กสิกรไทยแจ้งกำหนดการเปิดตัวแคมเปญ #KBankxBLACKPINK

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–8 พฤศจิกายน 2562

logo

  • 9-13 พ.ย. 62 เวลา 8.00 น. เปิดตัว Teaser และภาพยนตร์โฆษณา #KBankxBLACKPINK ที่ Facebook / Twitter และ Instagram KBank Live
  • 21 พ.ย. 62 เริ่มเปิดรับสมัคร #KBankxBLACKPINK Collection ผ่าน K PLUS และธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ

สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่  KBank Live บนช่องทาง Facebook / Twitter และ Instagram

aPay Group เปิดสำนักงานใหญ่ในมอลตา พร้อมสาธิตบล็อกเชนประมวลการชำระเงินประสิทธิภาพสูงและธุรกรรมของบัตรเติมเงินที่การประชุมบล็อกเชนที่มอลตา

Logo

ซานตา เวเนรา มอลตา–(บิสิเนสไวร์)–05 พ.ย. 2562

aPay Systems LTD ผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ปริมาณสูง ได้เปิดตัวสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของมอลตาในวันจันทร์  เลขาธิการรัฐสภา ท่านผู้มีเกียรติ Silvio Schembri, MP ได้ตัดริบบิ้นในสำนักงานระดับเพนเฮ้าส์ซึ่งตั้งอยู่ใน ซานตา เวเนราอันเก่าแก่ของมอลตา  คุณ Schembri ซึ่งได้รับเลือกเข้าสู่รัฐสภามอลตาในปี 2556 เป็นผู้รับผิดชอบด้านการให้บริการทางการเงิน เศรษฐกิจดิจิทัล และนวัตกรรม

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191105006057/en/

Malta Government Parliamentary Secretary Hon. Silvio Schembri inaugurates aPay headquarters on 4 November 2019 (Photo: Business Wire)

เลขาธิการรัฐสภาของมอลตาท่านผู้มีเกียรติ Silvio Schembri เปิดสำนักงานใหญ่ของ aPay เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 (รูปภาพ: บิสิเนสไวร์)

ในพิธีเปิดงาน ท่าน Schembri กล่าวว่า “การเริ่มต้นของสำนักงานเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นถึงสถานะเชิงรุกของรัฐบาลในการจัดทำกรอบการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีระบบบันทึกรายการธุรกรรมแบบไม่มีระบบข้อมูลกลาง (Distributed Ledger Technology) ที่ได้เกิดขึ้นจริงและตอกย้ำการตัดสินใจของมอลตาในการเป็นแนวหน้าของอุตสาหกรรมนี้”

ท่าน Schembri ยังยินดีกับการตัดสินใจของ aPay ในการขอใบอนุญาตผู้ให้บริการสินทรัพย์ทางการดิจิทอลของมอลตา โดยกล่าวว่า “ผมขอขอบคุณ aPay Systems ในความมั่นใจที่มีต่อมอลตาและการเปลี่ยนแปลงที่รัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับอุตสาหกรรมนี้และเพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีค่าสำหรับประเทศของเรา”

สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ aPay มีพนักงาน 25 คน โดยซีอีโอ Philipp Sauerborn กล่าวว่า “มอลตาเป็นบ้านในอุดมคติสำหรับกลุ่มบริษัท aPay  สำหรับนวัตกรรมบล็อกเชนเพื่อบริการทางการเงินนั้น เส้นทางทุกสายกำลังนำไปสู่มอลตาและ aPay ได้สร้างสถานะทางกายภาพที่สำคัญบนถนนเส้นหลักที่สุด”

คุณ Sauerborn กล่าวเสริมท่าน Schembri ว่า aPay จะเป็นผู้จัดแสดงรายใหญ่ที่สุดในการประชุมสุดยอดบล็อกเชนมอลตา (Malta Blockchain Summit) ที่จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีสัปดาห์นี้ “aPay จะแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในภาคการชำระเงินบล็อกเชนออนไลน์ โดยเราจะจัดแสดงความคืบหน้าเหล่านี้ในการประชุม” คุณ Sauerborn กล่าว  Malta Blockchain Summit จะจัดขึ้นในวันที่ 7-8 พฤศจิกายน

การสาธิตเทคโนโลยีของ aPay จะแสดงให้ผู้เข้าชมการประชุมทราบถึงวิธีการทำธุรกรรมสดจากบล๊อกเชนของ aPay ไปยังบัญชีบัตรเติมเงิน China UnionPay, Visa และ MasterCard ด้วยการอ่านและเขียนข้อมูลในเวลาเพียงเสี้ยววินาที “การสาธิตการใช้งานที่รวดเร็วของ aPay ที่เน้นการใช้บล็อกเชนร่วมกับเครือข่ายบัตรเครดิตที่สำคัญจะสร้างความประทับใจให้ผู้เยี่ยมชม” คุณ Sauerborn กล่าว “ก่อนที่จะมีการรวมแนวคิดด้านเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโครงการพัฒนาบล๊อกเชน aBey ของ aPay นั้น ธุรกรรมที่เขียนบนบล็อกเชนอื่นๆ ต้องใช้เวลาหลายนาทีหรือหลายชั่วโมงจึงจะเสร็จสมบูรณ์  อย่างไรก็ตาม aPay สามารถทำธุรกรรมทุกรายการให้เสร็จสมบูรณ์ในหน่วยมิลลิวินาที  ไม่มีบล็อกเชนประมวลผลการชำระเงินอื่นที่สามารถส่งมอบความเร็วและความยืดหยุ่นดังกล่าวตามความต้องการของธุรกิจและผู้บริโภค”

คุณ Sauerborn ยังเปิดเผยอีกว่าบริษัทจะจัดแสดงบัตรเติมเงิน China UnionPay ที่มีให้บริการแล้ว  คุณ Sauerborn กล่าวเพิ่มเติมว่าบัตร Visa และ MasterCard ของ aPay กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการดำเนินการ  ผู้เข้าชมการประชุมสามารถเปิดบัญชีและการทำธุรกรรมสดที่บูธ Malta Blockchain Summit ของ aPay

Dr. Ciprian Pungila ผู้ร่วมก่อตั้งบล๊อกเชนโอเพ่นซอร์ส aBey กล่าวว่า “มูลนิธิ aBey ดีใจที่ได้เป็นผู้มอบเทคโนโลยี aBey ให้กับ aPay Systems  ความต้องการของ aPay ในการทำธุรกรรมปริมาณมากสามารถตอบสนองได้ง่ายด้วยเทคโนโลยีพื้นฐานของเรา ซึ่งเราเชื่อว่าเป็นหนึ่งเทคโนโลยีที่เร็วที่สุดและยืดหยุ่นที่สุดในโลก” Dr. Pungila จะแสดงตนตามกำหนดเวลาที่บูธ aPay และกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานในวันสำคัญพร้อมกับท่าน Schembri

