Clear Hydrogen UK เพื่อผลิตไฮโดรเจน 5,000,000 กิโลกรัมต่อวันโดยใช้กระบวนการของ Proton

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–26 เมษายน 2565

Clear Hydrogen UK Ltd. (CHUK) ยินดีที่จะประกาศการขยายข้อตกลงกับ Proton Technologies

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220424005124/en/

Left to right: Proton COO Setayesh Afshordi, Directors Belinda Oakland, Hertford King, and Grant Strem (Photo: Business Wire)

ซ้ายไปขวา: Setayesh Afshordi ซีโอโอของ Proton, Belinda Oakland กรรมการบริหาร, Hertford King และ Grant Strem (ภาพ: Business Wire)

Proton มีกระบวนการผลิต Clear Hydrogen ที่มีต้นทุนต่ำที่สุด ซึ่งเป็นวิธีการผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดและมีต้นทุนที่ต่ำที่สุด

แผนคือการผลิต Clear Hydrogen จากแท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งที่มีอายุเก่าแก่ของสหราชอาณาจักรในขณะที่กักเก็บ CO2 จำนวนมหาศาลเป็นคาร์บอเนตที่เป็นของแข็งภายในระบบเดียวกัน

ในปี 2564 ผู้ก่อตั้ง CHUK ได้ลงทุนจำนวน 3.7 ล้านดอลลาร์แคนาดาในโปรตอนเพื่อรับใบอนุญาตการผลิต 20 ตันต่อวันสำหรับใช้ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ การขยายตัวที่ประกาศในวันนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 250 เท่า ทำให้มูลค่าใบอนุญาตทั้งหมดโดยนัยสูงถึง 925 ล้านดอลลาร์แคนาดา สำหรับ 5,000 ตันต่อวัน เงื่อนไขรวมถึงความเป็นเจ้าของร้อยละ 45 ของ CHUK ที่มีต่อ Proton ซึ่งจะให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและการกำกับดูแลที่เพิ่มมากขึ้นแก่ทีมของ CHUK ผู้ก่อตั้ง CHUK สองคนจะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารของ Proton ด้วย

ประธาน CHUK Hertford King ได้กล่าวไว้ว่า: “เราตั้งตารองานและความมั่นคงทางเศรษฐกิจที่จะนำมาสู่สหราชอาณาจักรโดยใช้เทคโนโลยีคาร์บอนเป็นลบที่มีต้นทุนต่ำของ Proton เพื่อใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ ทรัพย์สิน ความรู้ของ offshore และผู้ที่สนับสนุนอยู่แล้วในการผลิตพลังงานนอกชายฝั่งของสหราชอาณาจักร ความตั้งใจของเราคือให้ CHUK เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการขับเคลื่อนของสหราชอาณาจักรในการที่จะกลายเป็นอิสระด้านพลังงานคาร์บอนต่ำ และข้อตกลงของเรากับ Proton ถือเป็นก้าวสำคัญในการช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้”

Grant Strem ประธานของ Proton Technologies กล่าวว่า “พันธกิจของเราคือการขยายเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่สามารถปรับขนาดได้มหาศาลทั่วโลกให้เร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราชอบที่จะร่วมมือกับกลุ่มที่มีความแน่วแน่และมีความสามารถอย่างเช่น CHUK เพื่อเติมเต็มข้อตกลงในการเจรจาขั้นสูง การปรับฮาร์ดแวร์ของ Proton ให้เข้ากับบริเวณนอกชายฝั่งทำได้อย่างง่ายดายอยู่ในความเข้าใจทางเทคนิคของผู้เชี่ยวชาญในสหราชอาณาจักร และการร่วมมือกับ CHUK ครั้งนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรโดยทั่วไป ภาคพลังงานอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี เราคาดว่าจะผลิตไฮโดรเจนด้วยต้นทุนพลังงานที่ต่ำกว่าก๊าซธรรมชาติ การมีส่วนเกี่ยวข้องของสิ่งนี้นั้นมีผลอย่างกว้างขวาง”

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220424005124/en/

ติดต่อ:

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม:
Hertford King
Hertford@proton.energy
หรือ
Grant Strem
grant.strem@proton.energy
+1-403-467-1220

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

เทคโนโลยี iSWAB Microbiome-EL ของ Mawi ช่วยให้ Prime Discoveries พัฒนาการตรวจวินิจฉัยโควิดที่รวดเร็วด้วยเทคนิค Extraction-Less

Logo

เฮย์เวิร์ด, แคลิฟอร์เนีย–(BUSINESS WIRE)–25 เมษายน 2565

Mawi DNA Technologies (Mawi) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมสำหรับการเก็บตัวอย่างทางชีวภาพ ประกาศว่า Prime Discoveries สามารถทำการพัฒนา CovidDetect™ ซึ่งเป็นการตรวจวินิจฉัยเร็วด้วยเทคนิคการเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม (isothermal amplification) สำหรับตรวจจับไวรัส SARS-CoV-2 ได้สำเร็จ โดยสามารถแสดงผลได้ใน 30 นาที โดยไม่จำเป็นต้องสกัดและทำ RNA ให้บริสุทธิ์ก่อน การตรวจวินิจฉัยทำโดยใช้เทคโนโลยีเก็บตัวอย่าง iSWAB Microbiome-EL (Extraction-Less) ใหม่ของ Mawi วิธีนี้ทำให้เกิดการปลดปล่อย RNA จากตัวอย่างและคงความเสถียรเอาไว้ ซึ่งเป็นการป้องกัน RNA ไม่ให้เสื่อมสภาพและยังช่วยให้สามารถจัดเก็บและขนส่งในอุณหภูมิห้องได้

เมื่อไม่นานมานี้ Prime Discoveries เพิ่งได้รับเครื่องหมายรับรองคุณภาพ CE IVD สำหรับ CovidDetect™ และมีแผนเข้ารับการอนุมัติ FDA 510K เร็ว ๆ นี้ ผลทางคลินิกจาก Prime CovidDetect™ ผ่านขั้นตอนพิชญพิจารณ์ (peer review) แล้ว และได้รับการเผยแพร่ในวารสารวิชาการ PLOS ONE ภายใต้หัวข้อ “A Rapid, Specific, Extraction-Less, and Cost-Effective RT-LAMP Test for the Detection of SARS-CoV-2 in Clinical Specimens” เครื่องหมายรับรอง CE ทำให้สามารถนำโซลูชันนี้ไปใช้กับประเทศในแอฟริกาและเอเชียได้ ซึ่งในภูมิภาคเหล่านี้ การตรวจวินิจฉัยการติดเชื้อชนิดต่าง ๆ ที่ให้ผลเร็วและราคาไม่แพง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและโครงสร้างพื้นฐานด้านเครื่องมือมาก ยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก

Prime CovidDetect™ ใช้สารละลายบัฟเฟอร์สำหรับเก็บตัวอย่าง iSWAB Microbiome-EL ที่มีความเฉพาะของ Mawi พร้อมเทคโนโลยี Loop AMPlification (LAMP) ที่มีการจดสิทธิบัตรแล้วของ Prime Discoveries ซึ่งทำให้สามารถเพิ่มปริมาณกรดนิวคลีอิกโดยไม่ต้องใช้เครื่องเพิ่มปริมาณดีเอ็นเอสำหรับการทำ PCR ซึ่งมีราคาแพง โดยหลักการทำงานแบบ Extraction-Less นี้ช่วยลดขั้นตอนการสกัดและทำให้กรดนิวคลีอิกบริสุทธิ์ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อน และยังประหยัดเวลาจากการเก็บตัวอย่างสำหรับการทำ PCR ได้ 60-90 นาที

