มูลนิธิแจ็ค หม่า และมูลนิธิอาลีบาบาบริจาคเครื่องมือการแพทย์ให้กับสี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Logo

หางโจว จีน–(บิสิเนสไวร์)–19 มี.ค. 2563

มูลนิธิแจ็ค มา และมูลนิธิอาลีบาบาได้ประกาศการบริจาคเวชภัณฑ์แก่สี่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทางมูลนิธิได้ติดต่อกับรัฐบาลมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์เพื่อเสนอบริจาคเวชภัณฑ์  เป้าหมายของมูลนิธิคือการช่วยประเทศเหล่านี้ต่อสู้กับไวรัส COVID-19 โดยเตรียมให้การสนับสนุนจากประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เช่นกัน

ทางมูลนิธิแจ็ค หม่าได้เกล่าวว่า “เราได้ร่วมมือกับเพื่อนบ้านในเอเชียของเราเพื่อต่อสู้กับ COVID-19  เราและมูลนิธิอาลีบาบาจะส่งหน้ากาก 2 ล้านชุด ชุดตรวจโรค 150,000 ชุด ชุดป้องกัน 20,000 ชุด และชุดป้องกันหน้า 20,000 ชุดไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย โดยจะให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ประเทศเอเชียอื่นๆ ในอนาคต  เอเชียสู้ๆ!”

ทางมูลนิธิได้บริจาคเวชภัณฑ์หลังจากที่ได้ตีพิมพ์คู่มือดิจิตอลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา  คู่มือนี้แบ่งปันบทเรียนที่สำคัญและประสบการณ์จากแพทย์ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และพนักงานที่โรงพยาบาลจีนแห่งหนึ่งที่เป็นแนวหน้าของการรักษา COVID-19 และได้ช่วยชะลอการแพร่กระจายของโรค

อ่านที่มาใน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200319005410/en/

ติดต่อ:

Rico Ngai (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
Alibaba Group
+852 9725 9600
rico.ngai@alibaba-inc.com

Adam Najberg (ทั่วโลก)
Alibaba Group
+852 5474 3262
adam.najberg@alibaba-inc.com

Dataiku 7 นำความร่วมมือในระดับที่ลึกมากขึ้นและความสามารถในการอธิบายที่มีองค์ประกอบมากขึ้นมาสู่ AI สำหรับองค์กร

Logo

Dataiku เวอร์ชันล่าสุดมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่สำหรับนักสถิติและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล รวมถึงคำอธิบายการคาดการณ์สำหรับทุกคน

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–18 มีนาคม 2563

วันนี้ Dataiku แพลตฟอร์มชั้นนำด้าน AI สำหรับองค์กรและเทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง หรือ machine learning ประกาศเปิดตัว Dataiku 7 ที่ให้การรวมระบบในเชิงลึกมากขึ้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลทางเทคนิคเพื่อทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาโปรเจกต์ด้าน machine learning พร้อมทั้งความสามารถในการอธิบายข้อมูลในระดับแถว (row-level) สำหรับการทดสอบ white-box ของ AI โดยไฮไลต์ที่เป็นคุณสมบัติเพิ่มเติมที่มาพร้อมกับการเปิดตัวครั้งล่าสุดนี้ประกอบด้วยเว็บแอปพลิเคชันที่ทำงานบน Kubernetes ซึ่งมีขีดความสามารถมากขึ้นจากใน Dataiku 6 และปลั๊กอินจัดประเภทข้อมูลที่มี machine learning ช่วยในการทำงาน

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20200318005008/en/

Statisticians can now use Dataiku to perform advanced statistical analysis in the familiar worksheet-and-cards format while collaborating with the wider data or analytics team. (Graphic: Business Wire)

จากนี้ไปนักสถิติจะสามารถใช้ Dataiku ทำการวิเคราะห์ทางสถิติขั้นสูงผ่านฟอร์แมต worksheet-and-cards ที่คุ้นเคย ไปพร้อมการทำงานกับข้อมูลที่กว้างขึ้นและทีมวิเคราะห์ที่ใหญ่ขึ้น (กราฟิก: Business Wire)

“ความร่วมมือคือสิ่งที่ Dataiku ให้ความสำคัญมาตลอดนับตั้งแต่เราก่อตั้งขึ้นในปี 2556 และใน Dataiku 7 เรายังคงเพิ่มฟีเจอร์ที่ตอกย้ำปรัชญาของเราเพื่อทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการใช้ AI สำหรับองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ” Florian Douetteau ซีอีโอของ Dataiku กล่าว “การเปิดตัวครั้งนี้ทำให้ Dataiku 7 เป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องครั้งที่สองของเรา ที่มีการเพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้ AI สามารถอธิบายได้ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับองค์กรในทุกอุตสาหกรรม ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จและเข้าใจถึงสิ่งที่ผลจากโมเดล AI ของพวกเขาทำให้เกิดขึ้น”

องค์กรทั่วโลกมีความมุ่งมั่นต่อความพยายามในการพัฒนา AI สำหรับองค์กรที่มีการดำเนินแบบบนลงล่าง (top down) แต่ประสบปัญหาในการกระจายการเข้าถึงโปรเจกต์ต่าง ๆ จากล่างขึ้นบน (bottom up) เพื่อเปิดให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่พร้อมใช้ได้มากขึ้น Dataiku 7 จึงดึงผู้คนให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้นผ่านการร่วมมือ และช่วยเพิ่มศักยภาพให้บุคคลด้วย AI ที่สามารถอธิบายได้ เพื่อให้ธุรกิจใช้ข้อมูลในการตัดสินใจในแต่ละวัน และสร้างโปรเจกต์ AI ที่มีประสิทธิภาพ

ฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับการเปิดตัว Dataiku 7 ประกอบด้วย:

การสนับสนุนสำหรับการวิเคราะห์สถิติขั้นสูง: นักสถิติสามารถใช้ Dataiku ในการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติขั้นสูงในฟอร์แมต worksheet-and-cards ที่มีความคุ้นเคย ไปพร้อมการทำงานกับข้อมูลที่กว้างขึ้นและทีมวิเคราะห์ที่ใหญ่ขึ้น ในอดีต นักวิเคราะห์สถิติขั้นสูงจะถูกแบ่งแยกให้ใช้เครื่องมือต่างหากโดยที่ผู้ที่ไม่ใช่นักสถิติจะไม่สามารถเข้าถึงได้ ทำให้เกิดอุปสรรคในการบริหารและการติดตั้งโปรเจกต์ AI ต่าง ๆ