หนึ่งสัปดาห์หลังจากการสาธิตเทคโนโลยีในมอลตา aPay Systems จะจัดแสดงที่งาน Blockshow Asia 2019 ของสิงคโปร์ในระหว่างวันที่ 14-15 พฤศจิกายน “ที่ Blockshow Asia ผู้เยี่ยมชมจะได้เห็นความรวดเร็วและความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ของ aPay Systems ด้วยบัตรเติมเงิน China UnionPay ที่เปิดตัวแล้วเช่นเดียวกับบัตร Visa และ MasterCard ที่กำลังจะเปิดตัว  ผู้เข้าชมบูธของ aPay Systems สามารถสมัครบัตร aPay China UnionPay ลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับบัตร Visa และ MasterCard ที่กำลังจะมาถึงและทำธุรกรรมในบล๊อกเชนแบบเรียลไทม” คุณ Sauerborn กล่าว

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

กรุณาเยี่ยมชม http://apay.pro และดาวน์โหลดชุดสื่อของ aPay Systems ซึ่งประกอบด้วยวิดีโอไฮไลท์แปดนาทีและการถอดเสียงแบบเต็ม ภาพถ่ายคุณภาพสูงจำนวนมาก และการเผยแพร่ข่าวเป็นภาษาอังกฤษและจีนแบบย่อ: https://we.tl/t-no9Xy0t2Bw

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191105006057/en/

ติดต่อ:

Simon Cousins, +1 347 850-3360 & simon@allegravita.com

โปรแกรมผูกมิตรภาพของญี่ปุ่น โครงการ JENESYS 2019 ASEAN Inbound Program รอบที่ 10

Logo

ธีม : การเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น (อุตสาหกรรม•การแลกเปลี่ยน)

ประเทศ: ประเทศไทย

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–5 พ.ย. 2562

กลุ่มนักเรียนระดับมัธยมศึกษาจำนวน 18 คนจากประเทศไทยผู้ที่ได้เรียนภาษาญี่ปุ่นมากกว่าหนึ่งปีมีกำหนดเยือนประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 5 ถึง 13 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมผูกมิตรภาพ“JENESYS 2562” ซึ่งได้รับการส่งเสริมโดยกระทรวงการต่างประเทศ

ภายใต้ธีม“ การเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น (อุตสาหกรรม•การแลกเปลี่ยน)” ผ่านการเยี่ยมชมเมืองโตเกียว ไอจิ มิเอะ และไซตามะ พวกเขาจะได้สัมผัสกับโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ ผ่านประสบการณ์การเยี่ยมชมโรงงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญี่ปุ่น การเข้าร่วมแลกเปลี่ยนในโรงเรียนเพื่อได้โต้ตอบกับนักเรียนในท้องถิ่นและพักกับโฮมสเตย์ของคนในท้องที่ นักเรียนจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับญี่ปุ่นและมีแรงจูงใจในการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างยั่งยืน

ผ่านโครงการนี้เราหวังว่าผู้เข้าร่วมจะแบ่งปันเสน่ห์ของญี่ปุ่นและข้อมูลอื่น ๆ เกี่ยวกับประเทศอย่างกระตือรือร้นหลังจากเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและไทย

[สำหรับการอ้างอิง]: โครงการแลกเปลี่ยนของญี่ปุ่น JENESYS 2019

ผู้ที่มีความสามารถและมีภารกิจในอนาคตในการเป็นผู้ส่งสารระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศในภูมิภาคของเอเชียและโอเชียเนียจะได้รับเชิญเพื่อนำข้อมูลกลับไปส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับญี่ปุ่นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ นโยบายต่างประเทศและอื่น ๆนอกจากนี้จะมีการค้นหางผู้คนและผู้เชี่ยวชาญด้านญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับข้อความที่ญี่ปุ่นส่งไปยังประเทศอื่น ๆ และช่วยขยายรากฐานทางการทูตของญี่ปุ่นโดยให้แขกรับเชิญเป็นผู้ส่งสารเกี่ยวกับจุดยืนทางการทูต เสน่ห์ของประเทศ และแง่มุมอื่น ๆ ของญี่ปุ่น

ประเทศไทย (ตาราง)

อังคาร 5 พฤศจิกายน

[เดินทางถึง]

พุธ 6 พฤศจิกายน

[ปฐมนิเทศ]

[ธีมที่เกี่ยวข้องกับการบรรยาย] ทูตญี่ปุ่นและการมีส่วนร่วมโดยนาย Seiji Kojima อดีตเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

[ธีมที่เกี่ยวข้องกับการเยี่ยมชม]

พิพิธภัณฑ์ เอโดะ โตเกียว พฤหัสบดี 7 พฤศจิกายน

[เดินทางต่อ] ย้ายไปยังจังหวัดไอจิ

[ธีมที่เกี่ยวข้องกับการเยี่ยมชม] บริษัท เดนโซ บริษัท โรงงาน Takatana

[ธีมที่เกี่ยวข้องกับการเยี่ยมชม] พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์อุตสาหกรรมเทคโนโลยีโตโยต้า

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน

[การสังเกตการณ์ / การแลกเปลี่ยน เยี่ยมชม] , จังหวัดมิเอะ, โรงเรียนมัธยม Takata, แลกเปลี่ยนกับตัวแทนนักเรียน

[เยี่ยมชมทางการ] หน่วยงานราชการ จังหวัดมิเอะ

[การแลกเปลี่ยน] โรงเรียนมัธยมมิเอะ

[โฮมสเตย์] Taikicho, Wataraigun, จังหวัดมิเอะ

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน

[โฮมสเตย์] Taikicho, Wataraigun

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน

[โฮมสเตย์] Taikicho, Wataraigun, จังหวัดมิเอะ

[เดินทาง] เดินทางไปโตเกียว

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน

[การแลกเปลี่ยน] มหาวิทยาลัย Hosei (วิทยาเขต Ichigaya)

[การเยี่ยมชม / การบรรยาย] T มูลนิธิญี่ปุ่น สถาบันภาษาญี่ปุ่น หรือ The Japan Foundation, Japanese-Language Institute

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน

[การประชุมเชิงปฏิบัติการ]

[เซสชันการรายงาน]

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน

[ออกเดินทางกลับ]

ดูต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191105005451/en/

สอบถามเกี่ยวกับโปรแกรม

JENESYS 2019 ASEAN + Timor-Leste Project Implementing Agency

ฝ่ายปฏิบัติการ JTB Kasumigaseki

ติดต่อ: Junji Mise, Yutaka Shintani

โทร: + 81-3-6737-9447 วันธรรมดา: 9:00-18: 00 (ปิดในวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

[อีเมล] jenesys2019asean@jtb.com

YouTrip ผนึก เคแบงก์ เปิดตัวกระเป๋าเงินดิจิทัลรองรับหลายสกุล ตอบโจทย์นักเดินทางชูจุดเด่นเรทดีกว่าไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ใช้จ่ายได้ทั่วโลก

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–6 พฤศจิกายน 2562

YouTrip (ยูทริป) ผู้นำด้าน Multi-Currency Travel Wallet จากสิงคโปร์ จับมือธนาคารกสิกรไทยเปิดบริการกระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อการเดินทาง (Multi-Currency Travel Wallet) ในประเทศไทย เพื่อให้นักเดินทางสามารถใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศได้ด้วยเรทที่ดีกว่า ชูจุดเด่นไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ในการใช้จ่ายและใช้บริการ ไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเงิน 2.5% ไม่มีค่าธรรมเนียมออกบัตร และค่าธรรมเนียมรายปี สามารถใช้จ่ายได้มากกว่า 150 สกุลเงินด้วยเรทที่ดีกว่าร้านแลกเงินและธนาคารอื่นๆ พิเศษสำหรับผู้ใช้งาน 50,000 คนแรกที่ใช้จ่ายผ่าน YouTrip รับฟรีโบนัส 200 บาทในบัญชี YouTrip