Arun Manoharan, Ph.D., ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านวิทยาศาสตร์ของ Prime Discoveries กล่าวว่า “การระบาดไปทั่วโลกของโควิดได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างมากของการตรวจวินิจฉัยโรคที่รวดเร็ว Prime Discoveries ตั้งเป้าที่จะสร้างกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชันที่สามารถแสดงผลได้ภายใน 45 นาที โดยใช้ห้องปฏิบัติการ สารที่ใช้ในการวิเคราะห์ และทักษะทางเทคนิคน้อยที่สุด ซึ่งเหมาะสำหรับจุดทดสอบในพื้นที่ห่างไกล จุดทดสอบเคลื่อนที่ จุดทดสอบ ณ​ พรมแดนข้ามประเทศ และพื้นที่ทำงานทางคลินิกที่มีโครงสร้างพื้นฐานน้อย การทำงานที่เกี่ยวกับโควิดของเราได้แสดงให้เห็นถึงความเสถียรของ iSWAB Microbiome-EL โดย Mawi ในตัวอย่างทางคลินิกหลายร้อยชิ้น ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่คล้ายคลึงหรือเหนือกว่าวิธี RT-PCR โดยตัวอย่างมีความเสถียรนานกว่าสองสัปดาห์ ขณะที่ RNA มีความเสื่อสภาพเพียงเล็กน้อย และยังมีความเข้ากันได้สูงกับเทคนิคที่เราใช้เพิ่มปริมาณกรดนิวคลีอิกด้วย” เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “ความเป็นพันธมิตรกับ Mawi ของเราช่วยให้ Prime Discoveries สามารถพัฒนาการเก็บตัวอย่างในอุณหภูมิห้องพร้อมการทำงานแบบ Extraction-Less สำหรับโซลูชันตรวจวินิจฉัยที่รวดเร็วของเราในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงการตรวจวินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ หนองในเทียม หนองใน พยาธิในช่องคลอด, HBV, HCV, HPV, TB, เริม ซิฟิลิส และอีกมากมาย เราตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ Mawi พัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจหาการติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร โรคติดต่อทางเพศ และโรคแบคทีเรียที่มีการดื้อยากับผู้ป่วยหลายพันรายได้อย่างรวดเร็ว”

เกี่ยวกับ Prime Discoveries

Prime Discoveries พัฒนาการวินิจฉัยไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรวดเร็วสำหรับโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความคุ้มค่าด้านราคา ขยายขนาดได้ และสามารถทำการตรวจวิเคราะห์ได้ง่ายและเป็นอัตโนมัติ Prime ก่อตั้งขึ้นในนิวยอร์กซิตี้เมื่อปี 2560 และมีนักวิทยาศาสตร์จากหลากหลายสาขา ทั้งด้านจุลชีววิทยา ชีววิทยาเชิงคอมพิวเตอร์ ระบบอัตโนมัติห้องปฏิบัติการ และปัญญาประดิษฐ์จากสถาบัน Genentech, Cooper Genomics, Recombine, Phosphorus และ NYU และ Prime ยังได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในสาขาต่าง ๆ อย่างการศึกษาจีโนมิกส์และสาธารณะสุขจาก Dr. George Church และ New York University นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากสถาบันทางวิชาการ บริษัทร่วมทุน และนักลงทุนอิสระมากมาย รวมถึง New York University, Charles Zegar (Bloomberg), Esther Dyson (23 & Me), BoxGroup, Akron Fusion Ventures, Beresford Ventures, Cannonball Capital, Liquid 2 Ventures, Francois Nader (Moderna, Acceleron, Shire), Unshackled Ventures, Doberman Forward และอื่น ๆ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ www.primediscoveries.com

เกี่ยวกับ Mawi DNA Technologies

Mawi DNA Technologies ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2556 เป็นผู้พัฒนาและให้บริการเชิงพาณิชย์ของเทคโนโลยี iSWAB ซึ่งเป็นระบบที่มีความล้ำสมัยสำหรับการเก็บตัวอย่างทางชีวภาพ พันธกิจของ Mawi คือการรักษาความสมบูรณ์ของตัวอย่างไม่ว่าจะมาจากส่วนไหนของโลกในอุณหภูมิห้องให้ได้ เพื่อให้เห็นความหลากหลายที่แท้จริงของตัวอย่างจากต่างพื้นที่ทางภูมิศาสตร์และกลุ่มประชากร ภายใต้สโลแกน At Mawi, The Future of Biosampling is Here™ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่ http://www.mawidna.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220425005323/en/

ติดต่อ:

นักลงทุน
Jerome David รองประธานฝ่ายขายและการตลาด 
510-256-5186, j.david@mawidna.com 

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ: 
Susan Tellem, APR, RN, BSN 
310-313-3444, susan@tellemgrodypr.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

CWT แต่งตั้ง Patrick Andersen เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

Logo

มินนีแอโพลิส–(BUSINESS WIRE)–25 เมษายน 2565

CWT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการการเดินทางแบบการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกันสำหรับพนักงาน (B2B4E) ประกาศว่า Michelle McKinney Frymire ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งในบริษัทแล้ว ในส่วนของกระบวนการวางแผนวางตำแหน่งระยะยาวของบริษัท โดยคณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้ง Patrick Andersen ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ให้เป็นประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนต่อไป ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นอกจากนี้เขาจะดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัทอีกด้วย

McKinney Frymire กล่าวว่า “การนำ CWT ผ่านช่วงวิกฤตดังกล่าวในการวิวัฒนาการถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” “เราประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดานี้ และดิฉันรู้สึกขอบคุณทีมงานทั่วโลกและลูกค้าของเราสำหรับความไว้วางใจและการเป็นพันธมิตรที่ให้การสนับสนุน ด้วยรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง CWT อยู่ในตำแหน่งที่จะเร่งแผนการเติบโต และดิฉันยินดีที่จะส่งงานต่อให้ Patrick”

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ Patrick จะทำหน้าที่เป็นซีอีโอคนต่อไปของเรา ด้วยผลงานที่โดดเด่นของเขาในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ และบทบาทความเป็นผู้นำระดับนานาชาติที่ CWT เป็นเวลา 13 ปี เขามีความสัมพันธ์ที่หยั่งรากลึกกับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา และได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำที่ยอดเยี่ยมผ่านการดูแลลำดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของเรา การขยาย RoomIt และเปิดตัวแพลตฟอร์มเทคโนโลยี myCWT China ที่ก้าวล้ำของเรา” Jim Abrahamson ประธานคณะกรรมการของ CWT กล่าว “ในนามของคณะกรรมการและเพื่อนร่วมงานทั่วโลกของเรา เราขอขอบคุณ Michelle สำหรับความช่วยเหลือมากมายของเธอตั้งแต่เธอเข้าร่วมบริษัทในปี 2562และขอให้เธอโชคดีในความพยายามครั้งต่อไป”

“ผมรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้นำ CWT ไปสู่การเติบโตขั้นต่อไป” Patrick Andersen กล่าว “เมื่อความต้องการเดินทางเพิ่มขึ้น CWT ก็อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะลงทุนและขยายความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและความสัมพันธ์ระดับโลก และที่สำคัญผมจะยังคงยึดมั่นในแกนหลักของเรา และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับคณะกรรมการบริหารของเราและทีมงาน CWT เพื่อปรับปรุงเทคโนโลยีของเรา และเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริการการเดินทางและงานอีเวนต์ที่เรามอบให้กับลูกค้าทั่วโลก”

