Hansoh Pharma และ Atomwise เปิดตัวความร่วมมือค้นคว้าตัวยาผ่านเทคโนโลยี AI เพื่อใช้ในการรักษาต่าง ๆ

Logo

Hansoh Pharma วางแผนประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อสร้างโมเลกุลขนาดเล็กที่ดีที่สุดครั้งแรก

เซี่ยงไฮ้และซานฟรานซิสโก—(BUSINESS WIRE)–12 กันยายน 2562

Hansoh Pharmaceutical Group Company Limited (“Hansoh Pharma”) บริษัทชีวเภสัชกรรมชั้นนำในประเทศจีน และ Atomwise, Inc. (“Atomwise”) ผู้นำเทคโนโลยี AI เพื่อการค้นคว้ายารักษาโรค ประกาศความร่วมมือในการออกแบบและค้นหาชนิดตัวยาที่มีประสิทธิภาพสำหรับโปรตีนเป้าหมายที่ยังไม่ระบุ 11 ตัวเพื่อการรักษาโรคหลากหลายชนิด

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190911005825/en/

ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก Atomwise และ Hansoh Pharma จะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด การผสมผสานกันระหว่างความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่มีให้จะมอบประสิทธิภาพในการช่วยเร่งให้โครงการนี้สำเร็จอย่างมหาศาล และจะย่นระยะเวลาการค้นคว้าหาตัวยาและการพัฒนาทางคลินิก

นายแพทย์ Aifeng Lyu ประธาน Jiangsu Hansoh Pharmaceutical Group Co., Ltd., บริษัทในเครือของ Hansoh Pharma กล่าวว่า “Atomwise เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เหมาะสมกับ Hansoh Pharma ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และสร้างชนิดโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับรักษาโรคเนื้องอกและโรคอื่น ๆ เรารู้สึกประทับใจในแพลตฟอร์มและประสิทธิภาพของ AI และทีมของ Atomwise จากการทำงานร่วมกัน เราเชื่อว่าเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาการรักษาที่ดีที่สุดครั้งแรก”

Dr. Abraham Heifets ซีอีโอ Atomwise กล่าวเสริมว่า “Hansoh Pharma ให้พันธสัญญาสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและปฏิบัติภารกิจเพื่อเปลี่ยนโลกการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย”

แพลตฟอร์ม AI ระดับโลกของ Atomwise สำหรับการออกแบบตัวยาตามโครงสร้างจะเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เป็นตัวเลือกอันดับต้น และเป็นความพยายามในการบุกเบิก Hansoh Pharma จะมอบศักยภาพการทดสอบทางชีววิทยาและเคมีเพื่อการรักษา รวมทั้งบุกเบิกกิจกรรมการพัฒนาในระดับพรีคลินิกและคลินิกต่าง ๆ

ภายใต้ข้อกำหนดของความร่วมมือ Atomwise จะได้รับค่าธรรมเนียมการใช้เทคโนโลยีที่ยังไม่เปิดเผย ค่าธรรมเนียมการทดลอง ค่าลิขสิทธิ์ และรายได้จากการออกใบอนุญาตหรือการขายทรัพย์สินที่เกิดจากความร่วมมือ จากรายได้เฉลี่ยในประวัติศาสตร์สำหรับตัวยาโมเลกุลขนาดเล็ก มูลค่าทั้งหมดจากการทำสัญญากับ Atomwise ที่ประสบผลสำเร็จทั้งหมดนับเป็นผลพลอยได้ Hansoh Pharma จะได้รับสิทธิ์ในการพัฒนาและดำเนินการค้าในทุกสาขาและภูมิภาค

เกี่ยวกับ Hansoh Pharma

Hansoh Pharma (3692:HK) บริษัทชีวเภสัชกรรมชั้นนำในประเทศจีนที่อุทิศตนเพื่อค้นหาและพัฒนาตัวยาที่เปลี่ยนชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยให้พ้นจากอาการโรคร้ายแรง ปัจจุบันมีพนักงานราว 8,900 คน Hansoh ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 มีระบบการวิจัยและพัฒนา ศักยภาพการผลิตและค้าขายแบบครอบคลุม ช่วยส่งเสริมความเป็นผู้นำการรักษาระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) โรคเนื้องอก โรคเบาหวานและยาต้านการติดเชื้อ และอื่น ๆ จากผู้เชี่ยวชาญราว 1,400 คนในแผนกการวิจัยและพัฒนา Hansoh ถูกจัดอันดับที่ 2 เป็นบริษัทนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีชีววิทยาและเภสัชกรรมในประเทศจีนสำหรับโมเลกุลที่ใช้ผลิตยาชนิดใหม่เพื่อการพัฒนาระดับคลินิกตั้งแต่ปี 2554 รายได้ของบริษัท Hansoh Pharma ในปี 2018 อยู่ราว 11,000 ล้านดอลล่าร์ เติบโตปีต่อปี 25% สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมที่ www.hspharm.com

เกี่ยวกับ Atomwise

Atomwise, Inc. นำเทคโนโลยี AI มาศึกษาค้นคว้าตัวยาโมเลกุลขนาดเล็กตามโครงสร้าง ตั้งแต่ปี 2555 จนถึงปัจจุบัน Atomwise ร่วมมือกับพันธมิตรบริษัทด้านเภสัชกรรมและเคมีเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมทั้งมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลมากกว่าร้อยแห่งใน 19 ประเทศเพื่อจัดทำโครงการหลายร้อยโครงการต่อปี Atomwise ได้ระดมเงินกว่า 50 ล้านดอลล่าร์จากบริษัทลงทุนชั้นนำเพื่อสนับสนุนการพัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20190911005825/en/ 

ติดต่อ:

Hansoh Pharma

ชื่อ​: Paul Lu

อีเมล​: communications@hspharm.com

Atomwise

ชื่อ: Sara Dunn

อี​เมล: SDunn@jpa.com

สถาบันสอนประกอบอาหารญี่ปุ่นเปิดตัวเว็บไซต์ japanese-cuisine.com พร้อมเนื้อหาดึงดูดและโปรแกรมอี-เลิร์นนิงสำหรับการโปรโมตอาหารญี่ปุ่นในต่างประเทศ

Logo

เกียวโต, ญี่ปุ่น–(BUSINESS WIRE)–10 กันยายน 2562

สถาบันสอนการประกอบอาหารญี่ปุ่น หรือ Japanese Culinary Academy ซึ่งตั้งอยู่ในเกียวโต มีนาย Yoshihiro Murata เป็นผู้อำนวยการ และดูข้อมูลทางออนไลน์ได้ที่ https://culinary-academy.jp/english ได้ร่วมกับ Blue Magic, Inc. ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในโตเกียว มีนาย Yukiko Akimoto เป็นซีอีโอ และดูข้อมูลทางออนไลน์ได้ที่ https://bluemagic.co.jp/ เพื่อรวมกันพัฒนาโปรแกรมอี-เลิร์นนิงเพื่อสอนวัฒนธรรมและเทคนิคในการประกอบอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ โดยได้เริ่มให้บริการทั่วโลกไปเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190910005448/en/

อาหารญี่ปุ่นกำลังได้รับความนิยมทั่วโลก ขณะที่จำนวนภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบัน มีภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นมากกว่า 120,000 แห่งทั่วโลก

สถาบันสอนประกอบอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่น จะส่งผู้สอนไปยังงานสัมมนาเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นที่จัดขึ้นทั่วโลก รับนักเรียนจากประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการเรียนการประกอบอาหารญี่ปุ่นในญี่ปุ่น และเผยแพร่บทความเกี่ยวกับอาหารญี่ปุ่นทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ

สถาบันสอนการประกอบอาหารญี่ปุ่นเป็นองค์กรที่ได้รับการรับรองตามที่ระบุไว้ในแนวทางรับรองทักษะการประกอบอาหารญี่ปุ่นนอกประเทศญี่ปุ่นโดยกระทรวงเกษตรป่าไม้และการประมงของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2559 และได้พัฒนาโปรแกรมอีเลิร์นนิงสำหรับเผยแพร่ทางเว็บไซต์ japanese-cuisine.com เพื่อสอนวัฒนธรรมและเทคนิคการประกอบอาหารญี่ปุ่นที่ถูกต้องให้ผู้สนใจสามารถเรียนรู้ได้จากทุกมุมโลกตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเนื้อหาครอบคลุมความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการรับรองระดับบรอนซ์ หรือ the Bronze Certification ตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดขึ้น

เว็บไซต์ของโปรแกรมอยู่ที่ https://japanese-cuisine.com

สถาบันสอนการประกอบอาหารญี่ปุ่นกำหนดให้โปรแกมนี้เป็นเนื้อหาที่จะดึงดูดผู้คนทั่วโลกให้สนใจการประกอบอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น และในฐานะที่รับผิดชอบด้านยอดขาย Blue Magic, Inc. กำลังมองหาพันธมิตรที่จะช่วยเผยแพร่โปรแกรมนี้อย่างรวดเร็ว

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ดูเวอร์ชันต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190910005448/en/

สอบถามข้อมูลที่:
Terumi Oyagi
office@culinary-academy.jp
สถาบันสอนประกอบอาหารญี่ปุ่น

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับพันธมิตรเพื่อเผยแพร่เนื้อหาในภาษาอื่นที่:
Ayumi Kuji
contact@japanese-cuisine.com
Blue Magic, Inc.

