เคแบงก์ เปิดแคมเปญ “รวมใจเที่ยวไทย” เชิญชวนเที่ยวทั่วไทยอย่างปลอดภัย พร้อมช้อปดีลท่องเที่ยวส่วนลดสูงสุด 80% บน K+ Market

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–18 มิถุนายน 2563

imgกสิกรไทย เปิดแคมเปญ “รวมใจเที่ยวไทย” อุ่นเครื่องด้วยการเชิญชวนคนไทยเที่ยวทั่วไทยอย่างปลอดภัยหลังมาตรการโควิด-19 เริ่มผ่อนปรนให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้แล้ว หวังช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อ เปิดให้ช้อปดีลท่องเที่ยวคุ้มสุด ๆ บน K+ Market ในแอป K PLUS  ถึงสิ้นปี ด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 80% ทั้งที่พัก บริการนวดสปา รถเช่า แถมโค้ดส่วนลดพิเศษสูงสุด 1,000 บาท พร้อมชวนร่วมกิจกรรมพิเศษเพียงโพสต์และแชร์ภาพเที่ยวไทยแบบไหนก็ได้ที่อยากบอกให้โลกรู้ว่าเที่ยวไทยโดนใจสุด ลุ้นรางวัลที่พักฟรี และบัตรเติมน้ำมันกว่า 20 รางวัล   

นายวีรวัฒน์ ปัณฑวังกูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยมุ่งมั่นช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  อย่างต่อเนื่อง ภายใต้คอนเซปต์ “รวมใจ      ไม่ทิ้งกัน” โดยล่าสุด มาตรการล็อกดาวน์ต่าง ๆ เริ่มผ่อนคลายลงตามลำดับ ธนาคารจึงได้จัดแคมเปญ “รวมใจเที่ยวไทย” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างปลอดภัย ให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าจากจับจ่ายใช้สอย อีกทั้งช่วยสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวในกลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร บริการด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์  เพื่อช่วยกันทำให้บรรยากาศและความต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศค่อย ๆ กลับมา และทำให้ธุรกิจต่าง ๆ เดินหน้าต่อไปได้  

สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ทุกธุรกิจต้องปรับวิถีการดำเนินธุรกิจใหม่ (New Business Norms) เช่น การจัดกิจกรรมการตลาดที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ธนาคารจึงเปิดพื้นที่ K+ Market ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์ผ่าน K PLUS  โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการ มีลูกค้าที่เข้าหน้า K+ Market กว่า 9 ล้านราย ปัจจุบันมีการใช้คะแนนบัตรเครดิตกสิกรไทยในการแลกสินค้าหรือซื้อสินค้าด้วยเงินสดผ่าน K PLUS เฉลี่ยถึง 30,000 รายการ/เดือน  โดย K+ Market ได้คัดสรรดีลท่องเที่ยวด้วยส่วนลดสูงสุด 80% ทั้งโรงแรม บริการนวดและสปา รถเช่า และยังมีโค้ดส่วนลดจากแคมเปญ “รวมใจเที่ยวไทย” ให้เพิ่มอีกสูงสุดถึง 1,000 บาท เปิดโอกาสการขายบนช่องทางดิจิทัลให้กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งเป็นช่องทางที่สะดวกสำหรับลูกค้าสามารถซื้อดีลต่าง ๆ ได้ล่วงหน้าถึงสิ้นปีนี้ ที่สำคัญลูกค้าสามารถเลือกชำระเงินได้ทั้งเงินสด หรือแลกดีลด้วยคะแนนสะสมบัตรเครดิต เป็นการเพิ่มมูลค่าและโอกาสในการใช้คะแนนสะสม ทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าหรือบริการที่ตรงความต้องการมากยิ่งขึ้น

สำหรับแคมเปญที่ธนาคารออกมาเพื่อร่วมกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยเชิญชวนลูกค้าให้ร่วมสนุกและรับดีลท่องเที่ยวสุดคุ้มที่ K+ Market จากแคมเปญ “รวมใจเที่ยวไทย” ลุ้นรับรางวัลง่าย ๆ จาก Facebook KBank Live ด้วยการเข้าเป็นแฟนของเพจ KBank Live โพสต์และแชร์ภาพเด็ด ๆ ของคุณกับการเที่ยวเมืองไทยที่อยากบอกให้โลกรู้ว่า เที่ยวไทยสนุกโดนใจ ลงบน Facebook ของตนเอง แล้วเปิดโพสต์เป็นสาธารณะ ติด Hashtag #รวมใจเที่ยวไทย แคปหน้าจอรูปที่คุณโพสต์บน Facebook ของตัวเอง มาโพสต์ใต้ Comment พร้อมเล่าว่าทำไมสถานที่นี้ถึงโดนใจคุณ แล้วใส่ Hashtag #รวมใจเที่ยวไทย เพื่อลุ้นรับของรางวัลห้องพักโรงแรม The Sands Khao Lak by KATATHANI COLLECTION แพคเกจ 3 วัน 2 คืน ห้อง Seaside Junior Suite สำหรับ 2 ท่านพร้อมอาหารเช้า จำนวน 1 รางวัลและรางวัลพิเศษ บัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 500 บาท จำนวน 20 รางวัล  ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 28 มิ.ย. 63  และสุ่มผู้โชคดีที่ทำถูกต้องตามกติกา ในวันที่ 2 ก.ค. 63 เวลา 13.00 น. ประกาศผลวันที่ 6 ก.ค. 63 ทางช่องทาง Facebook ใต้โพสต์กิจกรรม

วิธีการซื้อสินค้าบน K+ Market ผ่าน KPLUS

https://www.kasikornbank.com/th/personal/digital-banking/kplus/functions/kplus-market/Pages/buy.html

ความเป็นหุ้นส่วนกัน ที่นำโดย Milrem Robotics ได้รับรางวัล 30.6 ล้านยูโร จากคณะกรรมาธิการยุโรปเพื่อพัฒนาระบบภาคพื้นดินที่ไร้คนควบคุมที่ผ่านการการรับรองของมาตรฐานยุโรป