คำอธิบายการคาดการณ์ขั้นสูงโดยปกติแล้ว โมเดล machine learning จะไม่รวมคำอธิบายโดยละเอียดว่าทำไมผลจึงออกมาเช่นนี้ หรือทำได้อย่างไร ทำให้เกิดความยุ่งยากในการอธิบายเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจและการดำเนินงานต่าง ๆ ได้อย่างเป็นกลาง การอธิบายการคาดการณ์ใน Dataiku จะเปิดการทดสอบ black box ด้วยการอธิบายว่าคุณลักษณะหรือฟีเจอร์ใดมีผลสูงสุดต่อผลลัพธ์ของโมเดล ใน Dataiku 7 จะประกอบด้วยคำอธิบายการคาดการณ์ทั้งในระดับแถวของชุดข้อมูลที่ส่งออก รวมถึงการนำเสนอคำอธิบายการคาดการณ์ด้วยภาพที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้

Git เพื่อความร่วมมือที่ดีขึ้นสำหรับผู้เขียนโค้ด: การรวมระบบด้วย Git ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นใน Dataiku 7 ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (หรือผู้เขียนโค้ด) สามารถใช้คำสั่ง create, delete, push และ pull ใน Git จาก Dataiku ได้โดยตรง สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากผู้เขียนโค้ดจะสามารถจำลองโปรเจกต์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใน sandbox ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ทำให้โปรเจกต์ดั้งเดิมได้รับความเสียหาย และเมื่อการจำลองโปรเจกต์เสร็จสมบูรณ์ ก็จะนำการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ นั้นกับมาประยุกต์กับโปรเจกต์เดิมได้อย่างไร้รอยต่อ (และสามารถติดตามสิ่งที่ทำการเปลี่ยนแปลงได้ใน Git)

ความยืดหยุ่นที่มากขึ้นกับ Kubernetes: Dataiku 7 ต่อยอดความสามารถคลัสเตอร์ Kubernetes ใน Dataiku 6 ด้วยการอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเปิดเว็บแอปพลิเคชันได้จากคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยตรง ช่วยให้สามาถใช้งานได้พร้อมกันโดยผู้ใช้จำนวนมากขึ้น และเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการรันคำสั่ง AI จำนวนมากในส่วนแบ็คเอนด์

ปลั๊กอินจัดประเภทข้อมูลสำหรับ Active Learning: ข้อมูลที่มีการจัดประเภทไว้อย่างถูกต้องจำเป็นสำหรับการปลดล็อคข้อมูลที่มีคุณภาพและมีความถูกต้องแม่นยำจากโมเดล machine learning และความสามารถในการจัดประเภทข้อมูลอย่างรวดเร็วจะช่วยให้กระบวนการวิเคราะห์ทั้งหมดมีความรวดเร็วขึ้นด้วยการทำให้ขั้นตอนเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีความน่าเบื่อหน่ายและใช้เวลานานทำงานง่ายขึ้น การจัดประเภทข้อมูลแบบใหม่ที่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และปลั๊กอินการเรียนรู้แบบ active learning ประกอบด้วยชุดเว็บแอปพลิเคชันของ Dataiku เพื่อลดความยุ่งยากในกระบวนการจัดประเภทข้อมูลเมื่อข้อมูลมีลักษณะเป็นตาราง รูปภาพ หรือแม้แต่เสียง

Dataiku ช่วยให้บริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายชื่อในทำเนียบ Global 2,000 เปลี่ยนชุดข้อมูลขนาดใหญ่เป็นข้อมูลเชิงลึกที่พร้อมใช้ ทำให้โปรเจกต์ AI เข้าไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย และขยายโครงการเกี่ยวกับ machine learning ให้ใหญ่ขึ้น การเปิดตัวในวันนี้ของ Dataiku 7 จะช่วยยกระดับความร่วมมือในระดับที่ลึกลงไป และช่วยให้ผู้คนเข้าถึงวิทยาศาสตร์ข้อมูลมากขึ้นด้วย AI ที่สามารถอธิบายได้ผ่านแพลตฟอร์มแบบทีมที่สามาถรเรียนรู้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ท่านสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดตัวครั้งนี้และดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dataiku 7 ได้จาก release notes

หากต้องการขอรับเวอร์ชันตัวอย่างของ Dataiku รวมถึงสาธิตเกี่ยวกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ โปรดลงทะเบียนเข้าร่วมทาง webinar ที่จะเริ่มในวันที่ 16 เมษายน นี้

เกี่ยวกับ Dataiku

Dataiku เป็นแพลตฟอร์มข้อมูลแบบรวมศูนย์ ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการใช้วิทยาศาสตร์ข้อมูล เทคโนโลยี machine learning และ AI ในระดับองค์กรได้ โดยมี Dataiku ที่ช่วยเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจได้อย่างแตกต่าง เพื่อขับเคลื่อนประสบการณ์ด้านข้อมูลของพวกเขาจากการจัดเตรียมข้อมูลไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลในขนาดที่เหมาะสมสำหรับ AI สำหรับองค์กร ด้วยการสร้างความเข้าใจพื้นฐานให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลและนักสำรวจ แนวปฏิบัติที่ดี ทางลัดไปสู่ machine learning และการจัดการ/การนำ AI ไปใช้ รวมถึงสภาพแวดล้อมแบบรวมศูนย์ที่สามารถควบคุมได้ Dataiku จึงเป็นตัวแปรที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200318005008/en/

ติดต่อ:

Laurel Toney
Strange Brew Strategies
dataiku@strangebrewstrategies.com

Trade Desk และ TikTok เปิดตัวพันธมิตรทางโฆษณาใหม่ในเอเชียแปซิฟิก

Logo

PepsiCo ในประเทศไทย จะเป็นแบรนด์ที่เปิดตัวแคมเปญแรกในการเข้าถึงคลังสินค้าบริการของ TikTok พรีเมี่ยมผ่านแพลตฟอร์ม The Trade Desk

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–19 มีนาคม 2563

Trade Desk (Nasdaq: TTD) และ TikTok สื่อปลายทางชั้นนำสำหรับวิดีโอบนมือถือแบบสั้นได้ประกาศความร่วมมือด้านการโฆษณาใหม่กับตลาดสำคัญในเอเชียแปซิฟิก ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถเข้าถึงสินค้า TikTok พรีเมี่ยมได้โดยตรงทั่วเอเชียแปซิฟิกผ่านแพลตฟอร์ม The Trade Trade ทั้งนี้ TikTok เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น ๆ ตัวแรกที่รวมการเสนอโฆษณาเข้ากับ The Trade Desk ทำให้เกิดการพัฒนาชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ไม่เหมือนใครสำหรับแบรนด์ต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้

TikTok เป็นสื่อปลายทางสำหรับการสร้างและค้นหาวิดีโอบนโทรศัพท์มือถือรูปแบบสั้น ๆ ที่น่าสนใจและสนุกสนาน และแบรนด์ต่าง ๆ ตื่นเต้นกับโอกาสในการเชื่อมต่อกับผู้ใช้หลายล้านคนบนแพลตฟอร์มนี้ การรวม TikTok เข้ากับ The Trade Desk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีโฆษณาชั้นนำระดับโลกจะช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถรวม TikTok เข้ากับแคมเปญของพวกเขาได้ง่ายขึ้น โดย PepsiCo เป็นลูกค้ารายแรกที่เข้าถึงคลังโฆษณาของ TikTok ผ่านทาง The Trade Desk ซึ่งทำแคมเปญสำหรับพอร์ตโฟลิโอของ the Lays ในประเทศไทยร่วมกับตัวแทนสื่อของ Mindshare