ซิตี้แบงก์ เปิดฟีเจอร์ใหม่ ช่วยยืนยันซื้อ – ขายหน่วยลงทุน ง่ายผ่านแอปฯ

Logo

กรุงเทพฯ 11 กันยายน 2562 – ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย เปิดฟีเจอร์ใหม่ “ออเธอไรเซชั่น คอร์เนอร์” (Authorization Corner) ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและยืนยันทุกคำสั่งซื้อขายหน่วยลงทุนได้ง่ายๆ ด้วยตนเอง ผ่านซิตี้ โมบายล์แอปฯ โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่สาขา หรือรอเซ็นเอกสารอีกต่อไป เพียง 4 ขั้นตอน 1. เข้าแอปฯผ่านสมาร์ทโฟน 2. เลือก “เอกสารการทำธุรกรรม” 3. ตรวจสอบรายละเอียดเอกสารคำสั่งซื้อขาย 4. ยืนยันการทำรายการด้วยรหัสโอทีพี ให้ทุกการลงทุนสะดวกรวดเร็ว และปลอดภัย ยกระดับประสบการณ์ดิจิทัลแบงก์กิ้ง ตอบโจทย์การใช้งานไลฟ์สไตล์นักลงทุนยุคใหม่

img1สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย หรือ www.citibank.co.th

###

หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ

เกี่ยวกับ “ซิตี้”

ธนาคารชั้นนำของโลก ที่ให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 200 ล้านราย ในกว่า 160 ประเทศและเขตปกครองทั่วโลก ซิตี้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่หลากหลายให้กับลูกค้าบุคคล องค์กร ภาครัฐและสถาบันต่างๆ โดยธุรกิจหลักครอบคลุมการธนาคารและสินเชื่อเพื่อลูกค้าบุคคล (สายบุคคลธนกิจ) ธนาคารเพื่อองค์กรและการลงทุน (สายสถาบันธนกิจและวาณิชธนกิจ) ธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ บริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ รวมถึงบริการบริหารความมั่งคั่ง ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.citigroup.com | ทวิตเตอร์: @Citi | ยูทูป: www.youtube.com/citi | บล็อก: http://new.citi.com | เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/citi | ลิงก์อิน: www.linkedin.com/company/citi

ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชน ติดต่อ

ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย

วันวิสาข์ โคมินทร์

+662 079 3251

wanvisa.komindr@citi.com

Milrem Robotics เปิดตัวยานยนต์ต่อสู้อเนกประสงค์รุ่นใหม่

Logo

ลอนดอน–(BUSINESS WIRE)–10 กันยายน 2562

Milrem Robotics ผู้ผลิตยานยนต์ต่อสู้ไร้คนขับชั้นนำในยุโรปและผู้ผลิตโซลูชั่นส์หุ่นยนต์ทางทหาร ประกาศเปิดตัวยานยนต์ต่อสู้อเนกประสงค์ THeMIS UGV ที่งาน DSEI 2019 ณ กรุงลอนดอน โดยออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือทหารในการสู้รบและยกระดับศักยภาพภาพการต่อสู้

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190909005403/en/

Two THeMIS UGVs delivered to the Royal Netherlands Army were used in a live firing exercise in Austria recently. One was equipped with the deFNder RWS from FN Herstal and the other was used as a transportation platform (Photo: Business Wire)

ยานยนต์ต่อสู้อเนกประสงค์ THeMIS UGV จำนวน 2 คันที่ส่งมอบไปยังกองทัพบกเนเธอร์แลนด์ถูกใช้ในการซ้อมรบในประเทศออสเตรียเมื่อเร็ว ๆ นี้ หนึ่งคันเสริมด้วย deFNder RWS จาก FN Herstal และอีกหนึ่งคันถูกนำไปใช้ในแพลตฟอร์มการขนส่ง (ภาพ: Business Wire)

Kuldar Väärsi ซีอีโอแห่ง Milrem Robotics กล่าวว่า “เราได้จัดแสดงยานยนต์รุ่น THeMIS ครั้งแรกในงาน DSEI ณ กรุงลอนดอนในปี 2015 ผ่านมาทั้งสิ้น 4 ปี ปัจจุบันหลังจากการทดสอบประสิทธิภาพกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมและกองกำลัง NATO ในสภาวะการสู้รบที่แตกต่างกันแล้ว ทางเรารู้สึกภูมิใจที่ได้กลับมานำเสนอผลงานที่แข็งแรงและพร้อมใช้งาน ซึ่งจะช่วยยกระดับแสนยานุภาพการสู้รบได้เป็นอย่างดี

ยานยนต์ต่อสู้ THeMIS รุ่นที่ 5 ประดิษฐ์จากการลองผิดลองถูกจากการทดสอบในสหรัฐฯ ยุโรป ตะวันออกกลาง และล่าสุดถูกนำไปใช้โดยทหารฝรั่งเศสในปฏิบัติการ Operation Barkhane ในชายแดนประเทศมาลี ยานยนต์ต่อสู้ THeMIS รุ่นที่ 5 นี้ผ่านมาตรฐาน NATO STANAG ในด้านโครงสร้าง ความปลอดภัย ความสามารถการขับขี่ทางอากาศ พละกำลังในการเคลื่อนทัพ รวมทั้งด้านอื่น ๆ

Väärsi กล่าวเพิ่มเติมว่า “วิศวกรของเราได้พิจารณาข้อเสนอแนะจากกองทัพอาวุธครบมือต่าง ๆ และนำมาสร้างสรรค์ออกแบบอุปกรณ์ที่แข็งแกร่งและแม่นยำในการสนับสนุนกองกำลังทางทหาร”

THeMIS เป็นยานยนต์ต่อสู้ไร้คนขับอเนกประสงค์ที่สามารถนำไปเติมแต่งกับเทคโนโลยีการสู้รบ เช่น ระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ โดรนบังคับด้วยเชือก อุปกรณ์ตรวจจับ IED และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งได้กลายเป็นยนยนต์ต่อสู้ไร้คนขับอเนกประสงค์ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ใช้งานได้หลายแบบ

จากการร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Kongsberg, FN Herstal, MBDA, ST Engineering และอื่น ๆ ระบบราวกว่าสิบระบบได้ถูกรวมเป็นหนึ่ง มีการจัดการทดสอบบนสนามจริงด้วยระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่แตกต่าง 5 ชนิด รวมทั้งจรวดทำลายรถถัง

นอกจากนี้ Milrem Robotics ยังได้พัฒนายานยนต์ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใช้งานอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทางจุดต่อจุด การตรวจจับสิ่งกีดขวาง และการหลบหนี การพัฒนาฟังก์ชั่นอัตโนมัติโดูจากการเคลื่อนที่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้ดูจากการเตรียมพร้อมอาวุธต่อสู้

THeMIS ถูกส่งมอบไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์และนอร์เวย์สำหรับใช้งานด้านโลจิสติกส์เพื่อขนส่งอุปกรณ์เครื่องมือและกำลัง พร้อมการรวมอุปกรณ์การต่อสู้เพิ่มเติม

THeMIS รุ่นที่ 5 จัดแสดงที่ Estonian Pavilion N3-320 และ Kongsberg’s stand S6-145 ในงาน DSEI 2019

กรุณารับชม THeMIS ในสนามจริงได้ที่ https://youtu.be/RLU0w8DNo7M.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190909005403/en/

ติดต่อ:

Gert Hankewitz
ผู้อำนวยการการส่งออก
gert.hankewitz@milrem.com

 

 

 

โครงการแลกเปลี่ยนกีฬารักบี้: การพบกันของประเทศอาเซียนและติมอร์-เลสเต ภายใต้โครงการสานความสัมพันธ์ของญี่ปุ่น “JENESYS 2019”

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2562

ภายใต้โครงการสานความสัมพันธ์ของญี่ปุ่น “JENESYS 2019” สนับสนุนโดยกระทรวงการต่างประเทศ นักเรียนชายและหญิงที่มีความสนใจกีฬารักบี้จำนวน 165 คนและพนักงานราชการจากสมาคมรักบี้ในประเทศอาเซียน (บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม) และติมอร์-เลสเตทจะเดินทางมาเยี่ยมเยือนประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 13-21 กันยายนนี้

