เส-นอร์สห โลจิสติกส์ จัดส่งฟิล์มพลาสติกให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ สนับสนุนโครงการผู้ประกอบการพลาสติกรวมใจ เคียงข้างคนไทย ฝ่าวิกฤติ COVID-19

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–14 พฤษภาคม 2563

imgนายวุฒิพงศ์ เจริญเกษกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เส-นอร์สห โลจิสติกส์ จำกัด หนึ่งในบริษัทพันธมิตรที่ได้เข้าร่วม โครงการผู้ประกอบการพลาสติกรวมใจ เคียงข้างคนไทย ฝ่าวิกฤติ COVID-19” จัดตั้งโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จํากัด (มหาชน) ร่วมกับกลุ่ม Young PEP ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการพลาสติก โดยโครงการนี้ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อบริจาคฟิล์มพลาสติกให้กับโรงพยาบาลที่แจ้งความประสงค์ขอรับบริจาคฟิล์ม เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ โดยดำเนินการจัดส่งฟิล์มพลาสติกให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังสนับสนุนการจัดส่งอาหารแห้งและของใช้จำเป็นที่ทางบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้บริจาคให้กับกรุงเทพมหานคร เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคโควิด-19 โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง

———————————-

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ 

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

“คนไทยไม่ทิ้งกัน” ซีพี ออลล์ จับมือสมาพันธ์ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบฯ และชมรมแท็กซี่มิเตอร์แอร์พอร์ต มอบเครื่องอุปโภค-บริโภค ช่วยเหลือสมาชิกร่วม

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–13 พฤษภาคม 2563

imgสมาพันธ์ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ โดยนางสุจิน รุ่งสว่าง (แถวหน้า ที่ 3 จากซ้าย) ประธานสมาพันธ์ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบแห่งประเทศไทย และนายสำเร็จ มูระคา (แถวหน้า ที่ 4 จากซ้าย) ประธานชมรมแท็กซี่มิเตอร์แอร์พอร์ต รับมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค จากบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย โดยมี นายบัญญัติ คำนูณวัฒน์ (แถวหน้า ที่ 2 จากซ้าย) ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ นำทีมจิตสาธารณะ ซีพี ออลล์ ร่วมมอบและแพคถุงยังชีพเพื่อนำไปช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด – 19 ตามปณิธานองค์กร “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน” ณ ศูนย์ประสานงานแรงงานนอกระบบ เมื่อเร็วๆ นี้

แลคตาซอย เปิดตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ ชูระบบโลจิสติกส์เข้มแข็ง พนักงานพร้อมส่งสินค้าถึงมือผู้บริโภค

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–13 พฤษภาคม 2563

img“แลคตาซอย” พร้อมลุยตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ ชูระบบโลจิสติกส์บริหารจัดการส่งสินค้าเองอย่างเข้มแข็ง พนักงานส่งสินค้ามีมาตรฐานความสะอาด ใส่อุปกรณ์ป้องกันครบชุด ไม่ว่าจะเป็น หน้ากากอนามัย และหน้ากาก  Face Shield  มั่นใจส่งสินค้าตรงถึงมือผู้บริโภคทั่วประเทศ พร้อมลุยจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย “ช้อปสุดคุ้ม ส่งฟรี! ทั่วประเทศ” พร้อมรับของสมนาคุณถึง 30 พ.ค. นี้

นางสาวมัลลิกา จิรพัฒนกุล ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายขาย บริษัท แลคตาซอย จำกัด เปิดเผยว่า “แลคตาซอย” ขอมีส่วนร่วมสนับสนุนให้ประชาชนลดระยะห่างระหว่างกัน เพื่อป้องกันความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 จึงนำผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นแลคตาซอยสูตรดั้งเดิมทุกรสชาติ และแลคตาซอยโกลด์ซีรีย์ 4 รสชาติ นมถั่วเหลืองคั้นสด “ซังซัง” และนมถั่วเหลืองยูเอชที “เบนิฟิตต์ ซอย บาริสต้า” ทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เต็มรูปแบบ ซึ่งทางบริษัทมีความมั่นใจในระบบโลจิสติกส์ที่มีการบริหารจัดการด้วยตนเองอย่างเข้มแข็ง สามารถส่งตรงผลิตภัณฑ์ถึงมือผู้บริโภคได้ทั่วประเทศ