ก่อนดำรงตำแหน่งประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ Mr. Andersen เคยดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และก่อนหน้านั้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งอเมริกา นับตั้งแต่ร่วมงานกับบริษัทในปี 2551 Mr. Andersen ได้จัดการและดูแลการริเริ่มที่กำหนดอุตสาหกรรมหลายอย่าง รวมถึงการเปิดตัว myCWT China การขยาย RoomIt โดย CWT และการพัฒนาข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยี GDS ระยะยาวที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เขามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในด้านการเดินทางและโลจิสติกส์ทั่วโลก โดยมีบทบาทเป็นผู้นำระดับนานาชาติหลายตำแหน่งที่ Deutsche Post Worldwide และ DHL โดย Andersen ยังดำรงตำแหน่งสมาชิกที่ไม่ใช่ผู้บริหารของคณะกรรมการที่ Global Minnesota และ MNSNAP และอยู่ในคณะกรรมการผู้กำกับดูแลของ Carlson School of Management เขาศึกษาการจัดการที่ London Business School

เกี่ยวกับ CWT

CWT คือแพลตฟอร์มการจัดการการเดินทางแบบการทำการค้าระหว่างธุรกิจทำกับธุรกิจด้วยกันสำหรับพนักงาน (B2B4E) ซึ่งบริษัทและรัฐบาลต่างไว้วางใจให้ผู้คนเชื่อมต่อกัน ในทุกที่ ทุกเวลา ทุกเส้นทาง – ใน 6 ทวีป – บริษัทให้บริการลูกค้าและพนักงานด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีและประสบการณ์การเดินทางที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และไร้กังวัล

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220424005089/en/

ติดต่อ:

Julian Walker
CorePr@mycwt.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Hisense บริจาคอุปกรณ์คุณภาพชั้นนำให้กับกองทุนพัฒนา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นผ่านการกุศล

Logo

ชิงเต่า, จีน–(BUSINESS WIRE)–24 เมษายน 2565

Hisense องค์กรด้านเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก ได้ร่วมเป็นพันธมิตรระดับโลกกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในปี 2563 ตั้งแต่นั้นมา ประโยชน์ที่ Hisense ได้รับจากการเป็นหุ้นส่วนนี้คือการยอมรับและการสนับสนุนจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก และสร้างความสัมพันธ์ด้วยความรู้สึกที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับแฟนฟุตบอลทั่วโลก ในฐานะองค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคม Hisense ได้ก้าวไปอีกขั้นและยกระดับความเป็นหุ้นส่วนด้วยการบริจาคอุปกรณ์ไฮเทคหลายรายการให้กับโครงการที่ไม่แสวงหาผลกำไร และเป็นผู้อุปการะของกองทุนการกุศลปารีส แซงต์-แชร์กแมง

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220423005007/en/

Cantine Solidaire (Photo: Business Wire)

Cantine Solidaire (ภาพ: Business Wire)

Hisense บริจาคทีวีเพื่อสนับสนุนและพัฒนาเยาวชนอย่างเต็มที่

Hisense บริจาคทีวีให้กับกองทุนพัฒนา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทีวีเหล่านี้ถูกใช้ใน Cantine Solidaire ซึ่งจัดขึ้นโดยกองทุนพัฒนา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในเดือนมีนาคม ปี 2565 ซึ่งให้การต้อนรับวัยรุ่นจำนวน 200 คนสู่สนาม Parc des Princes งานนี้มุ่งเน้นไปที่ความเท่าเทียม กีฬา วัฒนธรรม โลกดิจิทัล พลเมือง และดนตรี พร้อมมอบอาหารกลางวัน กิจกรรมกีฬา และกิจกรรมผ่อนคลายให้แก่นักเรียน รวมถึงเวิร์กช็อปการเขียนรีซูเมอีกด้วย

Sabrina Delannoy รองผู้อำนวยการกองทุนพัฒนา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือครั้งนี้ว่า "เรารู้สึกยินดีที่พันธมิตรของสโมสรให้ความสนใจในโครงการ และมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนเรา แสดงให้เห็นว่าสมาชิกในครอบครัว ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มีค่านิยมที่เหมือนกันกับเรา Hisense คือตัวอย่างที่ทำให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม เราหวังว่าจะทำงานต่อไปร่วมกันในระยะยาว"

Hisense เติมเต็มความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร มุ่งสร้างโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

Cédric Audebert รองประธานของ Hisense ประเทศฝรั่งเศส กล่าวว่า "ในฐานะหุ้นส่วนของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เรามีความสนใจอย่างมากในการริเริ่มโครงการทางสังคมของกองทุนพัฒนา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กีฬาคือช่องทางการแบ่งปันและแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งเป็นค่านิยมสองอย่างที่สำคัญสำหรับเรา เป้าหมายของเราคือแสดงการสนับสนุนกองทุนพัฒนา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อย่างไม่หยุดยั้ง และเราขอเชิญชวนให้บริษัททุกแห่งมาร่วมโครงการของเรา”

Hisense ได้ทุ่มเทเพื่อการกุศลและการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก โดยได้บริจาคเครื่องใช้ในบ้านไฮเทคจำนวนมากให้แก่โครงการจากกองทุนพัฒนา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โดยเฉพาะ ในการบริจาคข้างต้น Hisense ได้บริจาคทีวีให้แก่โครงการ "PSG HOLIDAYS" โดยมอบอุปกรณ์ที่ดีกว่าให้แก่เด็ก ๆ เพื่อได้รับประสบการณ์การฝึกอบรมที่ดีขึ้น นอกจากนี้ Hisense ยังบริจาคทีวีจอขนาดใหญ่สำหรับโครงการ ‘Red & Blue School’ ให้การสนับสนุนในระยะยาว รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นสำหรับการฝึกอบรมหลังเลิกเรียน

Hisense ยึดมั่นในแนวคิดที่มุ่งเน้นผู้คน สนับสนุนองค์กรการกุศลอย่างแข็งขัน มุ่งเน้นที่ความรับผิดชอบต่อสังคม และมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณูปการใหม่ ๆ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220423005007/en/

ติดต่อ:

Caroline Chen
ทีมประชาสัมพันธ์ Hisense
hisenseglobal@ogilvy.com
+8613922322347

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย


CertiK บริษัทรักษาความปลอดภัย Web3 ได้รับทุนจาก SoftBank เพิ่มอีก 60 ล้านดอลลาร์ หลังระดุมในรอบ Series B3 ได้ 88 ล้านดอลลาร์

Logo

การระดมทุนเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภารกิจของ CertiK ในการรักษาความปลอดภัยบนโลกของ Web3 ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการด้านนวัตกรรม

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2565

CertiK บริษัทรักษาความปลอดภัยชั้นนำระดับโลกด้าน Web3 และบล็อกเชน ประกาศว่าได้รับเงินลงทุนเพิ่มเติม 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก SoftBank Vision Fund 2 และ Tiger Global โดย CertiK ได้ประกาศเกี่ยวกับการระดมทุนในรอบ Series B3 มูลค่า 88 ล้านดอลลาร์ และการประเมินมูลค่าหุ้น 2 พันล้านดอลลาร์ที่นำโดย Insight Partners ในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่การระดมทุนเพิ่มเติมนี้ทำให้ยอดรวมที่ลงทุนใน CertiK ในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 290 ล้านเหรียญสหรัฐ

ภารกิจของ CertiK คือการรักษาความปลอดภัยให้กับโลกของ Web3 ผ่านชุดบริการรักษาความปลอดภัยแบบ end-to-end โดยให้บริการลูกค้าด้วยแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบสำหรับความปลอดภัยในทุก ๆ ด้าน ความต้องการด้านความปลอดภัยชั้นนำสำหรับบล็อกเชนในอุตสาหกรรมยังคงอยู่ในระดับสูงในปี 2565 หลังจากทรัพย์สินคริปโตมูลค่ากว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ถูกโจรกรรมโดยอาชญากรไซเบอร์ในปี 2564 อุตสาหกรรมเผชิญกับความสูญเสียสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์อันเนื่องมาจากการโจมตีสะพานหลักที่เชื่อมโยงระบบ 4 ครั้ง และการโจมตีด้วยแฟลชโลนมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ภายในไตรมาสแรกของปีนี้