Logo

ทาลลินน์, เอสโตเนีย–(BUSINESS WIRE)–17 มิ.ย. 2563

ความเป็นหุ้นส่วนกันที่นำโดย Milrem Robotics และที่ประกอบด้วยบริษัทด้านการปกป้อง ด้านการสื่อสารและความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สำคัญหลายแห่ง และผู้ประกอบการ SMEs ด้านเทคโนโลยีระดับสูงได้รับรางวัล 30.6 ล้านยูโร จากโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศยุโรปของคณะกรรมาธิการยุโรป หรือโครงการ European Defence Industrial Development Programme (EDIDP) เพื่อพัฒนาระบบภาคพื้นที่ยังขาดอยู่

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200616005680/en/

A consortium led by Milrem Robotics and composed of several major defence, communication and cybersecurity companies and high technology SMEs was awarded 30,6 MEUR from the European Commission’s European Defence Industrial Development Programme (EDIDP) to develop a European standardized unmanned ground system. (Graphic: Business Wire)

กลุ่มบริษัทที่นำโดย Milrem Robotics และที่ประกอบด้วยบริษัทด้านการปกป้อง ด้านการสื่อสารและความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สำคัญหลายแห่งและผู้ประกอบการ SMEs ด้านเทคโนโลยีระดับสูงได้รับรางวัล 30.6 ล้านยูโร จากโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศยุโรปของคณะกรรมาธิการยุโรป (EDIDP) เพื่อพัฒนาระบบภาคพื้นที่ยังขาดอยู่ (ภาพ: Business Wire)

ในระหว่างการดำเนินโครงการ สถาปัตยกรรรมแบบแยกส่วนและปรับขนาดได้สำหรับระบบไฮบริดไร้คนควบคุมจะถูกพัฒนาเพื่อสร้างมาตรฐานระบบนิเวศทั่วยุโรปสำหรับแพลตฟอร์มทางอากาศและทางภาคพื้นดิน สำหรับอุปกรณ์ควบคุมสั่งการและการสื่อสาร สำหรับเซ็นเซอร์ สำหรับ payloads และอัลกอริธึม ทั้งนี้ระบบต้นแบบจะใช้ยานพาหนะภาคพื้นดินที่ไม่ใช้คนบังคับ ได้แก่ Milrem Robotics's THeMIS และ payloads  ที่ระบุเอาไว้โดยเฉพาะ

ผลลัพธ์ของโครงการจะถูกสาธิตให้เห็นในสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่มีความสอดคล้องกับการปฏิบัติงาน โดยอาจจัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมทางทหารของรัฐสมาชิกที่เข้าร่วม หรืออาจจะใช้พื้นที่ทดสอบแยกต่างหาก

ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของโครงการที่ชื่อว่า iMUGS (integrated Modular Unmanned Ground System หรือ ระบบภาคพื้นบูรณาการแบบไร้คนบังคับ) อยู่ที่ 32.6 ล้านยูโร ซึ่งเงินจำนวน 30.6 ล้าน คณะกรรมาธิการยุโรปเป็นผู้จัดให้

“ระบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันและการทหารอย่างมากในไม่กี่ปีข้างหน้าทั่วโลก โดย iMUGS เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของวิธีการที่ยุโรปสามารถใช้และพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูงในฐานะที่เป็นความพยายามร่วมกัน พร้อม ๆ ไปกับการหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมและใช้ทรัพยากรอย่างกระจัดกระจายไร้ระบบ” Kuldar Väärsi ซีอีโอของ Milrem Robotics กล่าว

“เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ the European Defence Fund สามารถรวบรวมข้อกำหนดของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและความสามารถของอุตสาหกรรมยุโรปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันและความเป็นเอกภาพทางยุทธศาสตร์ ปัจจุบันอุตสาหกรรมในยุโรปได้รับการตัดสินใจแล้วเสร็จและมีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพพร้อมและสามารถใช้งานได้แล้วในช่วงสามปีถัดไปของโครงการนี้” Väärsi กล่าว

โครงการนี้นำโดยประเทศเอสโตเนียและข้อกำหนดทางเทคนิคของเอสโตเนียก็ได้รับการเห็นด้วยจากฟินแลนด์, ลัตเวีย, เยอรมนี, เบลเยียม, ฝรั่งเศส และ สเปน ซึ่งประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ที่กำลังวางแผนเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุน 2 ล้านยูโรที่เหลือของงบประมาณโครงการ

ในระหว่างการดำเนินงานโครงการความรู้ know-how จะถูกรวบรวมและจะมีการพัฒนาแนวคิดสำหรับการรวมสินทรัพย์ที่ใช้คนและไม่ใช้คน พร้อม ๆ ไปกับการพิจารณาแง่มุมทางจริยธรรมที่ใช้กับหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และระบบที่จัดการได้อย่างมีเอกภาพ ทั้งนี้จะมีการตั้งค่าสภาพแวดล้อมเสมือนจริงและมีการจำลองสถานการณ์อีกด้วย

iMUGS จะเป็นความร่วมมือระหว่าง 14 ฝ่าย: Milrem Robotics (ผู้ประสานงานโครงการ), GT Cyber Technologies, Safran Electronics & Defense, NEXTER Systems, Krauss-Maffei Wegmann, Diehl Defense, Bittium Wireless, Insta DefSec, (Un) Manned, dotOcean, Latvijas Mobilais Telefons, GMV Aerospace and Defence, Estonian Military Academy และ Royal Military Academy แห่งเบลเยียม

ประวัติ

วัตถุประสงค์ของโครงการ EDIDP คือการมีส่วนร่วมในความเป็นเอกภาพทางยุทธศาสตร์ของสหภาพยุโรปและเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก โดยจะให้ความสำคัญซึ่งรวมถึงการใช้งานการดำเนินงานระดับสูงของกองกำลังทหารที่มีเน้นเป็นพิเศษในด้านความฉลาด การสื่อสารที่ปลอดภัยและไซเบอร์ การดำเนินการจะรวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถการต่อสู้ภาคพื้นดินและโซลูชั่นด้านปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีเสมือนจริงและไซเบอร์

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200616005680/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz

Milrem Robotics

gert.hankewitz@milrem.com

“โรคมะเร็งตับ” ความเสี่ยงและการป้องกัน

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–17 มิถุนายน 2563

imgข่าวการจากไปด้วยโรคมะเร็งตับของ “ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” ดาราและผู้กำกับมากความสามารถ  สร้างความช็อคให้กับทุกวงการ ทำให้หลายคนหันมาตระหนักถึงการดูแลตนเองกันมากขึ้น  โดยข้อมูลผู้ป่วยประเทศไทยในปี พ.ศ.2560  พบว่า โรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศชายคือ โรคมะเร็งตับ ส่วนในเพศหญิงพบเป็นอันดับที่ 4 รองจากโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปากมดลูก และโรคมะเร็งลำไส้

บทความฉบับนี้  มีข้อมูลที่น่าสนใจจาก ทีมเภสัชกร บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์คุณภาพชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ เกี่ยวกับโรคมะเร็งตับ รวมไปถึงคำแนะนำและวิธีปฏิบัติในการดูแลตนเองเพื่อให้ห่างไกลจากโรคนี้มาฝากกัน 

“โรคมะเร็งตับ” ที่พบบ่อยในประเทศไทย 

            โรคมะเร็งตับ ที่พบได้บ่อยในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ โรคมะเร็งเซลล์ตับ (Hepatocellular carcinoma) และ โรคมะเร็งท่อน้ำดี (Cholangiocarcinoma)

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งตับ

          สาเหตุที่สำคัญของการเกิดโรคมะเร็งตับ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีและซี ซึ่งติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การรับเลือดหรือสารคัดหลั่งของร่างกายจากผู้เป็นพาหะ และการถ่ายทอดจากมารดาสู่บุตร  ภาวะตับแข็งจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นสาเหตุสำคัญของการโรคมะเร็งตับเช่นกัน นอกจากนี้ การบริโภคอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้ เช่น การได้รับสารพิษอะฟลาท็อกซิน จากการบริโภคถั่วลิสง กระเทียม หรือพริกแห้งที่มีเชื้อรา รวมถึงการบริโภคปลาน้ำจืดที่ปรุงไม่สุก ซึ่งอาจมีพยาธิใบไม้ในตับ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับชนิดท่อน้ำดีได้

อาการของโรคมะเร็งตับ

          ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นจะไม่มีอาการแสดงใดๆ ดังนั้นเมื่อมีอาการเกิดขึ้นและรับการตรวจจากแพทย์โรคมักดําเนินไปมากแล้ว อาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคมะเร็งตับคือ ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องซีกขวาด้านบน คลําพบก้อนเนือบริเวณท้องซีกขวาด้านบน มีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลดเนื่องจากท้องอืดและแน่นท้อง เกิดภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อบุช่องท้อง โรคดีซ่าน และมีภาวะเลือดออกภายในร่างกาย

การตรวจวินิจฉัย

การตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งตับ ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกจะได้ผลดี ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้

1. การตรวจร่างกายโดยแพทย์ โดยแพทย์จะคลำหน้าท้องของผู้ป่วย เพื่อดูขนาดตับและม้าม

2. การตรวจหาระดับแอลฟาฟีโตโปรตีน (Alpha Fetoprotein) ซึ่งเป็นสารบ่งชี้โรคมะเร็งตับ

3. การตรวจวินิจฉัยโดยใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น เครื่องอัลตราซาวน์ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) และเครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

4. การตัดชิ้นเนื้อตับเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา

การรักษา

          แนวทางการรักษาโรคมะเร็งตับขึ้นอยู่ระยะของโรคและขนาดของก้อนมะเร็ง โดยแพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาให้เหมาะสมกับผู้ป่วย ซึ่งสามารถทำการรักษาได้หลายวิธี เช่น การผ่าตัด การฉีดยาเฉพาะที่เข้าก้อนมะเร็งโดยตรง การฉีดแอลกอฮอล์เข้าก้อนมะเร็งผ่านทางผิวหนัง การฉายรังสี และการรักษาด้วยเคมีบำบัด

วิธีดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันโรคมะเร็งตับ 

            การป้องกันโรคมะเร็งตับสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกสุขลักษณะ     ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบๆ อาหารที่มีเชื้อรา และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ งดหรือลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบีหรือซี รวมถึงเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ

            แม้ว่าโรคมะเร็งตับจะเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตของผู้ป่วย แต่หากรู้ตัวก่อนก็สามารถรักษาได้ เพราะฉะนั้นเราควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ รวมถึงการหมั่นสังเกตุอาการผิดปกติของตัวเองด้วยตัวเอง(เช่น การที่น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ มีไข้ต่ำเป็นประจำ ปวดหรือเสียดชายโครงขวาหรือคลำพบก้อนในช่องท้อง เป็นต้น) รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับได้

ปรึกษาปัญหาสุขภาพกับไบโอฟาร์มทาง Line Official : @biopharm ติดตามเคล็ดลับดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ www.facebook.com/healthyclub.by.biopharm

แลคตาซอย ชวนน้องๆ ร่วมสนุกก่อนเปิดเทอม ในกิจกรรม “ฝน (ไม่) เทลงมา ออกไปหาแลคตาซอยดื่ม” ลุ้นของรางวัลสุดเก๋ รับแลคตาซอยดื่มฟรีตลอดปี จำนวน 100 รางวัล

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–17 มิถุนายน 2563

imgแลคตาซอย ชวนน้องๆ ร่วมสนุกก่อนถึงวันเปิดเทอม กับกิจกรรม “ฝน (ไม่) เทลงมา ออกไปหาแลคตาซอยดื่ม” โดยกติการ่วมสนุกเพียงดูคลิปวิดีโอเพลง “ฝน (ไม่) เทลงมา ออกไปหาแลคตาซอยดื่ม” ให้จบ กดไลค์และกดแชร์คลิปวิดีโอ พร้อมเขียนบอกความรู้สึกว่าชอบอะไรในคลิปเพลงนี้ ลงในเฟสบุ๊คของคุณ พร้อมติดแฮชแท็ก #ฝนเทลงมาหาแลคตาซอยดื่ม #lactasoy ลุ้นรับหมวกกันน็อคคุณหนูแลคตาซอย จำนวน 30 รางวัล ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 ก.ค. 63 ประกาศผลวันที่ 23 ก.ค.63 ทาง FB: Lactasoy https://www.facebook.com/lactasoyclub/

