Mary Kay Inc. ผนึกกำลังกับ Equal Rights Trust เพื่อบุกเบิกการวิจัยเกี่ยวกับความไม่เท่าเทียมกันทางเพศในอัลกอริทึมและเอไอ

Logo

ดัลลาส–(บิสิเนสไวร์)–04 ต.ค. 2564

Mary Kay Inc. ผู้นำระดับโลกด้านการส่งเสริมเพศหญิงได้ประกาศความร่วมมือกับ Equal Rights Trust (ERT) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีภารกิจในการกำจัดการเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบและสร้างความมั่นใจว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน  Trust ก่อตั้งขึ้นในปี 2550 โดยทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาความเท่าเทียมผ่านกฎหมายทั่วโลก ในการร่วมมือครั้งนี้ Mary Kay Inc. จะช่วยให้ ERT ริเริ่มการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอและอัลกอริธึมที่เป็นนวัตกรรมใหม่ผ่านเลนส์ตามเพศ

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยมัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211004005308/en/

Equal Rights Trust logo (Graphic: Mary Kay Inc.)

โลโก้ Equal Rights Trust (ภาพกราฟิก: Mary Kay Inc.)

“ในฐานะบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นด้วยพันธกิจในการยกระดับชีวิตของผู้หญิงทุกที่ Mary Kay มองหาองค์กรต่างๆ ที่เราสามารถร่วมมือด้วยเสมอเพื่อสร้างผลกระทบต่อความเท่าเทียมทางเพศทั่วโลก” Julia Simon ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านความหลากหลายของ Mary Kay Inc. กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้สนับสนุน Equal Rights Trust ในงานของพวกเขาที่จะช่วยพัฒนาความเท่าเทียมด้วยการออกแบบและก้าวไปข้างหน้าสู่ความร่วมมือกับภาคเอกชน  การทำงานของเรากับ ERT มุ่งเน้นเฉพาะในการวางกรอบภูมิทัศน์ใหม่ของปัญญาประดิษฐ์และความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเป็นความกังวลที่เพิ่มขึ้นในยุคดิจิทัล”

การสนับสนุน ERT ของ Mary Kay จะเป็นผู้บุกเบิกด้านการวิจัยใหม่เกี่ยวกับผลกระทบจากการเลือกปฏิบัติของระบบอัลกอริธึมที่ ERT ได้พัฒนาและส่งเสริมแบบจำลองของการประเมินผลกระทบความเท่าเทียมกัน โดยสนับสนุนแนวทาง "ความเท่าเทียมโดยการออกแบบ" ในการตัดสินใจภาครัฐและเอกชนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติและความเท่าเทียมกันในการมีส่วนร่วม  ลำดับที่สำคัญที่สุดคือการเปิดตัวความคิดริเริ่มเพื่อสร้างและจัดการกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลือกปฏิบัติของการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ

“การใช้อัลกอริธึมและปัญญาประดิษฐ์กำลังแพร่กระจาย” Ariane Adam รองผู้อำนวยการ Equal Rights Trust กล่าว “เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านการวิเคราะห์ การสื่อสาร และแม้กระทั่งกฎหมายสำหรับสังคมของเราอย่างรวดเร็ว  แม้ว่าระบบดังกล่าวจะแพร่หลายไปทั่วโลก แต่เราเพิ่งเริ่มเข้าใจข้อบกพร่อง ข้อจำกัด และขอบเขตของการตัดสินใจด้วยอัลกอริทึม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการเลือกปฏิบัติ เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับ Mary Kay ในการให้ความกระจ่างเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดการเลือกปฏิบัติจากการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง”

การส่งมอบความคิดริเริ่มสามารถแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน:

  • ระยะที่ 1: การวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบการเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นใหม่ของการใช้อัลกอริทึมในการตัดสินใจในด้านการจ้างงาน การเข้าถึงสินเชื่อและการเข้าถึงที่อยู่อาศัย รวมถึงการมุ่งเน้นที่ผลกระทบของผู้หญิงในฐานะกลุ่มที่ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในบริบทเหล่านี้โดยเฉพาะ
  • ระยะที่ 2: การมีส่วนร่วมกับผู้มีบทบาทที่หลากหลายเพื่อพัฒนากลยุทธ์การสนับสนุนเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมกันโดยแนวทางการออกแบบ การพัฒนา การเปิดตัว และการเฝ้าติดตามเทคโนโลยี AI
  • ระยะที่ 3: มีส่วนร่วมกับผู้มีบทบาทระดับนานาชาติ ระดับภูมิภาค และระดับชาติในการกำหนดมาตรฐานที่กำหนดความเท่าเทียมกันด้วยแนวทางการออกแบบ

การเป็นพันธมิตรกับ Equal Rights Trust เป็นเพียงความคิดริเริ่มล่าสุดที่ได้รับการสนับสนุนจาก Mary Kay ในปี 2564 เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศในทุกที่ เป็นเวลาเกือบ 60 ปีที่ Mary Kay มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมสตรีและครอบครัวโดยร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลก

เกี่ยวกับ EQUAL RIGHTS TRUST

Equal Rights Trust เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับนานาชาติที่มีขึ้นเพื่อขจัดการเลือกปฏิบัติและรับรองว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในสังคมได้อย่างเท่าเทียมกัน  เพื่อให้บรรลุภารกิจนี้ องค์กรได้ทำงานร่วมกับผู้ปกป้องความเท่าเทียม – องค์กรภาคประชาสังคม (CSO) นักกฎหมาย ผู้แทนรัฐบาล และอื่นๆ ที่มุ่งมั่นที่จะใช้กฎหมายเพื่อสร้างโลกที่เท่าเทียม โดยให้การสนับสนุนด้านเทคนิค กลยุทธ์ และการปฏิบัติที่จำเป็นแก่พวกเขา การทำงานเพื่อการยอมรับและการดำเนินการตามกฎหมายความเท่าเทียมกันที่ครอบคลุม  ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เราได้สนับสนุนผู้ปกป้องความเสมอภาคในเกือบ 50 ประเทศ ขณะที่พัฒนาฉันทามติในระดับสากลเกี่ยวกับความจำเป็นและเนื้อหาของกฎหมายความเท่าเทียมกันที่ครอบคลุม เรียนรู้เพิ่มเติมที่ equalrightstrust.org