Dennis Chang หุ้นส่วนผู้จัดการของ SoftBank Investment Advisers กล่าวว่า “การนำ Web3 มาใช้กำลังได้รับความนิยม แต่ความกังวลเรื่องความปลอดภัยทำให้ไม่สามารถใช้งานเต็มศักยภาพได้ เราเชื่อว่า CertiK ผสมผสานความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ บล็อกเชน และการตรวจสอบระบบ เพื่อให้บริษัทมีโซลูชันชั้นนำในการรักษาความปลอดภัยและการตรวจสอบบล็อกเชน เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับศาสตราจารย์ Gu และทีมงานเพื่อสนับสนุนภารกิจในการรักษาความปลอดภัยในโลกของ Web3”

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการรักษาความปลอดภัย Web3 ได้ผลักดันให้มีการพัฒนาและดำเนินการผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรมความปลอดภัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้นให้แก่อุตสาหกรรมบล็อกเชน CertiK ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ผ่านผลิตภัณฑ์ด้านนวัตกรรม เช่น Security Leaderboard, Code Auditing และ Skynet ซึ่งเป็นบริการตรวจสอบภัยคุกคามทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง CertiK เพิ่งเปิดตัว KYC และบริการตรวจจับการทุจริตเพื่อป้องกันกลอุบาย Rug-pulls และการหลอกลวงที่เพิ่มขึ้น

Ronghui Gu ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ CertiK กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับการติดตามธุรกรรมรอบล่าสุดของเรา การสนับสนุนเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัย web3 และจะช่วยให้เราปกป้องอุตสาหกรรมบล็อคเชน และสร้างความไว้วางใจในชุมชนคริปโต เหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น การโจมตีแบบข้ามบล็อกเชน แฟลชโลน กลอุบาย Rug-Pulls และอื่น ๆ ได้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการรักษาความปลอดภัย web3 แบบ end-to-end ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจนำเสนอ รวมถึงการตรวจสอบสัญญาอัจฉริยะ การตรวจสอบภัยคุกคามตลอด 24/7 และ KYC”

เกี่ยวกับ CertiK

ภารกิจของ CertiK คือการรักษาความปลอดภัยในโลกของ Web3 โดย CertiK นำนวัตกรรมล้ำสมัยมาใช้งานตั้งแต่สถาบันการศึกษาไปจนถึงองค์กร โดยเริ่มต้นด้วยบล็อกเชน ทำให้ชุดซอฟต์แวร์ที่สำคัญในการจัดการวิกฤติถูกสร้างขึ้นพร้อมความปลอดภัยและแม่นยำ CertiK ก่อตั้งโดยอาจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ Ronghui Gu และ Zhong Shao โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในนิวยอร์ก CertiK ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำในอุตสาหกรรม ได้แก่ Insight Partners, Tiger Global, Sequoia, Coatue Management, Advent International, Goldman Sachs, Lightspeed, SoftBank Vision Fund 2, Hillhouse Capital, Binance, Coinbase Ventures และอีกมากมาย ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://www.certik.com/

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005030/en/

ติดต่อ:

Makayela Hills, Red Lorry Yellow Lorry

makayelah@rlyl.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. เน้นย้ำการกระทำของมหาสมุทรและความร่วมมือกับ The Nature Conservancy ในวันคุ้มครองโลกปี 2565

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–23 เมษายน 2565

วันคุ้มครองโลกนี้เป็นวันครบรอบ 52 ปีของวันคุ้มครองโลกครั้งแรกในปี 2513 Mary Kay Inc. ร่วมในการเฉลิมฉลองสิ่งแวดล้อมและการเป็นพันธมิตรทั่วโลกที่ทำงานเพื่อลงทุนในโลกของเราและบรรลุ 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005430/en/

Logo of Mary Kay

โลโก้ของ Mary Kay

องค์ประกอบสำคัญของการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการบรรลุ SDGs นั้นขึ้นอยู่กับการกระทำของมหาสมุทร ซึ่งมหาสมุทรนั้นครอบคลุม 70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นผิวโลก เป็นชีวภาคที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้สร้างออกซิเจน 50 เปอร์เซ็นต์ที่เราต้องการ ดูดซับ 25 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมด และดักจับ 90 เปอร์เซ็นต์ของความร้อนเพิ่มเติมที่เกิดจากการปล่อยสิ่งเหล่านั้น1

The Nature Conservancy (TNC) ได้เริ่มต้นการเดินทางเพื่อปกป้องมหาสมุทรของเรา โดยได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ซึ่งถือว่าน้ำเป็นหัวใจของกลยุทธ์ความยั่งยืน: “วันคุ้มครองโลกนี้ มหาสมุทรของเราต้องการเราทุกคน” กรรมการผู้จัดการระดับโลกฝ่ายการอนุรักษ์ธรรมชาติของ The Nature Conservancy กล่าว “ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรองค์กรของเรา TNC ทำงานในทุก ๆ วันทั่วทั้งโลกเพื่ออนุรักษ์แนวปะการัง ชายฝั่งและการประมงที่ทำให้ชีวิตบนโลกใบนี้ และชีวิตของเราเองรุ่งเรืองเฟื่องฟู เราร่วมกันสร้างวันคุ้มครองโลกในทุก ๆ วัน”

ผ่านการเป็นหุ้นส่วนร่วมกัน Mary Kay ช่วยเหลือสนับสนุนโครงการที่ส่งผลให้เกิดผลกระทบอย่างยั่งยืนในการอนุรักษ์และปกป้องมหาสมุทรของเรา:

  • การปกป้องมหาสมุทรทั่วโลกเพื่อปรับปรุงคุณภาพของมหาสมุทรสำหรับธรรมชาติและผู้คน
  • การปกป้องแนวปะการังที่ยืดหยุ่นต่อสภาพอากาศ “แนวปะการังสายพันธุ์อึด super reefs” ในสามเหลี่ยมปะการัง
  • การฟื้นฟูแนวปะการังหอยเอเชียแปซิฟิกในออสเตรเลีย ฮ่องกง และจีน;
  • การสนับสนุนผู้นำสตรีในมหาสมุทรแปซิฟิกในปาปัวนิวกินี (ป่าชายเลน ผู้หญิง และตลาด) และหมู่เกาะโซโลมอน (คุณภาพและความยืดหยุ่นของชุมชน);
  • การอนุรักษ์และฟื้นฟูชายฝั่งในคาบสมุทรกัลฟ์ (การปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งคาบสมุทรกัลฟ์); และ
  • การปรับปรุงการประมงในเม็กซิโก (การปรับปรุงการประมงและการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชน)

The Nature Conservancy จะเปิดตัวพันธมิตรระดับโลกใหม่เพื่อระบุและปกป้องแนวปะการังที่อยู่ในตำแหน่งที่จะอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ – “แนวปะการังสายพันธุ์อึด super reefs” ที่งาน 2022 UN Ocean Conference ในเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส การประชุม UN Ocean Conference ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมกันโดยรัฐบาลของเคนยาและโปรตุเกส จะพยายามจัดการกับภัยคุกคามต่อสุขภาพ นิเวศวิทยา เศรษฐกิจ และธรรมาภิบาลของมหาสมุทร และขับเคลื่อนโซลูชั่นนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นอย่างมาก โดยมุ่งเป้าไปที่การเริ่มต้นบทใหม่ของการกระทำของมหาสมุทรทั่วโลก