            YouTrip ตอบโจทย์นักเดินทางด้วยแอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นพิเศษสำหรับนักเดินทางโดยเฉพาะ ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยน 10 สกุลเงินในแอปฯ ได้ตลอดเวลาก่อนการใช้จ่ายด้วยบัตรเติมเงินแบบคอนแทคเลส มาสเตอร์การ์ด หรือสามารถให้ระบบ SmartExchangeÔ เทคโนโลยีแลกเงินอัตโนมัติดำเนินการให้ เพื่อความสะดวกในการใช้จ่ายมากกว่า 150 สกุลเงินทั่วโลก หมดห่วงเรื่องแลกเงินล่วงหน้า และยังได้เรทที่ดีกว่าเสมอ ณ เวลานั้นๆ และเพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการใช้งาน YouTrip ยังมีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติสำหรับการใช้งานทุกรายการ และระบบล็อกบัตรชั่วคราวทันทีในกรณีที่บัตรสูญหาย นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถกดเงินสดผ่านตู้เอทีเอ็มในต่างประเทศได้ตลอดเวลาด้วยเรทที่ดีกว่า ไม่มีค่าธรรมเนียม และเสริมความมั่นใจด้วยศูนย์บริการลูกค้าสำหรับบริการ YouTrip โดยเฉพาะตลอด 24 ชั่วโมง

            ความร่วมมือระหว่าง YouTrip และธนาคารกสิกรไทย ถือเป็นการร่วมสร้างนวัตกรรมกันครั้งแรกระหว่างบริษัทฟินเทคชั้นนำระดับภูมิภาคที่เชี่ยวชาญด้าน Travel Wallet และธนาคารชั้นนำในประเทศไทย ผู้นำด้านดิจิทัล แบงกิ้ง เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้จ่ายในต่างแดนเสมือนหนึ่งใช้งานอยู่ในประเทศ (Pay like a local) โดยตั้งเป้าผู้สมัครใช้บริการ 400,000 คนภายในปีแรก

            นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทย เล็งเห็นถึงศักยภาพของ YouTrip ซึ่งเป็นฟินเทค ที่พัฒนาแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน (Mobile Application) ในหลายประเทศในลักษณะของการให้บริการในระดับภูมิภาค (Regional Mobile Application) โดยเริ่มให้บริการผลิตภัณฑ์ YouTrip ในสิงคโปร์เป็นที่แรก และได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักเดินทาง นอกจากนี้ธนาคารยังให้ความสำคัญกับธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากคนไทยนิยมเดินทางไปต่างประเทศจากหลายปัจจัยหนุนความสะดวกทั้ง ค่าเงิน การขยายเส้นทางการบิน และช่องทางในการหาข้อมูลและจองการเดินทางผ่านออนไลน์ ธนาคาร จึงได้ร่วมกับ YouTrip พัฒนาบัตร และแอปพลิเคชัน YouTrip ขึ้น โดยมีผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบของธนาคารเป็นหลังบ้านในรูปแบบ “พาวเวอร์บายเคแบงก์” (Powered by KBank) และการใช้งาน YouTrip มีความเชื่อมโยงกับ K PLUS ในการทำธุรกรรมต่างๆ ให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์การใช้งานที่ดีเสมือนใช้งานอยู่ยนแอปพลิเคชันเดียว นอกจากนี้ YouTrip จะช่วยให้นักเดินทางวางแผนเตรียมเงิน และควบคุมการใช้จ่ายระหว่างเดินทางล่วงหน้าได้ และยังมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยจากฟีเจอร์ภายในแอปฯ ที่ออกแบบมาควบคุมการใช้จ่ายผ่านบัตรได้อัตโนมัติ

            นางสาวจุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย เปิดเผยว่า การร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย ที่เป็นผู้นำด้านดิจิทัล แบงกิ้ง และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ YouTrip สามารถมอบความปลอดภัยระดับธนาคารที่มั่นใจได้ รวมถึงความสะดวกสบายที่มากับการผสานการทำงานแบบไร้รอยต่อ (seamless integration) กับแอปพลิเคชัน K PLUS ทำให้ YouTrip สามารถส่งมอบประสบการณ์การใช้งาน Travel Wallet ที่ไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ในการใช้จ่ายและใช้บริการ ด้วยเรทที่ดีกว่า และสะดวกสบายในการสมัครใช้งานและเติมเงิน ให้สามารถทำได้จากทุกที่ ทุกเวลา

            ไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าว ทั้งมาสเตอร์การ์ดและ YouTrip มีจุดมุ่งหมายเดียวกันที่จะมอบโซลูชั่นด้านการชำระเงินที่ราบรื่นและสะดวกสบายให้กับนักเดินทาง ไม่ว่าเขาจะเดินทางไปไหนและเมื่อไหร่ การร่วมมือครั้งนี้ มาสเตอร์การ์ด มุ่งหวังที่จะให้ความสำเร็จของ YouTrip ในประเทศสิงคโปร์เกิดขึ้นแบบเดียวกันกับทุกๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ เรามีความตื่นเต้น เป็นอย่างมาก ที่ได้ร่วมมือกับ YouTrip ในการยกระดับประสบการณ์ของนักเดินทางชาวไทย

ข้อเสนอสุดพิเศษ
YouTrip เปิดให้ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ผู้ใช้งานสามารถสมัครง่าย ได้ภายใน 3 นาที เพียงเชื่อมต่อกับบัญชี      K PLUS ได้ทุกที่ ทุกเวลา ไม่ต้องไปธนาคาร ไม่ต้องใช้เอกสาร พิเศษสุด!! รับเลย 200 บาท เมื่อใช้จ่ายครั้งแรก ไม่มีขั้นต่ำ เฉพาะ 50,000 คนแรก โดยจะได้รับเงินเข้าบัญชี YouTrip ในช่วงเดือนธันวาคม 2562

คุณสมบัติหลักของ YouTrip

  • YouTrip (ยูทริป) ผู้นำด้าน Multi-Currency Travel Wallet ในประเทศสิงคโปร์จับมือธนาคารกสิกรไทย เปิดบริการ Multi-Currency Travel Wallet (กระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อการเดินทาง) ในประเทศไทย ตั้งเป้าผู้สมัครใช้งาน 400,000 รายในปีแรก
  • Multi-Currency Travel Wallet ที่สามารถใช้จ่ายในต่างประเทศมากกว่า 150 สกุลเงิน ด้วยเรทที่ดีกว่า ผ่านบัตรเติมเงิน แบบคอนแทคเลส มาสเตอร์การ์ด
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ ในการใช้จ่ายและใช้บริการ ไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเงิน 2.5% ไม่มีค่าธรรมเนียมออกบัตร และค่าธรรมเนียมรายปี
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมกด ATM ต่างประเทศ 100 บาท จนถึง 31 มกราคม 2563
  • แลกเงินล็อกเรทล่วงหน้าได้ 10 สกุลเงิน ทุกที่ ทุกเวลา สกุลเงินที่สามารถแลกเก็บได้ คือ JPY, SGD, HKD, USD, EUR, GBP, AUD, CHF, CAD และ THB
  • ระบบ SmartExchangeÔ เทคโนโลยีแลกเงินอัตโนมัติ เพื่อความสะดวกในการใช้จ่ายมากกว่า 150 สกุลเงินทั่วโลก หมดห่วงเรื่องแลกเงินล่วงหน้า และยังได้เรทที่ดีกว่าเสมอ ณ เวลานั้นๆ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม
  • ศูนย์บริการลูกค้าสำหรับบริการ YouTrip โดยเฉพาะ ตลอด 24 ชั่วโมง
  • รับเลย 200 บาท เมื่อใช้จ่ายครั้งแรกไม่มีขั้นต่ำ เฉพาะ 50,000 คนแรก ซึ่งจะได้รับเงินเข้าบัญชี  YouTrip ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2562