ทางคณะจะเดินทางไปยังจังหวัดชิซูโอกะเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนระดับมัธยมและนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในจังหวัดชิซูโอกะผ่านกีฬารักบี้ นอกจากนี้ โครงการมีกิจกรรมปาฐกถาในหัวข้อ (ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและประเทศอาเซียนผ่านกิจกรรม Tag Rugby, Rugby World Cup 2019 และกิจกรรมเกี่ยวกับรักบี้ อื่น ๆ ในจังหวัดชิสึโอกะ) โครงการนี้ตั้งเป้าแลกเปลี่ยนกิจกรรมทั่วประเทศผ่านการฝึกซ้อมและการแข่งขันกระชับมิตรของรายการ Tag Rugby

ในวันที่ 17 กันยายน ทางคณะจะเข้าเยี่ยมกระทรวงการต่างประเทศ และในวันที่ 20 จะไปดูเกมเปิดการแข่งขัน Rugby World Cup 2019

โครงการนี้มีเป้าหมายสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศอาเซียน รวมถึงติมอร์-เลสเตให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมโครงการยังได้เผยแพร่สถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

[อ้างอิง] โครงการสานความสัมพันธ์กับประเทศญี่ปุ่น “JENESYS2019”

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้คนในประเทศญี่ปุ่นกับประเทศในเอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา และประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน รวมทั้งเพิ่มความเข้าใจในด้านเศรษฐกิจ สังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมที่แตกต่าง การเมือง และความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างผู้เข้าร่วม

กำหนดการเดินทาง

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน

[กำหนดการเดินทางถึง] เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น ณ สนามบินนาริตะ/ฮาเนดะ

[เคลื่อนย้าย] เคลื่อนย้ายไปยังจังหวัดชิซูโอกะ

[ปฐมนิเทศน์]

วันเสาร์ที่ 14 กันยายน

[ปาฐกถาหัวข้อ] ปาฐกถาแลกเปลี่ยนระดับนานาชาติผ่านหัวข้อรักบี้

[กิจกรรมกีฬาแลกเปลี่ยน] อธิบายกฏิกาของ Tag Rugby การฝึกฝนร่วมกัน (ทีมผสม)

วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน

[กิจกรรมกีฬาแลกเปลี่ยน] การฝึกฝนร่วมกัน (ทีมผสม)

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน

[แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม] กิจกรรมแลกเปลี่ยนกลอง Taiko (กลองญี่ปุ่น) กับโรงเรียนมัธยม Hiryu

[กิจกรรมกีฬาแลกเปลี่ยน] การแข่งขันกระชับมิตร (ทีมผสม)

[การประชุมแลกเปลี่ยน] สำนักงานจังหวัดชิซูโอกะ/สมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งชิซูโอกะ/สมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศญี่ปุ่น/โรงเรียนมัธยม Shoyo มหาวิทยาลัย Tokai/โรงเรียนอาชีวะ Numazu

วันอังคารที่ 17 กันยายน

[เข้าเยี่ยมคารวะ] ปาฐกถาโดยสำนักงานราชการส่วนท้องถิ่นจังหวัดชิซูโอกะ

[ปาฐกถาหัวข้อ] ปาฐกถาหัวข้อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศอาเซียนโดยกระทรวงการต่างประเทศ

[เข้าเยี่ยมคารวะกระทรวงการต่างประเทศ]

วันพุธที่ 18 กันยายน

[การแลกเปลี่ยนระหว่างโรงเรียน] มหาวิทยาลัยชิซูโอกะ

[การแลกเปลี่ยนระหว่างโรงเรียน] โรงเรียน Fujieda Junshin/โรงเรียนอาชีวะ Numazu จังหวัดชิซูโอกะ/โรงเรียนมัธยมปลาย Shizuoka Salesio/ โรงเรียนมัธยม Shizuoka Seiko Gakuin

วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน

[เยี่ยมชมหัวข้อใกล้เคียง: ความเข้าใจเป้าหมายระดับนานาชาติ (SDGs)] Mt. Fuji Eco Park

[เยี่ยมชมอาคารประวัติศาสตร์] ศาลเจ้ามิชิมะ

[เวิร์คชอป]

วันศุกร์ที่ 20 กันยายน

[การประชุมรายงาน]

[รับชม Rugby World Cup 2019 รอบเปิดเกม]

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน

[กำหนดเดินทางกลับ] ออกจากสนามบินนาริตะ/ฮาเนดะ

รายละเอียดการติดต่อสำหรับสอบถาม

หน่วยงานดำเนินการโครงการ JENESYS2019 AMS และ ติมอร์-เลสเต

JTB Corp. สาขา Kasumigaseki

บุคคลที่รับผิดชอบ: นาย Junji Mise และ นาย Yutaka Shintani

[โทร] +81-3-6737-9447 วันจันทร์-ศุกร์ 9:30-17:45

[อีเมล] jenesys2019asean@jtb.com

Aptorum Group ศึกษาวิจัยตัวยาชนิดใหม่ในโมเลกุลสายพันธุ์เล็ก ALS-4 เพื่อรักษาการติดเชื้ออันเกิดจากแบคทีเรีย Staphylococcus Aureus และ MRSA

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2562

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) (“Aptorum Group”) บริษัทผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ที่เน้นการพัฒนายารักษาโรคชนิดใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ประกาศว่าบริษัทได้เริ่มวิจัยและพัฒนายาชนิดใหม่ (IND) เพื่อศึกษาในชื่อ ALS-4 ซึ่งเป็นตัวยาโมเลกุลขนาดเล็กสำหรับใช้รักษาโรคติดต่อที่เกิดจากแบคทีเรียสแตฟีโลคอกคัส ออเรียส หรือ Staphylococcus aureus (S. aureus) รวมถึงสแตฟิโลคอกคัส ออเรียสที่ดื้อยา (หรือ MRSA หนึ่งในเชื้อโรคที่รู้จักกันดีในชื่อเชื้อแบคทีเรียดื้อยา) บนพื้นฐานการทดลองต่อต้านเชื้อโรคชนิดใหม่

ตัวยา ALS-4 ได้พัฒนามาเป็นอย่างดีและการศึกษาเกี่ยวกับพิษวิทยาผ่านระบบคุณภาพที่ช่วยจัดการห้องปฏิบัติการให้มีมาตรฐาน (GLP) ได้ประสบความสำเร็จโดยสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ โดยทั่วไปแล้ว ตัวยา ALS-4 จะไม่แสดงการเปลี่ยนพันธุกรรมในการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ การพัฒนา ALS-4 อยู่ระหว่างการดำเนินงานและบริษัทวางแผนเสนอการวิจัยและพัฒนายาชนิดใหม่นี้ในครึ่งปีแรก 2563 ส่วนการทดสอบกึ่งคลินิกเฟส 1 ได้ถูกวางแผนในอเมริกาเหนือจากทั้งอาสาสมัครสุขภาพดีและผู้ป่วยที่ได้รับผลของประสิทธิภาพขั้นแรกเริ่ม

S. aureus คือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อทางกระแสเลือด ปอด ผิวหนัง กระดูก และอุปกรณ์ รวมทั้งโรคที่เกิดจากสารพิษ1 มีการประเมินว่าผู้ป่วยที่เกิดจากแบคทีเรีย S. aureus มีอัตราการเสียชีวิต 30%2 และสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อเอดส์ วัณโรค และไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง3 MRSA, vancomycin-intermediate และ S. aureus ที่ดื้อยาทั้งหมดได้ถูกระดับเป็นโรคสำคัญสำหรับจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ต้องวิจัยและพัฒนา4

เกี่ยวกับ ALS-4

ALS-4 คือตัวยาที่มีโมเลกุลขนาดเล็กที่เชื่อว่าสามารถยับยั้ง dehydrosqualene desaturase  ของ S. aureus (รวมถึง MRSA) ซึ่งเกี่ยวข้องกับ staphyloxanthin หรือเม็ดสีทองหุ้มแบคทีเรียที่เห็นได้ชัด หรือช่วยแบคทีเรียต่อต้านอนุพันธ์ออกซิเจนที่ว่องไว (ROS) ที่ส่งจากเซลล์ฟาโกไซต์และเม็ดเชือดขาวนิวโตรฟิล5 ในกรณีนี้ ALS-4 ไม่ใช่การฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และการยับยั้งกระบวนการผลิต staphyloxanthin และ S. aureus จะว่องไวต่อระบบภูมิคุ้มกันของผู้ทดลอง ALS-4 ใช้วิธีจับใหม่ ๆ ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งต่างจากวิธีกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่มักพบในยาปฏิชีวนะที่ส่งเสริมการดื้อยา

เกี่ยวกับ Aptorum Group Limited

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) คือบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนในการพัฒนาและทำธุรกิจการรักษาโรคแบบใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์และไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก Aptorum Group ยังเดินหน้าคิดค้นโปรแกรมการรักษาโรคต่าง ๆ เช่นโรคประสาท โรคติดเชื้อ โรคเกี่ยวกับทางเกินอาหาร โรคเนื้องอก และโรคอื่น ๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group โปรดดูที่ www.aptorumgroup.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบและข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปกฎหมายฟ้องร้องหลักทรัพย์เอกชนปี พ.ศ. 2538 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น“ อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ"  หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน กลุ่ม Aptorum ได้ใช้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้โดยส่วนใหญ่มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตซึ่งบริษัท เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้พูดเฉพาะวันที่ของเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของกลุ่ม Aptorum และเอกสารอื่น ๆ ที่กลุ่ม Aptorum อาจทำกับ กลต. ในอนาคต กลุ่ม Aptorum ไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

Clin Microbiol Rev. 2015 Jul;28(3):603-61.