เกี่ยวกับ MARY KAY

หนึ่งในผู้ทลายเพดานแก้วรายแรก Mary Kay Ash ก่อตั้งบริษัทความงามของเธอเมื่อเกือบ 60 ปีที่แล้วโดยมีเป้าหมาย 3 ประการคือ พัฒนาโอกาสที่คุ้มค่าสำหรับผู้หญิง นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจต้านทานได้ และทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น  ความฝันนั้นเบ่งบานจนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์โดยมีสมาชิกฝ่ายขายอิสระหลายล้านคนในเกือบ 40 ประเทศ  Mary Kay ทุ่มเทให้กับการลงทุนในศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังความงามและการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวล้ำสมัย เครื่องสำอางสี อาหารเสริม และน้ำหอม และการร่วมมือกับองค์กรทั่วโลกเพื่อสร้างผลกระทบทางสังคมที่ดี  Mary Kay มุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถให้กับผู้หญิงและครอบครัวของพวกเขาด้วยการร่วมมือกับองค์กรต่างๆ จากทั่วโลกโดยมุ่งเน้นที่การสนับสนุนการวิจัยโรคมะเร็ง ปกป้องผู้รอดชีวิตจากการถูกล่วงละเมิดในครอบครัว สร้างความสวยงามให้ชุมชนของเรา และสนับสนุนให้เด็กๆ ทำตามความฝัน  วิสัยทัศน์ดั้งเดิมของ Mary Kay Ash ยังคงเปล่งประกายในทุกลิปสติก   เรียนรู้เพิ่มเติมที่ marykayglobal.com

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211004005308/en/

ติดต่อ:

Mary Kay Inc. ฝ่ายสื่อสารองค์กร
marykay.com/newsroom
972.687.5332 หรือ media@mkcorp.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย



Black & Veatch Management Consulting ได้รับเลือกให้ช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้าของ SCG International ในประเทศไทย

Logo

การศึกษาที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐฯ จะทำหน้าที่เป็นแม่แบบในการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในวงกว้างในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โอเวอร์แลนด์พาร์ค แคนซัส–(BUSINESS WIRE)–5 ตุลาคม 2564

Black & Veatch ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันการลดก๊าซคาร์บอนและโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งไร้มลพิษ ประกาศว่าบริษัทได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคเพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าสำหรับยานยนต์แก่ SCG International Corp โครงการนี้มีความพยายามที่จะเป็นต้นแบบในการนำยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานมาใช้ทั่วประเทศไทยและตลาดอื่น ๆ ที่ SCG ให้บริการในวงกว้างขึ้น

สำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา (USTDA) มอบเงินช่วยเหลือแก่ SCG International เพื่อศึกษาแนวทางที่ดีที่สุดในการเร่งรัดการนำยานยนต์พลังงานไฟฟ้ามาใช้งานในสถานที่ตั้งของธุรกิจหลายร้อยแห่งของเครือ SCG รวมถึงธุรกิจซีเมนต์ Black & Veatch จะเป็นพันธมิตรที่สำคัญของโครงการนี้ โดยจะวางแผนกลยุทธ์ในการลดก๊าซคาร์บอนรถขนส่งสินค้าของ SCG

เงินสนับสนุนดังกล่าวครอบคลุมไปถึงการออกแบบโครงการนำร่องในสถานที่ดำเนินงาน 3 แห่งที่ SCG International จะทดสอบความเป็นไปได้ของการพัฒนาระบบไฟฟ้าสำหรับรถขนส่งสินค้า  รวมไปถึงรถบรรทุกคอนกรีตผสมเสร็จ ซึ่งบริษัทมียานพาหนะเหล่านี้อยู่เป็นจำนวนมาก เงินสนับสนุนนี้ยังใช้เพื่อการสำรวจการสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถแท็กซี่พลังงานไฟฟ้าในกรุงเทพฯ อีกด้วย

Deepa Poduval หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการให้คำปรึกษาเชิงกลยุทธ์ระดับโลกของ Black & Veatch กล่าวว่า “หลังจากช่วยเหลือองค์กรหลายแห่งในการเปลี่ยนผ่านสู่ยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแล้ว Black & Veatch ก็ได้โอกาสมอบความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงแก่ SCG International เพื่อช่วยให้แนะแนวทางการลดก๊าซคาร์บอนในอนาคต”

Poduval กล่าวเพิ่มเติมว่า “การดำเนินงานสนับสนุนด้านเงินทุนของ USTDA เพื่อช่วยหาแนวทางในการพัฒนารถขนส่งสินค้าแบบไร้มลพิษถือเป็นคำมั่นสัญญาที่ยิ่งใหญ่ของการเป็นต้นแบบการนำยานยนต์พลังงานไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้ทั่วประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อปรับปรุงชีวิตและสุขภาพของผู้คนภายในภูมิภาค

Abhijit Datta กรรมการผู้จัดการของ SCG International กล่าวว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการยกระดับการปฏิบัติงานตามเป้าหมายของเครือเอสซีจี โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรลุเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2593

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมขอขอบคุณ USTDA และ Black & Veatch ด้วยใจจริงที่ให้การสนับสนุน แนะแนวทาง และดำเนินงานเพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้ เราหวังว่าจะมีความร่วมมือที่เข้มแข็งต่อไปในอนาคต”

โครงการนี้ช่วยให้เป้าหมายด้าน Global Partnership for Climate-Smart Infrastructure ของ USTDA รุดหน้า ซึ่งเป็นการเชื่อมอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เข้ากับโครงการด้านการพัฒนาพลังงานสะอาดและการขนส่งที่สำคัญ ๆ ในตลาดเกิดใหม่

หมายเหตุสำหรับบรรณาธิการ:

  • ดาวน์โหลด ebook ของ Black & Veatch เรื่อง “Electric Fleets: 8 Steps to Medium- and Heavy-Duty Fleet Electrification” คลิกที่นี่
  • ชมการไลฟ์ผ่าน LinkedIn ในเดือนมกราคม 2564 หัวข้อ “The Electric Fleet Power Play” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งและพลังงานสะอาดของ Black & Veatch ได้ตอบคำถามผู้ชมเกี่ยวกับการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า คลิกที่นี่

เกี่ยวกับ Black & Veatch

Black & Veatch เป็นบริษัทด้านวิศวกรรม การจัดซื้อ การให้คำปรึกษา และการก่อสร้างระดับโลกที่พนักงานร่วมเป็นเจ้าของ โดยมีประวัติผลงานด้านนวัตกรรมมากกว่า 100 ปีในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ตั้งแต่ปี 2458 เป็นต้นมา เราได้ช่วยลูกค้าของเราพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยจัดการกับความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของเรา ในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวมในการดำเนินงาน เท่ากับ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดตามเราได้ที่ www.bv.com และทางสื่อสังคม

เกี่ยวกับสำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา (USTDA)