“ในวันคุ้มครองโลกและในทุก ๆ วัน Mary Kay เฉลิมฉลองงานที่เราทำเพื่อลงทุนในโลกของเราและปกป้องมหาสมุทรของเรา ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ค้ำจุนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนประมาณ 3 พันล้านคนทั่วโลก มันคือความสำคัญต่อโลก อนาคต และชุมชนของเรา Mary Kay ภูมิใจในความร่วมมือของเราในการช่วยสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนและยาวนานต่อชุมชนทั่วโลก และคือหุ้นส่วนสำหรับโลกอย่างแท้จริง” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว

“เรารู้ว่ายังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ และเรารู้ว่าเราสามารถทำได้และจะทำให้มากกว่านี้ การดูแลโลกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Mary Kay และวันคุ้มครองโลกเปิดโอกาสให้เรายืนยันคำมั่นสัญญาของเราในการดำเนินการอย่างยั่งยืน” Gibbins กล่าวเสริม

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน สามารถเยี่ยมชมได้ที่ marykayglobal.com/sustainability และสามารถดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ในหัวข้อเรื่อง “Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow”

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

1 เกี่ยวกับงาน 2022 UN Ocean Conference งาน UN Ocean Conference เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส https://www.un.org/en/conferences/ocean2022/about

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220422005430/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย






เนื่องในวันคุ้มครองโลกปี 2565 Mary Kay Inc. ให้คำมั่นสัญญาในการช่วยเหลือสนับสนุนที่สำคัญสำหรับแนวปะการังในเอเชียแปซิฟิก

Logo

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–23 เมษายน 2565

วันนี้เป็นวันครบรอบ 52 ปีของวันคุ้มครองโลกครั้งแรกและการถือกำเนิดขบวนอนุรักษ์ธรรมชาติในปี 2513 Mary Kay Inc. ร่วมเฉลิมฉลองอนาคตของการรักษาสิ่งแวดล้อมและความร่วมมือทั่วโลกที่ทำงานเพื่อลงทุนในโลกของเราและบรรลุ 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005461/en/

Simon Branigan rides a wave of recycled seashells destined to become bedrock for new shellfish reefs ©Fiona Pepper

Simon Branigan ขี่บนคลื่นของเปลือกหอยรีไซเคิลที่ถูกกำหนดให้กลายเป็นรากฐานสำหรับแนวปะการังหอยใหม่ ©Fiona Pepper

The Nature Conservancy (TNC) ได้เริ่มต้นในการเดินทางเพื่อปกป้องมหาสมุทรของเรา โดยได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจาก Mary Kay ซึ่งถือว่าน้ำเป็นหัวใจของกลยุทธ์ของความยั่งยืน: “วันคุ้มครองโลกนี้ มหาสมุทรของเราต้องการเราทุกคน” Jeffrey Parrish กรรมการผู้จัดการระดับโลกฝ่ายการอนุรักษ์ธรรมชาติของ The Nature Conservancy กล่าว “ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรองค์กรของเรา TNC ทำงานในทุก ๆ วันทั่วทั้งโลกเพื่ออนุรักษ์แนวปะการัง ชายฝั่งและการประมงที่ทำให้ชีวิตบนโลกใบนี้ และชีวิตของเราเองรุ่งเรืองเฟื่องฟู เราร่วมกันสร้างวันคุ้มครองโลกในทุก ๆ วัน”

ในมหาสมุทรเอเชียแปซิฟิกมีแนวปะการังหอยที่เสื่อมโทรมหรือถูกทำลายมากกว่าร้อยละ 90 แนวปะการังมีความสำคัญต่อมนุษยชาติ พวกเขาช่วยจัดหาอาหาร สร้างรายได้ และงานให้กับชุมชนชายฝั่งและทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่มีชีวิตเพื่อรับมือกับพายุที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ด้วยเงินทุนจาก Mary Kay ช่วยให้ TNC ทำงานเพื่อนำแนวปะการังหอยเหล่านี้กลับคืนมา รวมถึงการปกป้องและฟื้นฟูแนวปะการังหอยนางรมและหอยแมลงภู่ 60 แห่งในออสเตรเลีย การสร้างแนวปะการังหอยนางรมที่สูญหายขึ้นใหม่ในฮ่องกง และการนำโครงการฟื้นฟูแนวปะการังหอยแห่งแรกในจีน โครงการเหล่านี้ยังรวมถึงโปรแกรมด้านการศึกษาและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนท้องถิ่นในการรักษาความพยายามเหล่านี้ต่อไปในอนาคต

เอเชียแปซิฟิกยังเป็นที่ตั้งของสามเหลี่ยมปะการัง (Coral Triangle) ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ของแนวปะการังครอบคลุมถึงน่านน้ำของอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี (PNG) ติมอร์เลสเต และหมู่เกาะโซโลมอน ระบบที่เปราะบางนี้อยู่ภายใต้การคุกคามจากการทำประมงที่ไม่ดี มลพิษจากพลาสติก และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Mary Kay สนับสนุนงานสามเหลี่ยมปะการังของ TNC เป็นหลักในอินโดนีเซีย, PNG และหมู่เกาะโซโลมอน แต่ยังคงขยายไปสู่ความพยายามในการอนุรักษ์และการริเริ่มที่ส่งผลกระทบต่อทั้งภูมิภาค โครงการในท้องถิ่นของ TNC นั้นได้แก่ การจัดตั้งเครือข่ายพื้นที่คุ้มครองทางทะเล (Marine Protected Area) เพื่อให้สามารถอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาและบูรณาการการวางแผนกองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (Ridges to Reefs) ใน PNG และหมู่เกาะโซโลมอน และในความพยายามที่จะปรับให้เข้ากับภารกิจระดับโลกของ Mary Kay ในการเสริมพลังอำนาจของสตรี การขยายกิจการที่นำโดยผู้หญิง ชนเผ่าพื้นเมือง และการอนุรักษ์ชุมชนในอินโดนีเซียและการสร้างความเท่าเทียมทางเพศในข้อผูกพันด้านการอนุรักษ์ระดับชาติและระดับภูมิภาค เช่น โครงการสามเหลี่ยมปะการัง หรือ Coral Triangle Initiative (CTI)

ในเดือนมิถุนายน The Nature Conservancy จะเผยแพร่งานวิจัยใหม่ที่งาน 2022 UN Ocean Conference ที่เมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ซึ่ง The Ocean Conference ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมกันโดยรัฐบาลของเคนยาและโปรตุเกส จะจัดการกับภัยคุกคามต่อสุขภาพ นิเวศวิทยา เศรษฐกิจ และธรรมาภิบาลของมหาสมุทรโลก และขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นอย่างมาก โดยมุ่งเป้าไปที่การเริ่มต้นบทใหม่ของการกระทำของมหาสมุทรทั่วโลก

“ในวันคุ้มครองโลกและในทุก ๆ วัน Mary Kay เฉลิมฉลองงานที่เราทำเพื่อลงทุนในโลกของเราและปกป้องมหาสมุทรของเรา ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ค้ำจุนชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนประมาณ 3 พันล้านคนทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay กล่าว “มันคือความสำคัญต่อโลก อนาคต และชุมชนของเรา Mary Kay ภูมิใจในความร่วมมือของเราในการช่วยสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนและยาวนานต่อชุมชนทั่วโลก และคือหุ้นส่วนสำหรับโลกอย่างแท้จริง”

เธอเสริมว่า “เรารู้ว่ายังมีงานอีกมากมายที่ต้องทำ และเรารู้ว่าเราสามารถทำได้และจะทำให้มากกว่านี้ การดูแลโลกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Mary Kay และวันคุ้มครองโลกเปิดโอกาสให้เรายืนยันคำมั่นสัญญาของเราในการดำเนินการอย่างยั่งยืน”