2 Clin Microbiol Rev. 2012 Apr;25(2):362-86

3 Van Hal et al. Clin Microbiol Rev 2012

4 https://www.who.int/news-room/detail/27-02-2017-who-publishes-list-of-bacteria-for-which-new-antibiotics-are-urgently-needed

5 mBio 2017 8(5): e01224-17

ติดต่อ:

นักลงทุน: 
โทร: +852 2117 6611 
อีเมล: investor.relations@aptorumgroup.com

สื่อ: 
โทร: + 852 2117 6611 
อีเมล: info@aptorumgroup.com

Aptorum Group ประกาศพัฒนาชนิดตัวยาไมโครไบโอมเพื่อรักษาโรคอ้วน และชนิดตัวยาที่ดัดแปลงใหม่เพื่อรักษาโรคมะเร็งเนื้อเยื่อประสาท

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–09 กันยายน 2562

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) (“Aptorum Group”) บริษัทผลิตชีวเภสัชภัณฑ์ที่เน้นการพัฒนายารักษาโรคชนิดใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ประกาศการคิดค้นพัฒนาตัวยา 2 ชนิดในขั้นตอนพรีคลินิก โดยเน้นการรักษาโรคอ้วนและโรคมะเร็งเนื้อเยื่อประสาทตามลำดับ

เกี่ยวกับ CLS-1: การรักษาโรคอ้วนโดยปรับสมดุลของการสื่อสารทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับจุลินทรีย์ในลำไส้

ภายใต้แพลตฟอร์มการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายหรือไมโครไบโอต้าที่ประกาศเปิดตัวล่าสุดโดย  Claves Life Sciences Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Aptorum Group ทางบริษัทได้คิดค้นพัฒนาสายพันธุ์โมเลกุลระดับมาโครอย่าง CLS-1 ในขั้นพรีคลินิกเพื่อรักษาโรคอ้วน CLS-1 กำลังอยู่ระหว่างการปรับสภาพ และมีแผนการจะนำไปสู่ขั้นตอน IND ในปี 2563

ปัจจุบันโรคอ้วนได้แพร่ขยายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก และยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลสูงสุด1 สำหรับผู้ป่วยโรคอ้วนส่วนใหญ่แล้ว วิธีการรักษาแบบพื้นบ้าน (เช่น ลดอาหาร ออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม) มักจะล้มเหลวในระยะยาว2 เราเชื่อว่าเภสัชบำบัดที่คิดค้นล่าสุดนี้จะมีประสิทธิภาพที่จำกัด และเกี่ยวข้องกับประเด็นความปลอดภัยของสารเคมี ซึ่งจะมอบโอกาสทางการตลาดมหาศาลแก่ CLS-1

การสื่อสารทางเคมีของจุลินทรีย์ในลำไส้รู้จักกันในฐานะสาเหตุหลักของโรคอ้วน1 CLS-1 คือมาโครโมเลกุลที่ให้ทางปากโดยไม่มีการดูดซับ ซึ่งจะปรับสมดุลการเผาผลาญของจุลินทรีย์ในลำไส้ผ่านความจำเพาะและความสัมพันธ์ที่สูง วิธีนี้เราเชื่อว่าการดูดซึมของกระบวนการเผาผลาญที่เกี่ยวเนื่องกับโรคอ้วนจะถูกยับยั้งได้

Aptorum Group กำลังทดลองตังบ่งชี้อีก 2 ชนิดผ่านการปรับสมดุลของการสื่อสารทางเคมีของไมโครไบโอต้าที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางโมเลกุลขนาดใหญ่ ซึ่งทางเราเชื่อว่าจะสามารถปรับตัวใช้งานได้ดี และเราหวังว่าจะได้ประกาศให้ผู้คนทราบถึงการคิดค้นของเราในครั้งนี้ด้วย

เกี่ยวกับ SACT-1: ชนิดยาที่นำมาดัดแปลงใหม่สำหรับการรักษานิวโรบลาสโตมาหรือโรคมะเร็งของเนื้อเยื่อประสาท

ภายใต้แพลตฟอร์มการคิดค้นยาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ของ Smart-ACTTM ซึ่งประกาศเปิดตัวเมื่อเร็ว ๆ นี้โดยบริษัทลูกของ Aptorum Group อย่าง Smart Pharma Group โดย Aptorum Group ได้สกรีนตัวยาราว 1,615 ชนิดผ่านโปรตีนเป้าหมายเพื่อการรักษา 3 ชนิดสำหรับแก้ปัญหาการคาดคะเนโรคมะเร็งของเนื้อเยื่อประสาทที่ไม่แม่นยำ เช่น ชนิดของโรคมะเร็งที่หายากในเด็กที่เกิดจากเนื้อเยื่อประสาท และที่มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ กับบริเวณต่อมหมวกไต รวมทั้งกระดูกไขสันหลัง หน้าอก ช่องท้อง หรือคอ3 สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง อัตราการรอดชีวิตของโรคนี้มีประมาณ 40-50% สำรวจโดยสมาคมโรคมะเร็งแห่งอเมริกา4 Aptorum Group ได้ระบุชนิดตัวยาที่นำมาดัดแปลงใหม่ และประเมินตัวยาเหล่านี้ในระดับเซลล์และการทดลองกับสัตว์เพื่อรับรองว่าตัวยาชนิดนี้ใช้ได้กับข้อบ่งชี้ใหม่และประสิทธิภาพที่พัฒนาได้

Aptorum Group กำลังทดลองตัวบ่งชี้อีก 2 ชนิดบนแพลตฟอร์มวิจัย Smart-ACTTM เราหวังว่าจะได้ประกาศให้ผู้คนทราบถึงการคิดค้นของเราในครั้งนี้ด้วย

เกี่ยวกับ Aptorum Group Limited

Aptorum Group Limited (Nasdaq: APM) คือบริษัทเวชภัณฑ์ที่อุทิศตนในการพัฒนาและทำธุรกิจการรักษาโรคแบบใหม่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนเวชภัณฑ์และไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก Aptorum Group ยังเดินหน้าคิดค้นโปรแกรมการรักษาโรคต่าง ๆ เช่นโรคประสาท โรคติดเชื้อ โรคเกี่ยวกับทางเกินอาหาร โรคเนื้องอก และโรคอื่น ๆ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Aptorum Group โปรดดูที่ www.aptorumgroup.com

เกี่ยวกับ Claves Life Sciences Limited

Claves Life Sciences Limited เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจยารักษาโรค โดยเป็นบริษัทในเครือของ Aptorum Group Limited ทำหน้าที่คิดค้นพัฒนาตัวยารักษาโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร โดยตัวยาที่กำลังวิจัยและมีแนวโน้มพัฒนาต่อไปคือการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ที่มาจากการเผาผลาญอาหารเพื่อป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ Claves ยังค้นหาแพลตฟอร์มการปรับสมดุลจุลินทรีย์ที่สร้างสายพันธุ์โมเลกุลใหม่ ๆ ที่สามารถปรับตัวเข้ากับระดับของกระบวนการเผาผลาญในลำไส้ และยังสามารถใช้รักษาอาการทางการแพทย์ต่าง ๆ ได้อีกมากมาย

เกี่ยวกับ Smart Pharma Group

Smart Pharma Group ประกอบด้วย Smart Pharmaceutical Limited Partnership, SMTPH Limited และบริษัทในเครืออื่น ๆ Smart Pharma Group เป็นบริษัทในเครือของ Aptorum Group Limited เน้นการนำยารักษาโรคที่ผ่านการรับรองมาใช้ใหม่อย่างเป็นระบบเพื่อการรักษาโรคหายากต่าง ๆ Smart Pharma Group ทำการสกรีนและคิดค้นวินิจฉัยผ่านระบบคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาตัวยาให้มีความทันสมัย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Smart Pharma Group โปรดดูที่ www.smtph.com

