแบบทั้งหมดโดยใช้แพลตฟอร์มการออกแบบ 3 มิติ ซึ่งเป็นนวัตกรรมของ Tommy Hilfiger ความมุ่งมั่นนี้สร้างขึ้นจากเป้าหมายที่ท้าทายของบริษัทในการสร้างมูลค่าให้ห่วงโซ่คุณค่าแบบครบวงจร

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติด้านมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191107005718/en/

TOMMY HILFIGER Fall 2020 men’s dress shirts will be 100% 3D designed (Photo: Business Wire)

TOMMY HILFIGER  ชุดเสื้อเชิ้ตผู้ชาย ฤดูใบไม้ร่วงปี 2563 จะได้รับการออกแบบ 3 มิติ ทั้งหมด 100%(ภาพ: Business Wire)

“ศักยภาพของการออกแบบ 3 มิตินั้นไร้ขีดจำกัด ทำให้เราสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เร็วขึ้นและในทางที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น” Daniel Grieder ซีอีโอของ Tommy Hilfiger Global และ PVH Europe กล่าว “ เทคโนโลยีดังกล่าวได้กลายเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการออกแบบคอลเล็กชั่นของเราและมีศักยภาพที่จะเร่งความเร็วการออกสู่ตลาดและจะเข้ามาแทนที่การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์แบบดั้งเดิมทั้งหมด สำหรับฤดูใบไม้ร่วงปี 2563 ของเรา เสื้อเชิ้ตสำหรับผู้ชายของเราจะได้รับการออกแบบ 3 มิติ 100% และไม่ต้องมีการผลิตตัวอย่าง (sample production) ความแตกต่างจากรูปแบบที่ออกแบบและนำเสนอในอดีตจะแยกแทบไม่ออกเกือบ แบบนี่แหละคืออนาคต”

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการออกแบบ 3 มิติของ Tommy Hilfiger ได้ก่อตั้งศูนย์บ่มเพาะเทคโนโลยีชื่อว่า STITCH ซึ่งอุทิศให้กับการออกแบบดิจิตอลของบริษัท โดยนับตั้งแต่การเดินทางการออกแบบ 3 มิติ ของ Tommy Hilfiger เริ่มขึ้นในปี 2560 ทีมวิศวกรซอฟต์แวร์ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ 3 มิติ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงได้พัฒนาระบบนิเวศน์ของเครื่องมือที่เป็นกรรมสิทธิ์ซึ่งทำให้เกิดกระบวนการออกแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ ซึ่งรวมถึงรูปแบบผ้าดิจิตอลและคลังสี เครื่องมือนำเสนอดิจิตอล 3 มิติ และเทคโนโลยีการแสดงผล การแปลงการออกแบบดั้งเดิมและขั้นตอนการผลิตตัวอย่างเป็นกระบวนการเสมือนจริงช่วยให้สามารถกำหนดเวลาได้เร็วขึ้นและรวมเข้ากับโชว์รูมดิจิตอลได้อย่างราบรื่น

การปรับใช่้เทคโนโลยีการออกแบบ 3 มิติในคอลเล็กชันเครื่องแต่งกาย TOMMY HILFIGER ทั้งหมด เกิดขึ้นตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่สองปี โดยสามารถเชื่อมต่อแพลตฟอร์มการออกแบบ 3 มิติเข้ากับโชว์รูมดิจิตอลที่ทันสมัยของ Tommy Hilfiger ได้อย่างประสบความสำเร็จ ในขณะที่เทคโนโลยี Digital Showroom ช่วยปฏิวัติวิธีการขายของบริษัท วิธีการจากล่างขึ้นบน หรือ bottom-up approach ของการแปลงการออกแบบ 3 มิติ อย่างต่อเนื่องจะช่วยเสริมการขยายขอบเขตดิจิตอลของห่วงโซ่คุณค่าแบบ end-to-end ของ Tommy Hilfiger ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2563 Tommy Hilfiger จะเปิดตัวคอลเล็กชั่นที่ออกแบบพัฒนาและจำหน่ายแบบดิจิตอล รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่สร้างจากแบบจำลองเสมือนจริง ความคิดริเริ่มนี้เป็นขั้นตอนต่อไปในการเปิดเผยศักยภาพอย่างเต็มรูปแบบของการลดการสร้างตัวอย่าง การประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุนและความยั่งยืนด้วยการออกแบบ 3 มิติ