สำนักงานส่งเสริมการค้าและการพัฒนาแห่งสหรัฐอเมริกา (USTDA) ช่วยให้เกิดการสร้างงานในบริษัทต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ผ่านการส่งออกสินค้าและบริการให้แก่โครงการด้านการพัฒนาที่สำคัญ ๆ ในเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่ USTDA เชื่อมโยงธุรกิจของสหรัฐฯ กับโอกาสการส่งออกโดยให้เงินสนับสนุนกิจกรรมการเตรียมการดำเนินงานในโครงการและการสร้างความเป็นหุ้นส่วน ซึ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในประเทศภาคี

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210927005890/en/

ติดต่อ:

EMILY CHIA | +65 6335 6623 P | +65 9875 8907 M | Chialp@bv.com
สายด่วน 24 ชั่วโมงสำหรับสื่อ | +1 855-999-5991

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Jetcraft ขยายธุรกิจในเอเชียด้วยสำนักงานแห่งใหม่ในสิงคโปร์

Logo

ลอนดอน–LONDON–(BUSINESS WIRE)–04 ตุลาคม 2564

Jetcraft ผู้นำระดับโลกด้านการขายและการเข้าซื้อกิจการ business jet หรือ เครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ประกาศเปิดสำนักงานในสิงคโปร์ เพื่อรองรับการเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วทั้งภูมิภาค

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211003005018/en/

Tim Yue, sales director, Jetcraft Asia (left), will lead Jetcraft’s new Singapore office, with the oversight of David Dixon, president, Jetcraft Asia (right). (Photo: Business Wire)

Tim Yue ผู้อำนวยการฝ่ายขาย Jetcraft Asia (ซ้าย) จะเป็นผู้นำสำนักงานแห่งใหม่ในสิงคโปร์ของ Jetcraft ด้วยการกำกับดูแลของ David Dixon ประธาน Jetcraft Asia (ขวา) (ภาพ: Business Wire)

สำนักงานดังกล่าวจะนำโดย Tim Yue ซึ่งปัจจุบันอยู่ในฮ่องกง และมีประสบการณ์ด้านธุรกิจการบินมากว่าทศวรรษ Tim จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับ David Dixon ประธาน Jetcraft Asia ซึ่งจะดูแลกิจกรรมทั้งหมดในภูมิภาค

David Dixon กล่าวว่า: “เอเชียยังคงเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Jetcraft ดังนั้นการขยายธุรกิจของเราไปยังสิงคโปร์จึงเป็นขั้นตอนที่สมเหตุสมผล โดยเป็นการพิสูจน์เพิ่มเติมถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของเราในการให้บริการฐานลูกค้าทั่วโลกและการเข้าถึงตลาดที่ไม่มีใครเทียบได้

“เราได้เห็นการเติบโตที่สำคัญของสิงคโปร์ในด้านธุรกิจการบินและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการบำรุงรักษาหลายแห่งที่ Seletar Aerospace Park ประกอบกับบทบาทของภูมิภาคในภาคบริการทางการเงิน ทำให้สิงคโปร์เป็นทำเลที่เหมาะสมที่สุด มูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจการบินทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเราได้รับการสนับสนุนโดยผู้ซื้อครั้งแรกที่มีนัยสำคัญที่เข้ามาในอุตสาหกรรมของเรา ถึงแม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้จะเป็นไปในลักษณะที่ไม่คาดคิดก็ตาม”

Jetcraft มีสำนักงานใหญ่ในสหราชอาณาจักรได้ก่อตั้งธุรกิจในเอเชียขึ้นเป็นครั้งแรกในฮ่องกงในปี 2555 ตามด้วยการเปิดสาขาเพิ่มเติมในโกลด์โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย Jetcraft จะสรรหาทีมงานท้องถิ่นในสิงคโปร์ รวมทั้งการย้ายพนักงานที่มีอยู่อีกด้วย

จบ

เกี่ยวกับ Jetcraft

Jetcraft เป็นผู้นำด้านการขายเครื่องบินระหว่างประเทศ กลยุทธ์การตลาดและการเป็นเจ้าของ บริหารจัดการและบำรุงรักษาสำนักงานภูมิภาคกว่า 20 แห่งทั่วโลก ความสำเร็จที่เหนือชั้นของบริษัทตลอดเกือบ 60 ปีในธุรกิจการบินทำให้บริษัทมีชื่อเสียงระดับโลก พร้อมด้วยฐานลูกค้าที่ยอดเยี่ยม เครือข่ายการเชื่อมต่อที่กว้างขวาง และสินค้าคงคลังที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.jetcraft.com

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211003005018/en/

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ 8020 Communications
Anna Price
อีเมล: jetcraft@8020comms.com
โทรศัพท์: +44 (0)1483 447380

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ก้าวสู่ยุคใหม่แห่งการศึกษาทางการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยชิงหวา

Logo

ซินจู๋, ไต้หวัน–(BUSINESS WIRE)–02 ตุลาคม 2564

แผนการของมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาในการจัดตั้งหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตด้านการแพทย์ได้รับการอนุมัติในการประชุมระดับรัฐมนตรี ซึ่งจัดขึ้นที่กระทรวงศึกษาธิการเมื่อเร็ว ๆ นี้ ขั้นตอนการสรรหาและรับสมัครของมหาวิทยาลัยจะเริ่มในปลายปี 2564 และนักเรียนชั้นปีแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจะลงทะเบียนในเดือนกันยายน 2565

เอกสารประชาสัมพันธ์นี้มีเนื้อหามัลติมีเดีย ดูอย่างเต็มรูปแบบได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20211001005043/en/

College of Life Science dean Kao Ruey-Ho (left) and Department of Medical Science chair Chen Linyi (right) prepare for the post-baccalaureate program in medicine. (Photo: National Tsing Hua University)

Kao Ruey-Ho (ซ้าย) คณบดีวิทยาลัยชีววิทยาศาสตร์ และ Chen Linyi (ขวา) หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ กำลังเตรียมหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตด้านการแพทย์ (รูปภาพ: มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวา)

Hocheng Hong อธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวากล่าวว่า “มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวามีรากฐานที่แข็งแกร่งในการวิจัยข้ามสาขาด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) วิศวกรรมชีวภาพ วัสดุศาสตร์ และเวชศาสตร์นิวเคลียร์ โดยที่มหาวิทยาลัยอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในการฝึกอบรมแพทย์ให้มีความเชี่ยวชาญมากกว่าหนึ่งอย่าง ดังนั้น หลักสูตรใหม่นี้จึงแสดงให้เห็นถึงการก้าวกระโดดของการศึกษาด้านการแพทย์ในไต้หวัน