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกใน 3 Challenge  โดยทำตามกติกาเพียงดูคลิปวิดีโอให้จบแล้วพิมพ์คำตอบที่คอมเม้นต์ใต้โพสต์กิจกรรม เเละบอกรสชาติเเลคตาซอยที่คุณชื่นชอบ ลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับแลคตาซอยดื่มฟรีตลอดปี ในขนาด 250 ml. (คละรส) 10 ลัง รวมจำนวน 100 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 3,600 บาท  รวมทั้งสิ้น 360,000 บาท

  • Challenge 1 เริ่ม 25 มิ.ย. 63 – 2 ก.ค.63 ประกาศผล 6 ก.ค. 63
  • Challenge 2 เริ่ม 3 ก.ค. 63 – 10 ก.ค.63 ประกาศผล 14 ก.ค. 63
  • Challenge 3 เริ่ม 11 ก.ค. 63 – 18 ก.ค.63 ประกาศผล 22 ก.ค. 63

ติดตามรายละเอียดของ 3 Challenge  รวมไปถึงกติกาการร่วมสนุกได้ที่ FB: Lactasoy https://www.facebook.com/lactasoyclub/

สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร. 081 984 55000 Email: usanee@incom.co.th

รายงานซีเอสอาร์ของ RELX เผยถึงความพยายามอันไม่ลดละที่จะนำเสนอทางเลือกที่ดีกว่าให้กับผู้สูบบุหรี่กลุ่มผู้ใหญ่

Logo

เซินเจิ้น, จีน–(BUSINESS WIRE)–16 มิถุนายน 2563

วันนี้ RELX Technology (RELX) ได้เผยแพร่รายงานความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมขององค์กร (ซีเอสอาร์) ฉบับแรก โดยได้กล่าวถึงก้าวอันเป็นรูปธรรมที่นำไปใช้เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ของบริษัทในการสรรหาทางออกให้กับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอนาคต ไปพร้อมกับการขับเคลื่อนความเป็นเลิศทางด้านปฏิบัติการ การจัดการผลกระทบต่อสังคม และการป้องกันการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผู้ที่อายุไม่ถึงเกณฑ์

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200616005361/en/

(Photo: Business Wire)

(รูปภาพ: Business Wire)

พันธกิจของ RELX คือการสร้างอำนาจอย่างมีจริยธรรมให้กับผู้สูบบุหรี่กลุ่มผู้ใหญ่ผ่านทางเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และวิทยาศาสตร์ เพื่อทำพันธกิจนี้ให้สำเร็จ RELX จึงได้ลงทุนในการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่าให้กับผู้สูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ากลุ่มผู้ใหญ่ในทั่วทุกมุมโลก

ในรายงานของบริษัท RELX ได้นำเสนอภาพเกี่ยวกับกิจกรรมซีเอสอาร์ของบริษัทอย่างครอบคลุม กิจกรรมเด่น ๆ ของปี 2562 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีความหลากหลายตั้งแต่การปกป้องสิ่งแวดล้อมไปจนถึงการสร้างพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ มีดังนี้:

  • RELX เปิดจุดจำหน่าย RELX กว่า 2,500 แห่ง และวางจำหน่ายสินค้าในร้านค้าปลีกกว่า 100,000 แห่ง ให้บริการผู้บริโภคกลุ่มผู้ใหญ่ในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาค
  • ในการรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนา บริษัทได้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือมูลค่า 20 ล้านหยวน และจัดหากลไกสนับสนุนอื่น ๆ รวมถึงส่งมอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือและหน้ากากให้กับร้านค้าของ RELX เองและพันธมิตรทั่วโลก
  • RELX ได้ทำการติดตั้งเทคโนโลยียืนยันตัวตนและจดจำใบหน้าในร้านค้า 80% ของทั้งหมด กระบวนการตรวจสอบอายุก่อนจำหน่ายช่วยให้ RELX ปฏิเสธการขายผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ซื้อ 2% ของทั้งหมดที่มาซื้อสินค้าที่ร้าน หลังตรวจพบว่าพวกเขาอายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
  • RELX พบการปลอมแปลงสินค้า 16 ครั้งในปี 2563 ซึ่งนำไปสู่การยึดสินค้าปลอมแปลงมากกว่า 65,000 รายการ
  • RELX ริเริ่มแคมเปญ "Lighten the Burden on Earth" และรวบรวมพอดบุหรี่ไฟฟ้าเปล่าได้มากกว่า 20,000 พอดภายในหนึ่งเดือน
  • บริษัทยกเลิกการเป็นพันธมิตรกับร้านค้าปลีกเกือบ 1,800 แห่งที่ตั้งอยู่ใกล้กับโรงเรียนมากเกินไป

RELX ยังคงดำเนินกิจการอยู่บนเส้นทางความมุ่งมั่นทางด้านธุรกิจและความยั่งยืน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาทางเลือกที่เป็นทางรอดของบุหรี่ สนับสนุนชุมชนท้องถิ่นในยามวิกฤต ไปพร้อมกับการหาทางป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทตกไปอยู่ในมือของผู้ที่ไม่ควรครอบครอง

ดูรายงานฉบับเต็มได้ที่ https://relxnow.com/blogs/article/globalcsr

เกี่ยวกับ RELX Technology

RELX ก้าวสู่การเป็นบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าชั้นนำของเอเชียหลังก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคมปี 2561 RELX เป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าอิสระ ทำการผลิตขึ้น ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาในเซินเจิ้น ประเทศจีน ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการแห่งแรกโดยแบรนด์บุหรี่ไฟฟ้าอิสระที่ได้มาตรฐาน CNAS RELX ยังคงเดินหน้าลงทุนจำนวนมหาศาลในด้านการวิจัยและพัฒนา การทดสอบน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทดึงดูดผู้ที่มีความสามารถมากมายจากทั้ง Uber, Proctor and Gamble, Huawei, Beats และ L'Oréal โดยนักลงทุนของ RELX ประกอบด้วยบริษัทร่วมลงทุนชั้นนำอย่าง Source Code Capital, IDG Capital และ Sequoia Capital