"ในขณะที่เราขยายระดับโซลูชั่นการโฆษณาของเรา เรามักจะมองหาพันธมิตรกับผู้นำในอุตสาหกรรมเช่น The Trade Desk เพื่อนำเสนอตัวเลือกการโฆษณาที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ในเอเชียแปซิฟิกตลอดจนไปถึงประเทศอินเดีย วัตถุประสงค์หลักของการทำเช่นนี้คือ การมุ่งใช้งานวิดีโอบนมือถือแบบสั้นของ TikTok ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ omni-channel ของพวกเขา" Sam Singh รองประธานฝ่ายการสร้างรายได้ของอินเดีย TikTok กล่าว

“เรามีความยินดีที่จะเปิดตัวความร่วมมือครั้งนี้กับ TikTok ทั่วเอเชียแปซิฟิก”

Mitch Waters รองประธานอาวุโสฝ่ายการค้าประจำภูมิภาคเอเชียใต้ ของ The Trade Desk กล่าว “ทุกคนในภูมิภาคนี้เข้าใจถึงขอบเขตการเข้าถึงของ TikTok โดยเฉพาะผู้ใช้สมาร์ทโฟนในอินเดียและอินโดนีเซีย แบรนด์ต่าง ๆ สามารถปรับขนาดแคมเปญของพวกเขาให้มีวิดีโอขนาดสั้นได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย”

“ประชากรกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับสมาร์ทโฟนทั่วเอเชียนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ PepsiCo” Arun Mehra ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท PepsiCo กล่าว “ ความร่วมมือระหว่าง TikTok และ The Trade Desk ทำให้การเข้าถึงผู้ชมกลุ่มนี้ง่ายขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยการเริ่มต้นในประเทศไทยเรากำลังมองหาโอกาสเพื่อขยายงานของเราผ่านการเป็นหุ้นส่วนทั่วภูมิภาค”

Manivannan Ramasamy กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคของ Mindshare กล่าวเสริมว่า“ แบรนด์ต่าง ๆ ได้ติดตามการเพิ่มขึ้นของวิดีโอมือถือแบบสั้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย ความร่วมมือระหว่าง TikTok และ The Trade Desk เป็นเส้นทางในการมีส่วนร่วมผ่านเทรนด์นี้ที่สามารถวัดผลได้ ไปพร้อม ๆ กับการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของแบรนด์”

แคมเปญที่ทำงานบนแพลตฟอร์ม Trade Desk จะใช้นามแฝง ซึ่งหมายความว่าพวกเขาไม่ได้ระบุตัวบุคคลโดยตรง ห้ามมิให้ลูกค้าและพันธมิตรให้ข้อมูลส่วนบุคคลในแพลตฟอร์มของ The Trade Desk โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ TikTok ต่อความเป็นส่วนตัว การเป็นหุ้นส่วนจะรวมความเชี่ยวชาญในคุณภาพของตลาด การปิดกั้นการแสดงผลที่ไม่ใช่มนุษย์ก่อนที่จะซื้อ ดังนั้นจึงสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของแบรนด์ ปัจจุบันความร่วมมือระหว่าง The Trade Desk และ TikTok ครอบคลุมตลาดเอเชียแปซิฟิก 11 แห่ง (รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น) รวมถึงรัสเซีย อีกด้วย

เกี่ยวกับ The Trade Desk

The Trade Desk™ เป็น บริษัท เทคโนโลยีที่ให้อำนาจผู้ซื้อโฆษณา ผู้ซื้อโฆษณาสามารถสร้างจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาดิจิตอลผ่านรูปแบบการบริการตนเองด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์ การผสานรวมกับข้อมูลคลังที่สำคัญเข้ากับโฆษณาและพันธมิตรผู้เผยแพร่โฆษณาช่วยให้มั่นใจถึงความสามารถในการเข้าถึงและการตัดสินใจสูงสุด ส่วน API ขององค์กรบริษัททำให้สามารถใช้งานการพัฒนาที่กำหนดเองได้บนแพลตฟอร์ม ทั้งนี้ The Trade Desk มีสำนักงานใหญ่ในเวนทูรา แคลิฟอร์เนีย มีสำนักงานทั่วอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชียแปซิฟิก หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเยี่ยมชม thetradedesk.com  หรือติดตามเราบน Facebook, Twitter, LinkedIn และ YouTube

เกี่ยวกับ TikTok

TikTok เป็นสื่อปลายทางชั้นนำสำหรับวิดีโอมือถือแบบสั้น ภารกิจของเราคือสร้างแรงบันดาลใจความคิดสร้างสรรค์และนำความสุขมาให้ผู้คน TikTok มีสำนักงานทั่วโลกรวมถึงลอสแองเจลิส, ซิลิกอนแวลเลย? นิวยอร์ก, ลอนดอน, ปารีส, เบอร์ลิน, ดูไบ, มุมไบ, สิงคโปร์, จาการ์ตา, โซล และโตเกียว www.tiktok.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200318005437/en/

ติดต่อ:

John Mandeville

PR@thetradedesk.com

Radisys เปิดตัว Engage Video Assistant – บอตวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตัวแรกของโลก

Logo

มอบประสบการณ์ผู้ใช้ดิจิตอลที่ไม่ซ้ำใครสำหรับอีคอมเมิร์ซ การมีส่วนร่วมกับแบรนด์ของผู้บริโภค และการบริการลูกค้า

HILLSBORO, โอเรกอน–(BUSINESS WIRE)–19 มีนาคม 2563

Radisys® Corporation ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการสื่อสารโทรคมนาคมแบบเปิด ประกาศในวันนี้ว่า Radisys  Engage Video Assistant (EVA) ซึ่งเป็นบอตปฏิสัมพันธ์ลูกค้าดิจิตอลตัวแรกของโลกที่ไม่ใช้แอพแบบ AI  3-in-1 (วิดีโอ, เสียง, ข้อความ) พร้อมเปิดให้ใช้งานทั่วโลกแล้ว EVA ช่วยเหลือการให้บริการสนับสนุนลูกค้า ฝ่ายขาย และทีมการตลาดเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ โดยนำเสนอการปรับแต่งที่เป็นส่วนตัวมากขึ้นซึ่งผลักดันการสร้างลูกค้า การรักษาลูกค้าและความพึงพอใจของลูกค้าด้วยการประหยัดต้นทุนโดยการใช้ระบบอัตโนมัติ