Hocheng อธิการบดี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวามีจำนวนคณาจารย์ เงินทุน และโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอสำหรับหลักสูตรใหม่ นอกจากคณาจารย์ที่มีอยู่จำนวน 180 คน ซึ่งสอนในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องแล้ว หลักสูตรนี้ยังได้คัดเลือกอาจารย์ประจำเพิ่มเติมอีก 71 คน และนักวิทยาศาสตร์แพทย์อีก 87 คนจากศูนย์การแพทย์ชั้นนำทั่วไต้หวัน นอกจากนี้ สำนักงานชั่วคราวของหลักสูตรนี้ได้ระดมเงิน 2 พันล้านดอลลาร์ไต้หวันเพื่อการศึกษาทางการแพทย์อีกด้วย โดยกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการกำลังทบทวนแผนต่อเนื่องในการจัดตั้งโรงพยาบาลเพื่อการเรียนการสอนและศูนย์การแพทย์ที่ทันสมัยในโครงการ Taoyuan Aerotropolis ซึ่งเป็นผังเมืองที่มุ่งสร้างพื้นที่อุตสาหกรรมถัดจากท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน

หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตด้านการแพทย์เป็นหลักสูตร 4 ปี เปิดรับผู้สำเร็จการศึกษาจากทุกสาขาวิชา นักศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจะต้องทำงานในสถานพยาบาลสาธารณะเป็นเวลา 6 ปี และจะมีโอกาสเข้ารับการฝึกอบรมขั้นสูงอีก 2 ปีในศูนย์การแพทย์

มหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาจะใช้ประสบการณ์ที่กว้างขวางในการสรรหานักศึกษา เพื่อรับเฉพาะผู้สมัครที่มีคุณสมบัติครบตามที่กำหนดไว้อย่างเข้มงวดในการรับเข้าเรียน ซึ่งกระบวนการคัดเลือกนักศึกษาผ่านนวัตกรรมจะเปิดเส้นทางใหม่สำหรับการศึกษาด้านการแพทย์ในไต้หวันได้

หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตด้านการแพทย์จะเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาลัยชีววิทยาศาสตร์วิทยาศาสตร์และการแพทย์ในอนาคต (ปัจจุบันคือวิทยาลัยชีววิทยาศาสตร์) Kao Ruey-Ho คณบดีวิทยาลัยชีววิทยาศาสตร์ และอดีตผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์ Tzu Chi กล่าวว่า ผู้สมัครที่สมัครโดยตรงกับมหาวิทยาลัยแห่งชาติชิงหวาจะได้รับการประเมินผ่านคะแนนการทดสอบ ใบรับรองผลการเรียน และการสัมภาษณ์ เพื่อคัดเลือกนักศึกษาที่มีความเป็นเลิศทางวิชาการ รวมไปถึงความหลงใหลในการแพทย์และสาธารณประโยชน์

นักศึกษาที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในหลักสูตรจะต้องเรียนหลายกระบวนวิชาที่ออกแบบมาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานในพื้นที่ชนบท เช่น การฝึกเวชศาสตร์ชุมชน และใช้ประโยชน์จากการวินิจฉัยด้วย AI และเทคโนโลยีการแพทย์ทางไกล นักศึกษาจะได้เข้าร่วมสัมมนาเรื่องการเห็นแก่ประโยชน์ผู้อื่นและการอุทิศตนด้านสาธารณสุข ซึ่งจะสอนโดยผู้ที่ได้รับรางวัล Medical Contribution Award

ดูเนื้อหาต้นฉบับได้ที่นี่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20211001005043/en/

ติดต่อ:

Holly Hsueh
NTHU
(886)3-5162006
hoyu@mx.nthu.edu.tw

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TDCX เตรียมจับโอกาสจากตลาดบริการ CX Services แบบเอาต์ซอร์ซที่มีมูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการเปิดตัวซื้อขายบน NYSE

Logo

ผู้ให้บริการประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลรายแรกของ Asia ที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา

สิงคโปร์และนิวยอร์ก–(บิสิเนส ไวร์)–01 ต.ค. 2564

TDCX Inc. (NYSE: TDCX) ผู้ให้บริการโซลูชั่นประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีและบริษัทบลูชิป ประกาศเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (“NYSE”)  ในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียน TDCX อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะเร่งกลยุทธ์การเจริญเติบโตไปสู่โอกาสในการเจาะตลาดบริการลูกค้าเอาท์ซอร์ส (“CX”) ทั่วโลกซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568

TDCX ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ โดยให้บริการโซลูชัน CX ดิจิทัลที่เชื่อถือได้ เพื่อช่วยให้บริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างรวดเร็วและแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกอื่นๆ สามารถจัดการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในนามของพวกเขา การเสนอขายหุ้นได้สร้างรายได้ 348.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 2.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 3.50 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์หากผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์เลือกที่จะใช้สิทธิการจัดสรรหุ้นส่วนเกินของพวกเขาโดยเต็ม รายได้รวมทั้งหมดของการเสนอขายจะอยู่ที่ประมาณ 401 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2.62 ดอลลาร์สหรัฐ 3.57 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์

Mr. Laurent Junique ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง TDCX กล่าวว่า "การจดทะเบียนบริษัทที่ประสบความสำเร็จของเราสะท้อนให้เห็นถึงบริษัทระดับโลกที่เราสร้างขึ้นและจุดยืนของเราในฐานะพันธมิตรที่มุ่งให้บริการประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่พลิกโฉมหน้าวงการ  ด้วยสมาชิกในทีมที่มีความสามารถ หลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรมหลากหลายกว่า 13,000 คนซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของเรา เราช่วยลูกค้าของเราแก้ปัญหาการโต้ตอบกับลูกค้าที่ซับซ้อนและที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในกว่า 20 ภาษาทุกวันใน 10 ภูมิภาค  เรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของลูกค้าของเรา ซึ่งหลายคนเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล”

จากข้อมูลของ Frost & Sullivan โซลูชัน CX ดิจิทัล มีตลาดขนาดใหญ่และกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วสำหรับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอุปสงค์รวมคาดว่าจะถึง 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 โดยมีความต้องการจากอุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เติบโตที่ร้อยละ 19 ต่อปีจาก 2559

“ในขณะที่ผู้บริโภคใช้ชีวิตออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ความคาดหวังที่จะทำสิ่งต่างๆ ที่ง่าย สะดวก และตามความต้องการก็จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น ประสบการณ์ของลูกค้าเป็นและจะยังคงเป็นตัวสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ในยุคดิจิทัล การเป็นบริษัทมหาชนช่วยให้เราสามารถเร่งผลักดันการเติบโตของเรา และทำให้เราสามารถคว้าโอกาสทางการตลาดในเอเชียและภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงอื่นๆ ทั่วโลก