เว็บไซต์: https://relxnow.com
Twitter: @Relxtech
Facebook: @Relxnow
Instagram: relxtech
Linkedin: RELX Technology

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200616005361/en/

ติดต่อ:

Yasha Wolfman
yasha.wolfman@relxtech.com

Aimee Ren
aimee.ren@relxtech.com

Neural Pocket เปิดตัวสาขาต่างประเทศแห่งแรกในสิงคโปร์

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–16 มิถุนายน 2563

Neural Pocket Inc., ซึ่งใช้เทคโนโลยี "Edge AI" ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทในการวิเคราะห์ภาพและวิดีโอสำหรับเมืองอัจฉริยะ (สมาร์ทซิตี้) ได้เปิดสำนักงานต่างประเทศแห่งแรกในสิงคโปร์

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200615005834/en/

Neural Pocket Inc., a leading Japanese edge-AI solution provider, has launched its first overseas branch in Singapore to accelerate efforts across Southeast Asia. The company provides solutions in areas such as smart cities, mobility, digital signages, and fashion and currently serves government agencies, real-estate infrastructure companies, retailers, manufacturers, and logistic companies globally. Global CEO, Roi Shigematsu (center); Singapore President and Global CSO, Ryosuke Tane (right to center); Global COO, Han Zhou (left to center) (Photo: Business Wire)

Neural Pocket Inc. ผู้ให้บริการโซลูชั่น Edge AI ชั้นนำของญี่ปุ่นได้เปิดตัวสาขาแรกในต่างประเทศ ณ ประเทศสิงคโปร์เพื่อเร่งกระจายการตลาดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทให้บริการโซลูชั่นในด้านต่าง ๆ อาทิเช่น ด้านเมืองอัจฉริยะ อุปกรณ์พกพา ป้ายดิจิตอลและด้านแฟชั่น และปัจจุบันยังให้บริการหน่วยงานราชการ บริษัท บริษัทที่ทำโครงสร้างพื้นฐานด้านอสังหาริมทรัพย์ ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิต และบริษัทขนส่งทั่วโลกประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับโลก Roi Shigematsu (กลาง) ประธานจากสิงคโปร์และซีเอสโอระดับโลก , Ryosuke Tane (ขวาจากกลาง); ซีโอโอระดับโลก Han Zhou (ซ้ายจากกลาง) (ภาพ: Business Wire)

สำหรับอุปกรณ์ "Edge AI" นั้น บริษัทกำลังร่วมมือกับ Huawei และ NVIDIA และกำลังร่วมกันดำเนินการพัฒนาธุรกิจ บริษัทยังได้ทำงานร่วมกับ Macnica Corporation ซึ่งมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับ  นอกจากนี้บริษัทยังได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากสถาบันการเงินและนักลงทุนชั้นนำของญี่ปุ่นรวมถึง Sumitomo Mitsui Banking Corporation, Mizuho Bank, การบริหารสินทรัพย์SPARX Asset Management มหาวิทยาลัย Tokyo Edge Capital, Mizuho Capital และ SMBC Venture Capital บริษัทจะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายต่างประเทศโดยรวมของพวกเขาเพื่อเร่งการขยายตัวสู่ภูมิภาคต่าง ๆ

ทางด้านวิชาการ Neural Pocket ได้รับการสนับสนุนจากศาสตราจารย์ Yutaka Matsuo จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ผู้ซึ่งเคยเป็นรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ หรือ National University of Singapore อีกด้วย

ภาพรวมของ Neural Pocket Inc. สาขาสิงคโปร์

สถานที่: 9 Straits View, อาคาร Marina One West Tower, #06-07, สิงคโปร์ 018937

ตัวแทน: Mr. Ryosuke Tane ประธานสาขาสิงคโปร์ ของ Neural Pocket Inc. เจ้าหน้าที่บริหารและ Global ซีเอสโอ (หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์)

ประวัติผู้แทน: เขามีประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาด้านการจัดการที่ McKinsey & Company (โตเกียวและนิวยอร์ก) และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนภาคเอกชนที่ Bain Capital ล่าสุดเขาได้เป็นผู้นำในการขยายกิจการในฐานะผู้จัดการทั่วไปสาขาโตเกียวสำหรับบริษัทด้านเทคโนโลยี OYO LIFE เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดที่ซึ่งเขาเคยได้รับทุน Arjay Miller

ข้อความจาก Mr. Shigematsu ซีอีโอระดับโลกของ Neural Pocket Inc.

ประเทศเกิดใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และการขยายตัวของความต้องการโครงสร้างพื้นฐานคุณภาพสูง ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังพัฒนาเมืองอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเช่น AI และข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) และสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับอนาคต ด้วยการเปิดสาขาต่างประเทศแห่งแรกในสิงคโปร์ของเรา เราจะขยายธุรกิจของเราต่อไปในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลียและประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิกได้

เกี่ยวกับ Neural Pocket Inc.

Neural Pocket กำลังพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่เป็นกรรมสิทธิ์ชองบริษัทในการวิเคราะห์ภาพและวิดีโอ และมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างสังคมในอนาคตผ่านการใช้ AI ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านเมืองอัจฉริยะ อุปกรณ์พกพา ป้ายดิจิตอล และด้านแฟชั่น เราให้บริการโซลูชั่นแก่หน่วยงานราชการ เทศบาล บริษัทโครงสร้างพื้นฐาน ผู้ค้าปลีกและผู้ผลิต ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย

ตัวแทน: ซีอีโอ Roi Shigematsu

สำนักงานใหญ่: Tokyo Midtown Hibiya, อาคาร Hibiya Mitsui Tower ชั้น 32, 1-1-2, Yurakucho, Chiyoda-ku, โตเกียว, ญี่ปุ่น

เว็บ: https://www.neuralpocket.com/en/

ดูเวอร์ชั่นต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200615005834/en/

ติดต่อ:

บริษัท Neural Pocket Inc.