Capco และ Candela Labs ประกาศการเป็นหุ้นส่วนในภูมิภาคเอเปค

Logo

ลอนดอนและบังกาลอร์ อินเดีย–(บิสิเนสไวร์)–04 พ.ย. 2562

Capco ผู้นำด้านเทคโนโลยีและการให้คำปรึกษาด้านการจัดการสำหรับอุตสาหกรรมบริการทางการเงินและ Candela Labs บริษัทเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญในโซลูชั่นอัตโนมัติและระบบดิจิตอลสำหรับบริษัทประกันภัยและธนาคารได้ประกาศการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ใหม่

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191104005308/en/

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันระหว่างความสามารถด้านการปฏิรูปธุรกิจ การผสานเทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษาและการดำเนินงานของ Capco และชุดโซลูชั่นคลาวด์อัจฉริยะอัตโนมัติสำหรับการปฏิรูประบบดิจิตอลสำหรับบริษัทบริการทางการเงินของ Candela Labs

Capco และ Candela Labs จะทำงานร่วมกันเพื่อมอบโปรแกรมการปฏิรูปดิจิตอลที่ช่วยสร้างความคล่องตัว ความราบรื่น การประหยัดต้นทุนสำหรับห่วงโซ่คุณค่าทั้งหมดของกิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญสำหรับบริษัทบริการทางการเงิน

Neil Ramchandran ผู้จัดการหุ้นส่วนของเอเปคที่ Capco กล่าวว่า

“การเปลี่ยนแปลงของกลุ่มประชากรและตลาดในเอเชียหมายความว่าผู้ให้ประกันกำลังประเมินผลิตภัณฑ์ กระบวนการ และเทคโนโลยีที่สนับสนุนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะยังมีส่วนในยุคใหม่นี้  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่อย่างมีประสิทธิภาพนั้นสำคัญอย่างยิ่งในการจะเป็นผู้เล่นและผู้ชนะในภูมิภาค”

“การเป็นหุ้นส่วนของเรากับ Candela Labs ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการช่วยเหลือผู้ให้ประกันรับมือกับความท้าทายเหล่านี้และคว้าโอกาสข้างหน้า  เราจะนำเสนอบริการเต็มรูปแบบในตลาดสำคัญของเอเปคด้วยความเชี่ยวชาญและโซลูชั่นที่สมบูรณ์ของเรา รวมถึงความเชี่ยวชาญในภูมิภาค และเราหวังว่าจะได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Arsh Maini และทีมงานของเขา”

Arsh Maini ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Candela Labs กล่าวว่า

“เป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับการให้บริการโซลูชั่นนำโดยเทคโนโลยีแก่บริษัทประกันภัย  โปรแกรมอัตโนมัติและดิจิตอลที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงต้องมีความสามารถเชิงลึกในหลายมิติ รวมถึงเทคโนโลยี ความรู้อุตสาหกรรมและตลาด และโปรแกรมและการจัดการการเปลี่ยนแปลง  ความร่วมมือระหว่างทีมงานของ Candela Labs และ Capco รวบรวมความสามารถเหล่านี้ไว้ด้วยกันให้แก่ลูกค้าของเรา  ความสำเร็จของลูกค้าคือเป้าหมายของเราและเป็นตัวชี้วัดผลการดำเนินงานร่วมกับหุ้นส่วนของเราอย่างแท้จริง"

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

Capco เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีและการจัดการระดับโลกที่เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน  ผู้เชี่ยวชาญของเรารวมการคิดเชิงนวัตกรรมเข้ากับความรู้ในอุตสาหกรรมเพื่อมอบคำปรึกษา เทคโนโลยีเชิงลึกและการรวมแพคเกจ การส่งมอบการเปลี่ยนแปลงและบริการที่มีการจัดการเพื่อความก้าวหน้าขององค์กร  ด้วยวิธีการทำงานอย่างร่วมมือและมีประสิทธิภาพ เราช่วยให้ลูกค้าของเราประสบความสำเร็จในการคิดค้น เพิ่มรายได้ จัดการความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มการควบคุม  เราเชี่ยวชาญด้านการธนาคาร ตลาดทุน การบริหารความมั่งคั่งและสินทรัพย์ และการประกันภัย  นอกจากนี้เรายังให้คำปรึกษาด้านพลังงานในสหรัฐอเมริกา  เราให้บริการลูกค้าของเราจากสำนักงานในศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำทั่วอเมริกา ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก  หากต้องการเรียนรู้เพิ่ม เติมเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราที่ www.capco.com หรือติดตามเราบน Twitter, Facebook, YouTube, LinkedIn และ Instagram

Candela Labs Candela Labs เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่นระบบอัตโนมัติอัจฉริยะที่ช่วยให้บริษัทประกันภัยและธนาคารมีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น  Candela Labs มุ่งเน้นที่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการที่เกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกค้า การได้มาซึ่งลูกค้าใหม่ บริการ การรับประกัน และการเคลมประกัน  องค์ประกอบที่เรามีสามารถสร้างระบบดิจิตอลอย่างรวดเร็วและสร้างความอัตโนมัติแก่การเดินทางของลูกค้าและองค์กรภายใน

โซลูชันอัตโนมัติอัจฉริยะของเราช่วยในการนำไปใช้งานและการเชื่อมที่ไร้รอยต่อในโซลูชันดิจิตอลส่วนหน้า รวมถึงการสร้างความอัตโนมัติของกระบวนการทางธุรกิจหลักและการรวมเข้ากับระบบแบ็คเอนด์  ดูข้อมูลเพิ่มเติมสามารถได้ที่ www.candelalabs.io

ดูฉบับที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191104005308/en/

สื่อ:
Capco

Tim Steele หัวหน้าฝ่ายสื่อสาร, Capco
+ 44 7714 564426 // tim.steele@capco.com

Candela Labs
Meenakshi Puri
+ 91- 78294 58055 // meenakshi.puri@candelalabs.io

YITU เข้าร่วมการประชุม ICCV 2019 ด้วยชิป AI บนคลาวด์ที่พัฒนาขึ้นเอง แสดงถึงความแข็งแกร่งของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์แบบครบวงจร