Radisys' Engage Video Assistant - the World's First AI-powered Video Bot (Photo: Business Wire)

Radisys' Engage Video Assistant -บอตรูปแบบวิดีโอที่ขับเคลื่อนด้วย AI รายแรกของโลก (ภาพ: Business Wire)

ลูกค้าสามารถเข้าถึง EVA เพื่อโต้ตอบกับผู้เชี่ยวชาญด้านการขาย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทูตของแบรนด์ แบรนด์อินฟลูเอ็นเซอร์ และตัวแทนฝ่ายดูแลลูกค้า – เพียงกดหมายเลขบริการลูกค้าปกติโดยใช้ Video over LTE (ViLTE) ที่สามารถใช้ร่วมกับสมาร์ทโฟน 4G / LTE หรือ 5G หรือโดยการคลิกลิงค์บนเว็บไซต์โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด นอกจากนี้ EVA สามารถรวมเข้ากับแอพมือถือได้ เอนจิ้น AI ที่ทรงพลังของ EVA นั้นสามารถกำหนดค่าที่ลูกค้าต้องการและส่งมอบข้อมูลที่ถูกต้อง และยามจำเป็นสามารถย้ายปฏิสัมพันธ์จาก บอตไปยังเจ้าหน้าที่ที่เป็นคนเพื่อทำให้แน่ใจว่าลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่องและราบรื่นจากการใช้บริการจากเจ้าหน้าที่ที่เป็นคน

ในฐานะที่เป็นโซลูชันฉลากสีขาว EVA เสนอแพลตฟอร์มที่มีตัวเลือกการใช้งานที่ยืดหยุ่นทั้งในตัวเครือข่ายเอง หรือที่สามารถเข้าถึงได้จากระบบคลาวด์ มันช่วยเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ด้วยการให้บริการ Video Call โดยใช้บริการบอตสำหรับคอลเซ็นเตอร์ สำหรับ SMB และลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่และสามารถลดค่าใช้จ่ายของศูนย์ติดต่อด้วยการโต้ตอบอัตโนมัติด้วยเสียงหรือด้วยการใช้บอตข้อความเพียงลำพัง

ประเด็นที่สำคัญ

  • เทคโนโลยีในปัจจุบันมีเครื่องมือที่สามารถควบคุมและปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าดิจิตอลด้วยการสร้างความผูกพันกับลูกค้าแบบที่ลูกค้าสามารถบริการตนเอง อย่างไรก็ตามในขณะที่ บอตแช็ต ผู้ช่วยดิจิตอลที่เปิดใช้งานด้วยเสียงและเทคโนโลยีอัตโนมัติอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันกำลังช่วยให้ธุรกิจต่างๆสามารถปรับขนาดและความคล่องตัวได้อย่างคุ้มค่า แตมันยังขาดสัมผัสของมนุษย์ที่จำเป็นสำหรับประสบการณ์ของลูกค้าที่น่าพอใจ
  • แอปพลิเคชั่น Engage Video Assistant ช่วยให้ผู้ให้บริการศูนย์บริการและธุรกิจต่าง ๆ สามารถ ทำสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้;
  • ทำให้การตอบโต้ การโอนสายและแอพมือถือหรือแอพแบบโต้ตอบด้วยเสียงพร้อมวิดีโอมีความเป็นมนุษย์
  • สร้างวิดีโอคำถามที่พบบ่อยสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หรือปัญหาการสนับสนุนลูกค้าทั่วไป
  • ปรับปรุงบอทที่มีอยู่และโซลูชันการตอบสนองด้วยเสียง (IVR) แบบโต้ตอบที่ยุ่งยาก
  • ปรับขนาดอินฟลูเอ็นเซอร์และทูตของแบรนด์ให้อยู่ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนผ่านการโต้ตอบกับลูกค้าในแบบของคุณ
  • ลูกค้าสามารถใช้ได้ตามเวลาที่ต้องการ – ทั้งกลางวันและกลางคืนวันธรรมดาหรือวันหยุด – ด้วยการโต้ตอบวิดีโอแบบส่วนตัว
  • Engage Video Assistant ถูกใช้งานโดย Reliance Jio ผู้ให้บริการ VoLTE ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้บริการสมาชิก 370 ล้านคนในอินเดียและช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจในการปรับปรุงการบริการลูกค้า ลดต้นทุนการสนับสนุนลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพของตัวแทน

“ประสบการณ์การโทรที่ไม่ต้องใช้แอพของ Radisys ช่วยให้ธุรกิจและผู้ให้บริการมอบประสบการณ์การโทรในแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน” Alan Quayle ที่ปรึกษาอิสระและผู้ก่อตั้ง TADHack และ TADHack Summit กล่าว “ การบูรณาการรวมเข้าด้วยกันได้อย่างง่ายดายช่วยลดต้นทุนการสนับสนุนลูกค้า และปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการช่วยให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่ต้องการเร็วขึ้นแบบที่มีความเป็นส่วนตัวโดยเฉพาะ”

 "การใช้วิดีโอเป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยด้านประสบการณ์ เพิ่มจำนวนการคลิก และแปลงไปสู่การซื้อ" Al Balasco รองประธานฝ่ายโซลูชั่นการสื่อสารของ Radisys กล่าว "Engage Video Assistant เป็นแอพพลิเคชั่นบอตดิจิตอลตัวแรกที่รวมวิดีโอเสียงและข้อความเข้าด้วยกันเพื่อให้แบรนด์ที่พิเศษและการบริการลูกค้าที่แพร่หลายและปรับแต่งได้สำหรับการติดต่อลูกค้า B2B และ B2C ทุกที่ทุกเวลา"

เกี่ยวกับ Radisys

Radisys เป็นผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นและบริการด้านโทรคมนาคมแบบเปิด แพลตฟอร์มที่แยกออกจากกันและแบบบริการการรวมกันใช้ประโยชน์จากสถาปัตยกรรมและมาตรฐานอ้างอิงรวมกับซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์แบบเปิดทำให้ผู้ให้บริการสามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงแบบดิจิตอล โดย Radisys นำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลูชั่นแบบ end-to-end ตั้งแต่จุดปลายดิจิตอลไปจนถึงโซลูชันการเข้าถึงและแยกส่วนและเปิดกว้างไปจนถึงแอพพลิเคชั่นดิจิตอลที่น่าประทับใจและแพลตฟอร์มการมีส่วนร่วม องค์กรบริการเครือข่ายระดับโลกและมีประสบการณ์ช่วยมอบบริการครบวงจรเพื่อช่วยผู้ให้บริการสามารถสร้างและดำเนินการเครือข่ายที่ปรับขนาดได้และที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาที่เหมาะสมที่สุด สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดเยี่ยมชม www.Radisys.com.