Ryosuke Tane (ประธานสาขาสิงคโปร์)

+81-3-5157-2345

contact@neuralpocket.com

กสิกรไทย คว้า 4 รางวัลยอดเยี่ยมจาก FinanceAsia

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–16 มิถุนายน 2563

imgธนาคารกสิกรไทย รับรางวัลแห่งความสำเร็จ 2 รางวัลยอดเยี่ยมด้านตราสารหนี้ โดยนายธิติ ตันติกุลานันท์ (กลาง) ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน รับ รางวัลยอดเยี่ยมการให้บริการตราสารหนี้ในประเทศไทย (Best DCM House)  ซึ่งได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ (ซ้าย) Private Banking Business Group Head รับ รางวัลไพรเวทแบงก์ดีที่สุดในประเทศไทย (Best Private Bank)  ซึ่งได้รับต่อเนื่องเป็นปีที่ 2  พร้อมกันนี้ นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) รับ รางวัลยอดเยี่ยมด้านวาณิชธนกิจในประเทศไทย (Best Investment Bank) และรางวัลยอดเยี่ยมการให้บริการด้านธุรกิจตลาดทุนในประเทศไทย (Best ECM House) สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญการให้บริการในตลาดการเงินและตลาดทุนที่เป็นเลิศและครบถ้วนมากที่สุด จากงานประกาศรางวัล FinanceAsia’s Country Awards 2020 จัดขึ้นโดยนิตยสาร FinanceAsia นิตยสารการเงินชั้นนำระดับเอเชีย เมื่อเร็ว ๆ นี้

โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ จัด “โครงการปันโลกสดใส” ผ่าตัดต้อกระจก 1 คน ได้เปิดโลกการมองเห็นให้ผู้ขาดโอกาสอีก 1 คน

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–16 มิถุนายน 2563

img“โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิมุ่งสร้างสังคมและชุมชนแห่งการให้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจัด โครงการปันโลกสดใสกับโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ผ่า 1 ได้เห็น 2” นำรายได้ส่วนหนึ่งจากการผ่าตัดโรคตาต้อกระจก ไปร่วมสมทบทุนจัดซื้อเลนส์ตาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อผ่าตัดให้กับผู้ขาดโอกาสในการรักษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ให้กลับมามองเห็นโลกที่สดใสอีกครั้ง

นายแพทย์วรัญญ์ เทียนส่ง ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ เปิดเผยว่า โรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ในเครือบริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ได้จัดโครงการปันโลกสดใสกับโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ผ่า 1 ได้เห็น 2” โดยคนไข้ที่เข้ามารับการผ่าตัดโรคตาต้อกระจกกับทางโรงพยาบาล  รายได้ส่วนหนึ่งจะนำไปสมทบทุนจัดซื้อเลนส์ตาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่าง ๆ เพื่อทำการผ่าตัดให้กับผู้ขาดโอกาสในการรักษา ให้กลับมามองเห็นโลกที่สดใสอีกครั้ง  โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ 

โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ขอเป็นส่วนหนึ่งที่ได้มอบความสุขนี้คืนกลับไปให้กับชุมชน  โดยคนไข้ที่มารับบริการผ่าตัดดวงตากับเรา 1 คน ไม่เพียงจะได้มองเห็นชัดขึ้น แต่ยังได้มีส่วนร่วมในการทำบุญอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเปิดโอกาสในการมองเห็นให้กับผู้ที่ขาดโอกาสเข้าถึงการรักษาดวงตาอีก 1 คน เปรียบเสมือนการผ่าตัด 1 ได้เห็น 2   และขอขอบคุณผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านที่ได้สร้างรอยยิ้มและคืนโลกอันสดใสให้แก่พวกเขานายแพทย์วรัญญ์กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ที่มีปัญหาดวงตา สามารถจองคิวเพื่อเข้ามารับบริการตรวจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ผ่านทาง forms.gle/xAhMiMBBPzPiZoD3A หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-080-5999

สำหรับ โครงการปันโลกสดใสกับโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ผ่า 1 ได้เห็น 2” จะเริ่มส่งต่อโลกอันสดใสให้กับผู้ขาดโอกาสในการมองเห็นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่อยู่ภายใต้ โครงการแพทย์ผู้ให้ ที่ รพ.ในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในการมุ่งสร้างสังคมและชุมชนแห่งการให้ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมามีการจัดหลายกิจกรรมในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกกิจกรรมมีเป้าหมายเดียวกันในการมุ่งสร้างสังคมและชุมชนแห่งการให้อย่างแท้จริง 

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์  บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด โทร. 0 2354 3588 www.incom.co.th

อุษณีย์ ถาวรกาญจน์  โทร.081 984 5500 Email: usanee@incom.co.th

Kioxia เปิดตัว SAS SSD 24G รุ่นแรกของอุตสาหกรรมสำหรับเซิร์ฟเวอร์และการจัดเก็บข้อมูล

Logo

ซีรี่ส์ PM6 ใหม่มอบประสิทธิภาพ SAS SSD ที่เร็วที่สุดสำหรับการใช้งานที่สำคัญของธุรกิจ

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–16 มิ.ย. 2563

SAS รุ่นใหม่มาพร้อมกับประสิทธิภาพ เสถียรภาพ และการปกป้องข้อมูล  ในวันนี้ Kioxia Corporation เป็นบริษัทแรก[1] ที่ได้นำ SAS 24G มาสู่การใช้งานเซิร์ฟเวอร์และการจัดเก็บข้อมูลด้วย SAS SSD รุ่นที่ 6  SAS SSD ซีรี่ส์ PM6 ใหม่สำหรับองค์กรของ Kioxia ได้เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Flash Memory Summit 2019 โดยสร้างขึ้นบนเทคโนโลยี 24G SAS และใช้งานโดยระบบนิเวศ PCIe® 4.0  ณ ตอนนี้ไดรฟ์ซีรีส์ PM6 มีให้สำหรับการประเมินผลและการรับรองแล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200615005809/en/

Kioxia PM6 Series: Industry’s First 24G SAS SSDs for Servers and Storage (Photo: Business Wire)

Kioxia ซีรี่ส์ PM6: SAS SSD 24G แรกของอุตสาหกรรมสำหรับเซิร์ฟเวอร์และการจัดเก็บข้อมูล (ภาพ: บิสิเนสไวร์)