Logo

เซินเจิ้น จีนและโซล เกาหลีใต้–(บิสิเนสไวร์)–01 พ.ย. 2562

การประชุมนานาชาติเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์วิทัศน์ครั้งที่ 17 (International Conference on Computer Vision – ICCV) จัดขึ้นในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ในสัปดาห์นี้  YITU Technology ได้เข้าร่วมการประชุมด้วยงานวิจัยล่าสุด ICCV  โดยเป็นที่รู้จักในฐานะการประชุมคอมพิวเตอร์วิทัศน์ชั้นนำของโลก ICCV จัดขึ้นทุกๆ สองปีโดยมีเอกสารวิจัยและหัวข้อต่างๆ จากการวิจัยระดับสูงสุดและแนวโน้มการเติบโตทางเทคนิคในด้านการมองเห็นของคอมพิวเตอร์

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191101005240/en/

YITU AI chip QuestCore TM (Photo: Business Wire)

ชิป AI QuestCoreTM ของ YITU (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

ในฐานะบริษัทปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำระดับโลก YITU อยู่ในแนวหน้าของนวัตกรรม AI  ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมถึง 1 พฤศจิกายน นักวิจัยเอไอจาก YITU จะนำเสนอผลการวิจัยและการปฏิบัติในอุตสาหกรรมที่ ICCV 2019 รวมทั้ง QuestCoreTM  ชิป AI บนคลาวด์ที่พัฒนาโดย YITU เพื่อการสื่อสารและเรียนรู้จากชุมชนการวิจัยที่หลากหลาย

“จุดสูงสุดของอัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์ได้เปลี่ยนจากภาคการศึกษาสู่ภาคอุตสาหกรรม” Dr. Yan Shuicheng, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ YITU กล่าว “เราต้องมีการร่วมมือเชิงลึกระหว่างภาควิชาการและอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของอัลกอริทึมระบบนิเวศ AI ทั้งหมด”

ในฐานะนักวิชาการที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านคอมพิวเตอร์วิทัศน์และการเรียนรู้ของเครื่องจักร Dr. Yan ร่วมงานกับ YITU ในเดือนสิงหาคมปีนี้โดยความแข็งแกร่งด้านการวิจัยและพัฒนาของบริษัทเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เขาได้ตัดสินใจร่วมทำงาน  Dr. Yan ในฐานะที่เป็น IEEE Fellow, IAPR Fellow และ ACM Distinguished Scientist ได้ตีพิมพ์เอกสารมากกว่า 600 ฉบับในวารสารและการประชุมระดับนานาชาติชั้นนำด้วยการอ้างอิงมากกว่า 40,000 รายการ และมีดัชนี H-index 98

YITU เปิดตัวชิป AI บนคลาวด์ QuestCoreTM ในเดือนพฤษภาคม 2019  โดยผสานเข้ากับอัลกอริธึม AI ระดับโลกและปรัชญาการออกแบบชิปขั้นสูง ชิปนี้เป็นชิปวิเคราะห์วิดีโอที่ชาญฉลาดและคุ้มค่าที่สุดในโลก  ชิปนี้บ่งชี้ว่าการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จของ YITU เป็นไปตามแนวโน้มการผสมผสานระหว่างอัลกอริทึม AI และการออกแบบชิป  ความสำเร็จอื่นๆ ก็จะมีการจัดแสดงเช่นกันใน ICCV 2019

ตามข้อมูลจากมหาวิทยาลัย Tsinghua การใช้งานการมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์คิดเป็นเกือบ 35% ของการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ทั้งหมดในปี 2562 และได้กลายเป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ

YITU กำลังสร้างแพลตฟอร์มนวัตกรรมคอมพิวเตอร์วิทัศน์ปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติแบบเปิดซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน AI แห่งชาติเพื่อให้สอดคล้องกับนักพัฒนาของอัลกอริทึม ชิป และผลิตภัณฑ์ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพลูกโซ่ชิปอัลกอริทึมและเครื่องมือทั้งหมด

“เราจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพโดยรวมของโซลูชั่นการประมวลผลภาพอัจฉริยะสำหรับอุตสาหกรรมวิทัศน์” Dr. Yan Shuicheng กล่าว “และช่วยในการบูรณาการประสบการณ์การพัฒนาและความรู้ในอุตสาหกรรมและส่งเสริมนวัตกรรมและความร่วมมือ”

เกี่ยวกับ YITU

YITU Technology เป็นหนึ่งในไม่กี่บริษัทที่บุกเบิกเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สำคัญมากมายเช่น คอมพิวเตอร์วิทัศน์ การรับรู้เสียง การประมวลผลภาษา การตัดสินใจอัจฉริยะ และชิป AI

YITU Technology ทุ่มเทในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงใน AI  โดยขับเคลื่อนด้วยอัลกอริธึม AI ระดับโลกชิป AI QuestCore™ ของ YITU สามารถใช้งานในหลากหลายสถานการณ์เพื่อมอบโซลูชั่นที่คุ้มค่าและแข่งขันกับตลาด  YITU เป็นบริษัทเดียวทั่วโลกที่ได้รับรางวัลชนะเลิศสามครั้งในการทดสอบการจดจำใบหน้าโดยสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (National Institute of Standards and Technology – NIST) และเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบโดยกิจกรรมโครงการวิจัยขั้นสูงอัจฉริยะ (Intelligence Advanced Research Projects Activity – IARPA)  เทคโนโลยีการรับรู้เสียงพูดที่พัฒนาเองของ YITU ได้รับการทดสอบว่ายอดเยี่ยมที่สุดในอุตสาหกรรมสำหรับภาษาจีนกลาง  Nature Medicine วารสารวิชาการชั้นนำ ได้ตีพิมพ์เกี่ยวกับความก้าวหน้าล่าสุดของ YITU ในด้านเทคโนโลยีการวินิจฉัยเด็กอัจฉริยะที่ใช้ NLP ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ซึ่งเป็นบทความระดับสูงสุดด้านการวิจัยปัญญาประดิษฐ์ในประเทศจีน

โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI, YITU เสริมกำลังให้กับอุตสาหกรรมที่หลากหลายและให้บริการเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมชั้นนำระดับโลกในหลายภาคส่วน รวมถึงเมืองอัจฉริยะ สมาร์ทไฟแนนซ์ การดูแลสุขภาพอัจฉริยะ ค้าปลีกอัจฉริยะ ชิป AI และเภสัชกรรม AI.  YITU เป็นบริษัท AI แห่งเดียวในประเทศที่สามารถให้บริการเทคโนโลยีการจัดการอัจฉริยะในเมืองใหญ่และเงื่อนไขที่ซับซ้อน

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191101005240/en/

ติดต่อ:

Yitu Tech
ชื่อผู้ติดต่อ: Alice Deng
โทร: 021-52559588
อีเมล์:media@yitu-inc.com
เว็บไซต์: https://www.yitutech.com/en

GungHo Online Entertainment: เกมเสริมของ Nero และ ‘The Devils Awaken’ เปิดให้บริการบน TEPPEN แล้ว

Logo

ผู้เล่นสามารถลงชื่อเข้าใช้ตอนนี้เพื่อรับรางวัลฟรี

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–1 พ.ย. 2562

Dante ไม่ใช่นักล่าสัตว์ปีศาจคนเดียวของ TEPPEN  ในเกมต่อสู้การ์ดระดับสุดยอดอีกต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20191031005987/en/