หากต้องการอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Mary Kay ในด้านความยั่งยืน สามารถเยี่ยมชมได้ที่ marykayglobal.com/sustainability และสามารถดาวน์โหลดกลยุทธ์ความยั่งยืนระดับโลกของ Mary Kay ในหัวข้อเรื่อง “Enriching Lives Today for a Sustainable Tomorrow”

เกี่ยวกับ The Nature Conservancy

The Nature Conservancy เป็นองค์กรอนุรักษ์ระดับโลกที่อุทิศตนเพื่อการอนุรักษ์ดินแดนและน่านน้ำที่ทุกชีวิตต้องพึ่งพาอาศัย ภายใต้การนำด้วยวิทยาศาสตร์ เรารังสรรค์โซลูชั่นที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ยากที่สุดในโลกของเรา เพื่อให้ธรรมชาติและผู้คนสามารถเติบโตไปด้วยกัน เรากำลังจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุรักษ์พื้นดิน น้ำ และมหาสมุทรในแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จัดหาอาหารและน้ำอย่างยั่งยืน และช่วยให้เมืองมีความยั่งยืนมากขึ้น การทำงานใน 79 ประเทศและภูมิภาค เราใช้แนวทางการทำงานร่วมกันที่มีส่วนร่วมกับชุมชนท้องถิ่น รัฐบาล ภาคเอกชน และพันธมิตรอื่น ๆ ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.nature.org หรือติดตาม @nature_press บน Twitter

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นในปี 2506 โดยมีเป้าหมายหนึ่งคือเติมเต็มชีวิตให้กับผู้หญิง ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้าน พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ ในฐานะบริษัทพัฒนาผู้ประกอบการ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงในการเดินทางผ่านการศึกษา การให้คำปรึกษา การสนับสนุน เครือข่าย และนวัตกรรม Mary Kay ทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าบำรุงผิว เครื่องสำอาง อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและน้ำหอม Mary Kay เชื่อมั่นในการทำให้ชีวิตดีขึ้นในวันนี้เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ จากทั่วโลกที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเป็นเลิศทางธุรกิจ สนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการความรุนแรงในครอบครัว ทำให้ชุมชนของเราสวยงาม และส่งเสริมให้เด็ก ๆ ทำตามความฝัน สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com พบกับเราบน FacebookInstagram, และ LinkedIn หรือติดตามเราบน Twitter

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220422005461/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Corporate Communications
marykay.com/newsroom
972.687.5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย







Milliken & Company ติดตามความคืบหน้าในโครงการความยั่งยืนในรายงานความยั่งยืนประจำปีครั้งที่สี่

Logo

สปาร์ตันเบิร์ก รัฐเซาท์แคโรไลนา–(BUSINESS WIRE)–22 เม.ย. 2565

วันนี้ Milliken & Company ผู้ผลิตระดับโลกที่มีความหลากหลายได้เผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปีฉบับที่สี่ ซึ่งเป็นองค์ประกอบการรายงานที่สำคัญสำหรับความคืบหน้าของบริษัทในการมุ่งสู่เป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 โดยในปี 2562 Milliken ได้กำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนเอาไว้ 12 ประการ โดยมุ่งเน้นที่บุคลากร ผลิตภัณฑ์ และโลกใบนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการบรรลุเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ตามแนวทางของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ เป้าหมายทั้ง 12 ประการนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในด้านความยั่งยืนในทุกรูปแบบ

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหาเป็นมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005043/en/

Milliken's fourth annual Sustainability Report highlights the company's progress toward its 2025 Sustainability Goals. (Photo: Business Wire)

รายงานความยั่งยืนประจำปีครั้งที่สี่ของ Milliken เน้นย้ำถึงความคืบหน้าของบริษัทในการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนปี 2568 (ภาพ: Business Wire)

ในปี พ.ศ. 2564 Milliken ได้เลิกใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลักหลังจากทุ่มเงิน 25 ล้านดอลลาร์เพื่อสร้างพลังงานความร้อนร่วม ซึ่งผสมผสานการผลิตไอน้ำและพลังงานเข้าด้วยกัน  ที่สำคัญ Milliken ยังเพิ่มความหลากหลายของทีมผู้บริหารในสหรัฐฯ อีกร้อยละ 8 และได้ประกาศว่าขณะนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอทั้งหมดของบริษัทมีคาร์บอนเป็นศูนย์แล้ว

“จุดประสงค์ร่วมและความเชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ทำให้ Milliken มีเอกลักษณ์พิเศษ ” Halsey Cook ประธานและซีอีโอของ Milliken & Company กล่าว “เราไม่เพียงแต่ทำเต็มความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกรอบตัวเราเท่านั้น แต่ยังมีความรับผิดชอบในการสร้างอนาคตที่มีสุขภาพดีขึ้นสำหรับคนรุ่นนี้และคนรุ่นต่อ ๆ ไป อีกด้วย”

รายงาน Global Reporting Initiative (GRI) ซึ่งเป็นรายงานฉบับที่สี่ของ Milliken ที่เสร็จสมบูรณ์ตามมาตรฐาน Core ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านความยั่งยืนแบบองค์รวมที่เกิดขึ้นในปี 2564 ความพยายามเหล่านี้รวมถึง:

  • บันทึกเหตุการณ์ความปลอดภัยหยุดงานเพื่อความปลอดภัยไปเป็นศูนย์จากวิกฤติ COVID-19
  • บันทึกชั่วโมงอาสาสมัคร 27,000 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
  • ร่วมมือกับกลุ่มต่าง ๆ เช่น Accelerating Circularity, Polypropylene Coalition, PureCycle Technologies และ Alliance to End Plastic Waste เพื่อให้ความเชี่ยวชาญของเราในการแก้ปัญหาการสิ้นสุดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์
  • อัปเกรดระบบแสงสว่างเป็นไฟ LED ในโรงงานผลิต 13 แห่ง ลดการปล่อย GHG 3,000 เมตริกตัน และบรรลุครึ่งหนึ่งของเป้าหมายเพื่อแปลงไฟส่องสว่างในโรงงานผลิตทั้งหมดเป็น LED ภายในสิ้นปี 2566 และ
  • เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็น 97,608 MWh/ปี คิดเป็นมากกว่า ร้อยละ 97 ของเป้าหมายปี 2568 ที่ 100,000 MWh/ปี

Kasel Knight รองประธานอาวุโสและที่ปรึกษาทั่วไปกล่าวว่า "หน้าปกของรายงานประจำปีนี้เป็นภาพจากสารคดีเรื่อง Everest ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องจริงอันน่าทึ่งของทีมนักปีนเขาสี่คนที่ขึ้นไปบนยอดเขา “Milliken และ Polartec กำลังสนับสนุนการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งในวันครบรอบ 25 ปี สำหรับเรา เรื่องราวการทำงานเป็นทีม ความหวัง และความอุตสาหะนี้เหมาะสมกับรายงานปี 2564 ของเราเป็นอย่างมาก เป้าหมายของเราสูงส่ง แต่การทำงานร่วมกัน ทำให้เรารู้ว่าเราจะประสบความสำเร็จในวันพรุ่งนี้ที่สดใสและที่มีสุขภาพดีขึ้นได้”

หากต้องการดูรายงานฉบับสมบูรณ์ โปรดไปที่คลังความรู้ Milliken's Sustainability ที่นี่