24G SAS ออกแบบมาสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีรุ่นใหม่ โดยเพิ่มปริมาณข้อมูลสองเท่าจากรุ่นก่อนและใช้คุณสมบัติและการปรับปรุงใหม่เพื่อให้ได้ระดับประสิทธิภาพการใช้งานใหม่  Kioxia เป็นผู้นำการพัฒนา SAS SSD โดยได้มอบประสิทธิภาพการอ่าน (sequential read) ของ SAS SSD และเป็นซัพพลายเออร์ SSD เพียงรายเดียวที่สามารถทำการกู้คืนข้อมูลในกรณีการล้มเหลว 2 ครั้ง (2 dies fail) ในเวลาเดียวกัน  ซีรี่ส์ PM6 สร้างขึ้นจากพื้นฐานประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันพร้อมเสถียรภาพของไดรฟ์ SAS มากกว่าหกรุ่นที่ผ่านมา

ด้วยหน่วยความจำ 96-layer BiCS FLASH™ 3D TLC flash memory ของ Kioxia, ซีรี่ส์ PM6 มอบประสิทธิภาพการอ่าน sequential read ชั้นนำในอุตสาหกรรมที่สูงถึง 4,300MB/s (4,101MiB/s) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้ากว่าสองเท่า   ไดรฟ์ใหม่ของ Kioxia มีความจุมากถึง 30.72TB[3] ซึ่งสูงที่สุดในอุตสาหกรรม[4] ของ SAS SSD[6] ขนาด 2.5 นิ้ว[5]

คุณสมบัติที่สำคัญได้แก่ :

  • พอร์ตคู่เพื่อความพร้อมใช้งานสูง
  • ตัวเลือกความทนทานเต็มรูปแบบสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย: เน้นการอ่าน (1 DWPD3) การใช้งานผสม (3 DWPD) และเน้นการเขียน (10 DWPD)
  • การเขียนแบบ multistream เพื่อลดการขยายการเขียนและเพิ่มความทนทาน
  • ตัวเลือกการรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบ[7]:การลบทันที (SIE)[8], TCG ไดรฟ์องค์กรที่เข้ารหัสด้วยตนเอง (SED)[9] และการรับรอง FIPS 140-2[10]

หมายเหตุ

[1] ข้อมู ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2563 ในหมวดหมู่ของ SSD ระดับองค์กร จากการสำรวจของ Kioxia Corporation

[2] ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2563 ในหมวดหมู่ของ SAS SSD ระดับองค์กร จากการสำรวจของ Kioxia Corporation

[3] คำจำกัดความของความจุ: Kioxia Corporation กำหนดเมกะไบต์ (MB) เป็น 1,000,000 ไบต์ กิกะไบต์ (GB) เป็น 1,000,000,000 ไบต์ และหนึ่งเทราไบต์ (TB) เป็น 1,000,000,000,000 ไบต์  อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แสดงความจุหน่วยเก็บข้อมูลโดยใช้กำลัง 2 สำหรับคำจำกัดความของ 1Gb = 2^30 บิต = 1,073,741,824 บิต 1GB = 2^30 ไบต์ = 1,073,741,824 ไบต์และ 1TB = 2^40 ไบต์ = 1,099,511,627,776 ไบต์ จึงแสดงความจุน้อยลง  พื้นที่เก็บข้อมูลที่มี (รวมถึงตัวอย่างของไฟล์สื่อต่างๆ) จะแตกต่างกันไปตามขนาดไฟล์ การฟอร์แมต การตั้งค่า ซอฟต์แวร์ และระบบปฏิบัติการ และ/หรือแอพพลิเคชันซอฟต์แวร์หรือเนื้อหาสื่อที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า  ความจุที่ฟอร์แมตจริงอาจแตกต่างกันไป

[4] ข้อมู ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2563 ในหมวดหมู่ของ SSD ระดับองค์กร จากการสำรวจของ Kioxia Corporation

[5] "2.5 นิ้ว" หมายถึงฟอร์มแฟคเตอร์ของ SSD โดยไม่ได้ระบุขนาดทางกายภาพของไดรฟ์

[6] ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ 30.72TB มีกำหนดให้วางจำหน่ายหลังเดือนสิงหาคม 2563

[7] ความพร้อมใช้งานของตัวเลือกความปลอดภัย/การเข้ารหัสอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาค

[8] SIE: ตัวเลือกการลบทันทีรองรับCrypto Erase ซึ่งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานที่กำหนดโดยคณะกรรมการด้านเทคนิค (T10) ของ INCITS (InterNational Committee for Information Technology Standards)

[9] SED: ตัวเลือกการเข้ารหัสไดรฟ์ด้วยตนเองรองรับ TCG Enterprise SSC

[10] FIPS: ไดรฟ์มาตรฐานการประมวลผลข้อมูล (Federal Information Processing Standards) ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องเป็น FIPS 140-2 ระดับ 2 ซึ่งกำหนดคุณสมบัติด้านความปลอดภัยสำหรับโมดูลการเข้ารหัส cryptographic โดย NIST (National Institute of Standards and Technology)

* PCI Express และ PCIe เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ PCI-SIG

* ชื่อบริษัท ชื่อผลิตภัณฑ์และชื่อบริการที่กล่าวถึงในที่นี้อาจเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทนั้นๆ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง:

*ซีรี่ส์ PM6 ใหม่และกลุ่มผลิตภัณฑ์ SSD สำหรับองค์กรของ Kioxia

https://business.kioxia.com/en-jp/ssd/enterprise-ssd.html

*ข้อมูลในเอกสารนี้ รวมถึงราคาและข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์ เนื้อหาบริการและข้อมูลการติดต่อนั้นถูกต้องในวันที่ประกาศ แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200615005809/en/

สอบถามข้อมูลสำหรับลูกค้า:
Kioxia Corporation
Sales Promotion Division (แผนกส่งเสริมการขาย)
โทร: +81-3-6478-2421  https://business.kioxia.com/en-jp/buy/global-sales.html 

สอบถามข้อมูลสำหรับสื่อ:
Kioxia Corporation
Sales Strategic Planning Division (ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์การขาย)
Koji Takahata
โทร : +81-3-6478-2404

หุ่นยนต์ UVD พา Blue Ocean Robotics ติดอันดับ 50 บริษัทหุ่นยนต์ที่ทรงอิทธิพลสูงสุด โดย Robotics Business Review