GungHo Online Entertainment (TOKYO:3765) released Nero from the Devil May Cry series, as well as his The Devils Awaken card expansion, for the Capcom co-developed TEPPEN. Players can now get their hands on the new Hero, experiment with his Hero Arts, and craft exciting decks within the expansion. Nero and The Devils Awaken Expansion for TEPPEN is now available on the Amazon Appstore. New users who download TEPPEN on the Amazon Appstore before Jan. 1, 2020 can earn 30 ‘CORE’ Pack Tickets, 10 ‘DAY OF NIGHTMARES’ Pack Tickets, and 3,200 Souls. (Graphic: Business Wire)

GungHo Online Entertainment (TOKYO: 3765) เปิดตัว Nero จากซีรีส์ Devil May Cry รวมถึงการขยายสำรับการ์ดเสิร์ม Devils Awaken สำหรับ TEPPEN ที่ Capcom ได้ร่วมพัฒนา ตอนนี้ผู้เล่นสามารถเล่นเป็นฮีโร่ตัวใหม่ใหม่และสามารถทดลองใช้ Hero Arts ของพวกเขาและสร้างสำรับไพ่ที่น่าตื่นเต้นจากเกมเสิร์ม ทั้งนี้ Nero และ The Devils Awaken Expansion สำหรับ TEPPEN มีวางจำหน่ายแล้วใน Amazon Appstore ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลด TEPPEN ใน Amazon Appstore ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 สามารถรับตั๋วแพ็ค 'CORE' 30 ใบ , แพ็คตั๋ว 'DAY OF NIGHTMARES' 10 ใบ และได้รับวิญญาณ 3,200 ดวง (กราฟิก: Business Wire)

GungHo Online Entertainment (GOE) (TOKYO: 3765) ได้เปิดตัว  Nero จาก Devil May Cry และการ์ดสำรับเสริมของ The Devils Awaken สำหรับ Capcom ที่พัฒนาร่วมกับ TEPPEN

ตอนนี้ผู้เล่นก็จะสามารถเล่นเป็นฮีโร่ใหม่และทดลองใช้ Hero Arts ของพวกเขา และสร้างสำรับการ์ดที่น่าตื่นเต้นภายในส่วนเสิรมนี้ นอกจากนี้ Nero ยังมาพร้อมกับรางวัลมากมายและโบนัสล็อกอิน ผู้เล่นจะสามารถเข้าถึงภารกิจของซีรีส์ซึ่งจะมาพร้อมกับรางวัล เช่น  Souls, Zenny, Pack Tickets และ Jewels เมื่อทำภารกิจสำเร็จ

ในที่สุดการเปิดตัว Nero และ 'The Devils Awaken' ก็มาถึง ทาง GOE ได้เปิดเผยว่า TEPPEN สามารถใช้งานได้แล้วใน Amazon Appstore ซึ่งจะนำเกมยอดฮิตทั่วโลกมาสู่ผู้ชมที่กว้างยิ่งขึ้น

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลด TEPPEN ใน Amazon Appstore ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 สามารถรับตั๋วแพ็ค 30 'CORE', แพ็คตั๋ว 'DAY OF NIGHTMARES' 10 ใบ และวิญญาณ 3,200 ดวง นอกจากนี้ผู้เล่นที่กำลังเล่นอยู่แล้วสามารถรับวิญญาณ 3,200 ดวง หาก เปลี่ยน เป็นเวอร์ชั่น Amazon Appstore

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยว TEPPEN กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเกม

Amazon และโลโก้ Amazon และเครื่องหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ Amazon.com, Inc. หรือบริษัทในเครือ

เกี่ยวกับ TEPPEN

มีทางเดียวเท่านั้นที่จะขึ้นไปสู่จุดสูงสุด นั่นก็คือการเล่น TEPPEN! โดย TEPPEN เป็นเกม Ultimate Card Battle ที่คุณสามารถเล่นในแบบเรียลไทม์พร้อมการใช้ท่าแอคชั่นแบบมีไดนามิกที่มีการโจมตีแบบ สุดยอดจนหน้าจอของคุณแทบจะระเบิด ด้วยกราฟิกที่น่าอัศจรรย์และระบบการต่อสู้ที่ทันสมัย TEPPEN จึงเป็นเกมไพ่ที่เหนือกว่าเกมไพ่อื่น ๆ ทั้งหมด! เล่นเป็นตัวละครฮีโร่ยอดนิยม จาก Monster Hunter, Devil May Cry, สตรีทไฟท์เตอร์, Resident Evil และซีรีส์อื่น ๆ ในการต่อสู้แอ็คชั่นแบบรวมดาวตัวละครจาก Capcom ที่สุดยอดที่สุด!

©GungHo Online Entertainment, Inc. All Rights Reserved.

©CAPCOM CO., LTD. ALL RIGHTS RESERVED.

©CAPCOM U.S.A., INC. ALL RIGHTS RESERVED.

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: https://teppenthegame.com/en/

Twitter: https://twitter.com/PlayTEPPEN

Google Play Store

https://play.google.com/store/apps/details?id=jp.gungho.teppen

App Store

ดูแหล่งที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191031005987/en/

ติดต่อ:

GungHo Online Entertainment, Inc.

Sales & Marketing Dev.

Mayumi Mori

+81-3-6895-1672

mmori@gungho.jp

ศรีลังกากับการมีส่วนร่วมในงานดิจิทัล ไทยแลนด์ บิ๊กแบง 2019

Logo

เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพของประเทศศรีลังกาในฐานะที่เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของโลกอีกทางเลือกหนึ่งในด้านไอซีที สถานทูตศรีลังกาประจาประเทศไทย โดยความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ศรีลังกา ได้จัดให้บริษัทด้านไอทีของศรีลังกาได้เข้าร่วมในงานบิ๊กแบง 2019 เป็นครั้งแรก ซึ่งงานนี้จัดขึ้นในกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 28 31 ตุลาคม ซึ่งเป็นงานการประชุมนานาชาติและนิทรรศการด้านดิจิทัลเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้แนวคิด “อาเซียน คอนเนคทิฟฟิตี้” อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยในฐานะผู้นาการประชุมอาเซียน

โดยนิทรรศการในครั้งนี้ได้รับเกียรติ จาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นประธานเปิดงาน ซึ่งแบ่งพื้นที่จัดแสดงเป็นสามส่วนด้วยกัน ได้แก่ “โซนสร้างสรรค์” ซึ่งรวบรวมผลงานสร้างสรรค์ต่าง ๆ ในด้านดิจิทัลเทคโนโลยี, “โซนสังคม” เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตและโอกาสที่เท่าเทียมกัน, และ “โซนสมาร์ทซิตี้” เพื่ออนาคตอันยั่งยืนของเมืองในอนาคต