 “การเปิดตลาดออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบนี้  เป็นการช่วยลดช่องว่างระหว่างกัน ผู้บริโภคจะได้ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19  ซึ่งระบบการจัดส่งสินค้าของบริษัทเป็นไปตามมาตรฐาน พนักงานมีการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย และหน้ากาก Face Shield  ดังนั้นมั่นใจได้ว่าสินค้าที่ส่งถึงมือผู้บริโภคมีความปลอดภัยในทุกกระบวนการอย่างแน่นอน” นางสาวมัลลิกา กล่าว 

อย่างไรก็ดี แลคตาซอยได้จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย โดยผู้ที่สั่งซื้อแลคตาซอยผ่านช่องทางออนไลน์ “ช้อปสุดคุ้ม ส่งฟรี! ทั่วประเทศ” เมื่อซื้อสินค้ายกลัง ทุกขนาด ทุกรสชาติใน lactasoy Official Shop และมียอดสั่งซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท จะได้รับนมถั่วเหลืองคั้นสด “ซังซัง” ขนาด 300 มิลลิลิตร จำนวน 3 แพ็ค โดยสามารถสั่งซื้อได้ที่ www.lactasoy.com/shop  ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พ.ค. 63

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัวก่อตั้งคณะเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ไทเปด้วยเงินบริจาค 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Logo

ซินจู๋ ไต้หวัน–(บิสิเนสไวร์)–12 พฤษภาคม 2563

ในวันที่ 9 พฤษภาคมมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัวได้ทำข้อตกลงร่วมเพื่อจัดตั้งโรงเรียนเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งรัฐไทเป (Taipei School of Economics and Political Science – TSE) ร่วมกับมูลนิธิ TSE ซึ่งก่อตั้งขึ้นด้วยเงินบริจาคจำนวน 100 ล้านดอลลาร์จากผู้ประกอบการ Lin Chen-hai ที่เป็นผู้ก่อตั้ง Pau Jar Group  ภารกิจของ TSE คือการมอบการศึกษาระดับโลกในด้านเศรษฐศาสตร์ การเมืองระหว่างประเทศ และกิจการสาธารณะ โดยมีเอเชียในฐานะศูนย์กลางและจะเริ่มการสรรหาคณาจารย์ระดับแนวหน้าจากทั่วโลกในไม่ช้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านตัวเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200512005343/en/

At the signing ceremony, from left to right: TSE Foundation chairman Huang Huang-hsiung, NTHU president Hocheng Hong, and Pau Jar Group vice chairman Lin Chia-hung. (Photo: National Tsing Hua University)

พิธีลงนามจากซ้ายไปขวา: ประธานมูลนิธิ TSE Huang Huang-hsiung, ประธาน NTHU Hocheng Hong และรองประธานกลุ่ม Pau Jar Group Lin Chia-hang (ภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติ)

ในพิธีลงนาม ประธานมูลนิธิ TSE Huang-hsiung กล่าวว่า TSE จะตั้งอยู่ในวิทยาเขต NTHU โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเช่นนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การศึกษาระดับอุดมศึกษาในไต้หวัน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ Pan Wen-chung กล่าวว่าการจัดตั้ง TSE นั้นถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาในไต้หวัน  ประธาน NTHU Hocheng Hong กล่าวว่าแผนการจัดตั้ง TSE ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงศึกษาธิการแล้วและจะเริ่มประกาศรับนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกในปีการศึกษา 2564-2522 โดยสองในสามจะเป็นนักเรียนต่างชาติและทุกหลักสูตรจะสอนเป็นภาษาอังกฤษ