Logo

บริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลกเป็นเพราะหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อนี้ถูกนำไปใช้ในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาและการติดเชื้อในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โอเดนเซ, เดนมาร์ก–(BUSINESS WIRE)–15 มิถุนายน 2563

Blue Ocean Robotics ประกาศว่า หุ่นยนต์ UVD ของบริษัทช่วยให้ได้รับการคัดเลือกในการจัดอันดับ 50 บริษัทหุ่นยนต์ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดของโลก (RBR50) โดย Robotics Business Review การได้รับเลือกครั้งนี้เป็นผลมาจากการทำงานของหุ่นยนต์ UVD ประโยชน์ทางด้านสุขภาพของเทคโนโลยีที่ใช้ และความต้องการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องต่อความสามารถในการฆ่าเชื้อของหุ่นยนต์

“Before we received the UVD robot, six of the hospital’s doctors had been infected with COVID-19. Since we started using the robot two months ago to disinfect, we have not had a single case of corona among doctors, nurses or patients,” said Christiano Huscher, chief surgeon at Gruppo Poloclinico Abano, which operates a number of private hospitals in Italy. UVD Robots is seeing not only growing interest by hospitals worldwide, but also from nursing homes and other healthcare institutions, schools and day care centers, with increased demand from shopping malls and commercial airports as well. (Photo: Business Wire)

“ก่อนที่เราจะได้รับหุ่นยนต์ UVD มา แพทย์ประจำโรงพยาบาลหกคนถูกพบว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา นับตั้งแต่เราเริ่มใช้หุ่นยนต์ดังกล่าวในการฆ่าเชื้อเมื่อสองเดือนก่อน เรายังไม่พบว่ามีแพทย์ พยาบาล และผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาแม้แต่รายเดียว” Christiano Huscher หัวหน้าศัลยแพทย์แห่ง Gruppo Poloclinico Abano ซึ่งดำเนินกิจการโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งในอิตาลี กล่าว หุ่นยนต์ UVD ไม่เพียงได้รับความสนใจที่เพิ่มขึ้นจากโรงพยาบาลทั่วโลก แต่ยังได้รับความสนใจจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและสถาบันด้านการดูแลสุขภาพ โรงเรียนและศูนย์รับเลี้ยงเด็กหลายแห่ง พร้อมทั้งความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากห้างสรรพสินค้าและร้านค้าในสนามบินด้วยเช่นกัน (รูปภาพ: Business Wire)

หุ่นยนต์ UVD ใช้โนว์ฮาวทางด้านจุลชีววิทยาเชิงลึก เทคโนโลยีหุ่นยนต์อัตโนมัติ และแสงอัลตราไวโอเลตเพื่อสร้างโซลูชันการฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซีที่ดีที่สุดของโลก ซึ่งยืนยันว่าสามารถกำจัดเชื้อโรคในห้องได้ภายใน 10-15 นาที หุ่นยนต์ดังกล่าวได้รับการเปิดตัวในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก

“หุ่นยนต์ UVD ครองตลาดหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซีแบบเคลื่อนที่อัตโนมัติทั่วโลกมากกว่า 75%” Claus Risager ซีอีโอของ Blue Ocean Robotics กล่าว “การเติบโตในอนาคตที่เราคาดการณ์ในขณะนี้และโซลูชันที่ได้รับการจดสิทธิบัตรต่าง ๆ ซึ่งเรานำหน้าคู่แข่งอยู่ 2-4 ปีจะทำให้เรากลายเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งในอนาคต”

หลังก่อตั้งขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโอเดนเซ Blue Ocean Robotics ได้สร้างหุ่นยนต์ UVD ขึ้นในฐานะบริษัทย่อยในปี 2557 เพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับการติดเชื้อในโรงพยาบาล (HAI) พบว่าคนหนึ่งในสิบห้าคนติดเชื้อจากโรงพยาบาล

Eugene Demaitre บรรณาธิการอาวุโสของ The Robot Report และ Robotics Business Review กล่าวว่า “โซลูชันนี้ออกสู่ตลาดก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาเสียอีก และนับตั้งแต่เกิดการระบาด หุ่นยนต์ UVD ก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตตามความต้องการระบบฆ่าเชื้ออัตโนมัติที่กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก ในอนาคต เราคาดว่าบริษัทสัญชาติเดนมาร์กที่ได้รับการจัดอันดับ RBR50 รายนี้จะได้ช่วยทั้งโรงพยาบาลและชุมชนต่าง ๆ ป้องกันการติดเชื้อด้วยเช่นกัน”

เกี่ยวกับ Blue Ocean Robotics
Blue Ocean Robotics เป็นผู้พัฒนา ผลิต และจำหน่ายหุ่นยนต์บริการด้านการดูแลสุขภาพ งานบริการ การก่อสร้าง เกษตรกรรม และตลาดอื่น ๆ ทั่วโลก กลุ่มผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์ต่าง ๆ ได้แก่ UVD Robots หุ่นยนต์เคลื่อนที่สำหรับการฆ่าเชื้อ GoBe Robots หุ่นยนต์สื่อสารทางไกลเคลื่อนที่สำหรับการสื่อสาร การรวมกลุ่มทางสังคม และการปรับปรุงภูมิอากาศด้านคาร์บอนไดออกไซด์ และ PTR Robots หุ่นยนต์เคลื่อนที่สำหรับการรักษาและการฟื้นฟูผู้ป่วยอย่างปลอดภัย Blue Ocean Robotics พัฒนาหุ่นยนต์จากปัญหาและไอเดียจนธุรกิจเติบโต หุ่นยนต์ทุกรุ่นอยู่ภายใต้บริษัทย่อยที่เป็นบริษัทร่วมทุน ทำให้ Blue Ocean Robotics เป็นโรงงานหุ่นยนต์ร่วมทุนแห่งแรกของโลก

ดาวน์โหลดเอกสารเพื่อการเผยแพร่ ที่นี่

ดูคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52234207/en

ติดต่อ:

Merima Cikotic
Blue Ocean Robotics
mc@blue-ocean-robotics.com
+45 71-99-56-06

The Bangkok Reporter