Radisys®เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Radisys เครื่องหมายการค้าอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นทรัพย์สินของเจ้าของอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ดูคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52190634/en

ติดต่อ:

Nereus for Radisys

Lori Mesecke, +1-503-459-9150

lmesecke@nereus-worldwide.com

สมาคมธนาคารไทยพร้อมช่วยลูกหนี้ที่กระทบจากปัญหาเศรษฐกิจเต็มที่ และให้บริการการเงินต่อเนื่อง

Logo

กรุงเทพฯ–(THAI BUSINESS NEWS)–19 มีนาคม 2563

imgสมาคมธนาคารไทยร่วมกับธนาคารสมาชิกหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องมาตรการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อยที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ รวมทั้งได้มีการวางแผนร่วมกัน เพื่อให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่องภายใต้สภาวะต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกว่าธนาคารจะหยุดให้บริการ

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมสมาชิกสมาคมธนาคารไทยเมื่อคืนวันที่ 18 มีนาคม ภายหลังจากการได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงเช้า  ธนาคารสมาชิกพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งลูกค้ารายย่อย ตามมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ประกาศออกไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เช่น การให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ยโดยยังไม่ต้องชำระเงินต้น หรือการปรับลดการชำระขั้นต่ำในแต่ละเดือน รวมทั้งสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Soft Loan ที่เป็นความร่วมมือกับภาครัฐ ซึ่งกำลังจะออกมา โดยขณะนี้ ธนาคารต่าง ๆ อยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้า อย่างไรก็ตามหากลูกค้าที่ประสบปัญหาหรือคาดว่าจะประสบปัญหาและยังไม่ได้รับการติดต่อจากธนาคาร สามารถติดต่อธนาคารได้ทันที

สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 จนรัฐบาลประกาศให้ปิดสถานบริการบางประเภทนั้น สมาคมธนาคารไทย ธนาคารสมาชิก และ ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการวางแผนเพื่อความต่อเนื่องในการให้บริการในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพื่อให้มั่นใจว่าการให้บริการทางการเงิน จะไม่หยุดชะงัก ประชาชนจะสามารถใช้บริการที่จำเป็นจากธนาคารต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น มีการเตรียมเงินสดในตู้เอทีเอ็มให้ประชาชนถอนได้  ระบบไอทีของธนาคารให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถใช้บริการทางการเงินที่จำเป็นได้

สมาคมธนาคารไทย ขอให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปมั่นใจว่าบริการทางการเงิน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบเศรษฐกิจ จะสามารถดำเนินต่อเนื่องไปได้ โดยเฉพาะระบบการชำระเงิน ที่ได้นำระบบการชำระเงินแบบดิจิทัล เช่น พร้อมเพย์มาใช้จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้บริการต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

นักวิจัยของมหาวิทยาลัย NTHU พัฒนาแอพ AI เพื่อสร้างโฆษณาที่สะดุดตากลุ่มลูกค้า

Logo

ซินจู๋ ไต้หวัน–(บิสิเนสไวร์)–18 มี.ค. 2563

ทีมวิจัยสหวิทยาการจากมหาวิทยาลัย NTHU นำโดยรองศาสตราจารย์ Wu Shan-hung ของภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ รองศาสตราจารย์ Liu Yi-wen จากภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และศาสตราจารย์ Cheng-shang จากสถาบันวิศวกรรมการสื่อสารได้พัฒนาระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตโฆษณาดิจิทัล  โดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากผู้ใช้ ระบบจะสร้างภาพและเพลงหลากหลายขึ้นมาให้มนุษย์ได้ปรับแต่งให้เป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อช่วยลดเวลาและต้นทุนในการผลิตโฆษณาอย่างมาก

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20200318005022/en/

A research team led by Wu Shan-hung (left) and Liu Yi-wen of NTHU has developed an AI App for generating catchy ads. (Photo: National Tsing Hua University)

ทีมวิจัยนำโดย Wu Shan-hang (ซ้าย) และ Liu Yi-wen ของ NTHU ได้พัฒนาแอพ AI สำหรับสร้างเพื่อสร้างโฆษณาที่สะดุดตากลุ่มลูกค้า (ภาพ: National Tsing Hua University)

คุณ Wu และ Chang ได้ออกแบบแอพพลิเคชั่นเครือข่ายการผลิตโฆษณา conditional generative adversarial network (CGAN) ที่สามารถสร้างโฆษณาจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเก็บเกี่ยวข้อมูลจำนวนมากจากอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นเพียงให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการโฆษณาทำการแก้ไขโฆษณาและเพิ่มการตกแต่ง

คุณ Wu อธิบายว่าแอพพลิเคชั่นนี้ทำการวิเคราะห์เครือข่ายโซเชียลซึ่งกำหนดองค์ประกอบยอดนิยมและการตั้งค่าของผู้ใช้เพื่อสร้างโฆษณาดิจิทัลที่สะดุดตาและเค้าโครงหน้าจอที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่นผู้ใช้ป้อนภาพถ่ายของชุดเตียงที่มีวงกลมล้อมรอบเตียงและระบบจะสร้างโฆษณาที่หลากหลายโดยเน้นถึงลักษณะเฉพาะของเตียง

แอพพลิเคชันยังสามารถสร้างโฆษณาที่มีโมเดล ตัวอย่างเช่นผู้ใช้ป้อนภาพถ่ายของนักแสดงเคียนู รีฟส์แล้ววงกลมส่วนที่ต้องการเก็บไว้เช่นหน้าผากและดวงตาและระบบจะรวมคุณสมบัติเหล่านี้ไว้ในภาพใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกัน

ทีมของ Wu ทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพ AppFinca เพื่อออกแบบหน้าเว็บใหม่สำหรับแอพที่ชื่อว่า “Flora”  หลังการวิเคราะห์ทางทีมได้เปลี่ยนสโลแกนโฆษณาของ Flora เป็น “He grows trees, and you grow up” และยังได้ออกแบบธีมสีที่มีชีวิตชีวาเพื่อแทนธีมสีเก่าของเพจที่ค่อนข้างจืดชืด

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลให้ Flora พุ่งขึ้นไปอยู่ในอันดับต้นๆ ของการจัดอันดับของเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพฟรีของ Apple App Store สำหรับไต้หวันโดยสูงกว่า Gmail  รองประธาน AppFinca Sun Zhen-wei กล่าวว่าได้ใช้งบเพียง 60% ของงบโฆษณาเดิม

นอกจากนี้ แอพพลิเคชั่นที่พัฒนาโดยทีมวิจัยยังสามารถแต่งจิงเกิ้ลได้ โดยได้รวบรวม 600 เพลงเพื่อใช้ในการฝึกระบบเพื่อสร้างจิงเกิ้ลตามเนื้อเพลงและทำนอง โดยสามารถปรับระดับเสียงและจังหวะได้  แม้ว่าจิงเกิ้ลที่แต่งขึ้นมานั้นอาจจะไม่ถึงขั้นชิงรางวัล Grammy Award แต่ก็ช่วยเร่งกระบวนการสร้างสรรค์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ทีมวิจัยได้ตีพิมพ์บทความทั้งหมด 19 เรื่องเกี่ยวกับงานวิจัยและยังได้นำเสนอผลงานในการประชุมการประมวลผลเสียงและการพูด Conference on Neural Information Processing Systems and the International Conference on Acoustics, Speech, and Signal Processing นอกจากนี้ ทางทีมกำลังเจรจากับ United Microelectronics, Asus เพื่อการใช้ระบบเพื่อการพาณิชย์