คำจำกัดสิทธิ์ความรับผิดชอบและข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Aptorum Group Limited และความคาดหวังในอนาคต แผน และโอกาสในอนาคตซึ่งเป็น “แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้า” ภายใต้ความหมายของพระราชบัญญัติปฏิรูปกฎหมายฟ้องร้องหลักทรัพย์เอกชนปี พ.ศ. 2538 ข้อความที่มีอยู่ในเอกสารฉบับนี้ซึ่งไม่ใช่แถลงการณ์ของข้อเท็จจริงในอดีตอาจถือเป็นข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า ในบางกรณีคุณสามารถระบุข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าโดยใช้คำเช่น“ อาจ” “ควร” “คาดว่า” “มีแผนจะ” “คาดการณ์” “อาจจะทำได้” “ตั้งใจว่า” “มีเป้าหมายว่า” “มีโครงการว่า" "พิจารณาจะ" "เชื่อว่า" "ประเมินว่า" "พยากรณ์" "มีศักยภาพจะ" หรือ "จะดำเนินการต่อ"  หรือคำตรงข้ามของคำเหล่านี้หรือสำนวนอื่น ๆ ที่คล้ายกัน กลุ่ม Aptorum ได้ใช้แถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้โดยส่วนใหญ่มาจากความคาดหวังและการคาดการณ์ในปัจจุบันเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มในอนาคตซึ่งบริษัท เชื่อว่าอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงาน ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเหล่านี้พูดเฉพาะวันที่ของเอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้และอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ความไม่แน่นอน และข้อสันนิษฐาน รวมถึง แต่ไม่จำกัดเพียงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ประกาศไว้และการเปลี่ยนแปลงองค์กร การให้บริการอย่างต่อเนื่อง ความสามารถในการขยายการจัดประเภทผลิตภัณฑ์โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมสำหรับกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มเติม กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทที่คาดการณ์ไว้ แนวโน้มและความท้าทายที่คาดการณ์ไว้ในธุรกิจของบริษัท และความคาดหวังเกี่ยวกับเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงอย่างเต็มที่อธิบายไว้ในแบบฟอร์ม 20-F ของกลุ่ม Aptorum และเอกสารอื่น ๆ ที่กลุ่ม Aptorum อาจทำกับ กลต. ในอนาคต กลุ่ม Aptorum ไม่มีข้อผูกมัดในการปรับปรุงแถลงการณ์เชิงคาดการณ์ล่วงหน้าที่มีอยู่ในเอกสารประชาสัมพันธ์นี้อันเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ เหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่น ๆ

1 Protein Cell. May; 9(5): 397–403.

2 Obes Surg. 2012 Jun;22(6):956-66

3 https://www.cancer.gov/publications/dictionaries/cancer-terms?expand=N

4 ดู https://www.cancer.org/cancer/neuroblastoma/detection-diagnosis-staging/survival-rates.html.

ติดต่อ:

นักลงทุน: 
โทร: +852 2117 6611 
อีเมล: investor.relations@aptorumgroup.com

สื่อ: 
โทร: + 852 2117 6611 
อีเมล: info@aptorumgroup.com

เอ็กซอนโมบิลและปอร์เช่ขยายความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกีฬามอเตอร์สปอร์ตในการแข่งขันฟอร์มูลาอี

Logo

รถยนต์ปอร์เช่ที่จะลงแข่งขันรายการฟอร์มูลาอีจะใช้น้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่นจากแบรนด์โมบิล

สปริง, เท็กซัส–(BUSINESS WIRE)–06 กันยายน 2562

เอ็กซอนโมบิลขยายความร่วมมือทางธุรกิจและเทคนิคกับปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูจากเยอรมนี ในการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูลาอีฤดูกาล 2019 / 2020 ซึ่งการจับมือเป็นพันธมิตรกันครั้งใหม่นี้ เป็นการพาเอ็กซอนโมบิลลงสนามแข่งขันรถฟอร์มูลาพลังงานไฟฟ้า หรือ ‘ฟอร์มูลาอี’ เป็นครั้งแรก

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูแบบเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190906005023/en/

ExxonMobil is expanding its global business and technical partnership with Porsche by teaming with the luxury German automaker on its Formula E series car for the 2019 / 2020 season. (Photo: Business Wire)

เอ็กซอนโมบิลขยายความร่วมมือทางธุรกิจและเทคนิคกับปอร์เช่ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หรูจากเยอรมนี ในการแข่งขันรถยนต์ฟอร์มูลาอีฤดูกาล 2019 / 2020 (รูปภาพ: Business Wire)

โดยนับตั้งแต่การแข่งขันสนามแรกในซาอุดิอาระเบียช่วงปลายปีนี้ เอ็กซอนโมบิลจะเป็นผู้สนับสนุนน้ำมันหล่อลื่นระบบส่งกำลังไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงให้กับรถยนต์ปอร์เช่ที่ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งเป็นน้ำมันหล่อลื่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อการใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

“การเข้าร่วมวงฟอร์มูลาอีของเรากับปอร์เช่ ไม่เพียงแสดงถึงการขยายความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างดีของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงถึงการขยายความเป็นพันธมิตรที่ประสบความสำเร็จในวงการแข่งรถอีกด้วย” Russ Green รองประธานฝ่ายน้ำมันเครื่องสำเร็จรูปแห่งเอ็กซอนโมบิล กล่าว “ขณะที่ปอร์เช่จะลงแข่งขันและแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองนั้น พร้อมกัน เอ็กซอนโมบิลก็ได้พัฒนาน้ำมันเครื่องแบรนด์โมบิลแบบครบเซ็ตขึ้นเพื่อช่วยให้ทีมฟอร์มูลาอีของปอร์เช่ต่อยอดความสำเร็จในการแข่งขันทั่วโลก การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตคือสนามทดสอบที่สุดยอดที่ช่วยให้เราเดินหน้าพัฒนาน้ำมันเครื่องและน้ำมันหล่อลื่นประสิทธิภาพสูงต่อไป”

รถยนต์ที่ใช้ในการแข่งขันรถฟอร์มูลาพลังงานไฟฟ้าจะได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีน้ำมันเครื่องประสิทธิภาพสูงตามความต้องการของแบตเตอรี่รถยนต์โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนำไฟฟ้า ระบบทำความเย็น และความเข้ากันได้ของวัสดุ

“ในฐานะที่เป็นพันธมิตรทางเทคนิคเจ้าหลักมากว่า 20 ปี ไม่มีผู้ให้บริการน้ำมันเครื่องรายไหนจะเข้าใจปรัชญาประสิทธิภาพของรถยนต์ปอร์เช่ได้ดีกว่าเอ็กซอนโมบิลอีกแล้ว” Fritz Enzinger รองประธานฝ่ายมอเตอร์สปอร์ตของปอร์เช่ กล่าว “เอ็กซอนโมบิลไม่เพียงแต่เป็นพันธมิตรที่มีคุณค่าต่อธุรกิจการค้าของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนร่วมทีมที่สำคัญในการไล่ล่าชัยชนะตั้งแต่จากเซบริงไปจนถึงเลอม็อง พวกเขาคือสิ่งเติมเต็มที่ทีมฟอร์มูลาอีของเราขาดไม่ได้ ในการเข้าสู่ยุคใหม่ของการแข่งขันอันน่าตื่นเต้นของปอร์เช่”

การร่วมมือด้านเทคนิคครั้งใหม่นี้จะเพิ่มตารางกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกที่เอ็กซอนโมบิลกับปอร์เช่ร่วมมือกันให้ยาวออกไปอีก ซึ่งรายการแข่งขันที่มีอยู่ปัจจุบันประกอบด้วยรายการ World Endurance Championships, IMSA WeatherTech SportsCar Championship, Porsche Mobil 1 Supercup, Porsche Carrera Cup และกิจกรรมการแข่งขันสำหรับลูกค้าอีกหลายรายการทั่วโลก

เกี่ยวกับเอ็กซอนโมบิล

เอ็กซอนโมบิล เป็นบริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก

เกี่ยวกับเอ็กซอนโมบิลในกีฬามอเตอร์สปอร์ต

สนามแข่งขัน คือ สนามทดสอบน้ำมันเครื่องและเชื้อเพลิงภายใต้แบรนด์เอ็กซอนโมบิลที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีในกลุ่มน้ำมัน น้ำมันเครื่อง และเชื้อเพลิงของเรา แต่ละฤดูกาลแข่งขัน ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยของเราจะลงไปทำหน้าที่ในการพัฒนาสมรรถนะและประสิทธิภาพของรถยนต์ ผลิตภัณฑ์ของเอ็กซอนโมบิลทำหน้าที่เป็นน้ำมันที่คอยหล่อลื่นทีมแข่งขันชั้นนำของโลกหลายทีมที่ลงแข่งในรายการมอเตอร์สปอร์ตต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้ทั้งทักษะและความพยายามอย่างสูง สิ่งที่เราได้เรียนรู้ผ่านการจับมือเป็นพันธมิตรเหล่านี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรของเราสามารถขยายขีดจำกัดในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยให้กว้างไกลยิ่งขึ้น