โดยบูธแสดงผลิตภัณฑ์ของศรีลังกาได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ซามานธา เค. จายาสุริยา เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจาประเทศไทยมาเป็นเกียรติเปิดบูธในงานดังกล่าว โดยมีบริษัทด้านไอที 5 บริษัทของศรีลังกา ได้แก่ บริษัทไอมารา ซอฟ์ทแวร์ โซลูชั่น จากัด, บริษัทซอฟ์ทโค้ดอิท โซลูชั่น จากัด, บริษัทสกาย แมเนจเม้นต์ ซิสเต็ม จากัด, บริษัทไอเทคโร จากัด และ บริษัทซิลเวอร์ลีป เทคโนโลยี จากัด ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์ด้านไอทีและบริการของประเทศศรีลังกา ไม่ว่าจะเป็นด้านบิ๊กดาต้า โซลูชั่น, การพัฒนาอีบิซเนส, อีอาร์พี ซอฟท์แวร์, โครงสร้างและบริการไอซีที, การพัฒนาแอพพลิเคชั่นมือถือ, การพัฒนาซอฟท์แวร์, ซิสเต็มอินทิเกรชั่น, การพัฒนาเว็บและการตลาด, ไอโอที, การบริการเคลาด์เซอร์วิส, บิซเนสโซลูชั่น และ เอ็มไอเอส, เปย์เม้นต์โปรเซสเซอร์และระบบเรียลไทม์ เป็นต้น ซึ่งต่างมีช่องทางการตลาดที่เข้มแข็งสาหรับผลิตภัณฑ์ซอฟท์แวร์และบริการของบริษัทในตลาดอเมริกาเหนือ, อียู, เอเชียตะวันออก, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา และนอร์ดิค นอกจากนั้น งานบิ๊กแบง 2019 ยังเปิดโอกาสให้สามารถขยายศักยภาพสู่ตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

ภาคธุรกิจด้านไอทีของศรีลังกา ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนอย่างมั่นคงเพื่อก้าวขึ้นมาเป็นไอซีทีฮับในภูมิภาคเอเชีย และทาให้มีรายได้โตเป็นอันดับสี่ของเศรษฐกิจของประเทศ ศรีลังกายังเป็นศุนย์พัฒนานอกชายฝั่งสาหรับบริษัทต่าง ๆ กว่า 500 บริษัทจากสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สวีเดน และบริษัทร่วมพัฒนาจากสวีเดน นอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เป็นต้น ในงานนี้มีผู้ร่วมจัดงานทั้งสิ้นกว่า 200 รายจาก 14 ประเทศจากในภูมิภาคและจากทั่วโลก มีผู้เข้าร่วมชมงานหลายพันคนจากหลากหลายสาขาวิชาชีพด้วยกัน

สถานทูตเอกอัครราชทูตศรีลังกา
กรุงเทพฯ
28 ตุลาคม พ.ศ. 2562



The Mary Kay Foundation ได้มอบเงินจำนวน 3.1 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการวิจัยโรคมะเร็งและที่พักพิงสำหรับผู้ได้รับความรุนแรงในครัวเรือน

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–31 ต.ค. 2562

มูลนิธิ Mary Kay FoundationSM เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้บริจาคเงินจำนวนมากกว่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐในการวิจัยโรคมะเร็งและที่พักพิงสำหรับเหยื่อความรุนแรงในครัวเรือน ทั้งนี้ มูลนิธิ Mary Kay ก่อตั้งขึ้นในปี 2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำจัดโรคมะเร็งที่มีผลกระทบต่อผู้หญิง โดยในปี 2543 มูลนิธิได้ขยายขอบเขตไปสู่การยุติความรุนแรงในครัวเรือนให้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ

สถานพักพิงความรุนแรงในครัวเรือน 100 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งรวมไปถึง ที่เปอร์โตริโก และหมู่เกาะเวอร์จินได้รับเงินบริจาค 20,000 เหรียญสหรัฐ ต่อประเทศ ซึ่งรวมเป็นเงินบริจาคทั้งหมด 2 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลนิธิมีความมุ่งมั่นที่จะให้เงินทุนสนับสนุนงานด้านการช่วยเหลือที่พักพิงสำหรับผู้หญิงและโครงการเงินช่วยเหลือที่พักพิงประจำปีได้ช่วยเหลือด้านการเงินที่จำเป็นหลายประการ เช่น ที่พักฉุกเฉิน บ้านพักชั่วคราว การให้คำปรึกษา และความช่วยเหลือด้านกฎหมาย แหล่งความช่วยเหลือเหล่านี้สนับสนุนผู้หญิงและเด็กขณะที่พวกเขาแสวงหาที่ลี้ภัยและบรรเทาทุกข์ในขณะที่พวกเขากำลังอยู่ในหนทางไปสู่ชีวิตที่ปราศจากการละเมิด

ในขณะที่ผู้รับความช่วยเหลือด้านความรุนแรงในครอบครัวส่วนใหญ่ใช้เงินช่วยเหลือที่ไม่จำกัดเงื่อนไขไปกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการที่จำเป็น ผู้รับความช่วยเหลืออื่น ๆ จะใช้เงินไปกับการซ่อมแซมและปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก หรือเพิ่มโครงการและทรัพยากรตามความต้องการเฉพาะของที่พักพิงและผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่น Margie's Haven House ใน Heber Springs รัฐอาร์คันซอส์ วางแผนที่จะใช้เงินช่วยเหลือซื้อยานพาหนะเพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องการความช่วยเหลือ ใน Decatur / Macon County, Illinois และอีกสี่เขตโดยรอบ ในส่วนของเงินกองทุน Dove, Inc. จะถูกนำไปใช้กับค่าใช้จ่ายในการเพิ่มความปลอดภัยให้กับทางเข้าที่พักพิง ประตูที่พักพิงภายนอกจะถูกแทนที่ด้วยประตูไฟเบอร์กลาสและผนังภายในและประตูเพิ่มเติมจะถูกเพิ่มที่แผนกต้อนรับ

ผู้หญิงและครอบครัวเกือบ 400,000 คนจะได้รับบริการสนับสนุนด้านความรุนแรงในครัวเรือนและจะได้รับแหล่งความช่วยเหลือฟรีผ่าน 100 หน่วยงานที่ได้รับเงินสนับสนุน

หลังจากตรวจสอบใบสมัครมากกว่า 70 รายการคณะกรรมการพิจารณาการวิจัยของมูลนิธิ Mary Kay Foundation ได้มอบเงินรางวัล 100,000 เหรียญสหรัฐแก่สถาบันวิจัยมะเร็ง 11 แห่งทั่วประเทศรวมเป็นเงิน 1.1 ล้านเหรียญ ในปีนี้ผู้รับทุนเป็นสถาบันการวิจัยชั้นนำ ดังต่อไปนี้:

  • Albert Einstein College of Medicine
  • Case Western Reserve University School of Medicine
  • Georgetown University
  • Michigan State University
  • University of California, San Francisco
  • University of Kansas Medical Center
  • University of Notre Dame
  • University of Utah
  • UT Southwestern Medical Center
  • Vanderbilt University Medical Center

“ ที่มูลนิธิ Mary Kay เราเชื่อในการช่วยเหลือให้ผู้หญิงปรับปรุงสถานการณ์ของพวกเขาและใช้ชีวิตที่ดีที่สุดอย่างเต็มที่” Michael Lunceford ประธานคณะกรรมการมูลนิธิ Mary Kay กล่าว “มูลนิธิของเราพยายามที่จะทำเช่นนั้นในสองวิธีที่สำคัญ ได้แก่ การวิจัยการพัฒนากองทุนสำรองเลี้ยงชีพในการปฏิบัติภารกิจของเราที่จะขจัดโรคมะเร็งมีผลกระทบต่อผู้หญิง และการให้ทรัพยากรที่พักพิงแก่ผู้ได้รับความรุนแรงในครัวเรือนทั่วประเทศเพื่อให้พวกสามารถช่วยผู้รอดชีวิตได้”