เกี่ยวกับ Milliken

Milliken & Company เป็นผู้นำด้านการผลิตระดับโลกที่มุ่งเน้นด้านวิทยาศาสตร์วัสดุเพื่อนำเสนอความก้าวหน้าสำหรับวันหน้า Milliken  ใช้ตั้งแต่โมเลกุลชั้นนำของอุตสาหกรรมไปจนถึงนวัตกรรมที่ยั่งยืน เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับชีวิตของผู้คนและนำเสนอโซลูชั่นสำหรับลูกค้าและชุมชน ด้วยสิทธิบัตรหลายพันรายการและพอร์ตโฟลิโอที่มีการใช้งานทั่วทั้งธุรกิจสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ปูพื้น เคมี และการดูแลสุขภาพ บริษัทใช้ความรู้สึกร่วมกันของความซื่อสัตย์และความเป็นเลิศเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกจากรุ่นสู่รุ่น ค้นพบเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคิดที่อยากรู้อยากเห็นของ Milliken และโซลูชันที่เป็นแรงบันดาลใจได้ที่ milliken.com และที่ Facebook, Instagram, LinkedIn กับ Twitter.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20220422005043/en/

ติดต่อ:

Betsy Sikma

betsy.sikma@milliken.com

864.909.7908

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

One IBC สร้างความไว้วางใจโดยอ้างอิงจากความพึงพอใจของลูกค้าในระดับสูง

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2565

ท่ามกลางผู้ให้บริการองค์กรหลายราย One IBC มีความโดดเด่นในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เชื่อถือได้โดยอ้างอิงจากคำแนะนำจากลูกค้าหลายพันราย

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220421005442/en/

One IBC’s dedicated team always strives for excellence in customer service (Photo: Business Wire)

ทีมงานที่ทุ่มเทของ One IBC มุ่งมั่นเพื่อความเป็นเลิศในการบริการลูกค้าเสมอ (ภาพ: Business Wire)

หนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของ One IBC คือการให้บริการช่วยเหลือสนับสนุนธุรกิจแก่บริษัทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งบริษัทนอกอาณาเขต การวางแผนภาษีหรือหนี้สินทางกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ประสบการณ์ที่มั่นคง และการวางแผนที่รอบคอบเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการดำเนินการธุรกิจระหว่างประเทศ

ความรู้ด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ทันสมัย

กฎหมายและข้อบังคับที่ใช้บังคับในภาคส่วนนอกอาณาเขตมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เขตอำนาจศาลบางแห่งเข้มงวดมากในแบบแสดงรายการภาษีประจำปีและการตรวจสอบบัญชี ในขณะที่บางแห่งอนุญาตให้บริษัทนอกอาณาเขตได้รับการยกเว้นภาษีโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบ สำหรับธุรกิจนอกอาณาเขตใหม่ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในตอนแรก การขาดความรู้ด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เป็นปัจจุบันสามารถนำไปสู่ข้อผิดพลาดและบทลงโทษที่รุนแรงได้

แม้แต่บริษัทขนาดใหญ่ก็ยังต้องพยายามดิ้นรนเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบทั้งหมด ในทางกลับกัน One IBC ผู้ให้บริการองค์กรในสิงคโปร์มีข้อมูลที่สำคัญเพื่อให้ยังอยู่ได้ “เรามีแผนกภายในที่ทุ่มเทเพื่อติดตามข่าวธุรกิจในเขตอำนาจศาล 27 แห่ง เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ และแนะนำลูกค้าของเราเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตามได้อย่างราบรื่น เป็นผลให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะให้บริการอย่างไร้ที่ติ” Jimmy Lee ซีอีโอของ One IBC Group กล่าว

One IBC – ผู้ให้บริการองค์กรระดับโลกที่มีชื่อเสียง

การหาผู้ให้บริการระดับองค์กรในตลาดปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรก็ตามการหาบริษัทที่มีชื่อเสียงและเชี่ยวชาญในธุรกิจนอกอาณาเขตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ชื่อเสียงของ One IBC ได้รับการพิสูจน์โดยธุรกิจหลายพันแห่งที่พวกเขาได้จัดตั้งขึ้นเพื่อลูกค้า ทำให้พวกเขาได้รับการยอมรับมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการทำธุรกิจระหว่างประเทศ

“นี่เป็นธุรกิจที่จริงจังสำหรับคนที่จริงจัง การบริการเป็นเลิศและมีความรอบรู้ พวกเขาตรงต่อเวลาทุกครั้ง พวกเขายังตอบสนองความต้องการของคุณได้เป็นอย่างดี ผมทำงานกับพวกเขามาเป็นเวลานานแล้ว พวกเขามีความยืดหยุ่นและอดทนกับคำขอของผมมาโดยตลอด” – ข้อเสนอแนะจากลูกค้าของ One IBC บน Trustpilot เนื่องจาก One IBC มุ่งมั่นที่จะให้ความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และการช่วยเหลือสนับสนุนสูงสุดสำหรับเจ้าของธุรกิจ ชื่อเสียงจึงได้รับการสะสมขึ้นเป็นครั้งคราวนับตั้งแต่ก่อตั้งมา

One IBC ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าด้วยการบริการเชิงรุกและเป็นมืออาชีพ ผู้ให้บริการองค์กรนี้มีทีมผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการรับรองในการจัดตั้งบริษัท ที่ปรึกษาบัญชีธนาคารในต่างประเทศ ภาษีและการบัญชี ซึ่งสามารถสนับสนุนลูกค้าในการปฏิบัติตามข้อกำหนดขององค์กร การบัญชี และการยื่นภาษี

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ One IBC

One IBC ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 เป็นผู้ให้บริการระดับองค์กรแบบครบวงจรชั้นนำสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการจดทะเบียนธุรกิจในต่างประเทศ ความหลากหลายของการบริการรวมถึงการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ การจัดตั้งบริษัทนอกอาณาเขต การเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีการค้า บริการด้านภาษีและการบัญชี การลงทะเบียนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ สำนักงานเสมือน ฯลฯ One IBC ให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำเสนอบริการที่คุ้มค่าที่สุดในขณะที่รักษาความพึงพอใจในระดับสูงสุด

นอกจากนี้ในปี 2564 One IBC ได้เปิดตัวแอปที่ดีที่สุดสำหรับการทำธุรกิจระหว่างประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งคาดว่าจะมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าทุกคนในการดำเนินงานบริษัทนอกอาณาเขตของตน

กำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยคุณขยายธุรกิจในต่างประเทศ – คุณสามารถเริ่มต้นกับ One IBC ได้ทันที!

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220421005442/en/

ติดต่อ:

Tyler Wong
ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ (Operations Director)
tyler.wong@oneibc.com
โทร: +852 81999249
https://www.oneibc.com/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Mary Kay Inc. ประกาศผู้ชนะการแข่งขัน NFTE World Series of Innovation Challenge

Logo

ความท้าท้ายนี้ขอให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่แก้ไขปัญหาความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

ดัลลัส–(BUSINESS WIRE)–22 เมษายน 2565

Mary Kay Inc. ผู้สนับสนุนองค์กรชั้นนำด้านการเสริมสร้างพลังอำนาจและการเป็นผู้ประกอบการของสตรี ประกาศในวันนี้ว่า World Series of Innovation (WSI) Challenge ครั้งที่ 2 ร่วมกับ เครือข่ายสำหรับการสอนผู้ประกอบการ หรือ Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE)  โดยประสบการณ์การศึกษาระดับโลกเชิญชวนให้เยาวชนอายุระหว่าง 13-24 ปีใช้ช่องทางการคิดเชิงวิพากษ์และทักษะการแก้ปัญหาเพื่อค้นหาแนวทางแก้ไขสำหรับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และช่วยพัฒนาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในขณะที่ส่งเสริมกรอบความคิดของผู้ประกอบการ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20220421005111/en/

In celebration of Creativity and Innovation Day, Mary Kay is proud to announce STEMinists as the winner of the NFTE World Series of Innovation Challenge addressing SDG 5: Gender Equality. (Photo: Mary Kay Inc.)