ประธาน Huang กล่าวว่า TSE มีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักศึกษาที่โดดเด่นและคณาจารย์ระดับโลก โดยจะจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาระดับนานาชาติซึ่งรวมถึงอดีตรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการสี่ท่านเพื่อบริหารการแลกเปลี่ยนทางวิชาการกับสถาบันที่มีชื่อเสียงเช่นวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (LSE) และโรงเรียนฮาร์วาร์ดเคนเนดี

ประธานของ NTHU Hocheng Hong กล่าวว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในด้านการศึกษาในระดับนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยชี้ให้เห็นว่าการบริจาค 100 ล้านดอลลาร์ของ Lin เป็นจำนวนมากที่สุดที่เคยมีมาในแวดวงการศึกษาสังคมศาสตร์ในไต้หวัน

Hocheng ยืนยันว่าเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ปัฐหาเร่งด่วนของมนุษย์ เช่นความมั่นคงด้านอาหาร การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พลังงาน สงคราม และแม้กระทั่งโรคระบาด โดยการแก้ปัญหาต้องคำนึงถึงปัจจัยทางเทคโนโลยี การเมือง และเศรษฐกิจ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในแรงจูงใจหลักในการจัดตั้ง TSE ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัว

Hocheng กล่าวว่า TSE จะเป็นวิทยาลัยที่สิบเอ็ดของ NTHU และหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกแบบสหวิทยาการจะเป็นไปตามแบบอย่างของ LSE  ทาง TSE วางแผนที่จะรับนักเรียนระดับปริญญาโทอย่างน้อยสิบคนสำหรับปีการศึกษา 2564-65 และในปีการศึกษาถัดไปจะรับนักเรียนระดับปริญญาโทอย่างน้อย 40 คนและนักศึกษาระดับปริญญาเอกสิบคน  หลังจากนั้นตัวเลขการลงทะเบียนจะค่อยๆเพิ่มขึ้นทุกปี  ในช่วงเริ่มต้นนั้นห้องเรียน TSE จะจัดขึ้นในอาคาร Innovation Incubation ในวิทยาเขต NTHU จนกว่าอาคารของตนจะแล้วเสร็จทั้งในวิทยาเขตและในไทเป

อ่านที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200512005343/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหัว
Tel: (886)3-5162006
อีเมล์: hoyu@mx.nthu.edu.tw

โซลูชั่น CloudHive ของ Hillstone Networks ได้รับการยอมรับในคู่มือตลาด Gartner Market Guide สำหรับแพลตฟอร์มการป้องกันระบบบนคลาวด์

Logo

ซานตาคลาริต้า คาลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)– 13 พ.ค. 2563

Hillstone Networks ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านความปลอดภัยเครือข่ายระดับองค์กรและโซลูชั่นการจัดการความเสี่ยง มีความยินดีที่จะประกาศว่า โซลูชั่น CloudHive ของ  Hillstone Networks ได้ถูกรวมอยู่ใน Gartner Market Guide ในด้าน Cloud Workload Protection Platforms*

คู่มือการตลาดของ Gartner หรือ Gartner's Market Guide สำหรับแพลตฟอร์ม Cloud Workload Protection (CWPP) เป็นคู่มือระดับโลกที่ใช้ประเมินแพลตฟอร์มการป้องกันระบบบนคลาวด์

เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและแนวทางการจัดหาโซลูชั่น CWPP ที่ตรงกับความต้องการและข้อกำหนดของลูกค้า ทาง Gartner ได้จัดกลุ่มผู้ขายออกเป็นแปดระดับ โดย CloudHive ของ Hillstone Networks เป็นที่ยอมรับในเรื่อง "การแบ่งกลุ่มตามเอกลักษณ์ การเป็นที่รู้จัก และการควบคุม"

Hillstone CloudHive นำเสนอเทคโนโลยีการแบ่งส่วนย่อยเพื่อรักษาความปลอดภัยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เสมือน หรือ virtual machine (VM) แต่ละเครื่อง ภายในสภาพแวดล้อมคลาวด์เพื่อที่จะปกป้องสินทรัพย์ที่สำคัญของธุรกิจ เทคโนโลยีนี้ให้การมองเห็นที่ครอบคลุมของทราฟฟิก East-West และให้การป้องกันที่สมบูรณ์เพื่อหยุดการโจมตีด้านข้างหรือแบบ lateral attacks ระหว่างเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เสมือน (VMs) ด้วยกัน บริการรักษาความปลอดภัยแบบออนดีมานด์สามารถถูกนำไปใช้กับระบบใหม่ ๆ ได้ทุกระดับความสามารถ และปรับใช้กับ VM ทั้งหมด เพราะสามารถปรับการนำไปใช้ได้ (scalability)

โซลูชั่นของ Hillstone CloudHive มีประโยชน์เพราะมี:

  • ทัศนวิสัยแบบ Granular visibility ละเอียดสำหรับการจราจรตะวันออก – ตะวันตก เพื่อป้องกันการโจมตีระหว่าง VM ด้วยกัน
  • ความยืดหยุ่นของการปรับระดับการรักษาความปลอดภัย ด้วยการใช้การประสานการทำงานแบบแอคทีฟ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพพร้อมลดต้นทุนโดยรวมในการเป็นเจ้าของ

“โซลูชันของเราต้องการแก้ปัญหาลูกค้าในชีวิตจริง ดังนั้นสำหรับเราแล้วการถูกรวมอยู่ใน Gartner’s Market Guide สำหรับโซลูชั่น CloudHive จึงเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ Hillstone Networks  และเป็นการชี้ให้เห็นความต้องการของลูกค้าในด้านการเป็นที่รู้จักและการควบคุมเครือข่ายเสมือนจริงของพวกเขา” Timothy Liu, CTO และ ผู้ร่วมก่อตั้งที่ Hillstone Networks กล่าว

*: Gartner, Market Guide สำหรับแพลตฟอร์มการป้องกันระบบบนคลาวด์, Neil MacDonald, Tom Croll, 14 เมษายน 2563

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบของ Gartner:

Gartner ไม่ได้สนับสนุนผู้ขายผลิตภัณฑ์หรือบริการใด ๆ ที่ปรากฎในเอกสารการวิจัยของเรา และไม่ได้เป็นการแนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้จำหน่ายที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดหรือการกำหนดอื่นใด สิ่งพิมพ์วิจัยของ Gartner ประกอบด้วยความคิดเห็นขององค์กรวิจัยของ Gartner และไม่ควรถูกตีความว่าเป็นข้อเท็จจริง Gartner ขอปฏิเสธการรับประกันทั้งหมดที่แสดงออกมาโดยนัยหรือโดยแจ้งที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยนี้ ตลอดจนถึงการรับประกันความสามารถเชิงพาณิชย์หรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ

เกี่ยวกับ Hillstone Networks

โซลูชั่นรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและการจัดการความเสี่ยงของเครือข่ายของ Hillstone Networks ได้มอบการเป็นที่รู้จัก ความชาญฉลาด และการป้องกัน เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรสามารถมองเห็น เข้าใจ และทำหน้าที่ต่อต้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างครอบคลุม โซลูชั่นของ Hillstone ซึ่งครอบคลุมทั้งองค์กรตั้งแต่การประมวลผลแบบเอดจ์ไปจนถึงระบบคลาวด์และช่วยในการลดต้นทุนโดยรวมในการเป็นเจ้าของได้รับการยอมรับจากนักวิเคราะห์ชั้นนำและได้รับความไว้วางใจจากองค์กรระดับโลก  หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.hillstonenet.com.