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200318005022/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
(886) 3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

บริษัทด้านการเงินนิยมใช้ไฮบริดคลาวด์ เพราะตอบโจทย์ความจำเป็นด้านความปลอดภัยและมีความยืดหยุ่น รายงานประจำปีที่ 2 ของนูทานิคซ์พบว่า 71% ของบริษัทที่ให้บริการด้านการเงิน ย้ายเวิร์กโหลดจากพับลิคคลาวด์ กลับมายังระบบอยู่ภายในองค์กร

Logo

กรุงเทพฯ – 17 มีนาคม 2563 – นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านคลาวด์คอมพิวติ้งสำหรับองค์กร เผยผลสำรวจด้านอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน จากรายงานดัชนีการใช้คลาวด์ขององค์กร (Enterprise Cloud Index: ECI) ซึ่งสำรวจเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยวัดผลจากแผนการใช้ไพรเวท ไฮบริด และพับลิคคลาวด์ขององค์กรด้านการเงิน ผลสำรวจพบว่าอุตสาหกรรมการเงินมีการใช้ไฮบริดคลาวด์มากกว่าอุตสาหกรรมอื่นทั้งหมดที่ทำการสำรวจ ด้วยการโฮสต์เวิร์กโหลดไว้ทั้งบนไพรเวทและพับลิคคลาวด์ ในขณะที่ใช้บริการด้านมัลติเพิลคลาวด์น้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่น

การที่บริษัทผู้ให้บริการด้านการเงินส่วนใหญ่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎระเบียบที่เข้มงวดของภาครัฐ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าความปลอดภัยเป็นสิ่งเดียวที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อกลยุทธ์การใช้คลาวด์ในอนาคต

imgนอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าบริษัทที่ให้บริการทางการเงินยังคงติดตั้งแอปพลิเคชั่นสำคัญ ๆ บนศูนย์คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมสูงสุดกว่า 59% เนื่องจากองค์กรหลายแห่งยังติดขัดเรื่องการเคลื่อนย้ายเวิร์กโหลดไปมาระหว่างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ต่างกัน

แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ภาคการเงินต้องเผชิญกับความกดดันที่จะต้องปรับปรุงระบบไอทีให้ทันสมัย เพื่อมอบความสะดวกในการใช้บริการต่าง ๆ ให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นคำอธิบายได้ว่าทำไมบริษัทด้านการเงินเกือบ 18% จึงใช้ไฮบริดคลาวด์แล้วในปัจจุบัน ในขณะที่ 51%
มีการวางแผนที่จะเปลี่ยนไปลงทุนกับไฮบริดคลาวด์ภายในระยะเวลาเพียงสามถึงห้าปีเท่านั้น

ผลสำรวจสำคัญอื่น ๆ จากรายงานนี้

  • ความยืดหยุ่นในการเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชั่นได้ตามต้องการเป็นสิ่งจำเป็นมาก ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบสามในสี่ (71%) ระบุว่าพวกเขาวางแผนที่จะย้ายแอปพลิเคชั่นอย่างน้อยหนึ่งแอปหรือมากกว่านั้นที่ทำงานอยู่บนพับลิคคลาวด์กลับไปยังระบบ และดาต้าเซ็นเตอร์ที่อยู่ภายในองค์กร (on-premises)

การที่ข้อกำหนดด้านกฎระเบียบต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการเงินมีการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทเหล่านี้ต้องตามให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่ภาครัฐกำหนดว่าบริษัทด้านการเงินสามารถเก็บหรือบริหารจัดการข้อมูลของตน ณ ที่ใด

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามยังจัดให้ไฮบริดคลาวด์เป็นรูปแบบการดำเนินงานด้านไอทีที่ปลอดภัยที่สุด (27%) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความยืดหยุ่นที่ต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

  • อนาคตของการทำงานและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล มีบทบาทในการตัดสินใจของธุรกิจด้านการเงินว่าจะใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบใด ผลสำรวจพบว่าเกือบ 30% ของผู้ให้บริการด้านการเงินได้เลือก “การให้การสนับสนุนการทำงานของผู้ใช้งานที่อยู่ ณ สาขาต่าง ๆ” เป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจเลือกใช้ระบบคลาวด์ ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมทั้งหมดอย่างมีนัยสำคัญ เป็นการชี้ให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องกันของสถานที่ทำงานที่อยู่ห่างออกไปและบทบาทของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในแง่ที่เกี่ยวกับประสบการณ์ของลูกค้ามากขึ้น

ผู้ตอบแบบสอบถามระบุความกังวลในการใช้งานที่จะเกิดในระยะสั้นไว้ว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการเริ่มใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อบริหารจัดการสภาพแวดล้อมไฮบริด (66%), การขาดทักษะด้านไฮบริดคลาวด์ (30%) และการขาดทักษะในการพัฒนาทักษะด้านคลาวด์-เนทีฟ (23%)

  • ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อมูลจากผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าบริษัทด้านการเงินใช้ศูนย์ข้อมูลในอัตราที่สูงที่สุดในปัจจุบัน คือมากกว่า 59%
    ของบริษัทด้านการเงิน

ความโน้มเอียงจากผลสำรวจนี้คือไม่พึงพอใจกับการใช้พับลิคคลาวด์ มีเพียง 39% ของบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินเท่านั้นที่ระบุว่าบริการพับลิคคลาวด์ตอบความคาดหวังของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์

นายเกร็ก สมิท รองประธานฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของนูทานิคซ์ กล่าวว่า "การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาคการเงินกำลังผลักดันให้เกิดการปรับปรุงดาต้าเซ็นเตอร์ให้ทันสมัยและเกิดการใช้คลาวด์อย่างรวดเร็ว
ผลสำรวจที่ออกมาว่าบริษัทต่าง ๆ เห็นว่าการวางแผนเปลี่ยนไปลงทุนในไฮบริดคลาวด์เป็นสิ่งจำเป็นแม้จะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามสูง แสดงให้เห็นว่าบริษัทด้านการเงินเหล่านั้นตระหนักถึงประโยชน์ที่จะได้รับอย่างชัดเจน การใช้โครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริดคลาวด์ ช่วยให้บริษัทด้านการเงินสามารถเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชั่นไปมายังคลาวด์ระบบต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายด้านไอทีได้อย่างมาก ในขณะที่ยังคงมั่นใจว่าข้อมูลของตนมีความปลอดภัย