ExxonMobil ยังภาคภูมิใจกับการเป็นพันธมิตรกับทีม Aston Martin Red Bull Racing และทีม Stewart-Haas Racing ในการแข่งขันรายการ NASCAR’s Sprint Cup Series ทีม Porsche, Bentley และ TOYOTA GAZOO Racing ในการแข่งขัน FIA World Endurance Championship ทีม Corvette Racing, Porsche North America, Lexus และ Acura/Caterpillar ในการแข่งขัน IMSA WeatherTech SportsCar Championship รวมถึงอีกหลายทีมที่ลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ ที่จัดขั้นทั่วโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอ็กซอนโมบิลและแบรนด์ต่าง ๆ ของเรา โปรดดูที่ www.exxonmobil.com หรือติดตามเราทางทวิตเตอร์ได้ที่ www.twitter.com/exxonmobil

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20190906005023/en/

ติดต่อ:

สื่อมวลชนสัมพันธ์
832-625-4000

P&G, National Geographic และ Global Citizen เปิดตัวสารคดี ACTIVATE: THE GLOBAL CITIZEN MOVEMENT จัดการแก้ไขปัญหาความยากจน ความไม่เท่าเทียม และสร้างความยั่งยืน

Logo

รายการสารคดี 6 ตอนได้ดึงดูดความสนใจด้วยประเด็นด้านวิกฤตการณ์ทั่วโลก โดยประกอบไปด้วยนักเคลื่อนไหวชื่อดังอย่าง Hugh Jackman, Pharrell Williams, Common, Usher, Rachel Brosnahan, Gayle King, Bonang Matheba, Darren Criss, Uzo Aduba, Becky G และ Priyanka Chopra Jonas

ฉายรอบปฐมทัศน์ในสหรัฐฯ วันที่ 5 กันยายน เวลา 10/9c ทางช่อง National Geographic 

ซินซินนาติ–(BUSINESS WIRE)–5 กันยายน 2562

สารคดีความยาว 6 ตอนของ Procter & Gamble และ National Geographic เรื่อง ACTIVATE ที่ผลิตร่วมกับ Global Citizen และ RadicalMedia เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายนนี้ในสหรัฐฯ ผ่านช่อง National Geographic โดยแต่ละตอนของสารคดีได้สาวลึกไปถึงประเด็นที่เกี่ยวกับสาเหตุฝังลึกของความยากจน ความยั่งยืนของทรัพยากร การเป็นเหยื่อทางกฎหมายเนื่องจากความจน การบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติ การศึกษาของเด็กผู้หญิง ขยะพลาสติก และวิกฤตการณ์ทางน้ำทั่วโลก ภาพรวมของ P&G ACTIVATE ดูได้ที่นี่

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่ https://www.businesswire.com/news/home/20190905005542/en/

In addition to P&G brands and close partners, ACTIVATE will feature Global Citizen ambassadors and advocates including Hugh Jackman, Common, Usher, Rachel Brosnahan, Gayle King, Bonang Matheba, Darren Criss, Pharrell Williams, Uzo Aduba, Becky G and Priyanka Chopra Jonas. (Graphic: Business Wire)

นอกจาก P&G และพันธมิตรใกล้ชิดแล้ว ACTIVATE ยังมีแบรนด์แอมบาสเดอร์และผู้สนับสนุนจาก Global Citizen ไม่ว่าจะเป็น Hugh Jackman, Common, Usher, Rachel Brosnahan, Gayle King, Bonang Matheba, Darren Criss, Pharrell Williams, Uzo Aduba, Becky G และ Priyanka Chopra Jonas. (กราฟิก: Business Wire)

สารคดีความยาวจะเริ่มฉายคืนนี้ และจะออกอากาศทั่วสหรัฐฯ ในวันที่ 10 ตุลาคม รวมทั้งอีก 172 ประเทศผ่านช่อง National Geographic พร้อมภาษาจำนวน 43 ภาษา สารคดีตอนต่าง ๆ จะเน้นการทำงานของ P&G ส่วนแบรนด์ของบริษัท เช่น Tide, Always, Charmin และ Head & Shoulders ก็ยังทำงานร่วมกับพันธมิตรระยะยาวอย่าง องค์การช่วยเหลือเด็ก (Save the Children) มูลนิธิศุภนิมิต (World Vision) องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (World Wildlife Fund), WEConnect International และ Matthew 25: Ministries และอื่น ๆ อีกมากมาย

Marc Pritchard ประธานบริหารแบรนด์สินค้าแห่ง P&G กล่าวว่า “P&G และแบรนด์ของเราให้พันธสัญญาในการเป็นกระบอกเสียงชี้ถึงประเด็นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่โลกเรากำลังเผชิญ เราได้จัดการประเด็นเหล่านี้มานับทศวรรษแล้ว และตั้งใจยกระดับการรับรู้และการเข้าถึงจากผู้บริโภคกว่า 5 พันล้านคนทั่วโลกเพื่อให้ความรู้และสร้างแรงบันดาลใจผ่านสารคดี ACTIVATE ชุดนี้

P&G มีประวัติศาสตร์อันน่าเชื่อถือมายาวนานในการผลักดันแบรนด์และบุคลากรเพื่อช่วยสร้างโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยการช่วยแก้ไขวิกฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการศึกษาของเด็กผู้หญิง น้ำดื่มสะอาด การบรรเทาภัยพิบัติ ความยั่งยืน และความไม่เท่าเทียม ไม่ว่าจะผ่านโครงการไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง P&G Children's Safe Drinking Water (CSDW) ซึ่งได้มอบน้ำดื่มสะอาดปริมาณ 15 พันล้านลิตรแก่ผู้คนที่ประสบภัยขาดแคลนน้ำดื่มทั่วโลก หรือผ่านภารกิจที่ P&G ทำเรื่อยมาอย่าง #EndPeriodPoverty ทั้งนี้เพื่อเป็นกระบอกเสียงช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลง

Allison Tummon Kamphuis หัวหน้าโครงการระดับโลกเพื่อความเท่าเทียมทางเพศและ CSDW แห่ง P&G กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับ National Geographic และ Global Citizen รวมทั้งแบรนด์แอมบาสเดอร์ศิลปินมากความสามารถและพันธมิตรระยะยาว ผู้ซึ่งกระตุ้นผู้คนทั่วโลกออกเสียงเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง

นอกเหนือจากแบรนด์ของ P&G และพันธมิตรใกล้ชิดทางธุรกิจแล้ว ACTIVATE ยังนำเสนอแบรนด์แอมบาสเดอร์และผู้สนับสนุนต่าง ๆ เช่น Hugh Jackman, Common, Usher, Rachel Brosnahan, Gayle King, Bonang Matheba, Darren Criss, Pharrell Williams, Uzo Aduba, Becky G และ Priyanka Chopra Jonas

ในฐานะหนึ่งในบริษัทที่ทุ่มเม็ดเงินกับการโฆษณามากที่สุดในโลก P&G ได้กระจายวิธีการเข้าถึงผู้บริโภคโดยใช้เนื้อหาที่มีอยู่ควบคู่ไปกับพันธมิตรที่มีชื่อเสียงเพื่อจุดประกายประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ ความร่วมมือนี้ยังประกอบด้วยสำนักงานใหญ่ทางดิจิทัลของ National Geographic และ Global Citizen ที่ให้ผู้ชมดำดิ่งไปศึกษาถึง 6 วิกฤตการณ์สำคัญที่นำเสนอในสารคดี นอกจากนี้ผู้ชมยังสามารถมีส่วนร่วมในโครงการของ Global Citizen เพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความพยายามของบริษัทและแบรนด์ที่นำโดย Tide, Always, Head & Shoulders และ Charmin

ACTIVATE จะเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในสหรัฐฯ ทางช่อง National Geographic ในวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน เวลา 10/9c; ตรวจสอบรายการบนพื้นที่ของคุณ

เรื่องราวเพิ่มเติมของแต่ละตอน:

ACTIVATE: กำจัดความจนขั้นรุนแรง

รอบปฐมทัศน์: วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2562

Hugh Jackman, Priyanka Chopra Jonas และ Becky G เข้าร่วม Global Citizen ในโครงการผลักดันผู้นำโลกออกกฎหมายการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ช่วยขจัดความจนขั้นรุนแรงทั่วโลก ขณะที่ Jackman เตรียมจัดเทศกาลขององค์กรที่ Central Park ส่วน Becky G ก็ได้เดินทางไปยังประเทศเม็กซิโกเพื่อเผยแพร่โครงการของ Global Citizen ในการผลักดันบริษัทต่าง ๆ ให้สนับสนุนธุรกิจที่ผู้หญิงเป็นเจ้าของ ผู้เชี่ยวชาญได้บรรยายถึงสถานการณ์ความยากจนที่รุนแรงทั่วโลก ความก้าวหน้าขนานใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และโซลูชั่นส์ทางนวัตกรรมที่นำมาใช้ทั่วโลก รวมทั้ง P&G และแบรนด์ Charmin ที่รับผิดชอบด้านความพยายามในการแสวงหาทรัพยากร