ติดต่อ:

Zeyao Hu

ผู้จัดการฝ่ายการตลาด

inquiry@hillstonenet.com

Walton ประกาศอนุมัติการปันส่วนแบ่งกำไรมูลค่า 21.3 ล้านดอลลาร์แคนาดาให้นักลงทุน

Logo

ฟีนิกซ์–(BUSINESS WIRE)–11 พฤษภาคม 2563

Walton บริษัทด้านการลงทุนอสังหาริมทรัยพ์และการจัดการสินทรัพย์ที่ดิน มีความยินดีที่จะประกาศให้ทราบว่าการปันส่วนแบ่งกำไรให้นักลงทุนมูลค่ารวม 21,315,034 ดอลลาร์แคนาดาได้รับอนุมัติแล้วเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาจากธุรกิจภายใต้ Walton ได้แก่ Roll-Up Corporation (RUC), McConachie Asset Management Corporation, U.S. Dollar 1 Corporation, U.S. Dollar 2 Corporation และ WIGI Restructured Bond Corporation

เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 ได้มีการปันส่วนแบ่งกำไรมูลค่า 8.3 ล้านดอลลาร์แคนาดาให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท Roll-Up Corporation หรือ RUC โดย Walton Global Investments, Ltd. ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการของ RUC ซึ่งบริษัทดังกล่าวก่อตั้งขึ้นจากการรวมบริษัทที่ประกอบธุรกิจด้านที่ดินก่อนพัฒนาของแคนาดามากถึง 132 หน่วยงาน และมีผู้ถือหุ้นมากกว่า 27,000 ราย โดยรวมแล้ว RUC เป็นเจ้าของผลประโยชน์ในที่ดินที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาที่มีเนื้อที่ถึง 21,533 เอเคอร์หรือราว 54,463 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินในตลาดที่มีการเติบโตสูงทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

บริษัท McConachie Asset Management Corporation ของ Walton ได้ทำการปันส่วนแบ่งกำไรมูลค่า 5,515,035 ดอลลาร์แคนาดาในรูปแบบของหุ้นกู้ไปเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจ่ายทั้งเงินต้นและผลกำไร โดย McConachie เป็นโครงการพัฒนาที่พักอาศัยในเมืองเอ็ดมันตันของรัฐแอลเบอร์ตาซึ่งมี Walton เป็นผู้จัดการโครงการ บริษัท Walton ได้ดำเนินการก่อสร้างในโครงการสำคัญ ๆ จนแล้วเสร็จไปเมื่อปีที่ผ่านมา ขณะที่ดินที่ยังเหลืออยู่ขณะนี้ยังอยู่ภายใต้สัญญา Walton ยังคงเฝ้าติดตามผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 รวมถึงผลกระทบใด ๆ ที่อาจส่งผลต่อการพัฒนาที่ดินอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ Walton ยังได้ทำการปันส่วนแบ่งกำไรมูลค่า 924,999.97 ดอลลาร์แคนาดาจากบริษัท U.S. Dollar 1 Corporation และอีก 274,999.94 ดอลลาร์แคนาดาจากบริษัท U.S. Dollar 2 Corporation ไปเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2563

และสุดท้าย บริษัท WIGI Restructured Bond Corporation (WIGI RBC) ได้จ่ายเงินปันส่วนแบ่งกำไรมูลค่า 6,300,000 ดอลลาร์แคนาดาไปเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินปันส่วนแบ่งกำไรครั้งแรกของบริษัท

“ธุรกิจายใต้การดำเนินงานของ Walton ทั้งห้านี้ยังคงมีสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2563 และเราตื่นเต้นที่จะได้จ่ายเงินปันส่วนแบ่งกำไรให้กับนักลงทุนของเรา ขณะนี้เรายังเฝ้าติดตามผลกระทบจาก COVID-19 อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้การทำธรุกรรมเดินหน้าต่อไปได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยใช้โครงสร้างการถอนตัว (exit structure) ของเราที่แตกต่างไม่เหมือนใคร โมเดลการจัดการสินทรัพย์ของ Walton แสดงถึงโอกาสอันยิ่งใหญ่สำหรับบริษัทรับก่อสร้างและนักลงทุน และเราหวังที่จะดำเนินการธุรกรรมของเราให้เสร็จสมบูรณ์ภายในปี 2563 นี้” Bill Doherty ซีอีโอแห่ง Walton Group of Companies กล่าว

เกี่ยวกับ Walton

Walton เป็นบริษัทเอกชนด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์และการจัดการและบริหารสินทรัพย์ที่ดินชั้นนำระดับโลก ซึ่งมุงเน้นการทำธุรกิจในทำเลที่มีข้อได้เปรียบด้านที่ตั้งบนเส้นทางที่มีการเติบโตสูงมากว่า 40 ปี บริษัทเป็นผู้จัดการและบริหารอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วทั้งอเมริกาเหนือในนามของนักลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจต่าง ๆ และ Walton ยังเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ การจัดการ และการบริหารที่ดินที่มีพื้นที่กว่า 104,000 เอเคอร์ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ธุรกิจภายใต้ Walton Group ที่สำคัญ ๆ ประกอบด้วย Walton Global Holdings, Walton International Group และ Walton Development and Management สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ Walton.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200511005247/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
Jennifer Whittle
LAVIDGE
480-236-2761
Jwhittle@lavidge.com

ดิจิโอ ผู้พัฒนาและให้บริการระบบชำระเงิน ได้รับการลงทุน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบซีรี่ส์บี

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–12 พฤษภาคม 2563

imgดิจิโอ สตาร์ทอัพผู้นำด้านการพัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินในประเทศไทย ได้รับการลงทุน 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบซีรี่ส์บี เพื่อนำเงินลงทุนไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการให้บริการ โดยนักลงทุนในรอบซีรี่ส์บีนี้ได้แก่ บริษัท PCC ที่ให้บริการเครือข่ายธุรกรรมระหว่างธนาคาร บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล บริษัทร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย และกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีก้าวไกลไปด้วยกัน 2 โดยมี สยาม อัลฟ่า เอคควิตี้ (SAE) เป็นที่ปรึกษาการลงทุน โดยเงินทุนที่ได้รับมาดิจิโอจะนำไปใช้ในการขยายและพัฒนาระบบการชำระเงินสำหรับสถาบันทางการเงิน และเพิ่มศักยภาพให้กับระบบการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสดที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำธุรกรรมทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ สำหรับผู้บริโภคและกลุ่มธุรกิจ

นายนพพร ด่านชัยนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้กองทรัสต์เพื่อประกอบกิจการเงิน รวมไปถึงธนาคารชั้นนำในประเทศไทยเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้ และการระดมทุนนี้จะสามารถทำให้บริษัทสามารถขยายบริการระบบการชำระเงินให้กับทั้งทางสถาบันทางการเงิน รวมไปถึงผู้บริโภคอีกด้วย”

ผลิตภัณฑ์และบริการของดิจิโอช่วยให้ให้ผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กสามารถเข้าถึงการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลในปี 2562 ผลิตภัณฑ์การชำระเงินของดิจิโอมีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้บริษัทได้รับใบอนุญาตการให้บริการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (Payment Facilitating Services (PFS)) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะช่วยให้ดิจิโอสามารถให้บริการชำระเงินใหม่ ๆ ให้กับผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กโดยตรง ซึ่งใบอนุญาตนี้เป็นการยืนยันว่าคุณภาพและระบบการให้บริการของดิจิโออยู่ในมาตรฐานตามกฎระเบียบของ ธปท. อีกทั้งบริษัทยังได้รับการรับรองการปฎิบัติตามกฎการชำระเงิน (PCI) ตามมาตรฐานความปลอดภัยทางสารสนเทศสำหรับธนาคาร สถานบันทางการเงิน ฟินเทค และผู้ให้บริการทางการเงินอื่น ๆ ด้วย

ในความร่วมมือกับ PCC นั้น ดิจิโอได้เปิดตัวโซลูชั่น Flite ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายของระบบชำระเงิน ณ จุดขาย (POS) ที่ช่วยให้กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กสามารถให้บริการการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตแบบไร้การสัมผัส (contactless payment) ได้อย่างปลอดภัย บริษัทยังได้ทำงานร่วมกับสถาบันทางการเงินชั้นนำของไทยให้บริการด้าน e-invoices และ e-payments และการเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ล่าสุด MeeBill โดยโซลูชั่นนี้มีส่วนช่วยให้ร้านค้าปลีกทั้งออนไลน์และออฟไลน์สามารถออกใบเรียกเก็บเงินให้กับลูกค้าได้โดยง่าย รวมไปถึงการรับชำระเงินด้วย QR ผ่านอุปกรณ์มือถือ ตลอดจนการตรวจสอบและสรุปยอดใบเรียกเก็บเงินอัตโนมัติ