“ในขณะที่เรามองไปข้างหน้า เรามุ่งเน้นที่การดำเนินกลยุทธ์การเติบโตของเรา และการลงทุนเพิ่มเติมในบุคลากร เทคโนโลยี และเครือข่ายของเรา ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย รวมถึงกลยุทธ์ของเราในตลาดหลักและกลุ่มผู้มีความสามารถที่หลากหลาย เราจะสามารถคาดการณ์และสนับสนุนลูกค้าของเราต่อไปได้ในขณะที่พวกเขามองหาพันธมิตรที่อยู่ในระดับแนวหน้าในการนำเสนอประสบการณ์ของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง Mr. Junique กล่าว

เกี่ยวกับ TDCX

TDCX เป็นผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพอื่นๆ  บริษัทนำเสนอโซลูชัน Omnichannel CX บริการการขายและการตลาดดิจิทัล และบริการตรวจสอบเนื้อหาและกลั่นกรอง  บริษัทมีประวัติความสำเร็จกับลูกค้าในด้านการเดินทางและการบริการ การโฆษณาดิจิทัลและสื่อ สินค้าอุปโภคบริโภคที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี บริการทางการเงิน ฟินเทค หน่วยงานภาครัฐและเอกชน การเล่นเกม อีคอมเมิร์ซและการศึกษา  TDCX มีสำนักงานในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย จีน ญี่ปุ่น สเปน อินเดีย โคลอมเบีย และโรมาเนีย และให้บริการลูกค้าทั่วโลกในกว่า 20 ภาษา TDCX ได้รับรางวัลมากกว่า 270 รางวัล

_____________________________

1 ตามข้อมูลของ Frost & Sullivan

2,3ตามอัตราแลกเปลี่ยน SGD/USD=1.36141

4 อัตราการเติบโตแบบทบต้นหมายถึงขนาดตลาดเศรษฐกิจใหม่ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปี 2568

อ่านต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20211001005456/en/

สำหรับสื่อ:
TDCX
Eunice Seow
+65 8432 8388
eunice.seow@tdcx.com

สำหรับนักลงทุน:
TDCX
Jason Lim
+65 9799 6550
lim.jason@tdcx.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

TDCX ประกาศราคาเสนอขายหุ้นใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก

Logo

สิงคโปร์ & นิวยอร์ก–(BUSINESS WIRE)–01 ตุลาคม 2564

TDCX Inc. ("TDCX" หรือ “บริษัท”) ผู้ให้บริการโซลูชั่นประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีและบริษัทบลูชิพ ประกาศราคาเสนอขายหุ้น American Depositary Shares ("ADS") แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจำนวน 19,358,957 โดย ADS แต่ละรายการแสดงหุ้นสามัญ Class A จำนวนหนึ่งหุ้น ในราคาต่อสาธารณะ 18 ดอลลาร์สหรัฐต่อ ADS

TDCX ให้ตัวเลือกแก่ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์เป็นเวลา 30 วันในการซื้อเพิ่มเติมสูงสุด 2,903,843 ADS ในราคาเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก โดยหักส่วนลดการรับประกันและค่าคอมมิชชั่น รายได้รวมทั้งหมดของข้อเสนอคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 401 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หากผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์เลือกที่จะใช้ตัวเลือกในการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเต็มจำนวน

หุ้นดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “TDCX” ข้อเสนอนี้คาดว่าจะปิดในวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเงื่อนไขการปิดตามธรรมเนียม

TDCX ตั้งใจที่จะใช้เงินสุทธิที่ได้จากการเสนอขายครั้งนี้เพื่อชำระยอดคงค้างภายใต้วงเงินสินเชื่อระยะยาวร่วมกับ Credit Suisse และกองทุนเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปขององค์กร

Goldman Sachs & Co. LLC และ Credit Suisse Securities (USA) LLC ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วมสำหรับการเสนอขาย

การเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกจะดำเนินการโดยใช้หนังสือชี้ชวนเท่านั้น หากมีสามารถขอรับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นสุดท้ายได้จาก:

Goldman Sachs & Co. L.L.C.
200 West Street
New York, NY 10282-2198
Attention: Prospectus Department (1-866-471-2526)
อีเมล: prospectus-ny@gs.com

Credit Suisse Securities (USA) L.L.C.
6933 Louis Stephens Drive
Morrisville, NC 27560
Attention: Prospectus Department (1-800-221-1037)
อีเมล: usa.prospectus@credit-suisse.com

แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้ได้รับการยื่นและประกาศให้มีผลบังคับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์เหล่านี้ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในรัฐหรือเขตอำนาจศาลใดๆ ตามข้อเสนอ การชักชวน หรือการขายดังกล่าวจะไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนการลงทะเบียน หรือคุณสมบัติภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐหรือเขตอำนาจศาลดังกล่าว

เกี่ยวกับ TDCX

TDCX เป็นผู้ให้บริการโซลูชันประสบการณ์ลูกค้าดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงสำหรับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและบริษัทบลูชิพอื่น ๆ บริษัทนำเสนอโซลูชันแบบ Omnichannel CX บริการการขายและการตลาดดิจิทัล และบริการตรวจสอบเนื้อหาและกลั่นกรอง บริษัทมีประวัติความสำเร็จกับลูกค้าในด้านการเดินทางและการบริการ การโฆษณาดิจิทัลและสื่อ สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี การบริการทางการเงิน เทคโนโลยีทางด้านการเงิน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน การเล่นเกม อีคอมเมิร์ซและการศึกษา TDCX มีสาขาในระดับสากลโดยสำนักงานตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ไทย จีน ญี่ปุ่น สเปน อินเดีย โคลอมเบีย และโรมาเนีย ซึ่งให้บริการลูกค้าทั่วโลกในกว่า 20 ภาษา TDCX และได้รับรางวัลมากกว่า 270 รางวัล

ข้อความที่เป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต

เอกสารประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคต ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตรวมถึงข้อความทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในอดีต ในบางกรณีท่านสามารถแยกแยะข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์ในอนาคตได้ด้วยคำต่าง ๆ เช่น "แนวโน้ม" "เชื่อ" "คาดหวัง" "มีศักยภาพ" "ดำเนินการต่อ" "อาจ" "จะ" "ควร" "สามารถ" "แสวงหา" "ทำนาย" "ตั้งใจ" "แนวโน้ม" ” “วางแผน” “ประมาณการ” “คาดการณ์” หรือคำเหล่านี้ที่มีความหมายในเชิงลบหรือคำอื่น ๆ ที่เทียบเคียงได้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตเหล่านี้รวมถึงข้อความใด ๆ ที่เกี่ยวกับการเริ่มต้นการซื้อขายหุ้นสามัญ Class A ของบริษัท การปิดการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนครั้งแรกของบริษัท และการใช้เงินสุทธิที่บริษัทได้รับจากการเสนอขายที่คาดการณ์ไว้ ข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตดังกล่าวมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่าง ๆ ดังนั้นจึงมีหรือจะมีปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้ผลลัพธ์หรือผลลัพธ์ที่แท้จริงแตกต่างไปอย่างมากจากที่ระบุไว้ในข้อความเหล่านี้ ปัจจัยเหล่านี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะสิ่งที่อธิบายภายใต้ “ปัจจัยเสี่ยง” ในคำชี้แจงการจดทะเบียนของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปในครั้งแรก ปัจจัยเหล่านี้ไม่ควรถูกตีความว่าละเอียดถี่ถ้วนและควรอ่านร่วมกับคำเตือนอื่น ๆ ที่รวมอยู่ในคำชี้แจงการจดทะเบียน TDCX ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงหรือทบทวนข้อความที่มีลักษณะเป็นการคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตใด ๆ ต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นผลมาจากข้อมูลใหม่ การพัฒนาในอนาคต หรืออย่างอื่น ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด

อ่านเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210930006054/en/

ติดต่อสื่อ:
TDCX
Eunice Seow
+65 8432 8388
eunice.seow@tdcx.com

ติดต่อนักลงทุน:
TDCX
Jason Lim
+65 9799 6550
lim.jason@tdcx.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

Johns Manville ต่ออายุคำมั่นสัญญาเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่า โดยการตั้งเป้าหมายปี 2568 ในรายงานความยั่งยืนฉบับใหม่

Logo

เดนเวอร์–(BUSINESS WIRE)–1 ต.ค. 2564

Johns Manville (JM) ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่ประหยัดพลังงานและวัสดุพิเศษทางวิศวกรรม และบริษัท Berkshire Hathaway เปิดเผยรายงานความยั่งยืนประจำปี 2021 ในวันนี้ โดยรายงานฉบับที่เจ็ดของ JM สื่อสารถึงความมุ่งมั่นในแนวทางที่สมดุลซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและบริษัท สามารถหาดูรายงานได้ที่ www.jm.com/sustainability

“JM ยังคงเดินหน้าสู่ความยั่งยืนด้วยความตั้งใจและคำมั่นสัญญาที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่า” Bob Wamboldt ประธานและซีอีโอกล่าว “การมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนของเราช่วยเสริมค่านิยมหลักของเราในด้าน People, Passion, Perform and Protect ซึ่งช่วยให้เราขับเคลื่อน JM Experiences ในเชิงบวกและอย่างทรงพลังให้กับพนักงาน ลูกค้า และซัพพลายเออร์ของเรา”

รายงานฉบับใหม่นี้มีข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับความคืบหน้าเทียบกับเป้าหมายความยั่งยืนประจำปี 2563 ของ JM และแนะนำเป้าหมายความยั่งยืนปี 2568 ในกรอบการทำงานสากลแบบใหม่

“เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรคระบาดทั่วโลก ความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความผันผวนทางเศรษฐกิจ ตอกย้ำว่า เหตุใดความยั่งยืนจึงมีความสำคัญมาก” Tim Swales รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีกล่าว “กรอบการทำงานด้านความยั่งยืนใหม่ของเรามีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบต่อโลกโดยการลดการสร้างและการฝังกลบของเสียอย่างมีนัยสำคัญ ขยายการสนับสนุนพนักงานทั่วโลกของเราเน้นไปที่ความปลอดภัย การใส่ใจด้านความหลากหลาย ความครอบคลุมอย่างถ้วนหน้า และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้นสำหรับอนาคตที่ปลอดคาร์บอน ”

รายงานปี 2564 ได้รับการพัฒนา ให้เป็นไปตาม ตัวเลือกหลักของมาตรฐานการรายงานความยั่งยืนของ GRI (GRI Sustainability Reporting Standards Core option) และผ่านการตรวจสอบโดยบริการการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นสาระสำคัญของ GRI หรือ GRI’s Materiality Disclosures Service

เกี่ยวกับ Johns Manville

Johns Manville บริษัทในเครือ Berkshire Hathaway (NYSE: BRK.A, BRK.B) เป็นผู้ผลิตชั้นนำและผู้ทำการตลาดผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมียมสำหรับฉนวนกันความร้อนในอาคาร ฉนวนเชิงกล หลังคาเชิงพาณิชย์และฉนวนหลังคา ตลอดจนเส้นใยและผ้าไม่ถักไม่ทอสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์อุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย JM ให้บริการในตลาดต่างๆ ซึ่งรวมถึงการบินและอวกาศ ยานยนต์และการขนส่ง การจัดการอากาศ เครื่องใช้ไฟฟ้า HVAC ท่อและอุปกรณ์ การกรอง การกันน้ำ อาคาร พื้น การตกแต่งภายใน และพลังงานลมในธุรกิจตั้งแต่ปี 2401 บริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเดนเวอร์มียอดขายต่อปีมากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์และดำรงตำแหน่งผู้นำในตลาดสำคัญทั้งหมดที่ให้บริการ Johns Manville มีพนักงาน 8,000 คน และมีโรงงานผลิต 46 แห่งในอเมริกาเหนือ ยุโรป และจีน สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.jm.com.

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210930006002/en/

ติดต่อ:

Eric Brown

+1-303-809-2853

Eric.Brown@JM.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ประกาศแผนการติดตั้งหนึ่งในระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์บนชั้นดาดฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ Rayong Works ของ UACJ (ประเทศไทย)

Logo

โตเกียว–(BUSINESS WIRE)– 29 ก.ย. 2564

UACJ Corporation (สำนักงานใหญ่: Chiyoda-ku, Tokyo โดยมี Miyuki Ishihara เป็นประธานและผู้แทนผู้อำนวยการ) (TOKYO:5741) ประกาศในวันนี้ว่าระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนชั้นดาดฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก1 จะได้รับการติดตั้งที่ Rayong Works ซึ่งเป็นโรงงานผลิตที่ดำเนินการโดยเจ้าของเองทั้งหมด บริษัทย่อย UACJ (Thailand) Co., Ltd. ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงที่ลงนามเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม  2564 กับ Kansai Energy Solutions (Thailand) Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Kansai Electric Power Co., Inc. ( สำนักงานใหญ่: Kita-ku, Osaka; ประธาน: Takashi Morimoto)

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นแบบมัลติมีเดีย ดูฉบับเต็มได้ที่นี่: https://www.businesswire.com/news/home/20210929005439/en/

Image of the solar panels to be installed (Photo: Business Wire)

ภาพแผงโซลาร์เซลล์ที่จะติดตั้ง (Photo: Business Wire)