ACTIVATE: สิ้นสุดการเรียกค่าไถ่ด้วยเงินสด

รอบปฐมทัศน์: วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2562

ศิลปินและนักเคลื่อนไหวอย่าง Common และ Usher ได้ร่วมมื่อกับ Global Citizen และผู้จัดสามัญชนทั่วไปในการพยายามที่จะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมโดยยุติการเรียกค่าไถ่ด้วยเงินสดในรัฐนิวยอร์ก พันธสัญญาของ P&G ในการจัดการถึงการเหยียดเชื้อชาติผ่านหนังเรื่อง The Talk และหนังใหม่เรื่อง The Look ก็ได้รับความสนใจจากผู้สร้างหนังที่ประสบพบเจอกับการเหยียดเชื้อชาติของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา

ACTIVATE: การศึกษาไม่เคยรอใคร

รอบปฐมทัศน์: วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2562

นักแสดงเจ้าของรางวัล Emmy Award อย่าง Rachel Brosnahan ได้ร่วมมือกับ Global Citizen เดินทางไปยังชายแดนประเทศเปรูเพื่อติดตามสถานการณ์การศึกษาของเด็กระหว่างที่ความขัดแย้งและภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดขึ้น หลังจากที่สัมผัสเหตการณ์ที่น่าเสียใจจากครอบครัวพลัดถิ่นที่อยู่ Brosnahan และ Global Citizen ได้เดินทางกลับไปยังสหรัฐฯ และผลักดันให้ประเทศไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ปฏิญาณต่อผู้คนนับล้านเกี่ยวกับโครงการ Education Cannot Wait ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการศึกษาระหว่างภัยพิบัติ ผู้เชี่ยวชาญอธิบายถึงผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับประเทศกำลังพัฒนาและวิธีการที่ผู้คนและแบรนด์ทั่วโลก เช่น Tide ได้มอบการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ระหว่างภัยฉุกเฉินเหล่านั้น

ACTIVATE: ช่วยให้เด็กหญิงได้กลับไปเรียน

รอบปฐมทัศน์: วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2562

Priyanka Chopra Jonas ร่วมกับ Global Citizen และนักเคลื่อนไหวทั่วโลกในการย่อยอุปสรรคการศึกษาของเด็กผู้หญิง ในขณะเดียวกัน Gayle King และ Bonang Matheba ได้ร่วมชุมนุมกับผู้คนกว่าหมื่นคนเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลประเทศแอฟริกาใต้บริจาคเงินจำนวน 58 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติปัญหาการไม่มีเงินซื้อผ้าอนามัย และให้ความรู้เรื่องประจำเดือนแก่เด็กวัยรุ่น รวมทั้งอุปกรณ์จำเป็นเพื่อให้เด็กต้องการเรียนและมั่นใจ ผู้เชี่ยวชาญอธิบายถึงประเด็นกว้างขวางในการช่วยให้เหลือเด็กผู้หญิงมีการศึกษาในประเทศกำลังพัฒนา และความก้าวหน้าขนานใหญ่ที่กำลังพัฒนาทั่วโลก เช่น แบรนด์ดูแลสุขอนามัยสำหรับผู้หญิงอย่าง Always ที่มอบแหล่งการเรียนรู้ให้ฟรี

ACTIVATE: ยุติมลพิษที่เกิดจากพลาสติก

รอบปฐมทัศน์: วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2562

Pharrell Williams ร่วมกับ Global Citizen ผลักดันให้รัฐบาล บริษัท และผู้คนแก้ปัญหาวิกฤติมลพิษพลาสติกในทะเล ขณะที่ Darren Criss เดินทางไปยังประเทศฟิลิปปินส์เพื่อยืนยันผลกระทบของพลาสติกต่อการดำรงชีวิตของผู้คนที่ยากจน และเรียกร้องให้ผู้คนทั่วโลกกระตุ้นให้นายกเทศมนตรีในพื้นที่ให้ดำเนินโครงการพลาสติกเป็นศูนย์ ผู้เชี่ยวชาญอธิบายถึงผลกระทบของมลพิษที่เกิดจากพลาสติกที่มีต่อผู้คนในประเทศกำลังพัฒนา และวิธีการที่ผู้คนและแบรนด์ทั่วโลก เช่น Head & Shoulders ได้มอบการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทั่วโลก

ACTIVATE: น้ำสะอาด

รอบปฐมทัศน์: วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2562

นักแสดงมี่กำลังได้รับความนิยมอย่าง Uzo Aduba ได้ร่วมมือกับ Global Citizen เดินชุมนุมกับผู้คนนับล้านทั่วโลกเพื่อผลักดันน้ำดื่มสะอาดและและระบบสุขอนามัยให้แก่ผู้คนที่ขาดแคลนน้ำดื่มทั่วโลก พวกเขาเดินทางไปยังประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Aduba เพื่อเรียกร้องให้ผู้ว่าหาเงินสนับสนุนจากรัฐเพื่อกำจัดน้ำปนเปื้อนและเปิดประเด็นวิกฤตโรคอุจจาระ ผู้เชี่ยวชาญอธิบายถึงผลกระทบจากการบริโภคน้ำดื่มปนเปื้อนของผู้คนในประเทศกำลังพัฒนา และการแก้ปัญหาที่กำลังดำเนินการทั่วโลก รวมถึงโครงการ Children's Safe Drinking Water Program ของ P&ah

เกี่ยวกับ Procter & Gamble.

P & G ให้บริการผู้บริโภคทั่วโลกด้วยการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและหลากหลาย มีคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และเป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงของโลก อันได้ได้แก่ Always®, Ambi Pur®, Ariel®, Bounty®, Charmin®, Crest®, Dawn®, Downy®, Fairy®, Febreze ®, Gain®, Gillette®, Head & Shoulders®, Lenor®, Olay®, Oral-B®, Pampers®, Pantene®, SK-II®, Tide®, Vicks® และ Whisper® ชุมชน P & G มีการดำเนินงานในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก กรุณาเยี่ยมชม http://www.pg.comเพื่อรับข่าวสารล่าสุดและข้อมูลเกี่ยวกับ P & G และแบรนด์ต่าง ๆ

เกี่ยวกับ National Geographic

National Geographic Partners LLC (NGP) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง National Geographic และ Disney มุ่งมั่นที่จะนำเสนอเนื้อหาวิทยาศาสตร์ การผจญภัย และสารคดีระดับพรีเมี่ยมทั่วทั้งสื่อต่าง ๆ NGP ผสานรวมช่องโทรทัศน์ National Geographic ทั่วโลก (National Geographic Channel, Nat Geo WILD, Nat Geo MUNDO, Nat Geo PEOPLE) เข้ากับสื่อและข้อมูลเชิงลึกของ National Geographic รวมถึงนิตยสาร National Geographic; สตูดิโอเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิก; แพลตฟอร์มสื่อดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย หนังสือ; แผนที่; สื่อเด็ก; และกิจกรรมเสริมต่าง ๆ ที่รวมถึงการท่องเที่ยว ประสบการณ์และเหตุการณ์ทั่วโลก การขายจดหมายเหตุ การออกใบอนุญาต และธุรกิจอีคอมเมิร์ซ การต่อยอดความรู้และความเข้าใจในโลกของเราเป็นเป้าหมายหลักของ National Geographic มาเป็นเวลา 131 ปีและตอนนี้เรามุ่งมั่นที่จะผลักดันขอบเขตที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปกับผู้บริโภคของเรา โดยการเข้าถึงผู้คนนับล้านทั่วโลกใน 172 ประเทศและ 43 ภาษาทุกเดือน ตามที่เราทำ ทั้งนี้ NGP ให้ผลตอบแทน 27 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ของเรากับองค์กรไม่หวังกำไร National Geographic Society เพื่อหาทุนในงานด้านวิทยาศาสตร์การสำรวจ การอนุรักษ์ และการศึกษา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม natgeotv.com  หรือ nationalgeographic.com หรือตามเราได้จาก Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, LinkedIn and Pinterest.