“ภารกิจของเราคือ การเปิดใช้งานการชำระเงินดิจิทัลในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความไว้วางใจจากคู่ค้าของเรา เราสามารถสร้างโซลูชั่นทางการเงินที่ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อธุรกิจ แต่ยังรวมถึงการดำรงชีวิต และช่วยผลักดันการใช้ระบบการชำระเงินดิจิตอลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”  นายนพพรกล่าว

ดิจิโอก่อตั้งขึ้นในปี 2555 ให้บริการด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์สำหรับโซลูชั่นการชำระเงิน เช่น EDC, mPOS, การพิสูจน์และยืนยันตัวตนบุคคลแบบดิจิทัล และตัวกลางเชื่อมต่อเครือข่ายการชำระเงิน บริษัทมีสำนักงาน 3 แห่ง อยู่ในกรุงเทพ 2 แห่งและเชียงใหม่ ในขณะที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศไทย แต่ฐานลูกค้าของดิจิโอไม่ได้มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงประเทศในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย และพม่า นอกจากนี้ดิจิโอยังได้รับรางวัลด้านนวัตกรรมอีกมากมาย รวมถึงรางวัลจากนายกรัฐมนตรีในงาน Startup Thailand  2560 ดิจิโอสามารถทำกำไรได้ตั้งแต่เริ่มกิจการและจะยังคงมุ่งเน้นไปที่การดำเนินธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืน

เกี่ยวกับ ดิจิโอ (ประเทศไทย)

บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ดิจิโอ วางตัวเองในฐานะบริษัทเทคโนโลยีที่ต้องการช่วยสถาบันทางการเงินและพันธมิตรโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ดิจิโอยังได้นำเสนอโซลูชั่นเพื่อสร้างประสิทธิภาพให้กับผู้ประกอบการในภาคธุรกิจขนาดเล็กและผู้บริโภค

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

Digio                                                                                        

พรประภา จริงกิจจานุกูล                                                             

Business Development                                                                                   

อีเมล: pornprapa@digio.co.th                                      

โทร: 0867816576                                                                     

เว็ปไซต์  www.digio.co.th                                                          

Beacon Venture Capital

ศุภารัตน์ โอภาสยานนท์

Business Development Manager

อีเมล: suparat.op@kasikornbank.com

โทร: 0851399374

เว็ปไซต์ beaconvc.fund

เครือสหพัฒน์ มอบหน้ากากอนามัยผ้า 10,000 ชิ้น ให้ศาลยุติธรรม ป้องกันโควิด-19

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–12 พฤษภาคม 2563

imgเครือสหพัฒน์ โดย นางสาววราภรณ์ กุลสวัสดิ์ภักดี (ที่ 5 จากขวา) และนางพัชราภรณ์
วัฒนสุข (ที่ 4 จากขวา) มอบหน้ากากอนามัยผ้า จำนวน 10,000 ชิ้น ให้กับศาลยุติธรรม เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรของศาลยุติธรรม ประชาชน คู่ความ และพยานที่มาศาลแต่ไม่มีหน้ากากสวมใส่ ซึ่งหน้ากากอนามัยผ้าดังกล่าวเป็นการรวมพลังของบริษัทในเครือสหพัฒน์ที่มาร่วมใจกันผลิตและแจกจ่ายให้กับหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนคนไทย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

###

สื่อมวลชนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

3 รพ.ในเครือ “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” ร่วมห่วงใยทีมกู้ภัย มอบกรมธรรม์ประกันโควิด-19 ให้แก่สมาชิก 176 คนใน 3 จังหวัด