ตามข้อตกลงนี้ Kansai Energy Solutions (Thailand) จะติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ประมาณ 40,000 แผงโดยมีกำลังการผลิตรวม 18 เมกะวัตต์ บนหลังคาของ Rayong Works โดย UACJ (ประเทศไทย) จะใช้ไฟฟ้าทั้งหมดที่สร้างขึ้นจากระบบเป็นเวลามากกว่า 20 ปี  โดย UACJ (ประเทศไทย) คาดหวังจากการใช้ระบบนี้ว่าจะลดการปล่อย CO2 จากงานระยองประมาณ 14,000 ตันต่อปี2 เทียบเท่ากับประมาณร้อยละ 6 ของการปล่อย CO2 ประจำปีของโรงงาน

UACJ Group ถือว่าความพยายามในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภารกิจที่สำคัญในวิสัยทัศน์การจัดการระยะยาว UACJ Vision 2030 โดย UACJ Group วางแผนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนเชิงรุกในการทำให้โลกมีความยั่งยืนมากขึ้น พร้อม ๆ ไปกับการลดภาระด้านสิ่งแวดล้อม

หมายเหตุ:

1. จากผลการวิจัยของ Kansai Electric Power เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2564

2. คำนวณโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์การปล่อย CO2 ของรัฐบาลไทย: 0.566 กิโลกรัม CO2 ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง

รายละเอียดของแผนระบบไฟฟ้าโซลาร์เซลล์

ความจุรวม: 18 เมกะวัตต์

การผลิตไฟฟ้าโดยประมาณ: ประมาณ 25,000 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี

การลด CO2 โดยประมาณ: ประมาณการปล่อย CO2 14,000 ตันต่อปี

พื้นที่บนชั้นดาดฟ้าที่แผงโซลาร์เซลล์ปกคลุมมีขนาด ประมาณ 87,000 ตารางเมตร

ภาพรวมบริษัท

ชื่อบริษัท: UACJ Corporation

ก่อตั้ง: ตุลาคม 2556 (ผ่านการควบรวมกิจการของ Furukawa-Sky Aluminium Corporation และ Sumitomo Light Metal Industries Co., Ltd.)

ตัวแทน: ประธานและตัวแทนกรรมการ Miyuki Ishihara

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: 1-7-2 Otemachi, Chiyoda-ku, โตเกียว, ญี่ปุ่น

ธุรกิจหลัก: ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แผ่นรีด หล่อ หลอม และกลึงด้วยความแม่นยำที่ทำจากอะลูมิเนียมและโลหะนอกกลุ่มเหล็กอื่น ๆ รวมทั้งโลหะผสม

ชื่อบริษัท: UACJ (Thailand) Co., Ltd.

ก่อตั้ง: กุมภาพันธ์ 2553

ตัวแทน: ประธาน Hironori Tsuchiya

ที่อยู่โรงงานระยอง: นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ 7/352 หมู่ที่ 6 ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง 21140 ประเทศไทย

ธุรกิจหลัก: ผลิตและจำหน่ายอะลูมิเนียมแผ่นรีดสำหรับบรรจุกระป๋อง เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนในรถยนต์ ชิ้นส่วนไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ

ชื่อบริษัท: Kansai Electric Power Co., Inc.

ก่อตั้ง: พฤษภาคม 2494

ตัวแทน: ประธานทาคาชิ โมริโมโตะ

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: 3-6-16 Nakanoshima, Kita-ku, Osaka-shi, โอซากา ญี่ปุ่น

ธุรกิจหลัก: การจัดหาไฟฟ้า ความร้อนและก๊าซ การให้บริการโทรคมนาคม

ชื่อบริษัท: Kansai Energy Solutions (Thailand) Co., Ltd.

ก่อตั้ง: สิงหาคม 2561

ตัวแทน: กรรมการผู้จัดการ Katsuhisa Yamamoto

ที่อยู่สำนักงานใหญ่: 25 ซอยชิดลม ถนนเพลินจิต ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 ประเทศไทย

ธุรกิจหลัก: ออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง และบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผลิตไฟฟ้า ไอน้ำ และความร้อน ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ไอน้ำ และความร้อน

ดูเวอร์ชันต้นฉบับบน businesswire.com: https://www.businesswire.com/news/home/20210929005439/en/

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

Hirofumi Aso

ฝ่ายสื่อสารองค์กร

UACJ Corporation

โทร: +81-3-6202-3771

อีเมล: aso-hirofumi@uacj.co.jp


Lineage W จะออกเดินทางทั่วโลกในวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้

Logo

  • ไลฟ์สตรีมสดครั้งที่ 2 ในวันนี้ได้เปิดเผยวันวางจำหน่าย
  • เกมดังกล่าวจะเปิดตัวพร้อมกันใน 13 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงเกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น รัสเซีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง
  • กำหนดวันวางจำหน่าย 4 พฤศจิกายน เริ่มจองชื่อตัวละครได้แล้ววันนี้

พันกโย, เกาหลีใต้–(BUSINESS WIRE)–30 ก.ย. 2564

NCSOFT (KRX:036570) ผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายเกมชั้นนำระดับโลก ประกาศว่าเกม MMORPG แบบหลายแพลตฟอร์มที่กำลังจะมีขึ้น หรือ 'Lineage W' จะเปิดตัวพร้อมกันใน 13 ประเทศและภูมิภาคในวันที่ 4 พฤศจิกายน

NCSOFT, a global premier game developer and publisher, announced that the company’s upcoming multi-platform MMORPG, ‘Lineage W,’ launches simultaneously in 13 countries and regions on November 4. Lineage W launches at midnight of November 4 (UTC/GMT+9) in 13 countries and regions, including Korea, Taiwan, Japan, Russia, Southeast Asia, and the Middle East. Character name reservation for preferred server begins at 11 am September 30 (UTC/GMT+9) on the event page. The global pre-registration for Lineage W, which crossed 10 million marks, is in progress on the official website, Google Play, and App Store. (Graphic: Business Wire)

NCSOFT ผู้พัฒนาและผู้เผยแพร่เกมชั้นนำระดับโลก ประกาศว่า MMORPG แบบหลายแพลตฟอร์มที่กำลังจะมีขึ้น 'Lineage W' จะเปิดตัวพร้อมกันใน 13 ประเทศและภูมิภาคในวันที่ 4 พฤศจิกายน โดย Lineage W เปิดตัวในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 4 พฤศจิกายน (UTC/GMT+9) ) ใน 13 ประเทศและภูมิภาค ได้แก่ เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น รัสเซีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง การจองชื่อตัวละครสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการเริ่มเวลา 11.00 น. วันที่ 30 กันยายน (UTC/GMT+9) ในหน้ากิจกรรม การลงทะเบียนล่วงหน้าสำหรับ Lineage W ล่วงหน้าทั่วโลกซึ่งเกิน 10 ล้านการลงทะเบียนแล้วในปัจจุบัน กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการบนเว็บไซต์ทางการ, Google Play และ App Store (กราฟิก: Business Wire)