ทุนวิจัยโรคมะเร็งของมูลนิธิประจำปี 2562 จะให้การสนับสนุนการศึกษานวัตกรรมจำนวนมาก  ที่โรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัย Case Western Reserve ดร. Stefanie Avril กำลังทำการวิจัยที่ก้าวล้ำเพื่อควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อกำจัดมะเร็งเต้านม ที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. Cecil Han จะใช้ประโยชน์จากทุนวิจัยในการศึกษาต่อไปว่าการเปลี่ยนแปลงวิถีการเผาผลาญส่งผลกระทบต่อการเติบโตและการพัฒนาของเซลล์มะเร็งรังไข่ในระยะแรกได้อย่างไร และที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแคนซัสดร. Priyanka Sharma จะใช้ประสบการณ์ 15 ปีของเธอในการวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมแบบ TNBC, Novel Targeted Agents, พันธุศาสตร์มะเร็งเต้านมและเคมีบำบัดแบบ Neoadjuvant ด้วยความหวังว่าจะได้ค้นพบการรักษาที่ประสบความสำเร็จสำหรับรูปแบบโรคมะเร็งเต้านมที่ก้าวร้าวที่สุดของ

“ เราเคยเห็นความสำเร็จของเงินช่วยเหลือก่อนหน้านี้ที่นำไปสู่นวัตกรรมใหม่ในการศึกษามะเร็งเต้านมมดลูก มะเร็งปากมดลูกและรังไข่ และเราก็รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นผลงานวิจัยของผู้รับทุนในปีนี้” Lunceford กล่าว “ ด้วยการสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์และสถาบันเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เรารู้ว่าเราจะทำให้ผู้หญิงทุกหนทุกแห่งมีชีวิตที่ดีขึ้น”

ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา The Mary Kay FoundationSM ได้มอบเงินมากกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐแก่ที่พักพิงและผู้ให้บริการความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงโครงการวิจัยโรคมะเร็งและสาเหตุที่เกี่ยวข้องทั่วสหรัฐอเมริกา

เกี่ยวกับ The Mary Kay Foundation℠

โดยการทำตามความฝันของ Mary Kay Ash ที่จะยกระดับชีวิตของผู้หญิงทุกหนทุกแห่ง มูลนิธิ The Mary Kay FoundationSM ได้ระดมทุนและจัดสรรกองทุนเพื่อการลงทุนในการวิจัยโรคมะเร็งขั้นสูงเพื่อค้นหาวิธีรักษาโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงและยุติความรุนแรงในครอบครัวต่อสตรี ตั้งแต่ปี 2539 มูลนิธิ The Mary Kay FoundationSM ได้บริจาคเงินกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับองค์กรที่มีภารกิจสอดคล้อง นอกจากนี้มูลนิธิยังสนับสนุนโครงการริเริ่มสร้างจิตสำนึก โครงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ชุมชน และสนับสนุนกฎหมายเพื่อให้ผู้หญิงมีสุขภาพที่ดีและได้รับความปลอดภัย โดยการทำงานร่วมกันเราสามารถทำให้โลกนี้ดีขึ้นสำหรับผู้หญิง หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการให้การศึกษา การสนับสนุน การเป็นอาสาสมัคร และการบริจาคและการเข้าร่วมงานช่วยชีวิตและเพื่อสนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถของผู้หญิง เยี่ยมชมได้ที่ marykayfoundation.org หรือ หาเราได้ที่  Facebook และ Instagram หรือตามเราได้ที่ Twitter

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191031005326/en/

ติดต่อ:

ฝ่ายสื่อสารองค์กร Mary Kay Inc.

marykay.com/newsroom

972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

Promethera Biosciences: ประกาศเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจในญี่ปุ่น

Logo

เมือง MONT-SAINT-GUIBERT, เบลเยียม และ โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–31 ตุลาคม 2562

Promethera Biosciences SA (Group) ผู้คิดค้นนวัตกรรมระดับโลกด้านยารักษาโรคโดยใช้เซลล์และโรคเกี่ยวกับตับประกาศการก่อตั้งสำนักงานสาขาแห่งใหม่ในโตเกียวชื่อว่า Promethera Biosciences Japan Branch Ltd ในเดือนพฤษภาคม 2561 การจัดตั้งสำนักงานสาขาในญี่ปุ่นเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการสร้างสถานะที่แข็งแกร่งของ Promethera ในประเทศญี่ปุ่น โดยในเบื้องต้นจะเน้นไปที่การพัฒนาธุรกิจที่เพิ่มขึ้น กิจกรรมนักลงทุนสัมพันธ์ และการขยายธุรกิจและผลิตภัณฑ์ในญี่ปุ่น การขยายตัวของบริษัทในตลาดเอเชียจะเป็นขั้นตอนต่อไป

ขณะที่เราพัฒนากิจกรรมทางธุรกิจดังกล่าว เราก็ได้พิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับชื่อเสียงของเราในญี่ปุ่น ทางเลือกเหล่านี้รวมถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นโตเกียวในอนาคต (ไม่ว่าจะใช้ใบเสร็จรับเงินของญี่ปุ่น (ตามแนวทาง JDR *) หรือตลาดหุ้นเอเชียอื่น ๆ และ / หรือการเป็นพันธมิตรกับบริษัทเวชภัณฑ์ต่าง ๆ

* สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมของแนวทาง JDR โปรดดู

https://www.jpx.co.jp/english/equities/listing-on-tse/new/basic/05.html

เกี่ยวกับ Promethera Biosciences:

Promethera Biosciences เป็นผู้ริเริ่มระดับโลกด้านการบำบัดรักษาโรคตับโดยมีภารกิจคือการนำทรีทเม้นต์ช่วยชีวิตมาใช้เพื่อลดความจำเป็นในการปลูกถ่ายตับ โปรแกรมคลินิกนำของเราซึ่งได้มาจากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเซลล์ที่ได้รับสิทธิบัตรของเราที่ชื่อว่า HepaStem ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติของระบบภูมิคุ้มกันและการป้องกันการเกิดลิ่มเลือด นอกเหนือไปจากงานด้านเซลล์ของเราแล้ว เรายังพัฒนาเทคโนโลยีแอนติบอดี้เช่น antiTNF-R1 แอนติบอดี Atrosimab เพื่อเติมเต็มและกระจายทางเลือกการรักษาของเรา เราเป็นทีมงานผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ใน Mont-Saint-Guibert (เบลเยียม), เดอร์แรม (นอร์ธ แคโรไลนา, สหรัฐอเมริกา), โตเกียว (ญี่ปุ่น) และ บาเซล (สวิตเซอร์แลนด์)

Promethera®, HepaStem®, H2stem® เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนทั้งหมดของกลุ่มPROMETHERA group.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20191031005412/en/

ติดต่อ:

Promethera Biosciences สาขาญี่ปุ่น

Mutsuki Takano, CFO ของกรุ๊ป / Masumi Akahori, ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคล

info.japan@promethera.com

โทร: +81 (0)3-5843-6077

เว็บไซต์: www.promethera.com

The Bangkok Reporter