ผู้ร่วมงานมากกว่าร้อยละ 50 ของแผนกเครื่องแต่งกายซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ระดับโลกของ Tommy Hilfiger ได้รับการฝึกอบรมทักษะและให้ความรู้ด้านการออกแบบ 3 มิติ ผ่านสถาบัน STITCH Academy ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้งานใน 20 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ต่อจากนี้ไปทีมผลิตภัณฑ์ Tommy Hilfiger ทุกคนตลอดจนถึง นักออกแบบผู้สร้างต้นแบบช่างเทคนิค ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และผู้จำหน่ายสินค้า จะได้รับการฝึกอบรมการออกแบบ 3 มิติ และการยกระดับมาตรฐาน

ขอเชิญมิตรสหายและผู้ติดตามของแบรนด์เข้าร่วมการสนทนาบนโซเชียลมีเดียโดยใช้ #TommyHilfiger และ @TommyHilfiger

# # #

เกี่ยวกับ Tommy Hilfiger

ด้วยพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่มีทั้ง TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS จึงทำให้ TOMMY HILFIGER เป็นหนึ่งในแบรนด์ดีไซเนอร์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก โดยมุ่งเน้นการออกแบบและการตลาดเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายสำหรับบุรุษ เสื้อผ้าสตรี ชุดกีฬา เสื้อผ้าเด็ก เสื้อผ้าคอลเล็คชั่น ผ้ายีนส์ ชุดชั้นใน (รวมถึงชุดคลุม ชุดนอน และชุดลำลอง) รองเท้าและอุปกรณ์เสริม ที่มีคุณภาพสูง โดย Tommy Hilfiger นำเสนอผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์เสริม เช่น แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม เครื่องแต่งกายกีฬา ชุดกอล์ฟและชุดว่ายน้ำ) ถุงเท้า เครื่องหนังชิ้นเล็ก ๆ สินค้าไลฟ์สไตล์ และกระเป๋าเดินทาง สายผลิตภัณฑ์ TOMMY JEANS ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ยีนส์และรองเท้าสำหรับผู้ชายและผู้หญิง เครื่องประดับ และน้ำหอม สินค้าภายใต้แบรนด์ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS มีให้บริการสำหรับผู้บริโภคทั่วโลกผ่านเครือข่ายร้านค้าปลีกของ TOMMY HILFIGER และ TOMMY JEANS ตามห้างร้าน ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าปลีกออนไลน์บน tommy.com

เกี่ยวกับ PVH Corp.

PVH กำหนดมาตรฐานของสไตล์ในฐานะหนึ่งในบริษัทแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เราเป็นแบรนด์ที่ขับเคลื่อนแฟชั่นไปข้างหน้ามาโดยตลอด ผลงานที่โดดเด่นของเรารวมถึงTOMMY HILFIGER, CALVIN KLEIN, Van Heusen, IZOD, ARROW, Speedo*, Warner’s, Olga และ Geoffrey Beene, ตลอดไปจนถึงแบรนด์ชุดชั้นใน True & Co. ที่มีความเป็นดิจิตอลสูง เราทำการตลาดสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์เหล่านี้และเป็นที่รู้จักในระดับประเทศและต่างประเทศและเป็นแบรนด์ที่ได้รับอนุญาตลิขสิทธิ์ของตนเอง PVH มีพนักงานมากกว่า 38,000 คนในกว่า 40 ประเทศและมีรายรับต่อปีเกือบ 9,700 ล้านดอลลาร์ ทั้งหมดนี้คือพลังของ PVH

* Speedo เป็นแบรนด์ได้รับใบอนุญาตสำหรับอเมริกาเหนือและแคริบเบียนแบบถาวรจาก Speedo International Limited

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191107005718/en/

ติดต่อ:

Tommy Hilfiger

Baptiste Blanc

ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารระดับโลกและสื่อที่ได้รับมาฟรี (Global Communications & Earned Media)

อีเมล: Baptiste.Blanc@tommy.com

โทร: +31 62904 2334

กสิกรไทยลดดอกกู้ช่วยเหลือลูกค้าธนาคาร มีผลตั้งแต่ 11 พ.ย. 2562 เป็นต้นไป

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–8 พฤศจิกายน 2562

logo

นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารตอบสนองต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยเพื่อช่วยลูกค้าของธนาคารในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลง 0.25% จากปัจจุบันที่ 6.25% เป็น 6.00% ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่กลุ่มลูกค้าของธนาคารใช้เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับลูกค้านิติบุคคลลง 0.07%-0.25% ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป โดยธนาคารยังไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาในขณะนี้

The Bangkok Reporter