เกี่ยวกับ Global Citizen 

ตั้งแต่ Global Citizen Festival จัดขึ้นครั้งแรกในนิวยอร์กเมื่อปี 2012 Global Citizen ได้เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รู้จักในบรรดาหนุ่มสาวทั่วโลกในการเรียกร้องให้ผู้นำโลกรับผิดชอบอย่างมีเกียรติตามรอยเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ และยุติความจนขั้นรุนแรงภายในปี 2030 Global Citizens ได้มอบพันธสัญญาและประกาศนโยบายจากผู้นำจำนวนเงินกว่า 37,900 ล้านดอลลาร์ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงแก่ผู้คนมากกว่า 2,250 ล้านคน องค์กรได้เริ่มแผนปฏิบัติการในประเทศแอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย อินเดีย สหราชอาณาจักร เยอรมนี เบลเยี่ยม และแคนาดา และสร้างแพลตฟอร์มสำหรับกิจกรรมการเรียนรู้ในประเด็นที่พวกเขาให้ความสนใจมากที่สุด ปฏิบัติการจริง และได้รับรางวัลจากการปฏิบัติ

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20190905005542/en/

ติดต่อ:

P&G Media 

Julie deSylva, 513-780-0006


งานฤดูใบไม้ร่วงของ teamLab Planets นำเสนอพิพิธภัณฑ์ที่พาคุณเคลื่อนตัวบนสายน้ำในโทโยสุ โตเกียว และปลาคาร์พที่ว่ายบนผิวน้ำจะแปลงร่างกลายเป็นใบไม้เปลี่ยนสีเมื่อว่ายมาโดนผู้เข้าชม

Logo

อาหารจานยอดนิยมทำจากปลา ส่งตรงจากตลาดโทโยสุเสิร์ฟแล้ว ณ ร้านอาหารที่ร่วมรายการในช่วงเวลาจำกัดเท่านั้น

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–5 ก.ย.  2562

"พิพิธภัณฑ์ที่พาคุณเคลื่อนตัวบนสายน้ำ" ของ teamLab ในโทโยสุ โตเกียว  teamLab Planets TOKYO DMM.com (ต่อจากนี้เรียกว่า TeamLab Planets) จะแปลงโฉมเป็นพื้นที่งานฤดูใบไม้ร่วงในช่วงเวลาที่จำกัด โดยเริ่มขึ้นในวันที่ 1 กันยายน  มาร่วมสัมผัสกับพื้นที่ที่เต็มไปด้วยใบไม้เปลี่ยนสีและดอกเบญจมาศถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีสื่อมัลติมีเดีย อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20190905005290/en/

Drawing on the Water Surface Created by the Dance of Koi and People - Infinity teamLab, 2016-2018, Interactive Digital Installation, Endless, Sound: Hideaki Takahashi (Photo: Business Wire)

งานศิลปะบนผิวน้ำที่สร้างขึ้นโดย Dance of Koi and People – Infinity teamLab, 2016-2018, เป็นการติดตั้งระบบดิจิตอลเชิงอินเทอร์แอคทีฟพร้อมเสียง: Hideaki Takahashi (รูปภาพ: Business Wire)

การแปลงโฉมเป็นพื้นที่ฤดูใบไม้ร่วงนี้เป็นผลงานเชิงอินเทอร์แอคทีฟขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า Drawing on the Water Surface โดย the Dance of Koi and People – Infinity ที่ผู้เข้างานสามารถเดินเท้าเปล่าบนผิวน้ำ  งานนี้จะเปลี่ยนรูปโฉมตลอดทั้งปี โดยมีดอกไม้ที่บานสะพรั่งและเปลี่ยนไปตามฤดูกาลจริง  ในช่วงระยะเวลาสามเดือนนี้ ปลาคราฟที่ว่ายน้ำข้ามผืนน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้จะแปลงร่างกลายเป็นใบไม้ฤดูใบไม้ร่วง ดอกเบญจมาศ และดอกอื่นๆ เมื่อว่ายมาโดนกับผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์

งานศิลปะ: https://www.teamlab.art/jp/ew/koi_and_people/

วิดีโองานศิลปะ: https://youtu.be/12reeWeMXwQ  

teamLab Planets: https://planets.teamlab.art

โดยเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม จะมีการเสิร์ฟเมนูลิมิเต็ดตามคำร้องขอที่ร้านอาหาร Everything is in your hand ของพิพิธภัณฑ์  เมนูอาหารใช้ประโยชน์จากอาหารทะเลสดและหอยที่ส่งตรงจากตลาดโทโยสุ

•แนวคิดของพิพิธภัณฑ์: Body Immersive (สัมผัสทั้งร่างกาย)

teamLab Planets เป็นพิพิธภัณฑ์ที่พาคุณเคลื่อนตัวบนสายน้ำ ประกอบด้วยพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการขนาดใหญ่ 4 แห่งและงานศิลปะ 7 ชิ้น งานศิลปะมีพื้นฐานมาจากแนวคิดรวบยอดของ TeamLab "Body Immersive"

พื้นที่ Body Immersive อันใหญ่โตประกอบด้วยการติดตั้งผลงานศิลปะที่ทุกส่วนของร่างกายจะได้สัมผัสกับงานศิลปะและทลายขอบเขตระหว่างผู้ชมและงาน

ผู้เข้าชมจะเดินเท้าเปล่าเข้าสู่พิพิธภัณฑ์และสัมผัสพื้นที่ศิลปะอันกว้างขวางพร้อมกับแขกท่านอื่นๆ

• พิพิธภัณฑ์ TeamLab Planets มีผู้เยี่ยมชมมากกว่า 1.25 ล้านคนในปีนับตั้งแต่เปิดตัว นับว่าเป็นจำนวนผู้มาเยือนที่มากกว่าพิพิธภัณฑ์ปิกัสโซและโรงละครและพิพิธภัณฑ์ดาลี

ในหนึ่งปีนับตั้งแต่เปิดตัว TeamLab Planets ในเดือนกรกฎาคมปี 2561 มีผู้เยี่ยมชมมากกว่า 1.25 ล้านคนจาก 106 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก  เป็นจำนวนผู้เข้าชมที่เกินจำนวนของสองในสามพิพิธภัณฑ์ศิลปินเดี่ยวชั้นนำของโลก ได้แก่พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซในบาร์เซโลน่าที่มีผู้เข้าชมเกือบ 950,000 คนและโรงละครและพิพิธภัณฑ์ดาลีในฟิเกเรส (สเปนเช่นกัน) ที่มีผู้เข้าชมมากกว่า 1.1 ล้านคน (ดูหมายเหตุ 1) จากจำนวนนักท่องเที่ยว 1.25 ล้านคนต่อปีนี้ ประมาณ 30% มาจากนอกประเทศญี่ปุ่น (ดูหมายเหตุ 2)  การวิเคราะห์แขกต่างชาติพบว่าพิพิธภัณฑ์เป็นที่นิยมมากที่สุดในหมู่ชาวอเมริกัน รองลงมาคือฮ่องกง ไต้หวัน สหราชอาณาจักร และออสเตรเลียตามลำดับ

——————————

หมายเหตุ 1: รายงานพิเศษศิลปะยอดนิยม: ตัวเลขนิทรรศการและการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ 2561, นิตยสาร The Art Newspaper ฉบับที่ 311 เดือนเมษายน 2562

หมายเหตุ 2: จากข้อมูลการขายตั๋วบนเว็บไซต์ทางการของ TeamLab Planets จากการสำรวจตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 มิถุนายน 2562

• teamLab Planets

ข้อมูลแจกสื่อมวลชน: https://goo.gl/tQXMLm

สำหรับตั๋วและข้อมูลอื่นๆ ดูเว็บไซต์อย่างเป็นทางการที่ planets.teamlab.art และ Instagram ของเรา

• ร้านอาหารที่ร่วมรายการ

The Bowl Steakhouse

ร้านอาหารบรรยากาศเป็นกันเอง ออกแบบโดยทีมงานสถาปนิก teamLab ที่เน้นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อนำธรรมชาติเข้ามาในร้าน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่

Everything is in your hand

ด้วยจานดั้งเดิมที่เน้นแนวคิดของการมีทุกอย่างในมือเดียว ร้านอาหารนี้ช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มและของขบเคี้ยวที่ทานด้วยมือเพียงข้างเดียว

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่

PLANETS Co., Ltd.

หน่วยงานที่บริหารสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ TeamLab Planets TOKYO และร้านอาหารที่เกี่ยวข้อง

teamLab

teamLab (ก่อตั้ง 2,544) เป็นกลุ่มศิลปินสหวิทยาการเน้นเทคโนโลยีที่มุ่งทำงานร่วมกันเพื่อนำเสนอการบรรจบกันของศิลปะ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การออกแบบ และโลกธรรมชาติ  teamLab มุ่งมั่นที่จะสำรวจความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และระหว่างตัวตนและโลกผ่านงานศิลปะ  คลิกที่นี่เพื่อดูประวัติแบบเต็ม

teamLab มีตัวแทนเป็น Pace Gallery

ดูฉบับที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20190905005290/en/

ติดต่อ:

Yohann Gainche

ประชาสัมพันธ์ PLANETS Co., Ltd.

E-mail: pr-info@planets.art    

ข่าวเพิ่มเติม: https://goo.gl/forms/fqn8DmGV8WWIntP53



The Bangkok Reporter