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–12 พฤษภาคม 2563

img3 รพ.ในเครือ “พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” ได้แก่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ห่วงใยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมกู้ภัย พร้อมมอบกรมธรรม์ประกันภัยโควิด -19 เพื่อคุ้มครองชีวิตให้กับสมาชิกหน่วยงานกู้ภัย 176 คนใน 3 จังหวัด

ดร.สาธิต วิทยากร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารทั่วไปและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจเพื่อสุขภาพในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) (PRINC) เปิดเผยว่า 3 โรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ได้แก่ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี มีความห่วงใยทีมกู้ภัยในพื้นที่ 3 จังหวัด ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและบริการประชาชน ท่ามกลางความเสี่ยงของการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จึงได้มอบกรมธรรม์ประกันภัย   โควิด -19 เพื่อคุ้มครองชีวิตมูลค่ารายละ 176,000 บาท ให้แก่สมาชิกหน่วยงานกู้ภัย 176  คน พร้อมน้ำดื่มและอาหารสำเร็จรูป อีกด้วย

            “นอกจากการดำเนินธุรกิจแล้ว สิ่งที่เราให้ความสำคัญควบคู่กันนั่นคือ การช่วยเหลือชุมชนและสังคม  และเราเล็งเห็นว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องช่วยเหลือประชาชนท่ามกลางความเสี่ยงต่อการรับเชื้อโควิด -19 เช่นกัน  จึงได้มอบกรมธรรม์เพื่อคุ้มครองชีวิต  โดยในเวลานี้เราเชื่อว่า ความร่วมมือ ร่วมใจของทุกฝ่าย ความเอื้อเฟื้อที่มีต่อกัน จะทำให้ประเทศของเราสามารถก้าวผ่านทุกอย่างไปได้ในไม่ช้า”ดร.สาธิต กล่าว 

ทั้งนี้ ในรายละเอียด โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ มอบกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยใน 1.มูลนิธิเจ้าพ่อกวนอูกู้ภัยนครสวรรค์ 2.หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย อบต.หนองกรด 3.หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย เทศบาลหนองเบน 4.หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย อบต.หนองกระโดน 5.ชมรมกู้ชีพมหาโพธิ์ 6.หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย อบต.เกรียงไกร 7.หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย อบต.เขาทอง 8.ชมรมกู้ชีพพยุหะคีรี รวมจำนวน 100 คน

โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ มอบกรมธรรม์ประกันภัยโควิด 19 ให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยใน 1.มูลนิธิ ปอเต๊กตึ้ง  2.มูลนิธิร่วมกตัญญู 3. อาสา อบต.บางแก้ว 4. มูลนิธิพิรุณ รวมจำนวน 55 คน

โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี มอบกรมธรรม์ประกันภัยโควิด 19 ให้กับเจ้าหน้าที่กู้ภัยใน 1.หน่วยกู้ภัยเมืองพระชนก จ. อุทัยธานี 2.มูลนิธิร่วมใจอุทัยธานี 3.มูลนิธิกู้ภัยอุทัยธานี จุดเมือง  รวมจำนวน 21 คน

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

โรงพยาบาลนครธน แจกข้าวกล่องฟรี ช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–12 พฤษภาคม 2563

imgรศ.ญาณเดช ทองสิมา ประธานกรรมการบริษัท โรงพยาบาลนครธน แจกข้าวกล่องและน้ำดื่มฟรี วันละ 200 ชุด เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชุมชนย่านพระราม 2 ที่ได้รับผลกระทบด้านความเป็นอยู่จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ซึ่งมีการแจกทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 น. ตั้งแต่วันนี้ – 29 พฤษภาคม 2563 ณ บริเวณหน้าโรงพยาบาลนครธน โดยโรงพยาบาลมีความห่วงใยคนไทย ไม่ทอดทิ้งกันในยามเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ พร้อมช่วยเหลือและร่วมฝ่าฟันให้ประชาชนคนไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 นี้ไปได้ด้วยกัน

ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ 

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

The Bangkok Reporter