ผู้ตอบแบบสอบถามในการสำรวจประจำปี 2562 นี้มาจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และธุรกิจหลายขนาดในอเมริกา, ยุโรป-ตะวันออกกลาง-แอฟริกา (EMEA) และเอเชียแปซิฟิก-ญี่ปุ่น

ท่านสามารถดาวน์โหลดรายงานนี้ได้ที่ “Nutanix Enterprise Cloud Index 2019” หรือลงทะเบียนเพื่อเข้าดูข้อมูลผลสำรวจของอุตสาหกรรมบริการทางการเงินได้ที่นี่

เกี่ยวกับนูทานิคซ์

นูทานิคซ์เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ ช่วยให้การประมวลผลทางคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นได้ทุกที่ บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกใช้ซอฟต์แวร์ของนูทานิคซ์ เพื่อใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเพียงแพลตฟอร์มเดียว ในการบริหารจัดการแอปพลิเคชั่นได้ทุกแอป ทุกที่ และทุกขนาด ไม่ว่าแอปพลิเคชั่นนั้นจะอยู่บนสภาพแวดล้อมแบบไพรเวท ไฮบริด และมัลติคลาวด์ก็ตาม เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนูทานิคซ์ได้ที่ www.nutanix.com หรือติดตามทางทวิตเตอร์ที่ @nutanix

© 2020 Nutanix, Inc. All rights reserved. Nutanix, the Nutanix logo and all Nutanix product and service names mentioned herein are registered trademarks or trademarks of Nutanix, Inc. in the United States and other countries. All other brand names mentioned herein are for identification purposes only and may be the trademarks of their respective holder(s). This release may contain links to external websites that are not part of Nutanix.com. Nutanix does not control these sites and disclaims all responsibility for the content or accuracy of any external site. Our decision to link to an external site should not be considered an endorsement of any content on such a site.

ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

ทวิพงศ์ อโนทัยสินทวี

ผู้จัดการ นูทานิคซ์ (ประเทศไทย)

โทรศัพท์ 02 624 0542

อีเมล: thawipong.a@nutanix.com   

ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อ

นภา สุทธิญาณโสภณ

บริษัท เอฟเอคิว จำกัด

โทรศัพท์ 02 970 6051

อีเมล: napa@pc-a.co.th  

CTC Global ประกาศระบบ ACCC InfoCore™ และการวางระบบเชิงพาณิชย์ครั้งแรก

Logo

เออร์ไวน์ แคลิฟอร์เนีย–(บิสิเนสไวร์)–16 มี.ค. 2563

CTC Global ได้ก้าวหน้าในเทคโนโลยีตัวนำไฟฟ้าด้วยระบบ ACCC InfoCore™ ซึ่งทำให้สามารถติดตั้ง ACCC® Conductor ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ระบบ ACCC InfoCore™ ช่วยลดความเสี่ยงในการติดตั้งตัวไฟฟ้าสำหรับสาธารณูปโภค ผู้รับเหมา และผู้ติดตั้งระบบไฟฟ้าทั่วโลก  ผู้เชี่ยวชาญที่เหล่านี้ทราบดีว่าแม้จะมีเครื่องมือ อุปกรณ์ และสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดอุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้  ด้วยการใช้ระบบแสงอินฟราเรด เส้นใยพิเศษในแกนกลาง และวิธีการเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพระบบ InfoCore สามารถยืนยันความสมบูรณ์ของตัวนำได้ในเวลาไม่กี่นาที  ความสามารถนี้มีสร้างความมั่นใจต่อสาธารณูปโภคและผู้รับเหมายิ่งขึ้น

“CTC Global และพันธมิตรการผลิตได้ให้การสนับสนุนการติดตั้งตัวนำ ACCC รวมประมาณ 100,000 กิโลเมตรในโครงการกว่า 750 โครงการสำหรับสาธารณูปโภคมากกว่า 250 แห่งในกว่า 50 ประเทศและระบบนิเวศแทบทุกประเภท  ประสบการณ์ครั้งใหญ่นี้สอนเราสองสิ่ง – สิ่งแรกคือตัวนำ ACCC นั้นติดตั้งได้ง่ายด้วยเครื่องมือและแนวทางการจัดการที่เหมาะสม  สิ่งที่สองคือโลกแห่งความจริงเป็นสถานที่เต็มไปด้วยอุปสรรคสำหรับโครงการต่างๆ” JD Sitton ซีอีโอของ CTC Global กล่าว “ลูกค้าสาธารณูปโภคของ CTC Global ได้เรียกร้องถึงวิธีที่รวดเร็ว ถูกต้อง และง่ายต่อการใช้เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ของตัวนำ ACCC.  ระบบ InfoCore ทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างดีเยี่ยม”

Anne McDowell รองประธานฝ่ายปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ของ CTC กล่าวเสริมว่า “ทีมงานของเราทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรการผลิตของ CTC และสาธารณูปโภคหลักในการพัฒนา ทดสอบ และปรับแต่งระบบ InfoCore” เธอกล่าวต่อว่า “ฉันยินดีที่จะประกาศการติดตั้ง ACCC InfoCore Conductor รูปแบบเต็มครั้งแรกสำหรับ Elia ในการอัพเกรดสาย 66 kV ใกล้เมืองมอนส์ ประเทศเบลเยี่ยม  โดยสายที่ได้รับการอัพเกรดนี้ให้บริการศูนย์ข้อมูลใหม่ที่สำคัญในภูมิภาค  ระบบ InfoCore ทำงานได้ยอดเยี่ยมเกินความคาดหมาย”

เกี่ยวกับ CTC Global:

CTC Global เป็นบริษัทเอกชนผู้พัฒนา ทำการตลาด และผลิตแกนคาร์บอนไฟเบอร์คอมโพสิตที่ใช้ในตัวนำ ACCC® Conductor ประสิทธิภาพสูงและโซลูชั่นสายไฟฟ้าแรงสูง  CTC Global ให้บริการบริษัทสาธารณูปโภคและอุตสาหกรรมทั่วโลกและได้ให้บริการ ACCC Core ที่ใช้ในโครงการตัวนำ ACCC กว่า 750 โครงการโดยมีตัวนำไฟฟ้าเหนือศีรษะที่ประหยัดพลังงานและมีประสิทธิภาพรวมเกือบ 100,000 กิโลเมตรในปัจจุบัน  CTC Global มีสำนักงานใหญ่ในเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณา ไปที่ www.ctcglobal.com

อ่านฉบับที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200316005155/en/

ติดต่อ:

CTC Global
Tyler Dalton
+1 (949) 428-8500
tdalton@ctcglobal.com

OpenSesame ให้การเข้าถึงการเตรียมพร้อมรับมือโคโรนาไวรัส หรือ Coronavirus Preparedness และการฝึกอบรมทางไกลฟรี

Logo

บริษัทต่างๆหันมาใช้การเรียนทางไกล หรือ elearning เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ coronavirus และเตรียมความพร้อมในการทำงานและฝึกอบรมจากระยะไกล

พอร์ตแลนด์, โอเรกอน.–(BUSINESS WIRE)–15 มีนาคม 2563

OpenSesame ผู้คิดค้นนวัตกรรมระดับโลกประกาศการเข้าถึงการเตรียมความพร้อมรับมือ coronavirus และการฝึกอบรมการทำงานระยะไกลแบบไม่จำกัด สำหรับองค์กรใด ๆ จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ข้อเสนอนี้รวมถึงหลักสูตรการเรียนรู้การป้องกันโรค coronavirus และโรคอื่น ๆ รวมถึงการทำงานและการจัดการพนักงานทางไกล  ในหลากหลายภาษา

“ที่ OpenSesame เรามุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนลูกค้าและ บริษัทใด ๆ ของเราอย่างเต็มที่ในการปกป้องพนักงานของพวกเขารวมถึงสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานของพวกเขา” Don Spear ซีอีโอกล่าว “ ด้วยผลกระทบของ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณทุกวันการขยายตัวของการห้ามมีการเดินทางและการจัดฝึกอบรมทำให้พวกเราไม่มีทางเลือกอีกต่อไป elearning หรือการเรียนออนไลน์ทางไกล นำเสนอทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรในการฝึกอบรมและปกป้องพนักงานของพวกเขา”

จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 องค์กรใด ๆ ก็จะสามารถเข้าถึงหลักสูตรฟรีเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมรับมือ coronavirus ตลอดจนถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการทำงานระยะไกลเพื่อปรับใช้กับพนักงานเหล่านี้ได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเข้าใช้หลักสูตรได้ฟรีไปที่ go.opensesame.com/free-offer.

เกี่ยวกับ OpenSesame

OpenSesame ช่วยพัฒนาหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพและที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดในโลก ด้วยแคตตาล็อกที่ครอบคลุมที่สุดของหลักสูตร elearning จากผู้เผยแพร่ชั้นนำของโลก เราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือคุณในทุกขั้นตอนตั้งแต่การค้นหาหลักสูตร การทำแผนที่หลักสูตร ตลอดไปจนถึงความสามารถหลักของคุณการซิงค์กับ LMS ของคุณเพื่อเพิ่มการใช้ประโยชน์ และปรับปรุงโปรแกรม L&D ของคุณ  คุณไม่เพียงแต่จะได้รับความยืดหยุ่นในตัวเลือกการซื้อที่หลากหลายจาก OpenSesame  เพียงเท่านั้น คุณจะยังพบว่าการใช้และการจัดการหลักสูตร elearning นั้นเป็นไปได้อย่างง่าย ๆ หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมโปรดไปที่ www.opensesame.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200314005030/en/

ติดต่อ:

Diane Haines

OpenSesame

+1 (503) 808-1268

diane.haines@opensesame.com

CGTN: ข้อมูลล่าสุดแสดงผู้ป่วยกว่า 36,000 รายฟื้นตัวแล้วในอู่ฮั่น

Logo

ปักกิ่ง–(BUSINESS WIRE)–15 มีนาคม 2563

ในเมืองอู่ฮั่นภาคกลางของจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการระบาดของโรคโคโรนาไวรัส COVID-19 รายงานผู้ป่วยได้ลดจำนวนเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว โดยมีการรายงานผู้ป่วยเพียงสี่รายเท่านั้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจากการรายงานวิดีโอของ CGTN

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีคุณสมบัติด้านมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่:https://www.businesswire.com/news/home/20200314005025/en/

ดูวิดิโอเต็มได้ที่:https://news.cgtn.com/news/2020-03-14/Fight-to-Reunite-How-Wuhan-tackled-COVID-19-ORhUCzRIGs/index.html

ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยกว่า 36,000 คนได้ฟื้นตัวในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งคิดเป็นกว่าร้อยละ 70 ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด เมืองที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในมณฑลหูเป่ยตอนกลางของจีนก็กำลังจะฟื้นตัวเช่นกัน

เพราะมีผู้ป่วยจำนวนมากออกจากโรงพยาบาลได้ โรงพยาบาลชั่วคราวทั้ง 14 แห่งในเมืองจึงปิดตัวลงในสัปดาห์นี้

โรงพยาบาลเหล่านี้ดัดแปลงจากสถานที่สาธารณะเพื่อให้เกิดการรักษาทันเวลาสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง โดยสามารถรับผู้ป่วยได้มากกว่า 12,000 ราย

ความก้าวหน้าที่น่าทึ่งดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ การระดมทรัพยากรทางการแพทย์แห่งชาติอย่างรวดเร็วมีบทบาทสำคัญในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค

มีเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์รวม 42,000 คนจากทั่วประเทศถูกส่งไปยังจังหวัดนี้ สำหรับการต่อสู้ในหูเป่ย ตลอดจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ประมาณ 65,000 ชิ้นซึ่งรวมถึงเครื่องช่วยหายใจและ ECMO (ปอดเทียม) ซึ่งถูกส่งไปยังหูเป่ยภายในวันที่ 3 มีนาคม

แผนการรักษา เช่น การช่วยหายใจและการรักษาด้วยพลาสมาได้รับการทดสอบและถูกนำไปปรับใช้ การแพทย์แผนจีนได้ช่วยบรรเทาอาการของผู้ป่วยจำนวนมากและช่วยลดระยะเวลาในการรักษา

โฆษกของรัฐบาลกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าด้วยมาตรการที่ได้ดำเนินการไป ทำให้จีนได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดของการระบาดไปแล้ว

นอกหูเป่ยธุรกิจต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ผุดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง บริษัทขนาดใหญ่กว่า ร้อยละ 95 ที่มีขนาดตามที่กำหนดไว้ได้กลับมาดำเนินกิจการต่อแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ดร. Bruce Aylward หัวหน้าทีมภารกิจ China-WHO ที่ทำงานด้าน COVID-19 กล่าวว่าการเลียนแบบความสำเร็จของการตั้งรับของจีนในที่อื่น ๆ จะต้องใช้ความเร็ว เงิน จินตนาการ และความกล้าหาญทางการเมือง

เกี่ยวกับ CGTN

CGTN มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่งดำเนินงานทางโทรทัศน์และออนไลน์ในฐานะองค์กรสื่อหลายภาษาและหลายแพลตฟอร์ม มีทีมงานมืออาชีพระดับนานาชาติ และตั้งอยู่ที่กรุงไนโรบี วอชิงตันดีซี และลอนดอน

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200314005025/en/

ติดต่อ:

Jiang Simin, +86 18826553286

Jiang.simin@cgtn.com

www.cgtn.com

The Bangkok Reporter