วันนี้ Lineage W ได้จัดงานแสดงออนไลน์ครั้งที่ 2 ในชื่อ 'Lineage W 2nd Showcase : Answer' เพื่อเปิดเผยวันวางจำหน่ายและแผนบริการ

NCSOFT ตอบคำถามของผู้เล่นที่ส่งมาบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการเพื่อแนะนำเนื้อหาโดยละเอียดของเกม การนำเสนอจะมีคำบรรยายภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่น และจีนสำหรับผู้เล่นทั่วโลก ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสี่คลาส –Prince, Knight, Elf และ Mage หรือ เจ้าชาย อัศวิน เอลฟ์ ผู้วิเศษ- จะมีอยู่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

Lineage W เปิดตัวตอนเที่ยงคืนของวันที่ 4 พฤศจิกายน (UTC/GMT+9) ใน 13 ประเทศและภูมิภาค รวมถึงเกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น รัสเซีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง หลังจากนั้น Lineage W จะขยายพื้นที่ให้บริการไปยังอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และยุโรปด้วย

การจองชื่อตัวละครสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ จะเริ่มเวลา 11.00 น. ในวันที่ 30 กันยายน (UTC/GMT+9) ใน หน้ากิจกรรม การลงทะเบียนล่วงหน้า ทั่วโลกสำหรับ Lineage W ซึ่งตอนนี้ก้าวข้าม 10 ล้านการลงทะเบียนแล้วนั้น กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการบนเว็บไซต์ทางการ Google Play และ App Store

ข้อมูลเพิ่มเติมมีอยู่ใน เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ

สามารถรับชมคลังภาพ/มัลติมีเดียได้ที่: https://www.businesswire.com/news/home/52499446/en

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

ติดต่อ:

NCSOFT
Ryan Chae
hwchae@ncsoft.com

Fluence ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ สำหรับการเสนอขายหุ้นครั้งแรกให้แก่ประชาชน

Logo

อาร์ลิงตัน เวอร์จิเนีย–(BUSINESS WIRE)–28 กันยายน 2564

Fluence ผู้ให้บริการชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์และบริการจัดเก็บพลังงาน และแอปพลิเคชันดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บพลังงาน ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ในแบบฟอร์ม S-1 ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (“SEC”) เพื่อทำการเสนอขายหุ้นสามัญ Class A แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก Fluence Energy, Inc. ได้ยื่นขอจดทะเบียนหุ้นสามัญ Class A ใน Nasdaq Global Select Market ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “FLNC” โดยจำนวนหุ้นกู้และช่วงราคาที่จะเสนอขายยังไม่มีการกำหนด

J.P. Morgan Securities LLC, Morgan Stanley & Co. LLC, Barclays Capital Inc., and BofA Securities จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลัก ขณะที่ Global Markets Inc., Credit Suisse Securities (USA) LLC, UBS Securities, LLC, Evercore Group L.L.C., HSBC Securities (USA) Inc. และ RBC Capital Markets, LLC จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายร่วม และ Nomura Securities International, Inc., Robert W. Baird & Co. Incorporated, Raymond James & Associates, Inc., Seaport Global Securities LLC, Penserra Securities LLC และ Siebert Williams Shank & Co., LLC จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร่วมสำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าว

การเสนอขายครั้งนี้จะดำเนินการผ่านหนังสือชี้ชวนเท่านั้น สามารถขอรับสำเนาหนังสือชี้ชวนขั้นต้นในการเสนอขายได้จาก JP Morgan Securities LLC โดยส่งถึงแผนก Broadridge Financial Solutions ที่อยู่ 1155 Long Island Avenue, Edgewood, NY 11717 โทรศัพท์ 866-803-9204 หรืออีเมล prospectus-eq_fi@jpmorganchase.com; Morgan Stanley & Co. LLC โดยส่งถึงแผนกหนังสือชี้ชวน ที่อยู่ 180 Varick Street, 2nd Floor, New York, NY 10014; Barclays Capital Inc. โดยส่งถึงแผนก Broadridge Financial Solutions ที่อยู่ 1155 Long Island Avenue, Edgewood, New York 11717 หรืออีเมล barclaysprospectus@broadridge.com หรือโทร (888) 603-5847 และ BofA Securities ที่อยู่ NC1-004-03-43, 200 North College Street, 3rd floor, Charlotte NC 28255-0001 โดยส่งถึงแผนกหนังสือชี้ชวน หรืออีเมล dg.prospectus_requests@bofa.com

แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์เหล่านี้มีการยื่นให้แก่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ หลักทรัพย์เหล่านี้ห้ามขายหรือเสนอซื้อก่อนที่แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์จะมีผลบังคับใช้ ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้ไม่ถือเป็นการเสนอขายหรือการชักชวนให้ซื้อหลักทรัพย์ และจะไม่มีการขายหลักทรัพย์เหล่านี้ในเขตอำนาจศาลใด ๆ ที่การเสนอ การชักชวน หรือการขายหลักทรัพย์เหล่านี้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายก่อนที่จะมีการจดทะเบียนหรือการพิจารณาคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ของเขตอำนาจศาลดังกล่าว

เกี่ยวกับ Fluence

Fluence ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Siemens และ AES คือผู้นำตลาดระดับโลกด้านผลิตภัณฑ์และบริการจัดเก็บพลังงาน และแอปพลิเคชันดิจิทัลสำหรับพลังงานหมุนเวียนและการจัดเก็บพลังงาน เรามีการจัดเก็บพลังงานมากกว่า 3.4 กิกะวัตต์สำหรับใช้งานหรือทำสัญญาในตลาด 29 แห่งทั่วโลก และมากกว่า 4.5 กิกะวัตต์สำหรับพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานจัดเก็บที่พัฒนาหรือทำสัญญาในออสเตรเลียและแคลิฟอร์เนีย บริษัทกำลังช่วยเหลือลูกค้าทั่วโลกในการขับเคลื่อนโครงข่ายไฟฟ้าที่มีความยืดหยุ่นและอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และแพลตฟอร์ม Fluence IQ ที่ปฏิบัติงานด้วยเทคโนโลยี AI

ดูเนื้อหาต้นฉบับที่ businesswire.comhttps://www.businesswire.com/news/home/20210928005673/en/

สื่อ
Edelman for Fluence
Julia Fisher
FluenceMedia@edelman.com

นักลงทุน
Samuel Chong
samuel.chong@fluenceenergy.com

เนื้อหาใจความในภาษาต้นฉบับของข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เป็นฉบับที่เชื่อถือได้และเป็นทางการ การแปลต้นฉบับนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกเท่านั้น และควรนำไปเทียบเคียงอ้างอิงกับเนื้อหาในภาษาต้นฉบับ ซึ่งเป็นฉบับเดียวที่มีผลทางกฎหมาย

The Bangkok Reporter