ในการเฉลิมฉลองวันแห่งความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation Day) Mary Kay มีความภาคภูมิใจที่จะประกาศให้ STEMinists เป็นผู้ชนะของการแข่งขัน NFTE World Series of Innovation Challenge ที่กล่าวถึง SDG 5: ความเท่าเทียมทางเพศ (ภาพ: Mary Kay Inc.)

การแข่งขัน World Series of Innovation Challenge ของ Mary Kay สนับสนุนให้เยาวชนจากทั่วโลกเสนอวิธีแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรมเพื่อจัดการกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 5: ความเท่าเทียมทางเพศ หรือ Gender Equality โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายนี้ขอให้นักเรียนคิดหาวิธีส่งเสริมความเท่าเทียมกันในสถานที่ทำงาน และรับรองการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกันสำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ก่อนการเกิดโควิด-19 ข้อมูลหลายทศวรรษแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของผู้หญิงในแรงงาน แม้ว่าช่องว่างของค่าจ้างนั้นยังคงมีอยู่ แต่มีผู้หญิงเข้าร่วมตลาดแรงงานมากขึ้นทุกปี แต่การตกงานจากการระบาดใหญ่นั้นส่งผลกระทบต่อผู้หญิงอย่างไม่สมส่วน และตั้งแต่ปี 2563 การตะเกียกตะกายไปสู่ความเท่าเทียมของแรงงานก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะการแข่งขัน World Series of Innovation Challenge ประจำปีนี้! Mary Kay รับรู้ถึงความสำคัญของการเป็นผู้ประกอบการและบทบาทที่มีต่อโลกในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงลงทุนทุกปีในโปรแกรมและโครงการริเริ่มเพื่อช่วยส่งเสริมสตรีและเด็กผู้หญิงทั่วโลก” Deborah Gibbins ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นมากสำหรับผู้เข้าแข่งขันและผู้ชนะที่จัดการกับความท้าทายนี้และแสดงให้เห็นถึงการคิดในการแก้ปัญหาล่วงหน้า และระบุโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการบรรลุถึงความเท่าเทียมทางเพศในสถานที่ทำงาน”

NFTE เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรด้านการศึกษาระดับโลกที่มุ่งเน้นการนำพลังของการเป็นผู้ประกอบการมาสู่เยาวชนในชุมชนที่มีรายได้ต่ำ การแข่งขัน World Series of Innovation (WSI) Challenge เชิญชวนความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ

NFTE เข้าถึงเยาวชนกว่า 50,000 รายทั่วโลก มีนักเรียนมากกว่า 3,000 รายที่มีภูมิหลังที่หลากหลายส่งแนวคิดในการแข่งขัน WSI Challenges ในปีนี้ ทั้งนี้นักเรียนมากกว่า 400 รายเข้าร่วมในความท้าทายที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ผู้ชนะสามรายของการแข่งขัน Mary Kay’s 2021 Challenge ได้แก่:

  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่หนึ่ง: STEMinists การสร้างพอร์ทัลออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับผู้เชี่ยวชาญหญิงกับนักศึกษาหญิงสาว STEM ในฐานะที่ปรึกษาเพื่อสนับสนุนความสำเร็จของผู้หญิงในสาขา STEM พัฒนาโดย Misaki Nguyen อายุ 15 ปี จากโรงเรียนมัธยม Silver Creek High School ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย
  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่สอง: Pads for Peace การบริการกล่องสมัครสมาชิกผลิตภัณฑ์สำหรับสตรี โดยบริจาคจำนวนหนึ่งกล่องให้แก่ที่ผู้ไร้บ้านในทุก ๆ กล่องที่ซื้อ พัฒนาโดย Ashley Cohen, Olivia Mooney และ Ashley Simonian อายุ 14 ปี จากโรงเรียน Brentwood School ในเมืองลอสแองเจลิส
  • ผู้ชนะเลิศอันดับที่สาม: Black Girls Mean Business โปรแกรมธุรกิจภาคฤดูร้อนเสมือนจริงสำหรับนักเรียนหญิงผิวดำระดับมัธยม จับคู่กับมืออาชีพรุ่นเยาว์กับที่ปรึกษาจากธุรกิจชั้นนำด้านอุตสาหกรรม พัฒนาโดย Brianna Holmes, Alyssa Torres, Rachel Holmes อายุ 17 ปี และ Cherry Zhang อายุ 18 ปี จากโรงเรียนมัธยม Silver Creek High School ในเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย

“ในทุก ๆ ปี ทีมเยาวชนจากทั่วโลกตอบสนองต่อการเรียกร้องของ WSI โดยใช้ประโยชน์จากความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดของโลก” Dr.J.D. LaRock ประธานและซีอีโอของ NFTE กล่าว “เยาวชนมีความกล้าหาญและมีความทะเยอทะยาน และมักได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่พวกเขาหลงใหล WSI เปิดโอกาสให้พวกเขาพัฒนาความคิดและให้รางวัลสำหรับการคิดอย่างสร้างสรรค์ในประเด็นต่าง ๆ อย่างเช่น ความยากจน ความเสมอภาคและการไม่แบ่งแยก ตลอดจนความยุติธรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม"

2021 NFTE World Series of Innovation นำเสนอโดย Citi Foundation และคุณสมบัติการแข่งขันจาก Bank of the West, Citi Foundation, Ernst & Young LLP (EY US), Mary Kay Inc., Maxar Technologies, PIMCO และ Saint-Gobain

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ World Series of Innovation และความท้าทายทั้งหมด กรุณาเยียมชมได้ที่ https://innovation.nfte.com

เกี่ยวกับ Mary Kay

Mary Kay Ash คือหนึ่งในผู้ที่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคที่มองไม่เห็น และก่อตั้งบริษัทความงามของตัวเองขึ้นเกือบ 60 ปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมาย 3 ข้อได้แก่ มอบโอกาสให้กับผู้หญิง ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการ และสร้างโลกให้น่าอยู่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความฝันของเธอได้เบ่งบานขึ้นกลายเป็นบริษัทที่เติบโตทางการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ พร้อมพนักงานขายอิสระกว่าล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ นอกเหนือจากการลงทุนให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงาม และผลิตสินค้าที่ทันสมัยที่สุดแล้ว Mary Kay ยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขา โดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง การปกป้องช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว สร้างความสวยงามให้กับชุมชน และสนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้ทำตามความฝันของพวกเขา วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ในวันนี้ยังคงเปล่งประกาย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mary Kay ได้ที่ MaryKayGlobal.com

เกี่ยวกับ NFTE

Network for Teaching Entrepreneurship (NFTE) เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรระดับโลกที่ให้การศึกษาด้านการเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณภาพสูงแก่นักเรียนระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากชุมชนที่มีทรัพยากรน้อย รวมถึงโปรแกรมสำหรับนักศึกษาและผู้ใหญ่ NFTE เข้าถึงนักเรียนมากกว่า 50,000 คนในปีการศึกษานี้ ด้วยการเปิดโปรแกรมใน 25 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา และในอีก 18 ประเทศเพิ่มเติม นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เราได้ให้การศึกษาแก่นักเรียนมากกว่าหนึ่งล้านคนผ่านโปรแกรมในโรงเรียน นอกโรงเรียน วิทยาลัย และค่ายฤดูร้อน ที่เปิดสอนโดยตรงและทางออนไลน์ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่เราส่งเสริมระบบทุนนิยมรอบด้าน และสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่หลากหลาย เยี่ยมชมได้ที่ www.nfte.com

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20220421005111/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. Global Corporate Communications
marykay.com/newsroom
(+1) 972-687-5332 or media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter