มหาวิทยาลัย Singularity University เตรียมเป็นเจ้าภาพการประชุมออนไลน์เพื่อไขข้อสงสัยและอธิบายข้อเท็จจริงและผลกระทบของ COVID-19

Logo

ไลฟ์สตรีมฟรีสามวันนี้จัดขึ้นเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพและผลกระทบต่อชุมชนและรัฐบาล

–(บิสิเนสไวร์)–13 มี.ค. 2563

Singularity University:

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20200312005894/en/

COVID-19: The State & Future of Pandemics hosted by Singularity University (Graphic: Business Wire)

โควิด-19: สถานะปัจจุบันและอนาคตของการระบาดของโรคที่จัดทำโดย Singularity University (กราฟิก: บิสิเนสไวร์)

อะไร:การประชุมออนไลน์ – โควิด-19: สถานะปัจจุบันและอนาคตของความท้าทายและวิธีแก้ปัญหาการแพร่กระจายของโรคระบาด

ใคร: คณะและผู้เชี่ยวชาญจาก Singularity University

เมื่อไร: 16-18 มีนาคม

สถานที่: การประชุมไลฟ์สตรีมออนไลน์

หัวข้อ & พรีเซนเตอร์:

  • ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับ โควิด-19 การติดตามการระบาดของโรค และการพัฒนาวัคซีน – ดร. Divya Chander
  • สถานะของการตอบสนองต่อ COVID-19 ทั่วโลก – ดร. Daniel Kraft
  • การตอบสนองของรัฐบาลและองค์กร – ดร. Eric Rasmussen
  • ห้าสิ่งผู้นำของคุณต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ก้าวหน้าในสภาพแวดล้อมทำงานจากบ้าน Charlene Li
  • การใช้โลกเสมือนจริงในช่วงเวลาการหยุดชะงักการเดินทาง – Aaron Frank
  • เสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทของคุณจากภัยคุกคาม – Chipp Norcross และ Paul D. Roberts
  • รวมความคิดและบทสรุป – Dr. Tiffany Vora

กำหนดการและการลงทะเบียน

อ่านที่มาบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200312005894/en/

หากต้องการพูดคุยกับผู้นำเสนอของเรากรุณาติดต่อ Adolph Hunter, Managing Director Corporate Communications (กรรมการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กร) ที่ adolph.hunter@su.org : + 1-650-200-3434

จากการวิเคราะห์โดย OAG การห้ามการเดินทางครั้งใหม่ส่งผลกระทบผู้โดยสารสายการบินเกือบ 2 ล้านที่นั่ง

Logo

10.9% ของเที่ยวบินระหว่างประเทศของสหรัฐฯ และ 16.9% ของผู้โดยสารที่มีกำหนดเดินทางระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบ

ลอนดอน & สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–12 มีนาคม 2563

OAG ผู้ให้บริการข้อมูลและข้อมูลเชิงลึกด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก เผยแพร่บทวิเคราะห์ล่าสุดเกี่ยวกับผลกระทบทั่วโลกที่เกิดขึ้นในตลาดการเดินทางท่องเที่ยวทางอากาศจากการระบาดของโคโรนาไวรัส

การห้ามเดินทางจากยุโรปมายังสหรัฐอเมริกาจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลก โดยจะส่งผลกระทบต่อ 10.9% ของสายการบินระหว่างประเทศทั้งหมด และ 16.9% ของผู้โดยสารที่มีกำหนดเดินทางระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศในกลุ่มเชงเกน โดยรวม เที่ยวบิน 6,747 เที่ยว และผู้โดยสารราว 2 ล้านที่นั่งจะได้รับผลกระทบในแต่ละเที่ยวการเดินทางตลอดสี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้

สายการบินเดลต้าและสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลนส์เป็นสายการบินของสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยเที่ยวบินที่ได้รับผลกระทบของทั้งสองสายการบินรวมกันมีถึง 31% สายการบินลุฟต์ฮันซาเป็นสายการบินยุโรปที่ได้รับผลกระทบสูงสุด (13%) สำหรับประเทศในยุโรปที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ ซึ่งให้บริการเที่ยวบินคิดเป็น 57% ของเที่ยวบินทั้งหมดที่บินระหว่างกลุ่มประเทศเชงเกนและสหรัฐฯ

“ไวรัส COVID-19 ได้ทำให้เกิดการหยุดชะงักในวงกว้างที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในตลาดการเดินทางทางอากาศ” John Grant นักวิเคราะห์ด้านการบินอาวุโสของ OAG กล่าว “สถานการณ์ตอนนี้ไม่แน่นอนเอามาก ๆ เป็นเพราะข้อห้ามการเดินทางต่าง ๆ จำนวนและตารางของสายการบินที่มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน คาดว่าจะมีการยกเลิกเที่ยวบินจากสหรัฐฯ ไปยังยุโรปอีกจำนวนมหาศาลในวันอีกไม่กี่วันหลังจากนี้”

จากข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 ในเดือนเมษายน 2563 นี้มีเที่ยวบินแบบเดินทางเที่ยวเดียวทั้งหมด 13,169 เที่ยวที่มีกำหนดเดินทางจากยุโรปไปยังสหรัฐฯ รวมทั้งจากสหราชอาณาจักร ประเทศที่มีเที่ยวบินกำหนดเดินทางสู่สหรัฐฯ มากที่สุดได้แก่สหราชอาณาจักร (4,121 เที่ยว) เยอรมนี (1741 เที่ยว) ฝรั่งเศส (1,570 เที่ยว) เนเธอร์แลนด์ (1,212 เที่ยว) และสเปน (851 เที่ยว)

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปยังหน้าเว็บไซต์ของ OAG ที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ที่: https://www.oag.com/coronavirus-airline-schedules-data

เกี่ยวกับ OAG

OAG เป็นผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางชั้นนำระดับโลกที่เสริมสร้างการเติบโตและนวัตกรรมของระบบนิเวศการเดินทางทางอากาศตั้งแต่ ปี 2472

OAG มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรมีการดำเนินงานทั่วโลกทั้งในสหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ลิทัวเนีย และจีน

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่: www.oag.com และสามารถติดตามเราทาง Twitter ได้ที่ @OAG Aviation.

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200312005629/en/

ข้อมูลติดต่อสำหรับสื่อ:
UK & ROW
Katy Ludwell
ผู้จัดการการตลาด
pressoffice@oag.com

มหาวิทยาลัยไต้หวันพัฒนาวิธีการใหม่ในการรักษาโรคพาร์กินสัน

Logo

ซินจู๋ ไต้หวัน–(บิสิเนสไวร์)–12 มี.ค. 2563

อัลตร้าซาวด์เป็นกระบวนการตรวจร่างกายที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยมีแผนจะประยุกต์ใช้ในการรักษาโรคพาร์คินสัน สมองเสื่อม และโรคเบาหวาน  ทีมวิจัยที่มหาวิทยาลัย National Tsing Hua University (NTHU) นำโดยรองศาสตราจารย์ Yu-Chun Lin จาก Institute of Molecular Medicine และศาสตราจารย์ Chih-kuang Yeh ของ Department of Biomedical Engineering and Environmental Sciences ได้ประสบความสำเร็จในการรักษาอาการของโรคพาร์คินสันในหนูโดยการฉีดโปรตีนเซลลูล่าร์ที่มีความไวต่อคลื่นอัลตร้าซาวด์สูงในบริเวณสมองส่วนลึกและหลังจากนั้นใช้อัลตร้าซาวด์เพื่อกระตุ้นเซลล์ประสาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/20200311005032/en/

A research team led by Yu-Chun Lin (left) and Chih-kuang Yeh of NTHU has expanded application of ultrasound to the treatment of Parkinson's disease. (Photo: National Tsing Hua University)

ทีมวิจัยนำโดย Yu-Chun Lin (ซ้าย) และ Chih-kuang Yeh จาก NTHU ได้ขยายการประยุกต์ใช้อัลตราซาวด์ไปยังการรักษาโรคพาร์กินสัน (ภาพ: National Tsing Hua University)

งานวิจัยนวัตกรรมของทางมหาวิทยาลัยได้ตีพิมพ์ใน Nano Letters ฉบับเดือนมกราคมและได้จดสิทธิบัตรในไต้หวันและสหรัฐอเมริกาแล้ว

รองศาสตราจารย์ Lin ได้พยายามค้นหาวิธีการควบคุมการทำงานของเซลล์ที่ปลอดภัยและไม่รุกรานมาเป็นเวลานาน  แม้ว่าคลื่นแสงจะปลอดภัยแต่สามารถเจาะเข้าไปในระดับความลึกประมาณ 0.2 ซม. เท่านั้นและขาดความแม่นยำ  ในทางกลับกันคลื่นอัลตร้าซาวด์จะแทรกซึมได้ลึกถึง 15 ซม. และสามารถเล็งไปที่ส่วนที่ต้องการ  ดังนั้นความโจทย์ต่อไปคือวิธีการทำให้เซลล์ตอบสนองต่ออัลตร้าซาวด์

รองศาสตราจารย์ Lin กล่าวว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกือบทั้งหมดมีโปรตีนความดันหูสูงที่มีชื่อว่าเพรสติน  อย่างไรก็ตามเพรสตินในร่างกายมนุษย์มีความไวต่ออัลตร้าซาวด์น้อย  ในทางกลับกันเพรสตินในปลาโลมา ปลาวาฬ และค้างคาวโซนาร์มีความไวสูงต่อคลื่นเสียงความถี่สูง  ในเปรียบเทียบลำดับโปรตีนเพรสติน Lin พบว่าสัตว์เหล่านี้มีกรดอะมิโนพิเศษ โดยได้นำมารวมตัวกันในเซลล์ของหนูเพื่อปรับเปลี่ยนโปรตีนเพรสติน  สิ่งนี้ส่งผลให้ความสามารถของเซลล์ในการรับอัลตร้าซาวด์เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่าทันที

เป้าหมายต่อไปของรองศาสตราจารย์ Lin คือการหาวิธีใช้อัลตราซาวด์ในการรักษาโรค ซึ่งเขาได้หันไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านอัลตราซาวด์ ศาสตราจารย์ Yeh ผู้ที่ได้คิดค้นวิธีการใส่ชิ้นส่วนของยีนเพรสตินในฟองอากาศขนาดเล็กซึ่งสามารถนำเข้าสู่พื้นที่เป้าหมายโดยการฉีด  ทันทีที่มีการใช้อัลตร้าซาวด์ ฟองอากาศจะแตกตัวและนำชิ้นส่วนของยีนเข้าสู่เซลล์เป้าหมายเพื่อเปิดใช้งานความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่ออัลตร้าซาวด์

“โรคพาร์กินสันและโรคอัลไซเมอร์เกิดจากการเสื่อมสภาพและการตายของเซลล์ในสมอง  เมื่อมีการปลูกถ่ายเซลล์ที่มีชิ้นส่วนของยีนเพรสตินในพื้นที่เป้าหมายนั้นสามารถใช้อัลตราซาวนด์ในการกระตุ้นเซลล์ที่เสื่อมเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อระบบประสาทใหม่ได้" ศาสตราจารย์ Yeh กล่าว

ทางทีมงานได้จัดทำวิดีโอแสดงหนูที่เป็นโรคพาร์กินสันหยุดตัวในขณะที่ข้ามสะพานและและการที่หนูตัวเดิมนี้สามารถข้ามสะพานอย่างง่ายดายหลังจากที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์  นอกจากนี้ยังพบว่าการรักษามีผลทำให้ระดับโดปามีนในสมองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการรักษาโรคพาร์กินสัน รองศาสตราจารย์ Lin กล่าวว่ากระบวนการเดียวกันนี้ยังสามารถใช้รักษาโรคเบาหวานด้วยการกระตุ้นเซลล์ที่ผลิตอินซูลิน

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200311005032/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
(886) 3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

การใช้งานเครือข่ายระบบสื่อสารแบบส่วนตัวของ Hytera เพื่อช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการรับมือและต่อสู้กับการการระบาดของไวรัสโควิด 19 ระดับโลก

Logo

เชินเจิ้น จีน–(บิสิเนสไวร์)–10 มี.ค. 2563

จากสถิติล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม 2563 มีการรายงานยอดผู้ป่วยโควิด-19 (ไวรัสโคโรน่า) รวม 90,000 รายทั่วโลก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากในเกาหลีใต้ อิตาลี และอิหร่าน  นอกจากนี้ ยังมีอีกแปดประเทศ ซึ่งมีรายงานดังกล่าว  โดยมี โปรตุเกส และ ซาอุดิอาระเบียรวมอยู่ด้วย

สามารถอ่านข่าวฉบับเต็ม ได้จากลิงค์ด้านล่าง:

https://www.businesswire.com/news/home/20200305005422/en/

Hytera Korea donated communication devices and medical supplies to medical center and government departments in South Korea. (Graphic: Business Wire)

Hytera Korea บริจาคอุปกรณ์สื่อสารและเวชภัณฑ์ให้กับศูนย์การแพทย์และหน่วยงานรัฐบาลในเกาหลีใต้ (กราฟิก: บิสิเนสไวร์)

การรับมือต่อการระบาดของโควิด ได้กลายเป็นเรื่องที่ท้าทายระดับโลก ปัจจัยทางด้านการบริหารจัดการของหน่วยงานต่างๆ อาทิ หน่วยงานแพทย์ และ ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานทางขนส่งมวลชน ภาคสังคม การควบคุม การใช้พื้นที่สาธารณะ ต่างๆ  มีผลต่อการควบคุมการระบาดของโรคอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ดังนั้นระบบการสื่อสารแบบ private network communications จึงมีความสำคัญในการส่งเสริมการทำงานของหน่วยงานดังกล่าวข้างต้น และช่วยการควบคุมการระบาดของโรคดังมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการสื่อสารเครือข่ายส่วนตัว ทาง Hytera ได้จัดตั้งทีมสนับสนุนขึ้นทันทีหลังจากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน โดยบริษัทได้ติดต่อคณะกรรมการสุขภาพ หน่วยการป้องกันและควบคุม สถาบันทางการแพทย์ และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรทั่วประเทศจีน เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยประสานงานระหว่าง องค์กรต่างๆ ดังกล่าว ทั้งนี้ทาง Hytera ยังได้บริจาคอุปกรณ์สนับสนุนด้านการสื่อสาร และบริการภาคสนามอีกด้วย      

ทาง Hytera  ไม่เพียงแต่จัดหาระบบการสื่อสารที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยในการสนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาล Wuhan ในช่วงระยะยเวลา 7 วัน แต่ยัง เสนอรูปแบบการจัดการ การป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งช่วยทำให้การวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยรายใหม่ และการช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการยับยั่งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอีกด้วย ในช่วงเวลาดังกล่าว ทาง Hytera ยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรค เช่น การบริจาคอุปกรณ์ทางด้านการแพทย์  ทางด้านการสื่อสาร และการบริการภาคสนาม 

นอกจากนี้ Hytera ยังได้บริจาคอุปกรณ์สื่อสารกว่า 3,000 เครื่องทั่วประเทศและจะเริ่มผลิตหน้ากากอนามัยเพื่อช่วยป้องกันและควบคุมโรคระบาด  โดยทางโรงงานของ Hytera ซึ่งมีการใช้เทคโนโลยี ที่ ล่ำสมัยได้ หันมาผลิต หน้ากากจำนวนมาก ทั้งนี้เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตได้ในเดือนมีนาคม

ระบบเครื่อข่ายแบบส่วนตัว สามารถช่วยส่งเสริมการสื่อสารแบบฉุกเฉิน  ควบคุมจัดการ เพื่อช่วยหน่วยงานของรัฐในการปฎิบัติงานในสถานการ์ดังกล่าว ระบบดังกล่าวได้นำไปใช้ในหลายประเทศกว่า  120 ประเทศ  ซึ่งเกียวข้องกับการงานทางด้าน ความปลอดภัยของสาธารณะ การขนส่ง การช่วยเหลือฉุกเฉิน และบริการ อาทิ  หน่วยงานการรักษาความปลอดภัยสาธารณะของเนเธอร์แลนด์ กรมตำรวจในลอนดอน โครงการเกียวกับทางด้านความปลอดภัยในประเทศโครเอเชีย โครงการช่วยเหลือฉุกเฉินในคาซัคสถาน และกรมตำรวจของจอร์แดน ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ Hytera ได้บริจาคอุปกรณ์สื่อสารและเวชภัณฑ์ให้กับ Keimyung University Dongsan Medical Center และศาลากลาง Dalseo-gu ใน Daegu และหน่วยงานรัฐบาลอื่นๆ ในเกาหลีใต้ โดยทางHytera ยืนหยัดในการมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับโควิด-19 ซึ่งแพรระบาดไปทั่วโลก

คลิกเพื่ออ่านต้นฉบับได้ที่  businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200305005422/en/

ติดต่อ: Shaowa Cai
Shaowa.cai@hytera.com  
Hytera Communications Corporation Limited


Moody เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงรายงานความน่าเชื่อถือและงานวิจัยด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการระบาดของโคโรนาไวรัสได้ฟรี

Logo

นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–10 มีนาคม 2563

Moody’s Corporation (NYSE:MCO) เปิดให้เข้าถึงงานวิจัยและมุมมองเรื่องสินเชื่อและผลกระทบต่อเศรษฐกิจซึ่งมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ผ่านเว็บไซต์ที่ตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ที่ moodys.com/coronavirus เว็บไซต์ดังกล่าวจะมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ และนำเสนอเนื้อหาเชิงลึกที่รวบรวมจากทุกส่วนของบริษัทสำหรับเป็นแหล่งข้อมูลให้กับบรรดาผู้เล่นในตลาด เพื่อสร้างความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบทางการเงินซึ่งมีสาเหตุจากการระบาดของไวรัส ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ รวมถึงสัมมนาออนไลน์ของ Moody ที่เกี่ยวกับการระบาดของไวรัส COVID-19 ได้ฟรี

Rob Fauber ผู้อำนวยการสูงสุดด้านปฏิบัติการแห่ง Moody’s Corporation กล่าวว่า “เราตระหนักว่าในช่วงเวลาที่เกิดความผันผวนและความไม่แน่นอนในตลาด การนำเสนอข้อมูลที่ครบรอบด้านในช่วงเวลาที่เหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก พันธกิจของ Moody คือการจัดหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมาตรฐานเพื่อช่วยให้การตัดสินใจต่าง ๆ เป็นไปอย่างมั่นใจ และเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น เราได้เปิดให้ผู้คนเข้าถึงทรัพยากรด้านเศรษฐกิจและสินเชื่อของ Moody เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั่วโลกตระหนักถึงสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนอันมีสาเหตุจากการระบาดของไวรัส COVID-19”

Moody’s ได้เผยแพร่รายงานกว่า 100 รายการ รวมถึงเนื้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากการระบาดของไวรัส COVID-19 โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ออกหลักทรัพย์และภาคการตลาดและภูมิศาสตร์ รวมถึงบทวิเคราะห์จากทั้งแผนก Moody’s Investors Service และ Moody’s Analytics

ด้านล่างนี้คือส่วนหนึ่งของเอกสารทั้งหมดที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์:

เกี่ยวกับ MOODY’S CORPORATION

Moody’s (NYSE:MCO) เป็นบริษัทประเมินความเสี่ยงแบบบูรณาการระดับโลกที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทำการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูล โซลูชันด้านการวิเคราะห์ และข้อมูลเชิงลึกของเราช่วยให้ผู้ที่ต้องทำการตัดสินใจมองเห็นถึงโอกาสและสามารถจัดการความเสี่ยงในการทำธุรกิจกับผู้อื่น เราเชื่อว่าความโปร่งใสที่มากกว่า การตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่มากขึ้น และการเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมเป็นการเปิดประตูไปสู่ความก้าวหน้าร่วมกัน ด้วยพนักงานกว่า 11,000 คน ในกว่า 40 ประเทศ Moody’s จึงสามารถเข้าถึงตลาดได้ทั่วโลกเข้า ประกอบกับการเข้าถึงความเชี่ยวชาญระดับท้องถิ่นและประสบการณ์ด้านตลาดการเงินที่สะสมมากว่าศตวรรษ เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ moodys.com/about

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200309005855/en/

ติดต่อ:

SHIVANI KAK
นักลงทุนสัมพันธ์
+1 212-553-0298
Shivani.kak@moodys.com

MICHAEL ADLER
สื่อสารองค์กร
+1 212-553-4667
Michael.adler@moodys.com

เทคโนโลยีภายใต้โครงการสร้างนวัตกรรมแบบเปิดของกระทรวงฯ พร้อมหารือความเป็นไปได้ที่จะสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติในอนาคต

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–10 มีนาคม 2563

กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง เผยแพร่ “รายชื่อเทคโนโลยี” รวมถึงเทคโนโลยีที่ไม่เคยพัฒนาขึ้นมาก่อน ภายใต้โครงการสร้างนวัตกรรมแบบเปิดของกระทรวงที่มีชื่อว่า “Field for Knowledge Integration and Innovation” หรือ FKII เทคโนโลยีต่างที่อยู่ในรายชื่อดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นโดยกลุ่มวิจัยและพัฒนาที่สนใจแสวงหาความร่วมมือกับต่างประเทศในอนาคตทางด้านการเกษตร ป่าไม้ ประมง และอาหาร

[FKII โครงการสร้างนวัตกรรมแบบเปิด นำโดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง]

โครงการ FKII เริ่มต้นขึ้นในเดือนเมษายน 2559 โดยมีเป้าหมายสร้างอุตสาหกรรมการเกษตร ป่าไม้ ประมงและอาหารของญี่ปุ่นให้เติบโตด้วยการบูรณาการ “ความรู้” และ เทคโนโลยี เข้าด้วยกัน โดยมีอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่าง ๆ เช่น บริษัทเอกชน ผู้ผลิต เกษตรกร มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยและพัฒนาเป็นสมาชิก (สมาชิกทั้งหมด 3,200 ราย ข้อมูลเมื่อ ก.พ. 2563) และหลังจากนั้น สร้างแพลตฟอร์มด้านการวิจัยและพัฒนาที่ให้สมาชิกสามารถทำกิจกรรมด้านวิจัยและพัฒนาต่าง ๆ ได้จริง (ก่อตั้งแพลตฟอร์มวิจัยและพัฒนาขึ้นแล้ว 170 แพลตฟอร์ม ข้อมูลเมื่อ ก.พ. 2563)

[รายชื่อเทคโนโลยี]

เทคโนโลยีที่ระบุในรายชื่อเปิดให้หารือความเป็นไปได้ที่จะสร้างความร่วมมือในอนาคตในด้านต่าง ๆ ดังนี้: 

  1. ระบบโรงงานผลิตพืช
  2. สารประกอบที่เป็นประโยชน์จากเห็ด
  3. วัตถุดิบใหม่จากไม้
  4. เทคโนโลยีเพาะเลี้ยงพืชและสัตว์ในน้ำ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของ FKII
https://www.knowledge.maff.go.jp/en/technology/index.html

[แผนโครงการในปี 2563 ของ FKII]

– การจัดงานสัมมนาที่เกี่ยวข้องในระดับนานาชาติในสิงคโปร์โดยกระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมง และมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการสร้างความร่วมมือระหว่างสองประเทศในอนาคต

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200309005878/en/

ติดต่อ:

สำนักงานความร่วมมือทางธุรกิจ
ติดต่อ: ดร. Takuya SATO
สภาวิจัยเกษตร ป่าไม้และประมง
กระทรวงเกษตร ป่าไม้และประมงแห่งประเทศญี่ปุ่น
อีเมล: gikaikoho@maff.go.jp
โทร: +81-(0)3-3502-5530 FAX: +81-(0)3-3593-2209

DIP จะเริ่มให้การชดเชยการบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ทำงานนอกเวลาหรือตามสัญญาพิเศษผ่านบริการของ DIP ในกรณีที่พวกเขาไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยจากโคโรนาไวรัส

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)–9 มีนาคม 2563

บริษัท DIP Corporation (ต่อไปนี้เรียกว่า "DIP") สำนักงานใหญ่อยู่ที่: Minato-ku, โตเกียว, ประเทศญี่ปุ่น; ประธานและซีอีโอ: Hideki Tomita ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มีนาคมว่าจะเริ่มเสนอการชดเชยการบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ทำงานพาร์ทไทม์หรือตามสัญญาจ้างงาน(ดูหมายเหตุด้านล่าง) ผ่านเว็บไซต์ของ Baitoru, Baitoru NEXT หรือ Hatarako.net หากพวกเขาไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับ coronavirus

ข้อความจาก Hideki Tomita ประธานและซีอีโอ

วันนี้เราเผชิญวิกฤติเนื่องจากการแพร่กระจายของ coronavirus ที่สร้างบรรยากาศแห่งความกลัวทั่วโลก

เราทุกคนต่างกังวลแทนคนที่เรารัก เพื่อนของเรา เพื่อนร่วมชั้น และเพื่อนร่วมงานของเรา เราใช้เวลาพอสมควรในการคุยกันถึงสิ่งที่ DIP สามารถทำได้ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้

ดังนั้น เราได้ดำเนินการอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อโดยการสนับสนุนโปรโตคอลการทำงานจากที่อื่น การกำหนดตารางเวลาแบบยืดหยุ่น การทำให้พนักงานของเราไม่ต้องใช้รถไฟที่แออัดหรือไปรวมตัวกันในที่ที่มีคนกลุ่มใหญ่ ฯลฯ

นอกจากนี้เราได้เริ่มเสนอการโพสต์งานฟรีบนเว็บไซต์การสรรหางานของเราสำหรับลูกค้าที่ต้องการหาคนทำงานแทนระยะสั้นกรณีที่พนักงานปัจจุบันของพวกเขาต้องอยู่บ้านกับลูกเนื่องจากการยกเลิกชั้นเรียนและกิจกรรมสาธารณะทั้งหมด

แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเราต้องทำมากขึ้น

ตระหนักดีว่าผู้ใช้ของเราหลายคนเป็นพนักงานพาร์ทไทม์หรือพนักงานที่ทำงานตามสัญญาจ้าง ผมเข้าใจดีว่าพวกเขาไม่ได้รับผลประโยชน์จากการขาดงานแบบที่ได้รับเงิน (paid absence หรือ leave allowance) ที่เอาไว้ช่วยเหลือพนักงาน เราตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ใช้ของเราบางรายอาจมีความเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรน่าและเผชิญกับแรงกดดันทางการเงินอย่างรุนแรงอันเป็นผลมาจากการสูญเสียรายได้ นี่คือความเครียดที่เกิดจากปัญหาสุขภาพของพวกเขา

ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้เราคิดว่าเราสามารถบรรเทาความวิตกกังวลบางส่วนในหมู่ผู้ใช้ของเราได้โดยการเสนอการชดเชยการบรรเทาทุกข์แก่ผู้ที่ไม่ได้รับการปกป้องแบบที่พนักงานประจำโดยทั่วไปได้รับ

ดังนั้นเราจึงประกาศในวันนี้ถึงโครงการชดเชยการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวสำหรับผู้ใช้ที่ทำงานพาร์ทไทม์และผู้ทำงานตามสัญญาจ้างของเราซึ่งอาจป่วยเพราะโคโรนาไวรัส ทั้งนี้ DIP จะเสนอการชดเชยการบรรเทาทุกข์แก่ผู้ใช้ที่ได้รับการจ้างงานผ่าน Baitoru, Baitoru NEXT หรือ Hatarako.net เป็นระยะเวลาสูงสุดครึ่งเดือน ในระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2560 จนถึงปัจจุบัน หากพวกเขาไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับโคโรนาไวรัส

*ครึ่งเดือน = ระยะเวลาที่จำเป็นสำหรับการรักษา

สำหรับรายละเอียดโปรดดูที่เว็บไซต์ต่อไปนี้:

https://www.baitoru.com/pdt/shien2020 (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

https://www.hatarako.net/contents/shien2020 (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

มันเป็นความปรารถนาอย่างจริงใจของเราที่โครงการนี้จะนำมาตรการการบรรเทาและความสบายใจมาสู่ผู้ใช้ที่มีค่าของเรา และอาจจะมอบข่าวดีได้บ้างในวันที่มืดมนนี้

นอกจากนี้เราหวังว่าโครงการบรรเทาทุกข์นี้อาจทำหน้าที่เป็นกระดานกระโดดเพื่อเริ่มการสนทนาที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเกี่ยวกับความไม่เสมอภาคในสภาพการทำงานของพนักงานพาร์ทไทม์และลูกจ้างที่ได้รับการว่าจ้างตามสัญญา เมื่อเทียบกับผู้ที่ทำงานประจำ

ตามปรัชญาองค์กรของเรา“ ที่นี่ที่ DIP เราต้องการใช้ความฝัน ความคิด และความมุ่งมั่น เพื่อสร้างสังคมที่ดีขึ้น” เราจะยังคงสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการที่เราสามารถสร้างผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อส่งเสริมเงื่อนไขการจ้างงานที่เป็นธรรมและเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน

รายละเอียดการชดเชย

ผู้มีสิทธิ์ได้แก่ลูกจ้างพาร์ทไทม์และลูกจ้างตามสัญญา (นอกเวลา ตามสัญญา และเอาท์ซอส ไม่นับรวมพนักงานประจำ) ทำงานผ่าน Baitoru, Baitoru NEXT หรือ Hatarako.net ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2560 และผู้ที่ในปัจจุบันถูกบังคับให้ขาดงานเนื่องจากการติดเชื้อโคโรน่าไวรัสชนิดใหม่

* ไม่สามารถได้รับสิทธิ์หากได้รับการชดเชยใด ๆ จากบริษัท (นายจ้าง) หรือสถาบันสาธารณะอยู่แล้ว*

  • จำนวนเงินชดเชย: ยอดรวมเท่ากับเงินเดือนสำหรับครึ่งเดือน (สูงสุดไม่เกิน 100,000 เยน)
  • ระยะเวลารับคำขอชดเชย: เริ่มวันที่ 9 มีนาคม 2563
  • รายละเอียดกระบวนการสมัคร ฯลฯ :
    https://www.baitoru.com/pdt/shien2020 (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)
    https://www.hatarako.net/contents/shien2020 (ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น)

หมายเหตุ: สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการบรรเทาทุกข์วลี 'พนักงานพาร์ทไทม์และพนักงานตามสัญญา' หมายถึงพนักงานที่ไม่ได้อยู่ในการจ้างงานปกติและรวมถึงพนักงานพาร์ทไทม์ พนักงานที่ทำงานตามสัญญาระยะเวลาจำกัด และพนักงานที่มาจากการเอาท์ซอร์ส เพื่อให้มีคุณสมบัติสำหรับโครงการบรรเทาทุกข์พนักงานจะต้องได้รับการจ้างงานผ่าน Baitoru, Baitoru NEXT หรือ Hatarako.net ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2560 จนถึงปัจจุบันและสาเหตุที่ทำให้ไม่สามาถทำงานได้เนื่องมาจากติดเชื้อไวรัสโคโรน่า

ข้อมูลบริษัท

ชื่อบริษัท : DIP Corporation

ก่อตั้งขึ้น: มีนาคม 2540

เงินทุน: 1,085 ล้านเยน (ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562)

จำนวนพนักงาน: 1,967 (ณ วันที่ 1 เมษายน 2562 ที่เป็นพนักงานประจำ)

ตลาดจดทะเบียน: TSE 1st section

ยอดขายประจำปี: 42,100,000,000 เยน (ปีงบประมาณสิ้นสุดวันที่กุมภาพันธ์ 2562)

เว็บไซต์: https://www.dip-net.co.jp/en/company/overview

หากมีความไม่สอดคล้องกันระหว่างเอกสารภาษาอังกฤษและเอกสารภาษาญี่ปุ่น ให้ใช้เอกสารภาษาญี่ปุ่นจะเป็นหลัก

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20200309005474/en/

ติดต่อ:

ทีมงานประชาสัมพันธ์ของ บริษัท DIP Corporation (เป็นภาษาญี่ปุ่น)

+81-3-6628-4070

info@dip-net.co.jp

Daryl Bradley (ภาษาอังกฤษ)

+81-90-2134-4857

info@dip-net.co.jp

เซนนิคส์เริ่มก่อสร้างโรงงานในไทย ขั้นตอนสำคัญเพื่อก้าวสู่ระดับสากล

Logo

วันที่ 9 มีนาคม 2563 แห่งเมืองเซี่ยงไฮ้ บริษัทเซนนิคส์ จำกัด (Sennics) ผู้จัดจำหน่ายชั้นนำเกี่ยวกับสารเติมแต่งพอลิเมอร์ เริ่มก่อสร้างบริษัทย่อยในประเทศไทยที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ภายใต้ชื่อบริษัท เซนนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการ ที่แห่งนี้เป็นฐานการผลิตที่หกของบริษัทและเป็นฐานการผลิตแห่งแรกในต่างประเทศ สินค้าและการบริการของบริษัทเซนนิคส์ ประเทศไทย จะเป็นในลักษณ์แบรนด์ที่มีความโดดเด่นและสร้างสรรค์ นับว่าเป็นก้าวสำคัญของเซนนิคส์สู่ระดับสากล

Sennics commences construction of Thai factory, marking a crucial step in its globalisation strategy (Photo: Business Wire)

เซนนิคส์ ประเทศไทย เริ่มก่อตั้งช่วงเดือนกันยายน 2562 ในจังหวัดชลบุรี เนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 40 ไร่ (64,000 ตารางเมตร) เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทเซนนิคส์ด้วยเงินลงทุนทั้งหมดราวๆ 290 ล้านหยวน เซนนิคส์ใช้กลยุทธ์ดิจิทัลและนำประสบการณ์จากการปรับเปลี่ยนโรงงานในจีนให้เป็นระบบดิจิตัลมาใช้ เพื่อพัฒนาโรงงานในไทยให้เป็นโรงงานอัจฉริยะสมัยใหม่ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในปี 2563  หลังจากก่อสร้างโรงงานในไทยแล้วเสร็จ ปริมาณการผลิตสารป้องกันการเสื่อมสภาพของยางอยู่ที่ 25,000 ตันต่อปี นอกจากนี้เซนนิคส์ ประเทศไทยจะสามารถขยายตลาดไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด เพื่อตอบสนองความต้องการสารป้องกันการเสื่อมสภาพของยางในแต่ละพื้นที่อย่างพอเพียง และอาจจะขยายไปทั่วโลกเนื่องจากมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และด้านธุรกิจ การสร้างบริษัทย่อยเซนนิคส์ช่วยเพิ่มความมั่นคงเพื่อรองรับความต้องการและเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลก ทั้งยังเป็นการช่วยสนับสนุนการจ้างงานและการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในประเทศไทย

นายซูฟู่ รองประธานบริษัทชิโนเคมและซีอีโอบริษัทเซนนิคส์ แสดงความยินดีกับโครงการในไทยผ่านวิดีโอ ภายใต้เศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วนเขามองว่า เซนนิคส์ ประเทศไทย ว่าไม่ได้ตอบโจทย์เพียงนโยบายเส้นทางสายไหม (B&R) เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำความสามารถในการผลิตไปทั่วโลกตามที่ได้ใช้กลยุทธ์ระดับสากล เซนนิคส์ยึดมั่นในคำขวัญที่ว่า “วิทยาศาสตร์ที่เราไว้วางใจ” ซึ่งยังคงเป็นผู้นำระดับโลกในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านอุตสาหกรรมสารเติมแต่งพอลิเมอร์

เกี่ยวกับเซนนิคส์

บริษัท เซนนิคส์ จำกัด (Sennics) เป็นบริษัทผู้นำระดับโลกด้านการผลิตสารเติมแต่งพอลิเมอร์ ภายใต้จริยธรรมองค์กร “เศรษฐกิจสีเขียวอันโดดเด่น” บริษัทจึงมุ่งเน้นการดำเนินการผลิตสินค้าและการบริการที่โดดเด่นนำสู่กลไกการพัฒนาอุตสาหกรรมระดับโลกที่สะอาด บริษัทเซนนิคส์ภายใต้เครือของชิโนเคม กรุ๊ป ตั้งอยู่ในประเทศจีน (ณ เมืองเซี่ยงไฮ้) เขตการค้าเสรีนำร่องและมีฐานการวิจัยและพัฒนา (R&D) รวมถึงฐานการผลิตในประเทศหลายแห่ง สินค้าบริษัทได้แก่ สารป้องกันการเสื่อมสภาพของยาง สารวัลคาไนซ์ สารตัวเร่งปฏิกิริยาวัลคาไนซ์และสารเคมีไนโตรเบนซีน บริษัทเซนนิคส์ ดำเนินธุรกิจครอบคลุมประเทศและภูมิภาคกว่า 50 แห่งทั่วโลก มีฐานเครือข่ายการขายในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปเอเชียเขตตะวันออกเฉียงใต้และอีกหลายพื้นที่ทั่วโลก

Shane Gong เข้าร่วม Evercore ในฐานะกรรมการผู้จัดการกลุ่มที่ปรึกษาการลงทุนในธุรกิจเอกชนของบริษัท

Logo

สิงคโปร์–(BUSINESS WIRE)–09 มีนาคม 2563

วันนี้ Evercore (NYSE: EVR) ได้ประกาศว่า Shane Gong ได้เข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเพื่อดูแลงานกลุ่มที่ปรึกษาการลงทุนในภาคธุรกิจเอกชน (“PCA”) ของบริษัท นาย Gong จะปฏิบัติงานจากสำนักงานในสิงคโปร์และเป็นผู้นำธุรกิจ PCA ของบริษัททั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยให้ความสำคัญกับนักลงทุนสถาบันและผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนเป็นหลัก

นาย Gong มีประสบการณ์กว่า 20 ปีด้านกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity) และวาณิชธนกิจทั่วทั้งเอเชียแปซิฟิก โดยก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารและหัวหน้าสำนักงานสิงคโปร์ของบริษัท CPE Capital (เปลี่ยนชื่อจาก CHAMP Private Equity) ซึ่งเขาดูแลรับผิดชอบการเติบโตในภูมิภาคและการลงทุนผ่านการขายหุ้น งานนักลงทุนสัมพันธ์ และงานระดมทุน ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วม CPE Capital นาย Gong ยังเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการควบรวมกิจการลูกค้าเอเชียที่ N.M. Rothschild & Sons รวมถึงเคยร่วมงานกับ Macquarie Group มาก่อน

นาย Gong กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากกับโอกาสที่จะได้นำธุรกิจ PCA ของ Evercore ในเอเชีย Evercore เป็นผู้บุกเบิกทางด้านกิจการเงินร่วมลงทุนในตลาดรอง และเป็นที่ปรึกษาให้กับการลงทุนที่นำโดยนักลงทุนประเภท LP และ GP ที่เป็นที่ยอมรับทั้งในอเมริกาเหนือและยุโรป ปัจจุบัน นักลงทุนด้านกิจการเงินร่วมลงทุนในภูมิภาคเอเชียมีความต้องการมากขึ้นเพื่อสร้างสภาพคล่องในตลาดรอง และผมรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้ต่อยอดความมั่นคงของ Evercore”

Keith Magnus ประธานร่วมธุรกิจ Evercore ในเอเชียและสมาชิกคณะบริหารของบริษัท กล่าวเสริมว่า “พวกเรายินดีเป็นอย่างมากที่ได้ต้อนรับ Shane สู่สำนักงานในสิงคโปร์ของเรา Evercore ได้สร้างธุรกิจ M&A ขึ้นมาเป็นแถวหน้าของตลาดในภูมิภาคนี้ และมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของเราในสิงคโปร์ต่อไป เรายินดีกับความสามารถใหม่ ๆ ที่จะได้รับจากธุรกิจ PCA”

Nigel Dawn หัวหน้าฝ่าย PCA กล่าวว่า “พวกเรายินดีที่ได้ต้อนรับ Shane สู่ Evercore เพื่อเป็นผู้นำธุรกิจ PCA ของ Evercore ในเอเชีย เราหวังว่าจะได้ต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจในเอเชียของเรา เพื่อให้บริการนักลงทุนสถาบันและผู้ให้การสนับสนุนเงินทุนในเอเชียต่อไป”

นาย Gong คว้าเกียรตินิยมปริญญาตรีด้านพาณิชยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น

เกี่ยวกับ Evercore

Evercore (NYSE: EVR) เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวาณิชธนกิจอิสระระดับโลก เราทุ่มเทเพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุผลลัพธ์ที่เหนือกว่าผ่านคำแนะนำระดับนวัตกรรมที่เป็นอิสระในเรื่องที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อคณะกรรมการคณะผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรวมถึงการควบรวมกิจการการให้คำปรึกษาผู้ถือหุ้นเชิงกลยุทธ์ นอกจากนี้ Evercore ยังช่วยเหลือลูกค้าในการระดมทุนของภาครัฐและเอกชนและให้บริการการวิจัยด้านตราสารทุน การขายตราสารทุน และการดำเนินการซื้อขายผ่านตัวแทนนอกเหนือจากการให้บริการการบริหารความมั่งคั่งและการลงทุนแก่ผู้มีมูลค่าสุทธิและนักลงทุนสถาบัน บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2538 โดยมีสำนักงานใหญ่ในนิวยอร์กและมีสำนักงานและสำนักงานสาขาในศูนย์กลางการเงินที่สำคัญในอเมริกาเหนือยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม www.evercore.com

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20200308005021/en/

ธุรกิจ:
Nigel Dawn
หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนในธุรกิจเอกชน Evercore
+1.212.849.3555

นักลงทุน:
Hallie Elsner Miller
หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ Evercore
+1.212.767.4173

สื่อ:
Dana Gorman
The Abernathy MacGregor Group สำหรับ Evercore
+1.212.371.5999

ACI เผยสนามบินที่มอบประสบการณ์ดีที่สุดในโลกให้แก่ลูกค้า

Logo

มอนทรีออล–(บิสิเนสไวร์)–9 มีนาคม 2563

สภาสมาคมท่าอากาศยานระหว่างประเทศ (ACI) World ได้เปิดเผยผู้ชนะรางวัลบริการสนามบิน Airport Service Quality Awards

รางวัลดังกล่าวยกย่องสนามบินทั่วโลกที่มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดตามความเห็นของผู้โดยสาร

ในปีนี้ได้แจก 140 รางวัลแก่สนามบิน 84 แห่ง สามารถดูรายชื่อผู้ชนะทั้งหมดได้ที่นี่

ผู้ชนะอย่างหลายสมัยได้แก่ท่าอากาศยานนานาชาติอินเดียแนโพลิส กรุงปักกิ่ง สิงคโปร์ชางงี โตรอนโตเพียร์สัน ฟีอูมิชิโน่ของโรม ฉัตรปตี ศิวาจีของมุมไบ อินทิรา คานธีของนิวเดลี เซี่ยงไฮ้ผู่ตง และเชเรเมเตียโวของมอสโก

ปีนี้ผู้ได้รับรางวัลครั้งแรกได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติโคโตกา (อักกรา กานา) มังกาลอร์ (มังกาลอร์ อินเดีย) สุปาดิโอ (ปนตีอานัก อินโดนีเซีย) อาเลซันด์ (อาเลซันด์ นอร์เวย์) ฮิเอโร (วัลเวเด้ สเปน) เมลียา (เมลียา สเปน) ซานเซบาสเตียน (ซานเซบาสเตียน สเปน) โบโด (โบโด นอร์เวย์) อิซเมียร์ อัดนัน เมนเดอเรส (อิซเมียร์ ตุรกี) โคเปนเฮเกน (โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก) กาลาปากอส (กาลาปากอส เอกวาดอร์) แคปิตอล (แลนซิง สหรัฐอเมริกา) สนามบินสตอกโฮล์ม บรอมมา (สตอกโฮล์ม สวีเดน) และเซนต์จอห์น (เซนต์จอห์น แคนาดา)

“รางวัล Airport Service Quality Awards เป็นเกียรติที่สูงที่สุดสำหรับผู้ประกอบการสนามบินทั่วโลกโดยตระหนักถึงความเป็นเลิศในประสบการณ์ของลูกค้า” Angela Gittens ผู้อำนวยการ ACI World กล่าว

“ปีนี้มีผู้รับรางวัลมากมายจากทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งอุตสาหกรรมในการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้า

“การนำเสนอประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้นเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญในอุตสาหกรรมสนามบินที่มีการแข่งขันสูงขึ้น  โปรแกรม ASQ ทั่วโลกของ ACI เป็นโปรแกรมเดียวที่ไม่เพียง แต่ตระหนักถึงความเป็นเลิศเท่านั้น แต่ยังให้มาตรฐานและเกณฑ์การวัดที่เป็นกลางเพื่อช่วยในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของสนามบิน

“เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าห้าสนามบินที่ชนะในหมวดหมู่ 'สนามบินที่ดีที่สุดตามขนาดและภูมิภาค Best airport by size and region (ต่ำกว่าสองล้านคนต่อปีในยุโรป)’ เป็นผู้ชนะรางวัล ASQ ครั้งแรกทั้งหมด”

Airport Service Quality เป็นโปรแกรมการวัดประสบการณ์การเป็นลูกค้าชั้นนำของโลกและโปรแกรมการเปรียบเทียบ  ในปี 2562 มีนักเดินทางกว่า 8 พัน 8 ร้อยล้านคนจากทั่วโลกเดินทางผ่านสนามบิน ASQ

สนามบินที่ชนะจะมารวมตัวกันในงานมอบรางวัล ASQ ซึ่งจะจัดขึ้นในงานกระสบการณ์ลูกค้า ACI Customer Experience Global Summit ที่เมือง คราโคว ประเทศโปแลนด์ในเดือนกันยายน

ติดต่อ:

Bojana Jeremic
Manager, External Relations ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
อีเมล: mediarelations@aci.aero

The Bangkok Reporter